ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END - [Fic: One piece] คุณป๋าขา มีรักมาเสิร์ฟค่ะ!

    ลำดับตอนที่ #4 : Call : 3 AM.

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 64


     

     

     

     

                มิฮอว์ครู้สึกตัวว่ากำลังมีบางอย่างปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ เปิดเปลือกตาอย่างช้าๆ

    พยายามปรับสายตาหาจุดโฟกัส ครึก ครึก ครึก เตียงนอนขนาดคิงไซส์เกิดสั่นไหวจนเริ่มรู้สึกตัว 

    ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวกวาดมองรอบทิศ สังเกตจากกะละมังเล็กๆข้างหัวเตียงบรรจุน้ำภายในนั้นกำลังสั่นสะเทือน

    ผิวน้ำกระเพื่อม ไม่ใช่แค่เตียงนอนที่กำลัง สั่นราวกับแผ่นดินไหว ราวๆเจ็ดริกเตอร์เป็นอย่างต่ำ 

    ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงกระทบกันทั้งห้อง!          

     

              “ หนีไป ฉันจะถ่วงเวลาไว้ให้ ไปซะ! ” เหลียวมองคนข้างกาย เหมือนว่าหล่อนกำลังละเมอพูดทำลายความเงียบ

    พูดบางอย่างต้องสงสัย สาวน้อยนอนขนาบกาย ขยำมือกำเสื้อเชี้ตสีขาวบนตัวเขาแน่น เหมือนกับกำลังระงับ-

    พลังบางอย่างไม่ให้พลุ้งพล่าน

                ไม่ผิดแน่ หล่อนเผลอปล่อยฮาคิออกมา แม้กระทั่งตอนหลับ ปล่อยออกมาทั้งๆที่ไม่รู้สึกตัวอย่างนั้นหรอ?

    มิฮอว์คสงสัย เขาไม่อาจสามารถอยู่เฉยได้แล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อยู่….ไม่ดีแน่! ช่วงเวลาผ่านไปราวนาทีเศษๆเห็นจะได้ 

    ทุกอย่างเพลาลง แรงสั่นสะเทือนค่อยๆเบาลงจนกระทั่งเหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

                    อันตรายจริงๆ มิฮอว์คถึงกับส่ายหน้า 

    แตะหลังมืออังบนหน้าผาก ตัวหล่อนยังร้อนจี๋ คาดว่าคงได้เวลานำผ้าขนหนูบนหน้าผาก ชุบน้ำอีกครั้ง

    ไม่สิต้องเปลี่ยนน้ำในกะละมังใหม่ ค่อยๆผละหล่อนออกจากร่างกายหนา เขาลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วนอีกครั้งอย่างจำใจ

    หันกลับมองใบหน้าของหล่อน ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาแม้จะให้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าเดียว โครงหน้ารูปไข่ 

    คิ้ว หน้าตา จมูก ปาก ผิวพรรณนวลเนียน บอบบางทุกอย่างลงตัวหมดราวกับภาพวาด 

                  เดาไม่ยากเลยว่าบางทีอาจจะเป็นพวกเชื้อพระวงศ์

    เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์หรือไม่ก็คงเป็นขุนนางจากชนชั้นสูง หยิบกะละมังข้างหัวเตียงเพื่อในไปเปลี่ยนน้ำใหม่

    สำหรับใช้ชุบบิดหมาด วางบนหน้าผากหล่อน

     

     

                “ หนาวจัง ” ร่างบอบบางบ่นอุบ ขยับมือดึงผ้านวมบนตัวขึ้นมากอดแน่นแนบอก

    ประสาทการได้ยินเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากถูกปิดระบบเสียเนิ่นนาน เสียงของหยาดน้ำฝนหล่น

    กระทบกับตัวหลังคา เป๊าะ แป๊ะ เป๊าะ แป๊ะ ยังคงให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเปิดเปลือกตาอย่างช้าๆ

    ปราดมองไปรอบตัว ก็พบว่าหล่อนนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ค่อยๆชันกายลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล

                สถานที่แห่งนี้ไม่คุ้นเอาเสียเลย แถมเสื้อผ้าบางๆบนตัวยัง....ไม่ใช่ของหล่อนอีกด้วย

    ค่อยๆขยับตัวอย่างเชื่องช้า เนื่องจากช่วงแผลตรงหน้าอกยังมีอาการตึงๆอยู่หากขยับมากอาจจะส่งผลเสียต่อแผล 

    ลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนพื้นคฤหาสน์ อย่างน้อยหากออกจากห้องนอน

     คงจะพอนึกอะไรออกได้บ้าง

                เย็นจัง

    เพียงแค่ฝ่าเท้าเหยียบลงพื้นก็รู้สึกเย็นเฉียบจากแผ่นกระเบื้องสุดหรู ค่อยๆก้าวขาออกเดิน พ้นบานประตูห้องแล้ว

    มองกำแพงข้างฝาทั้งสองด้านถูกจัดตกแต่งด้วยกรอบรูปมากมาย กระถางต้นไม้ขนาดพอเหมาะเพื่อเพิ่มความสดชื่น 

    เงยหน้ามองเพดานด้านบนถูกออกแบบตกแต่งได้งดงาม ไม่แพ้กับด้านกำแพงทั้งสองด้าน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วน

    แล้วแต่มีหรูหราสมฐานะ บ่งบอกได้ถึงความชอบ รสนิยมส่วนตัวหรืออุปนิสัยของเจ้าของได้อย่างดี 

    หล่อนใช้ฝ่ามือลูบต้นแขนป้อยๆขับไล่ความหนาวเย็นเนื่องจากฝนตก

     

                เปรี้ยง!

    เสียงของท้องฟ้าคำรามกึกก้อง เหนือคฤหาสน์หลังโตอีกครั้ง ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยงต้องห่อตัวด้วยความตกใจ

    คฤหาสน์เงียบสงัดจนกระทั่งได้ยินแค่เสียงหายใจของตนเอง และเสียงจากหยาดฝนกระทบกับหลังคาจากภายนอก

    ฝ่าเท้าทั้งสองข้างสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน คล้ายแผ่นดินไหว ไม่สิ..เมื่อครู่สายฟ้าอาจจะฟาดลงมา 

    ใส่บางที่เป็นสายล่อฟ้าบนพื้นดิน

     

                ไม่คุ้นเลย ที่นี่ที่ไหนกัน?

    สอดส่องสายตารอบตัว คฤหาสน์หลังโตยามค่ำคืนแทบจะไร้แสงไฟส่องสว่าง

    ให้เห็นทางเดินได้อย่างชัดเจน พอมีแสงจากเทียนไขเล็กๆตั้งตามมุมห้องโถงทางเดินพอเห็นเลือนลาง

     

                มิฮอว์คกลับมาที่ห้องนอนสำหรับรับรองแขก พร้อมกับเปลี่ยนน้ำในกะละมัง ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว 

    เขาเดินช้าๆ วางกะละมังในมือลงข้างเตียง นัยน์ตาคมสีดำพันมองมายังบริเวณเตียงนอนอีกครั้ง ก็ไม่พบร่างของหล่อน 

    ซึ่งคิดว่าจะนอนหลับสนิทราวกับโดนยาสลบช้าง ปลายจมูกโด่งยังพอกลิ่นหอมจากสมุนไพรจางๆจากบนผ้าปู

    ผ้าห่ม ปลอกหมอนหลงเหลืออยู่บ้าง  

                “ แสดงว่ายาดี " ฟื้นตัวไวเชียว ก็คงเพราะราคาเจ็ดหลักนั่นเป็นเครื่องการันตี

    ว่าแล้วเขาก็คงต้องเดินกลับลงไปชั้นล่างของตัวคฤหาสน์ เพื่อตามตัวหล่อนกลับมาที่ห้อง

     

        

               ร่างบางพยายามมองรอบตัวออกเดินอย่างเชื่องช้า เพื่อให้กระเทือนกับบาดแผลบนหน้าอกให้น้อยที่สุด

    ใช้สองมือลูบต้นแขนช้าๆคลายหนาว หากหยิบผ้าห่มบนเตียงติดมือมาคลุมตัวด้วยก็คงจะดี คงไม่หนาวเย็นแบบนี้...

                บรรยากาศก็วังเวงชอบกลแถมยังเป็นช่วงเวลาฝนตกอีกตังหาก!

    อาจจะมีสิ่งเร้นลับ..ซึ่งวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้...โผล่ออกมากระโดดใส่ร้อง แบร่! ระยะประชิด

    ให้หล่อนได้ตกใจกลัว โดยเฉพาะผีแม่ชีใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากเลอะไปด้วยคราบเลือดสดๆ 

    ที่น่ากลัว สยดสยองมากกว่านั้นคือผีดูดเลือดหน้าหยกกำลังแยกฟันเขี้ยวพร้อมขย้ำต้นคอไม่ว่าจะแร่เงิน 

    ไม้กางเขนหรือกระเทียมก็ไม่สามารถต้านทานได้อยู่ (ซึ่งหล่อนกลัวมากที่สุดจากบรรดาหนังผีที่เคยดูมา!)

    ซึ่งเข้ากับธีมในตอนนี้! ร่างบางส่ายหน้าดิก ขับไล่ความคิดชวนสยองพองเกล้าออกไปให้พ้นสมอง

                “ ฮัลโล มะ มีใครอยู่หรือเปล่า? ” หล่อนเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

    พยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอแห้งผาก หากได้น้ำผึ่งผสมมะนาวอุ่นๆจิบสักแก้วก็คงดี แต่ในเวลาคงไม่เหมาะ!

    อย่าแต่หาน้ำผึ่งเดือนห้า และมะนาวเปรี้ยวๆเลย แค่หาน้ำเปล่าดื่มให้ได้ก่อนเสียดีกว่า!

                “ แค่ก “ หล่อนต้องจิบน้ำสักนิดแล้วสิ ว่าแล้วก็ค่อยๆเดินเท้าเปล่า

    พยายามออกเดินหาห้องครัวอย่างรวดเร็ว ขอแค่ได้จิบน้ำให้ดับกระหายก็เพียงพอ

     

                ผลุบ!

    ทันใดนั้นเอง เหมือนมีบางอย่างแล่น ไม่สิเคลื่อนไหวผ่านทางด้านหลังร่างหล่อนไปอย่างรวดเร็ว

    จนต้องหันหลังกลับมองด้วยความสงสัย

                          ว่างเปล่า… ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

                “ ฮัลโล ”  หล่อนเอ่ยปากถาม ไร้เสียงตอบกลับ หล่อนจึงต้องปิดปากนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้น 

    หมุนร่างของตนเองกลับทางเดิม ออกเดินอย่างงงๆเพื่อตามหาห้องครัว สำรวจไปทีละห้องห้องโถงขนาดใหญ่

    ห้องรับรองแขกถูกประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างบุหนังมันวาวอย่างดี บางจุดก็เป็นเครื่องชุดกำมหยี่ แสงไฟสีส้มสลัวๆ 

    น่านั่งพักผ่อนหย่อนใจเหมาะกับบรรยากาศฝนตก เผลอเลียริมฝีปากนึกอยากสูบบุหรี่สักมวน จิบเบียร์เย็นๆสักกระป๋อง

    ให้หายปวดเนื้อเมื่อยตัวก็ดีไม่ใช่น้อย ค่อยๆเดินผ่าน ทีละห้องอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาถึงห้องครัวขนาดใหญ่ 

    หล่อนมุ่งตรงไปที่ตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก เปิดบานประตู้เย็นได้ สัมผัสไอเย็นมาถึงหลังเท้า คว้าขวดน้ำดื่ม

    ขนาดเหมาะมือ ขึ้นมาหมุนเปิดฝาแล้วดื่มทันทีด้วยความกระหาย

                อ่า  สดชื่นยิ่งกว่าซัดกระทิงแดงสองขวดรวด!

    รู้สึกสดชื่นจัง ราวกับว่าเดินเท้าเปล่าเล่นบนทะเลทรายซาฮาร่าอันร้อนระอุ ใบหน้า ร่างกายอาบชุ่มทั่วทั้งตัว

    ด้วยน้ำคราบเหงื่อ ได้รับน้ำดื่มจากโอเอซิลย่อมๆดับกระหายก็มิปาน มือสองข้างสั่นเทาด้วยความกระหาย

    น้ำจากขวดกระฉอกเลอะข้างมุมปากไหลช้าๆเลอะลงบนเสื้อเชี้ตสีขาวตัวบาง แนบสัมผัสผิวกาย

                กึก

    ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าของใครบางคนหยุดอยู่ใกล้ตัว ในระยะบ้วนน้ำลายยังถึง!

    นัยน์ตาสีน้ำเงินกรอกมองด้วยหางตา เหมือนมีเงาบางอย่างอีกฝั่งของบานตู้เย็น! หล่อนหายใจเข้าออก ช้าๆ

    พยายามรวบรวมสติให้กลับเข้าร่าง แตะปลายนิ้วลงบนขอบฝาตู้เย็น ตรงตามสุภาษิตว่า ใจดีสู้เสือ 

                หล่อนตัดสินใจปิดบานประตูตู้เย็นทันที และทันใดนั้น!

     

                “ แว้ก! ” หล่อนร้องเสียงดังด้วยความตกใจ สติหลุด ปล่อยขวดน้ำในมือหล่นหกกระจายเป็นวงกว้าง

    เลอะพื้นครัวเพียงแค่ปิดบานตู้เย็น  ก็พบกับชายร่างสูงโปร่งเกือบสองเมตรยืนอยู่อีกฝั่ง ทันใดนั้นแสงสว่างสีขาว

    วาบกลางท้องนภาเสมือนเป็นไฟฉายกระบอกใหญ่ ส่องให้เห็นทุกอย่างส่องให้เห็นทุกสรรพสิ่งอย่างภายในช่วงเวลาสั้นๆ

    และหายไปในทันใด

                เปรี้ยง!

    ท้องฟ้าคำรามเสียงดังอีกครั้ง

     

                เสี้ยววินาทีที่ท้องนภาสว่างวาบแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ นัยน์ตาสีอำพันประดุจเหยี่ยวคู่นั้น

    สะท้อนแสงท่ามกลางความมืดมิดทั้งดุดัน น่ากลัวภายในคราวเดียว ร่างกายสูงโปร่งเกือบสองเมตร ผิวกายซีดเซียวราวกับ

    ผิวของไข่ต้ม เส้นผม หนวด เคราสีดำสนิท ใช่ เขาเป็นคนที่โอบร่างของหล่อนไว้ในตอนเช็ดตัวเพื่อลดไข้  

                ร่างกายอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามกำยำ สังเกตได้จากเสื้อเชี้ตสีขาวบนตัวที่เขาสวมอยู่

     ปลดกระดุมคอเสื้อ สร้อยคอรูปไม้กางเกงสีทองเห็นกล้ามเนื้อส่วนอกได้อย่างชัดเจน

                “ อย่าเข้ามานะ! ” หลังจากดื่มเอ็มร้อย เอ๊ย น้ำเปล่าก็เริ่มส่งเสียงพูดอย่างฉะฉาน

    แต่อาการปวดหัวตึ๊บๆ จนสมองแทบจะระเบิดนั้นกำลังแทรกเข้ามาแทนที่

                “ เดินคล่องขนาดนี้ นอนต่ออีกสักตื่นพรุ่งนี้คงฟื้นตัวแล้วละ ” เขากล่าวเรียบง่าย

    แล้วเดินเข้ามาส่งฝ่ามือข้างขวาให้ เป็นการเชิญชวนให้หล่อนไปกับเขาอย่างสุภาพ

                “ ไม่! ” หล่อนส่ายหน้าช้าๆ ปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย

    แถมค่อยๆถอนฝ่าเท้าไปด้านหลัง สายตายังจับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจนัก

                “ เดี๋ยวก็เป็นลมไปอีกหรอก กลับขึ้นไปพักเถอะ ” เขากล่อม พูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ

                “ ไม่ไป! ” เก้าเท้าถอยหลังจนแผ่นหลังเล็กๆชนเข้ากับเคาน์เตอร์อเนกประสงค์ไม่ว่าจะทำอาหาร 

    หรือวางอาหารก็ดี ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงกล่องสแตนเลสสำหรับเก็บอุปกรณ์ของมีคม โดยเก็บส่วนคมมีดไว้ด้านใน 

    เหลือเพียงด้ามจัดไว้ด้านบนปากกล่อง เพื่อสะดวกในการจัดเก็บและหยิบนำออกมาใช้

                “ อย่าเข้ามานะ! ” ไม่รอช้าหล่อนดึงมีดเชฟ(สำหรับหั่น)ทำครัวออกมา จับด้ามมีดให้มั่นด้วยสองมือเล็กๆ

    ชี้ปลายมีดไปที่คนตรงหน้าด้วยความสั่นเทา เหมือนอยากจะขู่ว่าจะใช้มีดเชฟนี้เล่มนี้สับ หั่น ตัด แล่ ซอย 

    ให้คนอย่างมิฮอว์คกลัว 

                “ อันตราย วางลงเถอะ!” มิฮอว์คยกมือทั้งสองข้างพยายามปราม พร้อมค่อยๆกล่อมให้หล่อนทำตามคำพูด

    มีดทำครัว ของมีคมทุกอย่างภายในคฤหาสน์ นั้นอันตรายเกินกว่าจะหยิบมาเล่นสนุก!

                “ ไม่! ” หล่อนยืนกรานเสียงแข็ง 

    แสงสว่างจ้าชั่วครู่ เสียงฟ้าผ่าลงมาอีกหน ภาพตรงหน้าของหล่อนคือชายร่างยักษ์ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ 

    เห็นใบหน้าไม่ค่อยชัด เงาสีดำจากตัวของเขากำลังทาบทับตัวหล่อนจนมองอะไรแทบไม่เห็น กลืนกินตัวหล่อน

    เข้าไปกับความมืดมิด มีเพียงแค่ดวงตาสีอำพันคมประดุจเหยี่ยวคู่นั้น ดุดันและน่ากลัวจะหล่อนต้องถอยกรูด

    แผ่นหลังเล็กชิดฝาตู้เย็น


     

              น่ากลัวจังเลย!

    มิฮอว์คไม่อยากพูดเป็นการเหยียดหยามหล่อนหรอกนะ…สภาพของหล่อนไม่ได้ต่างกับลูกแมวตัวน้อยๆ แยกเขี้ยวจิ๋วๆ 

    ส่งเสียงขู่ฟ่อๆ เลียนแบบพวกเสือ สิงห์ พยายามข่มขวัญให้ศัตรูเกิดความหวาดกลัว


     

                ก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายเลยก็แล้วกัน!

    เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มิฮอว์คหมายจะสืบเท้าเข้าไปแย่งมีดทำครัวจากมือหล่อน 


     

                “ บอกว่าอย่าเข้ามาไง! ” หล่อนหวีดเสียงดัง ทำขู่แสดงท่าเหมือนจะแทงเขาด้วยมีดเล่มนั้น แต่ผิดคาด!

    หล่อนเกิดปามีดในมือใส่หน้าเขาเต็มแรง แต่ดูเหมือนว่าจะกะระยะส่วนสูงของเขาผิดไป…….เยอะ

    เจ้ามีดทำครัวขนาดเหมาะมือล่องลอยขึ้นสู่เพดานคฤหาสน์ด้วยความเร็วตามแรง กระทบกับเพดานจนเกิดเสียง

                 ครึก!

    ส่วนปลายแหลมของมีดทำครัวเข้าได้ไปเสียบติดกับเพดานแน่น จนไม่สามารถดึงอกมาได้

    แต่ดูเหมือนว่ามีบางส่วนหลุดออกมา 

                แปะ!

    ด้ามจับทำจากเนื้อไม้ได้หลุดออกมาจากตัวมีด แถมยังหล่นแปะใส่บ่ากว้างของมิฮอว์คอีกตังหาก! 

               ตั้งแต่ลืมตาเกิดมาทั้งชีวิต….ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนใช้ด้ามมีดในการต่อสู้

     ไม่สิต้องเรียกว่าทำร้ายเขาด้วยด้ามมีดจึงจะถูก!

              

     

                “ อีกแล้วนะเพโรน่า บอกกี่ครั้งแล้วว่ามีดทำครัวใช้เสร็จควรล้างทันที! ” ห้ามแช่น้ำเด็ดขาด!

    ดูเหมือนว่ามิฮอว์คจะไม่พอใจกับการทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวของเพโรน่า คงเป็นเพราะแช่น้ำนาน

    จนด้ามจับเกิดหลวมและหลุดออกมาจากใบมีด เขามองด้ามจับหล่นใส่บ่ากว้าง กระเด้งลงพื้นอีกหนึ่งจังหวะ

    นอนแอ้งแม้งแน่นิ่งบนพื้นตรงหน้าระหว่างหล่อนกับเขา

                “ ศพที่แล้วคงชื่อเพโรน่า...แต่ครั้งนี้คงไม่ชื่อลีอาหรอกนะ! ” หล่อนหยุดชะงักกับเหตุการณ์ชั่วครู่

    เผลอทำมีดอาวุธป้องกันตัวเพียงชิ้นเดียวหลุดจากมือไปเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้คงหมดสิทธิ์ในการป้องกันตัว

    ไม่ต่างกับยื่นอาวุธให้ศัตรู ได้แว้งกลับมาทำร้าย เรื่องอะไรคนอย่างลีอาจะยอมกลายเป็นอาหาร-

    ของผีดิบกระหายเลือดตรงหน้า! หล่อนอาศัยจังหวะนี้รีบชิ่งหนีไปซ่อนตัวภายในความมืดทันที

     

                “ ชื่อ ลีอา สินะ ดี! จะได้มีชื่อเรียกกันหน่อย ” อย่างน้อยก็พอจะรู้ชื่อเสียงกันบ้าง 

    จะให้เรียกไอ้ด่าง ไอ้ดำ ก็กลัวจะหาว่าบูลลี่อีก! ยิ่งช่วงนี้กระแสบูลลี่มาแรง สายตาของลีอามองมาทางเขาราวกับว่า-

    เขากำลังเป็นฆาตกรโรคจิต ไม่เฟรดดี้ ครูเกอร์ ก็ เจสัน วอร์ฮีส์กับหน้ากากฮอกกี้ คอยไล่ล่าตามเชือดเหยื่อไปเรื่อยๆ 

    (ค่อยๆไล่ล่าตามเก็บทีละคน)อย่างใดอย่างนั้น  มิฮอว์คปิดเปลือกตาลงแทบไม่ต้องใช้ฮาคิในการตรวจจับความเคลื่อนไหว 

    คงเป็นเพราะกลิ่นหอมบนตัว...แม้จะวิ่งออกห่างไปแล้ว เขาก็ยังได้กลิ่นหอมจางๆจากตัวหล่อนอยู่ดี 

    เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ปลายจมูกยังได้กลิ่นหอมหวานจากกายสาวตลอดเวลา

                ซ่อนแอบอย่างนั้นหรอ? 

                     ก็เอาสิ เล่นด้วยก็ได้!

     

                “ ลีอาไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป! " หล่อนหายใจหอบตัวโยน ซอยขาวิ่งหนีสุดแรงเท่าที่มี ซ่อนตัวหลังกำแพง

    ซึ่งคาดว่าคงเป็นห้องรับแขก  อาศัยพวกหุ่นสวมชุดเกราะนักรบอาวุธครบมือถูกจัดตั้งไว้เป็นของตกแต่งคฤหาสน์

    บดบังร่างกาย  เงี่ยหูทั้งสองข้างอย่างตั้งใจ พยายามฟังเสียงฝีเท้าของเขาตลอดเวลา เสียงหัวใจของหล่อนเต้นโครมคราม 

    แทบจะหลุดออกมานอกหน้าอกคัพซี ลุ้นทุกเสี้ยววินาทีที่ยังไม่ถูกพบตัว ไม่ต่างกับคอยลุ้นหวยของรัฐบาล

    ทุกวันที่หนึ่งและสิบหกของเดือน!

     

                  ต่อก ต่อก ต่อก

    ไม่ทันไรประสาทจากการรับฟังกลับมาทำงานอีกหน หล่อนได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาใกล้เข้ามาทางหล่อนขึ้นเรื่อยๆ

     

              อย่าเผลอกรี้ดเชียวนะลีอา!

    ลีอายกมือปิดปากตัวเองแน่นไม่ให้ส่งเสียง แทบจะกลั้นหายใจด้วยซ้ำ ยืนตัวลีบแอบอยู่ระหว่างหุ่นสวมชุดเกราะสองตัว

    พยายามขยับกายช้าๆ ค่อยๆชะโงกหน้าออกไปดูตรงทางเดิน  เสียงฝีเท้าของเขาเงียบไปแล้วสิ คาดเดาทางได้ยาก-

    ว่าเขาเดินไปในทิศทางไหนของคฤหาสน์

                ไม่มี!

    ไม่มีแม้แต่เงาให้เห็น หล่อนถอยตัวหลบอีกรอบ พยายามหายใจให้ทั่วท้อง ให้เกิดเสียงเบาที่สุด

                ไม่เจอ!

    ลีอาค่อยๆโผล่หน้าไปอีกครั้ง คราวนี้สอดส่องให้ทั่วไม่ว่าจะด้านข้างซ้าย ขวา หน้า หรือด้านบน ถอดหายใจอย่างโล่งอก

    เขาคงเดินไปหาหล่อนตามห้องอื่นแล้วละมั้ง ลีอาวางแผนขั้นต่อไป ถ้าหากฝนหยุดตกแล้วละก็ต้องรีบเผ่น

    ออกจากที่นี่ทันที! ค่อยไปสืบสาวราวเรื่องอีกทีว่าโดนซัดมาอยู่ส่วนไหนของแกรนด์ไลน์  เมื่อวางแผนเสร็จสรรพเรียบร้อย 

    เหลือเพียงคืนนี้จะหลบตัวซ่อนแอบมุมไหน ไม่ให้ถูกจับได้เสียดีกว่า! 

                   แต่จะว่าไปก็ยังมีอีกที่นะ ที่ยังไม่ได้สำรวจ

    เหลือเพียงแค่ด้านหลังของหล่อนซึ่งคิดว่าเป็นกำแพง…เอ่อ ก้อนอิฐ...

               “ ชู่ววว อย่าได้เอ็ดไปนะลีอา! ” เขาเรียกชื่อหล่อน น้ำเสียงทุ้มหนาทรงอำนาจของเขาดังขึ้นข้างใบหูด้านซ้าย

    เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบา จงใจให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น ลีอากรอกตาไปทางซ้าย

    แม้จะไม่ได้หันใบหน้าไปมองเต็มๆก็ตาม  สิ่งแรกที่มองเห็นคือดวงสีดำอำพันสุกสกาว

    แม้จะเป็นในที่มืดมองไม่เห็นแม้แต่เงา!

                “ แว้กกกก ” ชัดเลย! ใช่จริงๆด้วย!

    ลีอาเผลอร้องหวีดเสียงดังด้วยอารามตกใจกลัว เส้นผมยาวสลายดุจเกลียวคลื่นยาวถึงสะโพกชี้ตั้งขึ้นเก้าสิบองศา 

    หดลำคอใบหูชิดกับบ่า  รีบกระโดดออกจากที่ซ่อนราวกับว่ากระต่ายน้อยกำลังตื่นตูมตกใจกลัวถึงขั้นขีดสุด

                “ นี่! ” จับได้แล้ว เขาดึงข้อศอกให้หล่อนหยุดส่งเสียงร้องดังลั่น แต่เหมือนว่ายิ่งการสัมผัสและแตะเนื้อตัว

    บอบบางนั้น ทำให้หล่อนตกใจกลัวมากกว่าเดิม ร่างบางถึงกับเต้นเร่าๆราวกับโดนข้าวสารเสก 

    ด้วยความกลัวถึงขั้นช็อคหมดสติกลางอากาศ  มิฮอว์คกระตุกดึงร่างของหล่อนกลับเข้ามาสู่อ้อมอกอีกครั้ง

                เล่นแรงเกินไปไหมเนี่ย?

     

     

     

    แค่นางนอนของเรา เอ๊ยนางหลับ เฮ้ยนางเอก เอ้ย! ถูกแล้ว! ตื่นมาแค่ช่วงสั้นๆ ก็ป่วนเต็มที่

    ถ้าหากว่าลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งตอนจะขนาดไหนกันละเนี่ย?  

    รู้สึกสงสารป๋าเหยี่ยวจังแหะ

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป….

    1/03/2564

     

                เฮ้อ ตอนนี้ชิวไม่ได้เวิร์คฟอร์มโฮมแล้วนะครับ คิดว่า จะมาอัพให้อ่านกันอีกทีก็คงนาน

     แต่ก็ไม่อยากค้างเติ่งตอนกำลังเข้าสู่เนื้อเรื่องจริงๆจังๆ เพราะกลัวขาดตอน หรืออยู่ในช่วงติดลมบน

     คิดว่าคงมีนักอ่าน(หรือเปล่านะ?) รอตอนนางเอกของเราตื่นขึ้นมา จึงอัพไว้ก่อนล่วงหน้า

    คอมเมนต์ติชมให้กำลังกันได้อีกเช่นเคยนะครับ (พอรู้ว่ามีคนคอยเวลาหาย…จะได้ไม่หายไปนาน)

     

                ขอบคุณครับ

                 นายชิว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×