ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END - [Fic: One piece] คุณป๋าขา มีรักมาเสิร์ฟค่ะ!

    ลำดับตอนที่ #10 : Call : Beauty and a beast.

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 65



     

    " ไปกันได้หรือยัง? "


     

              Sometimes you gotta be a beauty and a beast. 

                                            บางครั้งก็ต้องเป็นทั้งโฉมงามและอสูร


     

                 มิฮอว์ครีบรี่เข้าตัวเมืองยามเช้า พับแขนเสื้อขึ้นเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ผิวได้รับแสงแดดอ่อนๆ

    ยามเช้าตรู่แน่นอนว่าวิตามินดีนั้นร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ พอให้เห็นตลาดนัดตั้งแผงขายพวกของสด

    เช่น พวกเนื้อสัตว์หมู ไก่ เนื้อวัว ปลาทะเลนานาชนิด ผักสด ผลไม้ย่อมๆ ร่างสูงโปร่งเดินผ่านตลาดอย่างว่องไว

    เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ดวงตาสีอำพันกวาดมองตลอดทางเดิน ผู้คนเริ่มส่งเสียงฮือฮากับการมาของเขา

    อีกอึดใจเดียวเท่านั้น  เดินเลี้ยวมุมถนนได้ก็เจอกับร้านกาแฟสด แม้จะไม่ค่อยเด่นเตะตา

               เนื่องจากป้ายหน้าร้านเป็นมีขนาดเล็กๆไม่ได้ใช้สีฉูดฉาดมากนัก ส่วนมากเวลาที่ประตูร้านถูกผลักให้เปิดหรือปิด

    มักจะได้กลิ่นหอมของกาแฟคั่วบด ลอยออกมาด้านนอกด้วย ราวกับว่าเป็นการเรียกให้ผู้คนเดินผ่านไปมา

    หน้าร้านได้แวะพักจิบกาแฟดีๆสักแก้วและขนมเค้ก เบเกอร์รี่อีกสักชิ้น ก็สามารถเป็นมื้ออาหารดีๆได้อีกมื้อ

    แน่นอนละว่ารสชาติกาแฟนั้นใกล้เคียงกับมือของเขามากที่สุดซึ่งก็มีอยู่เพียงไม่กี่ร้าน  

     


     

    “ สวัสดีครับ อ่า ก็นึกว่าใคร ” บารีสตาเอ่ยทักทาย พร้อมรอยยิ้ม ขณะที่สองมือกำลังเช็ดทำความสะอาดแก้ว

    กาแฟด้วยผ้าสะอาด

    “ แล้วคิดว่าใครละ? ” อาคันตุกะมาเยือนถามกลับ

    ร่างสูงโปร่งเกือบสองเมตรเดินพ้นประตูเข้ามาได้ นั่งลงตรงเก้าอี้หน้าบาร์ตรงข้ามบาริสต้าหนุ่ม 

    ‘ยังอยู่อีกหรอชิว?’ มิฮอว์คเรียกชื่อเจ้าหนุ่มตรงหน้า

    “ ยินดีต้อนรับครับ กงยู เอ้ย มิฮอว์ค ” บาริสต้าเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง

     ‘ที่เห็นนี่คือวิญญาณ’ ชิวตอบอย่างอารมณ์ดี ‘ส่วนกายหยาบนั้นไปหมดแล้ว ว่าแต่ สบายดีนะครับ?’

    “ ก็อย่างที่เห็น เหมือนเดิมนะ ” กาแฟเข้มๆ อาคันตุกะสั่งกาแฟทันทีเมื่อมาถึง

    เลี่ยงจะไม่ตอบคำถามหรือหาทางออกที่ดีที่สุด แล้วค่อยสั่งกาแฟเป็นการปิดการสนทนา

    มิฮอว์คเลือกมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้ บาริสต้าหนุ่ม รูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน เสื้อเชี้ตสีขาว 

    กางเกงยีนส์พอดีตัว สวมผ้ากันเปื้อนเนื้อดีสีน้ำเงินเข้มพับแขนเสื้อขึ้นใต้ศอก เพื่อความคล่องตัว อวดช่วงทอนแขน

    ทั้งสองข้าง เต็มไปด้วยรอยสักแนวโอ-สคูล หลากหลายรูปแบบ สีสันสดใส

                 ส่วนเรื่องใบหน้าก็ขาวตี๋สไตล์ สีผมแฟชั่นจี๊ดจ๊าดแล้วแต่อารมณ์ เทาบ้าง ฟ้าบ้าง 

    บางหนก็สีชมพูพาสเทลคล้ายๆเพโรน่า เรียกได้ว่ามาทีไรไม่เคยเห็นซ้ำกันสักครั้ง ถือว่าเป็นการเรียกแขกได้อย่างหนึ่ง

    แน่นอนละว่าแค่หน้าตาอย่างเดียวไม่พอ แต่ฝีมือของเจ้าบารีสตาเพื่อนร่วมโลกนั้นจัดได้ว่าพอตัว 

    เป็นตัวตายตัวแทนของเขาได้เลย มิฮอว์คเลือกที่นี่ ร้านกาแฟเล็กๆ เปิดประตูเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟคั่ว

    ฟุ้งไปทั้งร้านให้ผ่อนคลายทางอารมณ์ ตกแต่งแนวมินิมอลเน้นโทนขาวสะอาดตาไว้ก่อน 

                จัดตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เรียบง่ายแต่ดูโก้ สบายต่อสายตา 

    เสียงเพลงบรรเลงนั่นก็ช่วยให้ร้านไม่เงียบเหงาเหมาะสำรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ หากว่ามาช่วงสามทุ่ม 

    จากร้านคาเฟ่จะกล้าเป็นร้านนั่งชิล (โดยเดินขึ้นชั้นสองของตัวร้าน)ก็จะเปิดเป็นบาร์สำหรับนั่งชิว ยิ่งมาในช่วงศุกร์ เสาร์

    อาทิตย์ แนะนำให้ขึ้นชั้นดาดฟ้า (ต้องรีบจับจองที่นั่งเพราะเต็มแล้วเต็มเลยไม่มีการสำรองไว้ )มีที่นั่งชิลพร้อมรับชม

    รับฟังดนครีโฟล์คซองพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ได้เกือบรอบเมืองในแบบสามร้อยหกสิบห้าองศา

    ยิ่งเป็นคืนวันอาทิตย์จะเป็นเจ้าของร้านมาเล่นเอง บางทีก็พาเพื่อนมาอย่างกันครบวงแน่นอนละครับ

    ว่าจะเป็นชาวร็อคมารวมตัวกันที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น ACDC GNR ฯลฯไปจนถึงเพลงเบาๆ จวบจนสามารถร้องเพลงตามได้

    แบบคลอๆไปกับนักร้อง เช่น OASIS ชิว บาริสต้ารูปหล่อ ความจำและไหวพริบดีเกินกว่าคนปกติรุ่นเดียวกัน 

    พ่วงอีกตำแหน่งคือเจ้าของร้านไม่เข้ามาจู้จี้จุกจิก หรือถามอะไรมากความแนวๆสอดรู้สอดเห็น สร้างความรำคานใจ 

    ดังนั้นมิฮอว์คยิ่งเลือกที่จะตัดสินใจมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้ เปลี่ยนบรรยากาศโดยเฉพาะไม่ต้องเห็นใบหน้าสวยๆ 

    เพื่อให้ลืมเรื่องของเมื่อคืน ...ระหว่างเขากับลีอา แต่ก็ไม่สามารถต้านทานไหว

     

                “ ทำไมไม่ล็อคประตูห้อง! ” มิฮอว์คพ่นลมหายใจออกมา 

    ขณะกำลูกบิดเพื่อหมุนเปิดบานประตูห้องนอนของแชงคูส ซึ่งตอนนี้ยกให้เป็นห้องพักของลีอาชั่วคราว

                “ ห้องไม่ได้ล็อคนะคะ ” เสียงกระซิบแผ่วเบาของหล่อน

    นั้นก็เชิญชวนให้เขาต้องขึ้นมาบนห้องอย่างเสียไม่ได้จริงๆ ดวงตาสีอำพันจับจ้องมองไปยังเตียงนอน 

    แม้จะยังไม่ได้เปิดไฟให้สว่าง ยังพอมีแสงไฟสีส้มสลัวๆ จากโคมไฟหัวเตียงพอให้เห็นเป็นลางๆ

    มิฮอว์คขยับกายเข้าไปยืนใกล้ นั่งลงบนขอบเตียงลอบมองใบหน้าของคนหลับไม่ได้สติ

                หญิงสาวนอนหลับตาพริ้ม เส้นผมยาวสยายบนหมอน ซุกใบหน้าลงบนหมอนหนุน แม้จะเหลือเสี้ยวหน้าเล็กๆ

    ก็ไม่ได้หลบซ่อนความงดงามนั้นไว้อย่างมิดชิด เจ้าคอเสื้อเปิดแนบลงไปบนหน้าอกอวบอูม

    กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามกลไกจังหวะการหายใจอย่างปกติ

     

                มิฮอว์คส่งปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมสีดำเหลือบน้ำเงินเข้ม ปกปิดใบหน้างามของหล่อนออกช้าๆ

    แล้วค่อยๆทัดปอยผมกับด้านหลังของใบหู ลากปลายนิ้วสัมผัสลงบนแก้มเนียนใส จรดนิ้วหัวแม้มือลงบนปลายคาง

    ส่วนอุ้งมือหนาและนิ้วมือทั้งสี่วางลงบนลำคอเล็กๆ คล้ายกำลังวัดชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจของหล่อนอยู่

             ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา หรือจะเป็นมาดอนน่าของหนุ่มๆ ของหล่อนนั้นเกิดร่องรอยบาดเจ็บ

    ดูจากรูปการแล้วคงน่าจะเป็นการตบสั่งสอนมากกว่า แค่รอยฟกช้ำธรรมดาใช้เวลาไม่นาน ไม่นานเกินสัปดาห์

    ก็คงหายเป็นปกติหากหมั่นดูแลหมั่นประคบน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้างามของลีอาหรือว่าจะเป็นเรือนกาย

    สุดแสนจะเย้ายวนใจ ก็ไม่ควรจะได้รับร่องรอยบาดแผลหรือบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียวสักนิดเดียว!

     

               “ ขอโทษนะลีอา ถ้าฉันเดินตามไป...เรื่องคงไม่เกิด ” มิฮอว์คพูดความในใจออกมา

    โดยเฉพาะแววตาสีอำพันเกิดสั่นไหว แสดงออกทางสายตาให้อ่านออกได้ง่าย หากเป็นไปได้หรือมีโอกาสได้แก้ตัวอีกครั้ง

    เขาจะไปกับหล่อนในทุกๆที่ที่หล่อนอยากไปไม่ว่าจะเดินเลือกซื้อเสื้อผ้า เขาก็จะคอยช่วยถือถุงกระดาษพะรุงพะรัง

    พวกนั้นให้ หรือว่าจะเป็นพวกเครื่องสำอางก็จะให้ลองสีของรองพื้นบนหลังมือ หรือจะเป็นสีของลิปสติก

    เพื่อเลือกเฉดที่หล่อนชอบ หลังจากนั้นค่อยพาไปทานอาหารอร่อยๆก่อนเดินทางกลับเกาะคุไรกานะ 

    หวังว่าจะพาหล่อนมาเปลื่ยนบรรยากาศ

                  พัง ทว่ากลับพังไม่เป็นท่า เขาดันทำทุกอย่างพังไม่เป็นท่า!

    และยิ่งตอกย้ำให้มิฮอว์ครู้สึกแย่มากไปกว่าเดิม ลีอาเป็นคนเงียบพูดเฉพาะเท่าที่อยากพูด 

    แน่นอนว่าหล่อนเลือกที่จะไม่พูด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนในช่วงที่แยกกับเขา

                  ผิดกับเพโรน่า! รายนั้นพูดไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดง่ายๆด้วย 

    ต่อให้ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างก็มิอาจะหยุดได้  เถียงคำไม่ตกฟาก! คำพูดคำจาไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่! แถมยังเอาแต่ใจตนเอง

    ไม่สนใจหรือแคร์ความรู้สึกของคนอื่นอีกตังหาก ราวกับว่าโลกทั้งใบหมุนอยู่รอบๆตัวของเพโรน่า!ซึ่งมันไม่ใช่! 

                 มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเดินทางออกจากเกาะคุไรกานะอย่างเร่งด่วน ขากลับไม่มีขนมโดยเฉพาะทรงกลม 

    มีรูตรงกลางของโปรดเพโรน่าติดไม้ติดมือกลับมาฝากหล่อนสักชิ้น! เชื่อเถอะเพโรน่าถึงกับกอดอกแน่น 

    ทำแก้มป่องพองลมทั้งสองข้าง แสดงอาการไม่พอใจออกมาให้เห็นอย่างไม่ปิดปังเสียด้วย

     

    “ ชิ! ไหนละของฝาก! ” เพโรน่าทวงถามหาของฝาก ซึ่งไม่ได้ฝากเงินซื้อกับมิฮอว์คอย่างหน้าตาเฉย

    “ ฉันไปทำธุระ ไม่ได้ไปเที่ยว! ” มิฮอว์คตอบกับทันควัน แน่นอนว่ารีบไปรีบมา

    “ แค่โดนัทเองนะ ” เขารู้ว่าเธอชอบ นอกจากโกสปริ๊นส์เซสแล้ว ก็มีอีกชื่อนึงให้เรียก เพโรน่าสายหวาน

    ชอบทุกอย่างที่เป็นของหวาน! กินหวานติดหวานเป็นชีวิตจิตใจราวกับว่าชีวิตนี้ขาดหวานไม่ได้!  

    มิฮอว์คได้ออกเดินทางไปต่างเมือง แต่ไม่ยักจะมีของติดไม้ติดมือ เช่น ขนมโดนัทร้อนๆกลับมาให้เห็นสักกล่อง!

    “ ถ้าอยากกินขนาดนั้นนักก็เข้าครัวไปทำเองสิ ไข่กับแป้งก็มี ” มิฮอว์คตอบกลับแบบตัดความรำคาน 

    และแน่นอนว่าไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงหวีดร้องตามมาเมื่อจบประโยค

    “ กรี้ดดดด ” เพโรน่าซอยเท้ากระทืบพื้นห้องรับแขกรัวๆ ยิ่งรองเท้ารองเท้าบูทพื้นหนาสีแดงแปร๊ด

    จนเกิดเสียงดังตึงตัง เมื่อไม่ได้ดั่งใจ

     “ ก็แค่โดนัทเองเนี่ยนะ! ” ร้องซะเหมือนผีเข้า! มิฮอว์คจงใจพูดประโยคก่อนหน้าของเธอ 

    ก็แค่ขนมโดนัทเคลือบไอซ์ซิ่งเยอะๆ หรือราดซอสเลี่ยนๆไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้นเลย! ทำกินเองได้ง่ายๆด้วยซ้ำ!

    แถมอีกอย่างในห้องครัวมีวัตถุดิบ อุปกรณ์เครื่องมือในการทำขนมอย่างครบถ้วน ไม่เห็นต้องซื้อให้เปลืองเงินนักเลย!

     


     

            ดวงตาสีอำพันจับจ้องมองใบหน้างามอีกครั้งในระยะใกล้เพียงหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆโน้มตัวลงช้าๆทีละนิด

    จรดริมฝีปากกดจูบข้างขมับของหล่อนอย่างแผ่วเบา เพราะกลัวหล่อนตื่นหรือรู้สึกตัว ราวกับว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

     ซึ่งเขาพอจะมีโอกาส.... มิฮอว์คก็อยากจะเก็บ ตักตวงความรู้สึกนั่นไว้...

             มันคงไม่มีอีกแล้ว...ที่เขาจะสามารถแตะเนื้อต้องตัวของหล่อนได้อีก

                     ไม่สิคนอย่างเขามันจอมฉวยโอกาสมากกว่า

    หากว่าเป็นยามที่หล่อนตื่นหรือปรือตามองอย่างมีสติครบถ้วน กลไกในการป้องกันตัวของหล่อนทำงาน 

    ไม่ว่าจะปัดป้องมือของเขาออก หรืออย่างน้อยๆใบหน้าหล่อๆของเขา คงโดนหล่อนตบหน้าเข้าใส่อย่างฉาดใหญ่-

    จังเบอร์เร้อ เพื่อเรียกสติให้กลับเข้าร่าง


     

              หล่อนฟื้น ตื่นลืมตาแล้ว... ก็คงจากไปเหมือนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา

     
     

                “ เอสเพรสโซ่ สำหรับคนเข้มๆอย่างคุณมิฮอว์คครับ ” ชิววางเสิร์ฟแก้วกาแฟให้ 

    เหมือนว่าลูกค้าคนแรกของวันยังคงนั่งนิ่ง โดยเฉพาะสีหน้านิ่ง คิ้วขมวดเป็นปมซึ่งทำให้เขาเกิดลังเลและไม่แน่ใจ

    ว่าควรจะพูดซ้ำอีกทีดีหรือไม่

                 “ ตาลอยเพราะนอนน้อย แต่ใจลอยเนี่ยคิดถึงใครอยู่หรือเปล่าครับ? ” บาริสต้าประจำตัวตัดสินใจเอ่ยทัก

    อีกหนอย่างรู้เท่าทัน กับอาการของชายตาเหยี่ยวตรงหน้า  ดูจากใต้คาที่ดำคล้ำจากการอดนอนแล้ว 

    และกลิ่นลมหายใจอุ่นๆที่ลอยจากอีกฝั่ง พอได้กลิ่นของแอลกอฮอล์เจือจางเล็กน้อย

                “ ฟุฟุ  อารมณ์ดีจริงๆนะ อีกสักชอตสิ แล้วก็ห่อขนมนั่นมาด้วย ” มิฮอว์คถึงกับหลุดขำ

    กับคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้าหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อย ปลายลิ้นสัมผัสกับรสชาติเข้มข้นจากเมล็ดกาแฟคั่ว

    บดอย่างดี จนต้องเอ่ยปากสั่งเพิ่มอีกแก้ว ไม่ทำให้เขาผิดหวังอีกเช่นเคย แล้วก็ชี้นิ้วสั่งให้ห่อเจ้าขนม 

    จากตู้เค้กใส่กล่องติดไม้ติดมือกลับไปฝากลีอาด้วย

               ชิว บาริสต้าหนุ่มคารมคมคายไม่เบาชวนให้สาวๆหลง ช่างสังเกตุไม่เปลี่ยน 

    และที่สำคัญคือเรื่องของไหวพริบที่เกินอายุตัว

               “ ได้ครับ ” ชิวพยักหน้าส่งยิ้มเหมือนเช่นเคย ใจจริงก็อยากชวนหรือถามไถ่เกี่ยวกับเพโรน่าด้วยเช่นกัน

                ‘วันนี้ไม่มีบอดี้การ์ดตามมาด้วยหรอครับ?’ บาริสต้าหนุ่มอยากถามไถ่ เลือกใช้คำพูดโดยเลี่ยงการพูดชื่อ

    คาดเดาว่ามิฮอว์คคงเข้าใจกับประโยคที่เขาได้สื่อถึงเพโรน่าแม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ต้องเก็บคำถามนั้นไว้ในใจ

    เพราะดูท่าทางของหนุ่มใหญ่ตรงหน้าแล้ว...ไม่ถามจะดีเสียกว่า หันตัวกลับไปชงเอสเพรสโซ่ให้มิฮอว์คอีกชอต

    และรีบจัดการห่อฮันนี่โทสใส่กล่องให้อย่างดี

     

                อย่างน้อยทั้งความร้อนและรสชาติเข้มข้นของเอสเพรสโซ่ ช่วยขับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือดได้อยู่บ้าง 

     แถมพอช่วยทุเลาเรื่องของอาการแฮงค์ได้เล็กน้อย

                สร่าง! ใช้ได้!

    ออกจากร้านกาแฟได้มิฮอว์ค ชูกล่องฮันนี่โทสในระดับสายตาด้วยความไม่แน่ใจ

                ลีอาชอบของหวานหรือเปล่านะ? 

    เรื่องนี้เขาไม่เคยถามหล่อนเลยสักครั้ง ไม่สิเขาไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับตัวของหล่อนเลย ... (รู้เพียงแค่หล่อน

    กลัวแมงมุม...) หรือเรียกง่ายๆว่า...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!

                หากว่าหล่อนไม่เเตะของหวานเหมือนเขาขึ้นมาละ?

                    กล่องฮันนี่โทสในมือนี่...ถึงกับหมันเลยนะ!      

    กับอีกคำถามที่ยังค้างคาใจอยู่นั้น... สายตาคมกริบสีอำพันเห็นบางอย่างคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    มิฮอว์คกำลังจะกลับไปที่เรือเรด ฟอร์สอีกครั้ง แต่ต้องชะงักหยุดปลายเท้า เขาเห็นลีอาวิ่งสับขาผ่านหน้า

    ห่างจากตัวเขาไปอีกสองช่วงตึกโดยเฉพาะวิ่งเข้า ออกพวกร้านคลับบาร์ ที่ยังไม่เปิดทำการเป็นว่าเล่น!

     

                “ เหล้าหมดแล้วหรอคะ? ” ลีอาปรี่เข้าถามผู้ชายตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ทันทีเมื่อมาถึง

                “ ฮื่อ พวกกลุ่มผมแดงมาเหมาไปหมดเลย ” เขาให้คำตอบหล่อน แล้วค่อยหันไปสนใจอย่างอื่นต่อ

                “ ขอบคุณค่ะ ” ลีอากล่าวขอบคุณและเดินออกนอกร้านด้วยสภาพไหล่ทั้งสองข้างตก หูลู่

    นี่เข้าร้านบาร์สิบที่แล้วนะ และได้คำตอบเดิมๆเหมือนทุกๆบาร์ที่เข้าไปถามหา 

               ใช่ พวกโจรสลัดผมแดงมาเหมาไปหมดแล้ว!

                ไม่มีเหลือสักที่เลยหรือไง? ชักอดสงสัยไม่ได้เลยว่าพวกสมาชิกลูกเรือกลุ่มผมแดงเขาดื่มกันอย่างจริงจัง

    ชนิดที่ดื่มแทนน้ำเปล่าหรือนำไปเททิ้งกันอย่างไร?  หล่อนอยากจะซื้อเหล้าดีๆ หรูหราสักขวด

    เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับอาหารและที่พัก ตามที่ เอส 'หมัดอัคคี' เคยบอกไว้  (ซึ่งเป็นการธรรมเนียมของโจรสลัด

    รุ่นโบราณ มักขอบคุณกันเช่นนี้) ลีอาก็ไม่ปฏิเสธกับวิธีการขอบคุณนี้ หล่อนมองว่าก็คลาสสิกเหมือนกัน 

    ดังนั้นวิธีนี้น่าจะดีที่สุด!

                “ หิวเหล้าแต่เช้าเลยหรอน้องสาว? ” เสียงของชายวัยกลางคนทักทาย

                “ ไม่ใช่เรื่องของคุณค่ะ ” เผือก! ในใจของลีอาอยากตะโกนตอบประโยคหลังเต็มเสียง

    หล่อนหันมองต้นตอของเสียง แค่นส่งรอยยิ้มบาดใจซึ่งคิดว่าชายใดได้เห็นถึงกับต้องระทวย

    ชายวัยกลางคนไว้ผมทรงโมฮ็อก ถ้าหากว่านึกไม่ออก โปรดนึกถึงหงอนไก่แต่เป็นสีบรอนด์ทอง 

    หน้าตาเต็มไปด้วยรอยแผลคาดว่าคมเป็นพวกของมีคมและการแต่งตัวจิ๊กโก๋ไม่สิ  ขอเรียกว่ากุ๊ยท่าจะเหมาะสมกว่า! 

    มันผิวปากแซววี้ดวิ้วใส่หล่อนตบท้ายเพื่อเรียกร้องความสนใจจากลีอา

                 “ ที่บ้านของฉันหน่ะมีเหล้ายี่ห้อดีๆอยู่นะ  ” ว่าแล้วมันก็ลุกแล้วเดินตรงดิ่งมาทางหล่อน

    แล้วก็โอบแขนรอบลำคอลีอาอย่างถือดี

                “ เชื่องกับเราหน่อยเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวได้อักเสบกันพอดี! ” ไม่ได้มีแค่คนเดียว ทว่าเหมือนจะเป็นขบวนการ

    ผู้ชายทรงเอ ทรงกุ๊ยและทรงโจรอีกสี่คนตามเข้ามาสมทบ ล้อมรอบตัวหล่อนไว้เพื่อปิดทางไม่ให้หนีแล้วสิ

                “ จะไม่ทำให้ช้ำเลย! ” ชายผิวหมึกโผล่มายืนตรงหน้าแถมเลิกชายเสื้อขึ้น

    เพื่อโชว์ให้ลีอาทราบว่า พวกเขามีปืนนะ หล่อนควรจะเงียบไว้และทำตามที่พวกเขาสั่งจะดีกว่า

                “ เอาไว้เล่นสงกรานต์หรอ? ” แค่ปืนกระบอกเล็กๆแค่นั้นมาทำขู่ “ แต่น่าเสียดายนะ..

    ฉันโตพอที่จะเลิกเล่นมันแล้ว ” ลีอาพูดต่อแบบไม่สนสี่สนแปด ว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน 

    ซึ่งหล่อนนั้นได้ตกเป็นต่อกับพวกมัน

                “ ลองฟังดูสิ ” ว่าใช่ของเล่นหรือไม่

    ไม่ว่าเปล่าชายผิวหมึกล้วงปืนขึ้นจากขอบกางเกง ชูสุดแขนแล้วกดลั่นไกปืนทันที

     

                ปั้ง!

    เสียงกระสุนนั้นลั่นออกจากรังเพลิง ผ่านปากกระสุนขึ้นด้านบน

     

                “ เสียงดังฟังชัดซะด้วยสิ ” เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาจากหน้าผากมนของลีอา

    มันไม่ได้ขู่! ถ้าหากว่าหล่อนยังยึกยักแกมกวนประสาทเช่นนี้อยู่ ลูกตะกั่วอีกนัดส่งจากรังเพลิงได้เข้าฝังหน้าผากหล่อนแน่ๆ

                “ เดินไปดีๆ ดีกว่าเนอะ ” เจ้าผมบรอนซ์หงอนไก่กระซิบให้หล่อนฟัง ก่อนจะเป็นฝ่ายดึงให้หล่อนออกเดินตาม

    ลีอาจำใจต้องเดินตามไปอย่างสามารถขัดขืนได้ อย่างน้อยอาจจะมีเหล้าติดมือกลับมาสักขวด


     


     

                “ ที่นี่เองหรอ? ” ลีอาหยุดยืนเงยหน้ามองเพดานด้านบนเห็นเป็นหอระฆังขนาดใหญ่สีซีดจากกาลเวลา

    ห้องแถวโทรมๆแหงนหน้ามองก็พบว่าเป็นตึกสูงนับได้ห้าชั้น ชั้นล่างทำจากคอนกรีตแน่นเนื้อหนา

    เพื่อรองรับน้ำหนักของทั้งหมดโดยเฉพาะตัวเสาขนาดใหญ่เท่าสามคนโอบ เพื่อรับน้ำหนักของตัวตึก

    ส่วนชั้นสองถึงชั้นบนสุด ทำจากไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลาเดินย่ำ ที่ไม่รู้ว่าจะพังถล่มลงมาเมื่อไร 

                “ ไม่มีเหล้าสินะ ” หล่อนมองบนโต๊ะกลมทำจากไม้เนื้อแข็งด้วยแววตาเซ็งๆ

    โต๊ะทานอาหารเต็มไปด้วยซากจานหลากหลายรูปทรง กระจัดกระจายเลอะไปด้วยคราบอาหารแล้วก็แก้วเหล้า 

    ขวดเหล้าเปล่าระเนระนาดเลอะเทอะไปหมด

                “ ใช่ ไม่มี! ไม่มีให้หรอกนะ นังลำยอง! ” เจ้าผมหงอนไก่ตอบแล้วหัวเราะคิกคัก

    กับความใสซื่อและเชื่อคนง่ายของหญิงสาวหน้าสายในวงแขน พวกเขาชวนหล่อนมาทำอย่างอื่นมากกว่า!

                “ อ่ะๆ อย่าเรียกว่าลำยอง โปรดเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาดองดีกว่า เอาล่ะ มีสองอย่างให้พวกแกเลือก 

    ขอโทษ หรือ ขอโทษ ” ไอ่เราก็หลงดีใจ นึกว่าจะมีเหล้าไปฝากคุณแชงค์ เพื่อเป็นการตอบแทนและขอบคุณ 

    ปรายตามองพวกกุ๊ยห้าตัวแล้วค่อยคำนวณร่างกายของตนเอง

                  ใช่ ร่างกายของหล่อนกำลังฟื้นตัวราวๆสามสิบเปอร์เซ็นเท่านั้น!

    ยังมีอาการตึงๆจากแผลช่วงหน้าอกอยู่ ไม่ควรออกแรงเยอะหรือขยับร่างกายมาก ไม่อย่างนั้นปากแผลได้เปิดอีกแน่ 

    และจะรักษายาก ที่โหดร้ายไปกว่านั้นคืออาจจะเกิดรอยแผลเป็นไปชั่วชีวิต!

                     ถ้าหากว่าเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลบนใบหน้าหรือจะตามร่างกายกลับเป็นเหรียญกล้าหาญ

    เชิดชูเกียรติ และแบดบอยเร้าใจพอกรุบกริบ แต่น่าเสียดายลีอาเพศสภาพโดยกำเนิดคือผู้หญิง จิตใจก็เช่นกัน

    ดังนั้นแล้วพวกรอยแผลนั้น ไม่ต่างอะไรกับตำหนิ เป็นมลทินทำให้เรือนกายอันสวยงามต้องด่างพร้อย 

    บนใบหน้านี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะต้องพบเจอผู้คนมากมาย(เป็นจุดขายของหล่อน)

    หากบนร่างกายสามารถสวมเสื้อผ้าปกปิดจุดนั้นๆไว้ แต่ก็มิวายหาทางลดรอยพวกนั้นจางหางไปไร้ร่องลอย

            ถ้าเหลือรอยน่าเกลียดๆแบบนี้...คงได้อดใส่ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นสวยๆแน่  ไม่ยอมเว้ย เรื่องอะไรล่ะ!

     

    “ มีแต่ให้ขอโทษอย่างเดียวนี่หว่า! ” หนึ่งในนั้นตริตรองคำพูดของลีอา

    “ ใช่ๆ ” 

    “ ใครจะไปขอโทษกันเล่า มีแต่จะขอบคุณ! มามะ มาสนุกกันดีกว่าน่า ”

    “ ถือว่าเลือกแล้วนะ ” ลีอาพูดด้วยเสียงเซ็ง คิดเสียว่าพวกมันตัดสินใจเลือกจบชีวิตตัวเอง 

    กลายเป็นผีเฝ้าหอระฆังแห่งนี้

     

     

                  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบดำทอเป็นประกายนักล่าขึ้นมาชั่วครู่ ใช้ฝ่ามือข้างขวากระชากลำคอ

    จิกลงส่วนลูกกระเดือกของเจ้าผมหงอนไก่แล้วออกแรงเหวี่ยง ให้อีกฝ่ายใบหน้ากระแทกอัดกับโต๊ะอาหาร

    ทำจากไม้เนื้อหนา จานบนโต๊ะระเนระนาดหล่นกระเด็นแตกเต็มพื้น แค่นั้นไม่พอเกิดเสียงดังสนั่น

    ร่างของมันเองก็ล้มลงด้วยเช่นกัน 

                “ ไม่ใช่มะม่วงก็ร่วงได้นะจ๊ะ ” ร่วงไปหนึ่ง!

    ลีอาพูดเสียงนิ่งแล้วมองหาคนต่อไปและเริ่มออกลายทันที!

                   ได้อาละวาดสักที!

     

               และแล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นภายในชั่วพริบตา การไล่เชือดปลิดชีวิตพวกกุ๊ยเดนมนุษย์ทีละคนอย่างเลือดเย็น

    โดยที่ลีอาไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีแมลงโทรสาร(ตัวผู้)ชนิดที่สามารถถ่ายทอดสด เก็บภาพเคลื่อนไหว และส่งสาร(ไปให้ตัวเมีย) 

    คล้ายกับการไลฟ์สดไปยังแมลงอีกตัวซึ่งจะเป็นตัวรับภาพ หลบซ่อนในมุมอับสายตา รับประกันความชัดแจ๋ว

    ของตัวภาพไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันแปดสิบพี

    “ ไม่เลวแฮะ! ” ยาซปมองการเคลื่อนไหวของลีอาถึงกับเอ่ยปากชม

    “ เร็วจนมองแทบไม่ทัน! ” ลัคกี้ หม่ำเนื้อในมือสองครั้งติดแล้วมองหน้าจอภาพ

     ยัยหนูลีอาเคลื่อนที่ไวและการโจมตีนั้นแม่นยำ

    “ คุ้นๆอยู่นะ ” เบน แบ็คแมน พ่นควันบุหรี่ออกจากปอด ผ่านทางริมฝีปาก โดยเฉพาะท่ากระโดดเตะของลีอา 

    จัดได้ว่าคุ้นอยู่มาก ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นท่าทางแบบนี้ได้จากที่ไหนสักแห่ง คงต้องใช้เวลาทบทวนสักระยะ!

    “ สุดยอดเลย! ” เคลื่อนไหวกลางอากาศราวกับผีเสื้อสยายปีก 

    ทว่าการโจมตีนั้นดุดันแถมหนักหน่วงราวกับเหล็กกล้า แชงคูสยกนิ้วโป้งซูฮกให้ ยิ่งมองเห็นแววตาของลีอา ดวงตาคู่นั้น

    ว่องไวเหนือคนปกติ แถมยังสามารถรับรู้ทิศทางการต่อสู้ของอีกฝ่าย เพียงแค่หล่อนล้วงมือทั้งสองข้าง

    เก็บใส่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างถอนฝ่าเท้า ถอยหลังหลบซ้ายทีขวาทีได้อย่างสบายๆ

              ที่สำคัญคือหล่อนคิดหากลยุทธ์ในตอบโต้ การโจมตีเป็นสเต็ปและเรียงลำดับขั้นตอนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ  

                  รูดม่านสีแดงสดปิดฉากจบลงได้อย่างสวยงาม!


     

        มืออาชีพ!

    แชงคูสบอกได้ประโยคเดียว แม่หนูลีอาที่เขาหมายตาไว้นั่นไม่ธรรมดาจริงๆเสียด้วยสิ! 


     


     

               “ แฮ่ก แฮ่ก ข ขอโทษ ” พวกเดนมนุษย์นอนราบกับพื้น เงยหน้ามองใบหน้าสุดแสนงดงามของเทพธิดา

    มุมของแสงอาทิตย์ส่องรอดเข้ามาจากภายนอกกระทบกับร่างของลีอา เป็นภาพขาวดำ ใช่ ครึ่งหนึ่งเห็นปีกนกสีขาว

    สะอาดขนาดใหญ่ อีกส่วนด้านมืดมุมอับของแสงเผยให้เห็นเงามืดทะมึนปีกค้างคาวจากด้านหลัง

    ไม่ต่างกับร่างเป็นซาตานตัวร้าย มันพูดไม่เป็นศัพท์พร้อมกับส่งเสียงอ้อนวอน ขอความเห็นใจ

    จากผู้พิพากษาตรงหน้า พยายามชูแขนข้างขวาที่พอจะใช้ได้ขึ้นมาเพื่อสั่งห้ามไม่ให้ลีอาลงมือ

                “ สายไปแล้วละ ” มาเปลี่ยนใจอะไรในตอนนี้!

    ลีอาหยุดปลายเท้า ห่างจากใบหน้าของมันเพียงแค่หนึ่งก้าว เสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิต 

    มันได้เห็นแล้วว่าตัวเองทำอะไรผิดไม่ว่าจะผิดของเรื่องศีลธรรมก็ดี จริยธรรมก็ดีภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาไม่รู้จักจบจักสิ้น

                พวกมักรวมกลุ่มกันใช้กำลังบังคับข่มขู่ ขืนใจโดยเฉพาะกับพวกเด็ก ผู้หญิงไร้หนทางสู้

    ส่วนมากมักเลือกหน้าตาดีไว้ก่อนและต้องอยู่คนเดียว พวกเขารู้ดีว่าพวกผู้หญิงเหล่านั้นไม่อาจจะสู้

    หรือต่อกรรีบมือกับพวกเขาได้แน่ พอได้ย่ำยีอะไรๆเสร็จสมดั่งใจในสิ่งที่พวกมันปรารถนาเสร็จ 

    พวกเธอหมดผลประโยชน์แล้ว หลังจากนั้นส่งขายให้กับพวกเอเย่นค้ามนุษย์ เพื่อส่งขายผู้หญิงทอดตลาดเหล่านั้น

    ไปที่เกาะชาบอนดี้ศูนย์รวมแหล่งค้าทาส

                ผิด...รู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด ก็ยังจะลงมือทำ...

    มันหลับตาลงแล้วกลั้นใจ ความงดงามที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังทวงความยุติธรรมให้กับพวกผู้หญิงเหล่านั้น...

    มันก็ร้องขอชีวิตเหมือนกับที่พวกเธอร้องขอ ทว่าพวกมันไร้ซึ่งความเมตตา สูญเสียความเป็นคนไปหมดแล้ว

    จึงปฏิบัติกับพวกเธอไม่ต่างจากสัตว์และแน่นอนว่าตอนนี้มันกำลังได้รับผล 

                   ซึ่งเรียกว่ากรรมนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต

     

                “ ถ้าเวรกรรมไม่ตามสนอง ฉันยินดีจะทำหน้าที่นั้นแทนให้! ” ลีอาส่ายหน้า

    แล้วรวบแรงเรี่ยวแรงทุกส่วนในร่างลงไปที่ขาข้างซ้าย กระทืบฝ่าเท้าเต็มแรง

     

                โครม!

    ความรุนแรงนั้นนั้นเล่นเอาคอนกรีตเสริมใยเหล็กของตัวพื้นชั้นล่างแหลกละเอียด ยุบตัวลงครึ่งเมตร 

    ส่งผลให้พื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับตัวตึกห้องแถวห้าเกิดสั่นไหวเกิดเสียงดัง คล้ายแผ่นดินไหว

     

                พรึ่บ!

    ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายเต็มหน้าจอกว้าง ก่อนที่ตัวภาพจากแมลงโทรสารถูกตัดไปกลายเป็นสีดำ

    คาดว่าน่าตึกห้องแถวนั้นน่าจะถล่มลงทับถมลงมาเป็นชั้นๆ กลายเป็นเศษซากคอนกรีต 

    ซึ่งทำให้ลัคกี้ไม่ต้องเข้าไปทำลายหลักฐานหรือเข้าไปเก็บแมลงโทรสารตัวนั้นออกมา 

    ลีอาได้ทำลายหลักฐานชิ้นนั้นให้อย่างเรียบร้อย

       “ อะไรกัน? ” มิฮอว์คคาดว่าตนตามมาติดๆ ไล่แผ่นหลังของลีอา

    แต่ยังทิ้งระยะห่างไว้ ยืนมองจากด้านนอกได้แต่ตกใจกับเสียงดังโครมใหญ่ ไม่ทันไรบานประตูหน้าสีซีด ถูกผลักเปิดออก

    พร้อมกับร่างของลีอา เนื้อตัวสะอาดสะอ้านไร้ร่องรอยบาดเจ็บ!

                “ คุณป๋าหนูกลัวจังเลย ” ลีอาเห็นมิฮอว์คอยู่ตรงหน้ารีบโผเข้ากอดเขาอย่างหน้าตาเฉย

                “....” ไร้ซึ่งคำพูด

    บานประตูนั้นปิดตัวลงไวกว่าที่มิฮอว์คจะมองเห็นบรรยากาศด้านในได้ทัน 

    ไม่สิต้องเรียกว่าลีอาเบี่ยงเบนสายตาของเขาไว้ จงใจเข้ามาโผกอดเรียกร้องให้เขาสนใจหล่อนแทนด้านในนั่น!

    “ ป่านนี้ผมแดงรอแย่แล้ว ” มิฮอว์คแงะมือของลีอาออกจากรอบลำคอ

    เมื่อรู้ว่าช่วงแผงอกอัดด้วยมัดกล้ามของเขานั้นได้สัมผัสถึงความนุ่มหยุ่นจากตัวหล่อนเต็มๆ

     “ กลับไปทานข้าวกับคุณแชงค์กันดีกว่าค่ะ ” ลีอาคลายอ้อมกอด

    แล้วเปลี่ยนเป็นควงแขนของมิฮอว์คแทน แน่นอนละกล้ามเนื้อส่วนไบเซป(ต้นแขนด้านนอก)

    ของเขานั้นก็ยังรับสัมผัสความนุ่มหยุ่นจากเนื้อตัวหล่อนอยู่ดี!

                “ แล้วก็แวะร้านดอกไม้ด้วย ” ลีอาหันมาคลี่ยิ้มให้แล้วออกเดินนำอย่างไม่รู้สึกรู้สา

    แถมยังแพลนว่าจะไปไหนต่อไหนกับเขาอีกหลายที่

                “ ลีอา ” มิฮอว์คเรียก

                “ ค่ะ? ” ลีอาชะงัก

                “ ปล่อย! ” หล่อนเกาะแกะเขามามากพอแล้ว!

    เสียงทุ่มหนาทรงอำนาจ โดยเฉพาะดวงสีอำพันของเขาจับจ้องมองมายังใบหน้าหล่อน

    แววตาคู่นั้นแทบจะกินเลือดกินเนื้อ เป็นสัญญาณเตือนให้ลีอาถึงไม่อยากปล่อย...ก็ต้องปล่อยมืออยู่ดี

     

                “ ค่ะ ” ก็ได้... ลีอายอมปล่อยมือแถมขยับกายถอยหายจากมิฮอว์คหนึ่งช่วงแขน

    ไม่ทันไรร่างสูงโปร่งของมิฮอว์คเริ่มขยับปลายเท้า แล้วหันหลังเดินจากหล่อนไปอย่างไม่ใยดี

     

     

                นั่นสินะ... หล่อนคงสำคัญตัวผิดไป... ขยับปลายเท้าออกเดินตามแผ่นหลังของมิฮอว์ค

    โดยทิ้งระยะห่างเกือบหกเมตร บอกตามตรงเลยว่าหล่อนไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดเดินใกล้ หรือจะเทียบเคียงกับเขา

    ได้เลยด้วยซ้ำ! ทุกช่วงฝีเท้าที่มิฮอว์คออกก้าวเดินเรียกให้สายตาทุกคู่ หันมองแทบจะเป็นตาเดียวกัน

                ใบหน้าหยกของมิฮอว์คตีหน้านิ่งคิ้วขมวด แถมยังแผ่รังสีอัมหิตออกมาตลอดเวลา

    ทั้งดุดัน เยือกเย็น แช่แข็งทุกคนด้วยสายตาคมกริบดุจเหยี่ยวคู่นั้น หากให้เปรียบเทียบคงไม่ต่างอะไรกับพระเอก

    ละครหลังข่าว ใช่ เขาคงเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง ส่วนตัวของหล่อนคงเป็นเจ้าหญิงแหละ เจ้าหญิงวุ่นวาย...ก็น่ารักดีนะ

                ถ้าหากว่ายิ้มแย้ม เพิ่มความเป็นมิตรโดยเฉพาะกับสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ก็คงดี 

    ผู้คนที่พบเห็นไม่ต้องเกร็งเป็นท่อนไม้กันขนาดนี้ ยิ่งสีหน้าเหวอเหลอหรายิ่งกว่าเห็นผีทั่งที่ยังเช้าตรู่

               ชาวบ้านทั่วไปมองด้วยแววตาหวาดกลัวตัวสั่นขวัญผวา หากว่าเป็นสาวน้อยหรือจะรุ่นใหญ่ 

    เก้งกวางต่างพากันหลอม(ใจ)ละลายกลายเป็นไอ รวมถึงลีอาด้วยกับสายตาคู่นั้น! 

                ลีอารู้ดีถึงสถานะอันไม่สู้ดีของมิฮอว์คในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะอดีตเจ็ดเทพโจรสลัด 

    แต่อย่าลืมว่ามิฮอว์คยังดำรงตำแหน่งนักดาบผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่นะ!

                ส่วนตัวหล่อนนั้น...ถ้าไม่นับเรื่องชาติตระกูลก็คงจะพอฟัดพอเหวี่ยงได้อยู่

    แต่เรื่องอื่นนั้นไม่มีอะไรเทียบเคียง หรือจะสูสีกับเขาได้สักอย่างเลยด้วยซ้ำ!

     

     

                “ ดอกไม้หน่อยไหมจ๊ะแม่หนู? ” แม่ค้าขายดอกไม้แผงลอยเอ่ยเรียกลูกค้าผ่านหน้าร้าน

    ลีอาถึงกับต้องหันมองร้านดอกไม้อีกครั้ง

                “ ถามได้นะ ” คนขายพูดต่อ

                “ ทานเข้าหรือยังคะ? ” หล่อนถาม

                “ ฮ่า ฮ่า แม่หนูก็ตลกดีนะ ป้าทานเรียบร้อยแล้วจ๊ะ ช่วงนี้ลูกค้าเงี๊ยบเงียบ 

    วันนี้ป้ารีบทาน รีบมาตั้งร้านเลยนะ ” แม่ค้าหุ่นอวบอั๋น สวมเสื้อผ้าสีสดใสขายดอกไม้ถึงกับหลุดขำ 

    แม้จะเป็นคำถามง่ายๆ แต่ก็เมดมายเดย์ให้เธอได้อย่างดี

                “ ป้าละอยากให้เจ้าเดธช็อตมาที่เกาะนี้จัง ” ไม่อยากจะหวังลมๆแร้งๆจากการเสี่ยงดวง

    เรื่องหวยเฉพาะวันที่หนึ่งและสิบหกของเดือน แต่ก็อยากให้มีคนช่วยจุนเจือ โปรยเงินไปทั่วเกาะ

     ทั่วเมืองช่วยค่าอาหารสักมื้อ เล็กๆน้อยๆหน่อยก็ยังดี 

                “ ทำไมละคะ? ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีหรอคะ? ”

                “ แหมหนู! ก็รู้ๆกันอยู่นะ พวกกองทัพเคลื่อนไหวผ่านที่เกาะนี้บ่อย สองสัปดาห์ก่อนนี้ก็ไปที่เกาะร้างนั่น

    เพื่อปราบชายตาเหยี่ยวเหมือนจะไม่สำเร็จนะ พวกเรือรบแตกเป็นเสี่ยงๆ ทหารลอยคอว่ายน้ำตีขาป๋อมแป๋ม

    กลับแทบไม่ทันเชียว ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบแถมทำมือป้องปาก กลัวคนอื่นมาได้ยินเรื่องซุบซิบนี้

                “ แบบนี้ก็ไม่ค่อยมีเรือผ่านมาที่เกาะนี้นะสิ ” ลีอาเข้าใจในสิ่งที่แม่ค้าดอกไม้สื่อ ทางกองทัพเคลื่อนไหวแบบนี้

    คงไม่มีใครกล้าผ่านหรือใช้เส้นทางเดินเรือเดียวกับพวกกองทัพ เพราะกลัวติดร่างแห ลูกหลงจากการต่อสู้ด้วย

                “ ฉันก็อยากเจอเดธช็อตเหมือนกันค่ะ เอาดอกกุหลาบช่อนึงละกัน ”

    ลีอายิ้มให้ แล้วชี้นิ้วไปที่ดอกกุหลาบสีแดงสดตรงหน้า บอกให้แม่ค้าช่วยจัดช่อให้อย่างสวยงาม

     

                “ ไปกันได้หรือยัง? ” เสียงทุ้มทรงอำนาจดังขึ้นอีกครั้ง โดยไร้ซุ่มเสียง ลีอาถึงกับสะดุ้งเฮือก 

    สะบัดหน้ามองคนข้างกายอีกครั้ง ไม่รู้สึกตัวถึงการมาของมิฮอว์คเลยด้วยซ้ำ มิฮอว์คเดินไปไกล 

    เริ่มรู้สึกถึงการเดินของลีอา นอกจากก้าวขาช่วงแล้วแถมยังเดินๆหยุดๆ หล่อนทิ้งช่วง 

    จงใจเว้นระยะห่างจากตัวเขามากจนเกินไป หรือหันกลับมาคงจะพ้นสายตาของเขาแล้ว 

    พอหันหลังกลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นร่างของหล่อน

                ยังจะเถลไถลที่ไหนอีก?

    มิฮอว์คตัดสินใจต้องเดินย้อนทางเดิมกลับมา กวาดสายตาแทบทุกตารางนิ้วเพื่อมองหาหล่อน 

    เขามองลีอายืนหลังคุยกับแม่ค้าร้านดอกไม้ เขาไม่ชอบทานเผือก ไม่ได้อยากสอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน

                  แต่ประสาทการรับฟังทั้งสองข้างได้ไวเกินกว่าคนทั่วไปจะได้ยิน

    เกิดจากการฝึกร่างกายอย่างหนักหน่วงตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ เขาได้ยินบทสนทนาทุกอย่างระหว่างลีอา

    กับแม่ค้าร้านดอกไม้ครบทุกคำ!

     

                “ ช ชายตา ย ยะ เหยี่ยว ” แม่ค้าเจ้าของร้านดอกไม้ถึงกับมือสั่น ใบหน้าซีด

    เงยหน้าขึ้นมาก็พบร่างของชายเจ้าของบทสนทนายืนอยู่ตรงหน้า

                “ ไม่ต้องทอน ” เขาหยิบช่อดอกกุหลาบออกจากสองมืออวบอูม

    ยัดเงินใส่มือให้กับแม่ค้าดอกไม้จำนวนหนึ่ง แล้วส่งดอกช่อดอกกุหลาบให้ลีอาถือแล้วเดินดุ่มๆจากไป  


     

                     คำก็เดธช็อต สองคำก็เดธช็อต แถมยังอยากเจอเจ้าเดธช็อตอะไรนั่นอีก!

     กว่าจะรู้สึกตัวได้ว่าทำอะไรตามอารมณ์มากเกินไปซึ่งผิดวิสัย นิสัยตัวตนเดิมอย่างมากก็ต่อเมื่อรู้สึกเจ็บบริเวณฝ่ามือหนา

    เส้นประสาทช่วงฝ่ามือกำลังต่อต้าน ส่งสัญญาณเตือนให้เจ้าของร่างคลายมือจากการกำมือแน่น 

    จนเห็นเส้นเลือดผุดขึ้นบนหลังมือ แถมยังเป็นเวลานานแทบจะเกิดเหน็บชา จนกระทั่งเล็บจากนิ้วมือทั้งห้านั้น

    กำลังทิ่มแทงอุ้งมือหนาด้วยความโกรธ

     


     

    พบคนคลั่งรักแล้วหนึ่งอัตรา!
     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

    28/4/2564


     

    เป็นพระเอกที่เขียนฟิคได้ยากอีกคนจริงๆ (ปาดเหงื่อ)


     

                       ยาวหน่อยนะครับตอนนี้  เพราะคิดว่าต้องหายไปนานแน่ๆ จึงรีบชิงลงก่อนวันศุกร์

               ส่วนคำผิดเอาไว้ก่อนละกัน ว่างๆจะกลับมาแก้ เกลาสำนวนให้ดีกว่าเดิม

         ไม่ต้องงงนะครับ เปลี่ยนชื่อเรื่องด้วยเพื่อความเป็นศิริมงคล...แต่เนื้อหาความสนุกยังคงเดิม ไร้สาระอีกเช่นเคย

       (เพิ่มเติมความเกรียน)

                    รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ

                                นายชิว

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×