Halloween : คุณแมรี่ - Halloween : คุณแมรี่ นิยาย Halloween : คุณแมรี่ : Dek-D.com - Writer

    Halloween : คุณแมรี่

    Holloween fiction contest ปี 2

    ผู้เข้าชมรวม

    1,047

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    1.04K

    ความคิดเห็น


    16

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ต.ค. 53 / 10:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เดี๋ยวค่อยเขียนล่ะกัน ยังมิว่าง - - ...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      คุณแมรี่

       

                  เหตุผลในการเลือกโรงเรียนของคุณคืออะไร? คุณภาพการศึกษา สภาพแวดล้อม หรือว่าค่าใช้จ่าย...

       

      เหตุผลของผมอยู่ในหมวดสภาพแวดล้อม จะอากาศดีมีทุ่งหญ้าสายลมพัดผ่านหรืออยู่กลางกรุงเต็มไปด้วยกลิ่นท่อไอเสียรถยนต์ก็ช่าง แต่ต้องใกล้บ้านนั่งรถต่อเดียวถึง การเดินทางจะได้สะดวกสบาย อีกอย่างผมเองไม่อยากเป็นเด็กประจำมาอยู่หอนอนโรงเรียนด้วย และข้อที่สอง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มีข้อแรกด้วย นั่นก็คือ...  ต้องไม่มีผี

       

                  หา? ผิดรึไงเล่า ก็คนมันกลัวนี่นา คนไม่เคยเจอไม่รู้หรอก... ผมเองก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน  แต่เพราะงั้นมันถึงได้น่ากลัวไงเล่า! เข้าใจไหมผีน่ะมันมองไม่เห็นจับต้องก็ไม่ได้ แต่มันกลับหลอกหลอนเราได้ น่ากลัวไหมล่ะ!

       

                  รู้หรือเปล่าว่าโรงเรียนน่ะเป็นสถานที่สุดฮิตที่ผีจะมาอาศัยอยู่เลยนะ บางโรงเรียนผีเฮี้ยนยิ่งกว่าป่าช้าซะอีก แล้วผมน่ะห้อยพระไม่ได้เพราะเป็นพวกผิวบาง เสียดสีอะไรหน่อยก็แดงเป็นผื่นแล้ว ลองคิดดูสิว่าคนกลัวผีและซึ่งไร้สิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองอย่างผมต้องมานั่งแก้งานอยู่คนเดียวในช่วงที่ทุกคนกลับบ้านกันไปหมดแล้วน่ะจะรู้สึกยังไง

       

      โรงเรียนช่วงเย็นย่ำ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตู เสียงกึกกักเวลาหน้าต่างโดนลมพัด เงาวูบไหวที่ระเบียงทางเดิน ความรู้สึกที่เหมือนมีใครบางคนเดินตามอยู่ข้างหลัง สายตาปริศนาที่คอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้เพียงคนเดียว...

       

      นี่แค่จินตนาการนะ... ขนลุกซู่เลย

       

      อย่างที่บอกไป ผมไม่ถูกกับสิ่งที่เรียกว่าผีอย่างแรง ถ้าไอ้งานบ้านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนาคตทางการศึกษา ป่านนี้ผมวิ่งแจ้นกลับบ้านไปนานแล้ว ถึงได้คำรับประกันจากพ่อกับท่านผู้อำนวยการโรงเรียนมาแล้วว่าที่นี่ไม่มีผีก็เถอะ แต่ใครจะรู้ พวกเขาอาจจะยังไม่เคยเจอเลยคิดว่าไม่มีก็ได้ ขนาดผมไม่เคยเจอยังคิดว่ามันมีเลย

       

      ว่าแต่... งานผมยังแก้ไปไม่ถึงไหนเลยนี่นา ปัดโธ่ แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับเนี่ย

      โครม!

       

      อยู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผาง หัวใจผมแทบจะวิ่งทะลุกำแพงออกไปทันที สองขาเตรียมจะโกยแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นคนเข้ามาผมก็โล่งอก ดีนะที่ยังตั้งสติทัน ถ้าเผลอแหกปากวิ่งออกไปคงอายเขาตายเลย

       

      เธอเดินลั้ลลาไปรอบๆ ห้อง พร้อมฮัมเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน อันที่จริงก็ไม่ได้สังเกตเท่าไหร่หรอกนะว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่เห็นแว้บๆ ว่าผมยาวแล้วก็ใส่กระโปรง คงไม่ใช่พวกลักเพศชอบแต่งหญิงหรอก เสียงเธอเวลาฮัมเพลงก็ฟังดูใสๆ  ชวนเคลิ้มดีอยู่นะ แต่...

       

                  "นี่ไปเดินเล่นที่อื่นได้ไหม ฉันไม่ค่อยมีสมาธิ"

       

                  เธอสะดุ้งแล้วหันมามองผม สีหน้าดูตกใจพิกล

       

      "นายเห็นฉันด้วยเหรอ?"

       

      อ้าว ก็เห็นกันโต้งๆ อยู่นี่ไม่ใช่รึ จะว่าไปก็แปลกดีนะ สมัยนี้มีคนแต่งชุดกระโปรงบานๆ แบบนี้ด้วย แถมปักลายลูกไม้อีกต่างหาก อย่างกับลูกสาวของขุนนางฝรั่งช่วงสงครามโลก... มันจะแปลกเกินไปรึเปล่า?

       

                  หน้าตาก็น่ารักดี อายุก็น่าจะไล่เลี่ยกับผม แต่ชุดแบบนั้นไม่น่าจะใครใส่แล้วนะ มีโมเดลลิ่งมายืมสถานที่ถ่ายแบบในโรงเรียนหรือไง รึว่าจะเป็นโจร? ห๊ะ เกิดมารู้จักแต่โจรใส่สูท เพิ่งเคยเจอโจรใส่กระโปรงขุนนาง "เธอเป็นใครน่ะ แล้วเข้ามาได้ยังไง"

       

                  สาวน้อยตรงหน้าผมอมยิ้มแล้วตอบอย่างร่าเริง "ฉันเป็นผีจ้ะ"

       

                  อ้อ แหมแล้วไปนึกว่าโจร... เอ๋?

       

                  "เอ่อ... ขออีกรอบ เธอเป็นอะไรนะ?"

       

                  "ผีจ้ะ"

                  ผมชี้ไปที่ตัวเธอเพื่อความมั่นใจ ซึ่งเธอก็พยักหน้ากลับมาอย่างไม่ลังเล

       

                  ดิส อิส อะ ผี?

       

                  เอี๊ยะ!!! ผมดีดตัวกลิ้งหลุนๆ ไปหลังห้อง พยายามแนบให้ชิดผนังเพื่อให้ห่างเธอมากที่สุด มือมันเริ่มเย็นเฉียบเหงื่อเม็ดเป้งไหลมาที่ข้างขมับ ผมไม่เชื่อ มันไม่จริง ผีมันต้องแวบไปแวบมาให้เราตกใจก่อนสิ แบบนี้มันข้ามขั้นนี่หว่า

       

                  "ทำอะไรของนายน่ะ ตลกจัง"

       

                  "ผ...ผีงั้นเรอะ ที่นี่ไม่มีผีไม่ใช่รึไง"

       

                  "อุ๊ยตาย พ่อคนอ่อนต่อโลกไปโดนใครปั่นหัวมาล่ะจ๊ะ" เธอหัวเราะคิก แล้วเริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วเหาะเข้ามาหาผมแบบแนบชิดจนแทบจะหายใจรดกัน  หาที่ที่ไม่มีผีก็เหมือนถามว่าที่ไหนไม่มีคนแหละจ้ะ พวกเราอยู่ทุกที่ เพียงแค่เธอไม่เห็นเท่านั้นเอง

       

                  ...เข้าใจ แต่ออกไปก่อนได้ไหมจะช็อกตายอยู่แล้ว

       

                  "...ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันยอมทุกอย่าง อย่าทำอะไรฉันเลยนะ" ผมยกมือไหว้ท่วมหัว แต่เธอดูจะงงๆ ซะมากกว่า ชั่วแวบหนึ่งเหมือนผมจะเห็นเธอยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา เล่นเอาผมเย็นวาบไปทั้งตัว

       

                  "ก็ได้ๆ... ฉันจะปล่อยนายไป แต่นายต้องช่วยฉันหนึ่งอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนตกลงไหม"

       

                  "ด... ได้ๆ ได้สิ"

       

                  เธอยิ้มแล้วเสกตุ๊กตากระต่ายสีชมพูตัวหนึ่งขึ้นมากอดไว้และกระโดดหมุนตัวไปรอบๆ ผมเหมือนเป็นเพื่อนเล่น... แต่ไอ้เจ้าตุ๊กตานั่นออกจะแปลกสักหน่อยที่ตรงที่...

       

                  "นี่คือคุณแรบบิทกระต่ายแสนซน วันนี้เขามีงานเลี้ยงน้ำชากับคุณเท็ดดี้หมีสุภาพบุรุษตอนหกโมงครึ่ง แต่อย่างที่นายเห็น คุณแรบบิททำแขนกับขาหายไปเลยไปงานเลี้ยงน้ำชาไม่ได้ สิ่งที่นายต้องทำก็คือตามหาแขนกับขาของคุณแรทบิทที่อยู่ในโรงเรียนนี้ให้เจอก่อนหกโมงครึ่ง"

       

                  เธออธิบายแล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูผม

       

                  "ถ้านายหาไม่เจอ คุณแรบบิทจะโกรธมาก... นายคงรู้ใช่ไหมว่าจะได้บทลงโทษอะไร"

                 

                  แหม แจ่มแจ้งเลยจ้ะ...

       

                  "จากนี้นายมีเวลาหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีในการตามหาแขนขาคุณกระต่าย ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็เรียกฉันได้นะ" เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะค่อยๆ ลอยทะลุขึ้นไปบนเพดาน

       

                  "เฮ้... ด... เดี๋ยวสิ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ"

       

                คนที่นี่เรียกฉันว่าคุณแมรี่

       

                  นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน... ห้องเรียนถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบอีกครั้งหนึ่ง สมุดงานผมยังคงกางอยู่บนโต๊ะ ประตูห้องปิดสนิทราวกับเมื่อครู่มีได้ใครเข้ามา ทุกอย่างจะดูปกติมากถ้าหากไม่มีตุ๊กตากระต่ายสีชมพูไร้แขนขาวางอยู่ตรงหน้าผม

       

                  เกมเริ่มขึ้นแล้ว...

       

                  บ้าเอ๊ย! แล้วจะให้ไปตามหาที่ไหนล่ะ โรงเรียนกว้างอย่างกับทุ่งหญ้าสะวันน่า อย่าว่าแต่หาของเลย ให้เดินทั้งวันยังไม่ทั่วแล้วจะไปหาแขนขาตุ๊กตาจากไหนเล่า งานก็ยังไม่เสร็จ... ไอ้งานมันเกี่ยวพันกับอนาคตก็จริง แต่ที่ผมกำลังเจอมันเกี่ยวกับชีวิต เพราะงั้นงานน่ะช่างมันก่อน แขนกับขาคุณแรบบิทอยู่ไหนฟะ!

       

                  ผมลองค้นในห้องดูก่อนเพื่อมีหลงๆ อยู่แถวนี้แต่ก็ไม่เจอ เอาล่ะสิ ไม่มีเบาะแสอะไรสักอย่างไอ้ผมก็ไม่ได้มีพ่อหรือแฟนเป็นนักสืบเสียด้วย

       

                รู้ไหมใช่ไหมว่าจะโดนอะไร

       

      ตูเกลียดประโยคกำกวมแบบนี้ที่สุด... ตอนที่ผมกำลังจะหัวโขกหน้าต่างเพื่อว่าตัวเองจะตื่นขึ้นมา ผมก็ได้เห็นอะไรบางอย่างสีชมพูกำลังลอยอยู่ในสระ ใช่แน่! ต้องใช่สิ ขืนไม่ใช่ผมก็ตายพอดี ผมรีบคว้าไอ้เจ้าตุ๊กตากระต่ายแล้ววิ่งลงจากตึกไปที่สระน้ำ และความจริงที่น่าสลดก็ปรากฏแก่สายตา ประตูลวดเหล็กมันล็อก! ล็อกหาหอกอะไรก็ไม่รู้ แต่มันไม่เกินความสามารถของผมที่ถูกปลุกขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดหรอก อีแค่รั้วสูงสองเมตรกว่าๆ น่ะกระจอก กำแพงโรงเรียนสูงกว่านี้ยังปีนหนีมาแล้วเลย

       

                  พอเข้ามาได้ผมถอดเสื้อทิ้งแล้วกระโจนลงสระทันที ไอ้ชิ้นส่วนนั่นก็ลอยอยู่ซะกลางสระ ทันทีที่คว้ามาไว้ในมือได้ผมก็โล่งไปเปราะหนึ่ง และว่ายกลับไปที่ขอบสระ แต่รู้สึกตัวมันหนักขึ้นยังไงไม่รู้ ที่ขาก็ไม่รู้มีลื่นๆ อะไรติดมา สงสัยสาหร่าย...

       

                  สาหร่ายในสระ...

       

                  สาหร่ายบ้านแป๊ะสิ! ผมก้มไปดูใต้น้ำ สิ่งที่เห็นประจักษ์คือ มือ มือ มือ และก็มือ โคตรพ่อโคตรแม่มือ มือใครนักหนาก็ไม่รู้สีขาวๆ ผุดอยู่ในสระ โบกไสวไปมาเหมือนพืชทะเล พวกมันส่วนหนึ่งกำลังแห่มาจับขาผมไว้ ตัวผมจมลงไปทันทีแต่ยังพยายามตะเกียดตะกายสุดฤทธิ์ ตอนนั้นเองที่มีอีกมือหนึ่งยื่นมาจากด้านบน ผมคว้าไว้ทันที มันจะมือใครไม่รู้แหละ แต่ผมไม่ขอไปอยู่กับมือสาหร่ายด้านล่าง

       

                  ผมถูกดึงพรวดขึ้นมาจากน้ำ และลงไปนอนแผ่หลาหอบแฮ่กอยู่กับพื้น ชิ้นส่วนที่ได้ยังอยู่ดี รู้สึกจะเป็นแขนมั้ง ข้างไหนไม่รู้แหละ แต่ได้มาแล้ว

       

                  "นายเก่งกว่าที่คิดแฮะ" เห็นไหมคุณแมรี่ยังชมเลย...

       

                  "แว้กกก!" ผมเด้งตัวไปชิดกำแพง คุณแมรี่ยังคงนั่งหัวเราะเยาะผมอยู่ที่ข้างสระ

       

                  "ร้องอะไรของนายน่ะ ตลกจัง" เธอหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนจะลุกขึ้นและลอยออกไป "หาเร็วๆ ล่ะ นายอีกเวลาอีกชั่วโมงเดียวนะ"

       

                  บางทีผมก็แอบคิดนะ... ผีบางตัวน่าหมั่นไส้มากกว่าน่ากลัวเสียอีก

       

                  ผมลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า เอาชิ้นส่วนที่ได้ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงไว้แล้วปีนออกทางเดิม คราวนี้ผมมีเบาะแสที่น่าสนใจ เมื่อกี้ยัยผีคุณแมรี่ลอยออกไปทางตึกเรียน เข้าไปที่ชั้นสอง ซึ่งที่ตรงนั้นเป็นห้องพักครู สำหรับผมที่กำลังจนตรอกสุดๆ มันก็น่าที่จะลองไปดู

       

      เปิดประตูผาง ผมเดินจ้ำอ้าวไล่ค้นทุกลิ้นชัก ก้มดูตามซอกหลืบไรอย่างถ้วนถี่ ตามปกติผมคงไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ อย่างนี้หรอก เพราะถ้าถูกจับได้คงโดนมิใช่น้อย แต่เอาสิระหว่างตายกับตัดคะแนน ชีวิตคนไม่มีอายุให้หักด้วย ตายแล้วตายเลย

       

                  เจอแล้ว!” ผมโดดตัวลอย คราวนี้หาเจอง่ายๆ เลยแฮะ ซ่อนอยู่ในถังขยะนี่เอง... แต่เอ๊ะ  มันจะง่ายไปรึเปล่าแค่เอาไว้ในถังขยะเนี่นะ ทันทีที่คิดได้ประตูก็กระแทกปิดดังโครม ผมเก็บหัวใจที่ร่วงไปอยู่ตาตุ่มและรีบวิ่งไปที่ประตู ผมลองทั้งบิดทั้งกระแทกแต่ไร้ผล มันไม่ได้ล็อกแต่เปิดไม่ออก บ้าจริง...

       

                  ผมหันไปดูนาฬิกาในห้องตอนนี้หกโมงแล้ว ความมืดเริ่มเข้ากระชับพื้นที่ท้องฟ้าด้านนอก และนั่นหมายความว่าเวลาของผมก็ใกล้หมดลงแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงคว้าเอ้าอี้ครูลากไปที่หน้าต่าง เรื่องอะไรยอมโดนขังอยู่ในนี้ล่ะ ตายเพราะอุบัติเหตุยังพอทำใจได้ แต่ให้ตายเพราะผีน่ะฝันไปเหอะ!

       

      ผมหมุนตัวเขวี้ยงเก้าอี้ใส่บานกระจก เสียงที่คาดหวังคือเพล้ง เก้าอี้พุ่งออกไปด้านนอกกระจกแตกกระจายแบบหนังแอ็คชั่น แต่สิ่งที่เข้ามาในหูผมกลับกลายเป็น กึง! เก้าอี้ลงมานอนคว่ำอยู่กับพื้น ไม่พบความเสียหายใดๆ นี่มันกระจกเคลือบเพชรหรือไร ไฉนจึงแข็งแกร่งทนทานปานกระเบื้องมุงหลังคายี่ห้อหนึ่งยิ่งนัก แล้วมันจะเทพเป็นเกราะตีบวกทำไมตอนนี้ ตูข้ากลับไปเกิดที่เมืองเริ่มต้นไม่ได้นะเฟ้ย!

       

                  หน้าต่างพึ่งไม่ได้กลับไปที่เก่าประตูเจ้าปัญหา ผมท่องมนต์ทุกบทที่รู้จักในเวลาสั้นแล้วคุกเข่าตั้งท่าแบบนักวิ่ง พร้อมนับ... หนึ่ง... สอง... สาม!

       

                  "เปิดเดี๋ยวนี้นะโว้ย!" ผมวิ่งเต็มอัตราเร่งแล้วสปริงตัวโดดถีบขาคู่สุดแรง จังหวะนั้นเองประตูก็ได้เปิดออก ผมลอยคว้างอยู่กลางทุกอย่างรอบตัวเหมือนจะค่อยๆ ช้าลงแบบภาพสโลว์โมชั่น จากนั้นก้อนเนื้อหนักหกสิบห้ากิโลที่เรียกว่ามนุษย์ก็ตกกระแทกพื้นดังแอ้ก! อย่าถามว่าเจ็บไหม ถามว่าทำไมถึงไม่มีอะไรหักดีกว่า

       

                  ผมนอนโอดโอยอยู่สักพักแล้วค่อยลุกขึ้นมา เสียงหัวเราะคิกคักที่คุ้นหูลอยมาจากที่ไกลๆ ซึ่งคงไม่ต้องเดาว่าใคร ยัยคุณแมรี่นั่นแน่ๆ

       

       ไม่เลวนี่ แต่รีบหน่อยดีกว่า เวลาจะหมดแล้วนะ

       

      ขอบใจที่อุตส่าห์เตือน... ผมเคยคิดว่าผีน่ากลัวนะ แต่ตอนนี้ผมว่าผีบางตัวก็น่าตบเหมือนกัน เอาล่ะที่นี้จะไปหาชิ้นส่วนที่เหลือจากไหนล่ะ ไม่มีข้อมูลอะไรแล้ว ผมขยี้หัวเพื่อว่าจะมีไอเดียอะไรดีๆ หลุดออกมา ตอนนี้เองที่หางตาผมไปสะดุดกับวัตถุสีชมพูที่อยู่กลางสนามฟุตบอล

       

                  ต้องใช่... ต้องใช่แน่ๆ! ผมรีบวิ่งแจ้นไปที่สนามฟุตบอลทันที แต่เมื่อไปถึงสิ่งที่ผมมีเพียงสายลม ต้นหญ้า เศษขยะ และไอหนาว... ไม่มีชิ้นส่วนคุณแรบบิทอยู่เลย

       

                  "บ้าจริง..." หายไปไหนนะ ผมลองสำรวจดูรอบๆ และก็ได้เจอสิ่งที่ดูสะดุดตาผิดปกติ นั่นคือห้องเก็บอุปกรณ์ เพราะมันกำลังเปิดอยู่ ตามปกติพวกครูพละจะปิดล็อกทันทีเมื่อเก็บของเสร็จ ฉะนั้นไม่มีทางเด็ดขาดที่ในตอนนี้มันจะเปิดอ้าซ่าอยู่

       

                  สังหรณ์ไม่ดีอย่างรุนแรง แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าใช่แน่ๆ...

                 

                  แต่ผมก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนอกจากชีวิต ถามว่ากลัวไหม? กลัวสิวะถามได้... ผมก้าวเข้าในในห้องเก็บของ มันมืดมากมองอะไรแทบไม่เห็น แถมมีกลิ่นตุๆ ด้วย อยากจะอ้วกเป็นบ้า ผมค่อยๆ คลำหาทางไป พลางสำรวจไปรอบตัว ก่อนจะพลันเหลือบไปเห็นชิ้นส่วนคุณแรบบิทอยู่ในกองลูกบาส

       

                  มีจริงๆ ด้วย... ผมรีบเข้าไปแกะตาข่ายออก อยู่ลึกซะด้วยไม่แกะก็เอาไม่ได้ น่าจะมีมืออีกสักข้างจะได้เร็วกว่านี้หน่อย... อืม ขอบใจ ไปแกะตรงนู้นสิ นั่นแหละดึงไว้...

       

                  มือใครวะ...

       

                  ผมเงยหน้าขึ้น และก้มลงไปแก้เชือกต่อ...

       

                  ไอ้บ้าเอ๊ย! ออกสิวะ ผมดึงตาข่ายจนขาด แล้วหยิบชิ้นคุณแรบบิทใส่กระเป๋า เตรียมใส่เกียร์หมาเผ่น จังหวะนั้นเท้าผมก็พลาดไปเหยียบลูกบอลจนล้มใส่ตู้ทั้งแผง ผมยันตัวขึ้นและถอยไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นตู้ทั้งใบล้มลงเฉียดหน้าผมไปเพียงนิดเดียว ชั่ววินาทีนั้นผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรียกความตาย มันช่างง่ายดายและรวดเร็ว... จนเกินไป

       

                  ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งกระชากคอเสื้อผมจากทางด้านหลังจนลอยออกไปข้างนอก ด้วยเหตุนี้เองผมจึงรอดจากตู้อีกใบที่ล้มมาใส่ได้อย่างเฉียดฉิว ผมเห็นแสงสีขาวรูปคล้ายคนลอยวนอยู่ข้างในห้อง มันส่งเสียงร้องโหยหวนน่าหดหู่ดูน่าสงสาร พลันประตูห้องก็ถูกปิดลง และถูกล็อกตายอีกครั้งหนึ่ง

       

                  "อีกสิบนาทีน้า" คุณแมรี่ปรากฏกายอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มอันแสนสดใส แต่ผมไม่มีอารมณ์เล่นด้วยอีกแล้ว

       

                  "ไม่ไหวแล้ว... ไม่เอาแล้ว จะทำอะไรก็ทำเถอะ" ผมทิ้งตัวลงพื้น ไม่อยากทำอะไรอีกต่อไป

       

                  "อะไรกันแค่นี้ก็ยอมแล้วเหรอ นึกว่านายจะเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้ซะอีก"

       

                  "แล้วเธอจะแกล้งฉันทำไมนักล่ะ จะฆ่าก็ฆ่าแต่แรกไปเลยสิ อย่างเธอน่าจะทำได้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง!" บ้าบออะไรกัน เดี๋ยวลากลงสระ เดี๋ยวมีตู้ล้ม เดี๋ยวถูกขัง แบบนี้มันกะจะฆ่าตั้งแต่แรกเลยนี่นา

       

                  ... นายคิดว่าฉันเป็นคนทำเหรอ

       

                  ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครล่ะ!”

       

                  แม่รี่ชักสีหน้าแล้วตวาดลั่น "นี่นายรู้ไหมว่าใครช่วยจากมือในสระ ใครเปิดประตูห้องพักครูให้นาย ใครดึงนายออกมาจากห้องเก็บของของนั่น ถ้าฉันไม่ช่วยนายป่านนี้นายตายไปนานแล้ว"

       

                  ...อะไรนะ?

       

                  คำใบ้ต่างๆ ฉันก็จงใจให้ ทุกครั้งที่นายอยู่ในอันตรายฉันก็ไปช่วยออกมาตลอด

       

                  ...จะว่าไป ทุกครั้งผมรอดมาได้ก็จะเจอแมรี่ตลอดเลยนี่นา จะบอกเธอไม่ได้เป็นคนแกล้งแต่เป็นคนช่วยงั้นเหรอ

       

                  ผมเริ่มอึกอักพูดไม่ออก "...แล้วเธอให้ฉันไปที่นั่นทำไมล่ะ!"

       

                  "ก็เพื่อให้นายรู้ยังไงล่ะว่าที่นี่มันอันตรายขนาดไหน! มีใครบ้างที่อยากให้นายมาแทนพวกเขา ฉันน่ะอยู่ที่นี่มาไม่รู้กี่ปี คนแบบนายน่ะฉันเห็นมาเป็นสิบแล้ว ไม่ได้รู้อะไรสักอย่าง..." แมรี่ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

       

                  "นายเป็นคนแรกที่มองเห็นฉัน เป็นคนแรกที่คุยกับฉัน รู้ไหมฉันดีใจขนาดไหน" หยดน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตา เธอร้องไห้ไม่หยุด... เหมือนเด็กคนหนึ่ง ผมยืนอึ้ง นี่เธอไม่ได้คิดจะฆ่าผมหรอกหรือ จะว่าไปผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในโรงเรียนมีอะไรน่ากลัวขนาดนี้อยู่ด้วย ถ้าไม่ได้เธอผมคงโง่เชื่อคำพูดของพ่อไปอีกนาน...

       

      ผมลองสัมผัสตัวแมรี่ดู รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่มาแตะต้องสิ่งที่ไม่น่ามีตัวตน แต่ทุกอย่างดูจะง่ายดายเกินคาด ผมสามารถแตะตัวเธอได้ ผมของแมรี่นุ่มมากแถมยังมีกลิ่นหอมด้วย ไม่เหมือนกับรูปแบบวิญญาณที่ผมเคยคิดไว้เลยแม้แต่น้อย ผิวของเธอดูจะอุ่นเสียด้วยซ้ำไป ผมไม่ทำอะไรมากนอกจากดึงเธอมากอดไว้ และลูบหัวเบาๆ

       

      ตลอดหลายปีไม่มีคนคุยด้วยเลยงั้นเหรอ... จะรู้สึกยังไงนะ คงเหงาน่าดู

       

                  นาฬิกาสนามบอกเวลาหกโมงสี่สิบ ผมถอนหายใจยาว "หมดเวลาซะแล้ว... ขอโทษนะที่หาชิ้นส่วนคุณแรบบิทไม่ครบ"

       

                  ไม่ครบ... นายหาไม่ครบเหรอ แล้วคุณแรบบิทจะไปงานเลี้ยงน้ำชาได้ไงล่ะแมรี่เงยขึ้นมองผม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

       

                  ผมก็ได้แต่เกาหัวล่ะนะ เพราะไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ใจก็อยากตอบแทนเธอเหมือนกันที่ช่วยผมไว้และทำให้อาการกลัวผีของผมหายเป็นปลิดทิ้ง (เจอขนาดนี้ถ้าไม่หายก็คงกลายเป็นบ้า) จะลองไปตามร้านขายตุ๊กตาดีไหมนะ น่าจะพอมีตุ๊กตาแบบที่คล้ายๆ กันอยู่บ้าง แต่กระต่ายสีชมพูคงหายาก หรือว่าจะเอาชิ้นส่วนไปให้ดูแล้วให้เขาเย็บขึ้นใหม่เลย ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบแขนขาของตุ๊กตามาประกอบการตัดสินใจ ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า ชิ้นส่วนที่ผมหามาได้หายไปแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อ...

       

                  ผมเบิกตาค้าง คุณแรบบิทกับชิ้นส่วนแขนขาลอยอยู่กลางอากาศ และค่อยๆ ประกอบกันเป็นดังเดิม ยกเว้นแต่ขาซ้ายที่ผมหาไม่เจอ มันลงมายืนกับพื้น ก่อนจะกระโจนใส่ผมแบบไม่ให้ตั้งตัวจนลงกลิ้งไม่เป็นท่า

       

                  เฮ้ ไอ้กระต่ายบ้านี่มันจะทำอะไรนะ!”

       

      ฉันบอกนายแล้วไงว่าถ้าหาชิ้นส่วนไม่ครบคุณแรบบิทจะโกรธมาก

       

      เลื่อย! ไอ้กระต่ายบ้านี้เอาเลื่อยมาจากไหนกัน แล้วทำไมมันแรงเยอะอย่างนี้เนี่ยเฮ้ย

       

      อา... เขาโกรธทีไร ฉันห้ามไม่เคยอยู่เลยล่ะ

       

      ขาซ้ายฉัน... แกหาขาซ้ายของฉันไม่เจอ... แกต้องชดใช้... เอาขาซ้ายแกมา... เอามา!

       

      อ๊ากกก!

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×