NC Fiction Contest : คนแปลกหน้า - NC Fiction Contest : คนแปลกหน้า นิยาย NC Fiction Contest : คนแปลกหน้า : Dek-D.com - Writer

    NC Fiction Contest : คนแปลกหน้า

    เมื่อชายผู้ทิ้งความฝันของตนเอง กับเด็กน้อยผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่มาพบกัน สิ่งใดจะเกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    2,224

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    21

    ผู้เข้าชมรวม


    2.22K

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 พ.ค. 53 / 21:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    NC 1000+

     ลดกระหน่ำ ไม่ต่อ ไม่เบี้ยว ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย

    ไม่ใช่ล่ะ...


    />

    "NC Fiction Contest”


    National Children's day Fiction Contest



    หากชอบหรือติดใจ ยังมีอีกเพียบ

    เราเก็บไว้ให้ใน 'กล่อง' ใบนี้แล้ว

    ฺBOX



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



                   ทันทีที่การกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้น เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ในงานก็ดังขึ้นพร้อมกับความสนุกสนานก็ได้เวลาเริ่มต้น ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าใดผู้คนก็หลั่งไหลกันเข้ามาในงานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยส่วนมากก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่พาลูกหลานมาเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติที่รัฐบาลเป็นผู้จัด หลังจากที่เดินเตร็ดเตร่แวะนู่นชมนี่มานานผมก็ตัดสินใจนั่งพักที่ม้านั่งใกล้ ๆ ห้องน้ำแห่งหนึ่งในบริเวณสถานที่จัดงาน เนื่องจากต้องการพักขาและไม่อยากไปเดินเบียดกับคนอื่น ๆ ปล่อยให้คนที่เขาเพิ่งมาเดินบ้างดีกว่า

       

      ขณะที่กำลังนั่งทอดสายตามองเหล่าผู้คนที่ผ่านไปมาอยู่เพลิน ๆ นั้นเอง เด็กน้อยคนหนึ่งเดินมานั่งข้าง ๆ ผม โดยไม่พูดไม่จา ซึ่งดูจากการแต่งตัวแล้วคงเป็นลูกคุณหนูที่ไหนสักแห่ง เพราะเล่นใส่ชุดสูทขาสั้นสำหรับเด็กมางานเลยทีเดียว ซึ่งสีหน้าของเด็กคนนี้ก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าถูกคงบังคับแต่งชุดแบบนี้แน่ ๆ แต่เด็กคนนี้มานั่งทำไมตรงนี้เล่า เวลาอย่างนี้น่าจะไปหัวเราะเฮฮาที่หน้าเวทีที่เขาจัดแสดงตัวการ์ตูนหรือไม่ก็ไปตื่นเต้นกับเครื่องบินที่นำมาจัดโชว์ไม่ใช่หรือ แถมยังมานั่งคนเดียวอีกต่างหาก ผมลองมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของเด็กแต่ก็ไม่พบ

       

                  "ไอ้หนู มานั่งทำไมคนเดียวล่ะผู้ปกครองไปไหน?" ผมลองถามดู เด็กน้อยหันมามองผม สีหน้าและแววตาแฝงไปด้วยความไม่ไว้ใจ ซึ่งผมเข้าใจดีเพราะว่าผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเจ้าหนู จะไม่ไว้วางใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ผมรอเด็กน้อยชั่งใจอยู่หลายวินาที ก่อนจะยอมตอบกลับมา

       

                  "พี่เลี้ยงผมไปเข้าห้องน้ำเด็กน้อยว่าพลางชี้ไปทางห้องน้ำหญิง ผมชะเง้อมองไปตามนิ้ว ดูท่าเด็กคนนี้คงต้องรออีกนานเลยทีเดียว เพราะที่ห้องน้ำหญิงคิวยาวเหยียดจนคนล้นออกมาข้างนอก ให้ตายสิเป็นพี่เลี้ยงเด็กประสาอะไรปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวแล้วตัวเองไปเข้าห้องน้ำ ผมถอนใจแล้วยืดตัวพิงพนักเก้าอี้เต็มที่

       

                  "แล้วลูกลุงไปไหนล่ะ"

       

                  ผมเลิกคิ้วขึ้น เพราะจู่ ๆ เด็กนี่ก็ถามผมขึ้นมา ไอ้เรื่องโดนถามผมไม่แปลกใจเท่าไหร่แต่ไอ้ที่เรียกผมว่าลุงนี่มันอะไรกัน หน้าผมแก่ขนาดนั้นเชียวรึ ถึงอายุอานามผมมันก็ไม่เข้าข่ายจะให้เรียกพี่ก็จริง แต่มันก็ไม่มากถึงขนาดให้เรียกลุงหรอกนะ... เอาเถอะไม่เรียกปู่รึทวดก็ดีแล้วมั้ง

       

                  "ลุงไม่มีลูกหรอก" ผมตอบยิ้ม ๆ

       

                  "แล้วลุงมาที่นี่ทำไม" เด็กน้อยซักต่อ

       

                  มาทำไม... ผมทวนคำถามในใจแล้วยันตัวขึ้นนั่งดี ๆ เพราะคำถามนี้ตอบยากมากพอ ๆ กับการถามว่าจะไปชุมนุมกับคนสีไหนเลยทีเดียว ใช่สิคนอายุระดับผมมาทำอะไรในงานวันเด็ก ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่มีลูกหลานเหมือนคนอื่น ๆ เขา

       

      งานวันเด็กเป็นความทรงจำที่เลือนรางมากในความรู้สึกผม เพราะตอนเด็ก ๆ ตัวผมนั้นไม่เคยมีโอกาสได้ออกไปไหนบ่อยนัก เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่เอื้ออำนวยซ้ำยังเป็นเด็กบ้านนอกไกลเมือง เพิ่งจะมีโอกาสได้มาก็ตอนเข้ามาทำงานที่กรุงเทพนี่แหละแต่ก็มาเพราะงานล่ะนะ พอดีเพื่อนผมมันมาทำงานในงานวันเด็กเลยติดสอยห้อยตามมาด้วย เชื่อไหมว่าหลังจากที่ได้มาครั้งแรก ผมก็ไปงานวันเด็กทุกปีเลย

       

                  "ลุงมาเที่ยวน่ะ เห็นไหมงานเขาน่าสนุกจะตายผมตอบพร้อมชี้ไปในงาน เจ้าหนูเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจพลางพึมพำว่าไม่เห็นน่าสนุกตรงไหน ผมจึงถามกลับบ้าง

       

      ไม่ชอบงานหรอกเหรอ ไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้นี่ ที่จริงอยู่บ้านเล่นเกมส์ก็น่าจะสนุกกว่านะ

       

      เจ้าหนูหันมามองผม เหมือนผมพูดอะไรผิดไป ก่อนจะยกมือเล็ก ๆ นั่นขึ้นมาเท้าคาง

       

                  "ผมถูกบังคับมาโชว์ตัวเด็กน้อยตอบเซ็ง ๆ "ผมสอบได้ที่หนึ่งของประเทศ"

       

                  ผมอึ้งไปสามวิ... ตัวแค่นี้อันดับหนึ่งเลยเรอะ แล้วที่ผ่านมาผมไปทำอะไรอยู่ เกิดมาจนอายุป่านนี้ยังไม่เคยทำอะไรได้เป็นอันดับหนึ่งเลยสักครั้ง ขนาดตอนเรียนอยู่ยังไม่เคยได้เกรดสี่เกินสามตัวด้วย

       

      แต่เมื่อผมมองเด็กคนนี้อีกครั้งก็รู้ได้ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งของประเทศไม่ได้ทำให้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย เจ้าหนูนี่คงจะถูกบังคับเรียนพิเศษทั้งวันทั้งคืนไม่ต่างอะไรกับนักโทษ ให้ตายเถอะให้เด็กไปเครียดทีเดียวตอนเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้รึไงนะ พ่อกับแม่สมัยนี้มัวห่วงแต่อนาคตไม่สนสภาพจิตใจลูกเลย

       

                  "เก่งจังเลยนะ" กระนั้นผมก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ ยังไงอันดับหนึ่งก็ต้องแลกมาด้วยความอุตสาหะของเด็กคนนี้อยู่ดี

       

      "แล้วเก่งขนาดนี้โตขึ้นอยากเป็นอะไรล่ะ" ผมถามต่อ

       

                  "ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรี"

       

                  คำตอบที่ได้ทำเอาผมสำลักน้ำลาย สมัยนี้เด็กเขาอยากโกงกินมากขนาดนั้นเชียวรึ  ระบบการศึกษาของประเทศมันสอนกันแบบไหนนะ ไอ้แบบนี้มันใช่คำตอบที่เด็กตัวเล็ก ๆ ควรจะตอบกันรึไง ตามปกติมันต้องบอกว่าอยากเป็นหมอ เป็นตำรวจ เป็นทหารสิ ถึงจะมีผ่าเหล่าตอบว่าอยากเป็นนายกจริง แต่มันก็แค่การเรียกร้องความสนใจตอนตอบคำถามบนเวทีเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่บนเวทีและเด็กน้อยที่ตอบผมก็เป็นเด็กที่สอบได้อันดับหนึ่งของประเทศด้วย

       

                  "ผู้ใหญ่สมัยนี้ไม่ได้เรื่อง ปัญหาของประเทศมีมากมายแต่ยอมไม่แก้ไข เอาแต่โกงกินภาษีที่ได้จากประชาชน ปล่อยให้คนไม่มีความรับผิดชอบรับตำแหน่งดี ๆ ไม่สนใจชาวนาหรือเกษตรกรที่เป็นรากฐานของประเทศ คนที่ดี ๆ ก็ไม่เชิดชู คนไม่ดีก็ลอยนวล ผมไม่ชอบพวกนักการเมืองแต่จะแก้ไขปัญหาได้ผมก็ต้องใช้อำนาจเด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

       

                  "ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วเปลี่ยนแปลงประเทศนี้"

       

                  ...ให้ตาย ที่ผมกำลังฟังว่าที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายการบริหารประเทศอยู่หรือ! ความคิดระดับนี้มันไม่ใช่แค่เด็กไม่กี่ขวบแล้ว ขนาดนักศึกษามหาวิทยาลัยยังไม่มีคนคิดได้แบบนี้เลยมั้ง ไอ้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันกับไอ้อดีตนายกที่หนีไปต่างประเทศมันอยู่แถวนี้รึเปล่า อยากให้ได้ฟังคำพูดนี้จริง ๆ อย่าบอกนะว่าแสงสว่างของชาวไทยและอนาคตอันรุ่งโรจน์ของชาติกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ ผม!

       

                  "แล้วคุณลุงทำอาชีพอะไรเหรอ" เด็กน้อยหันมาถามผม

       

                  "อยากรู้ทำไมหรือท่านนายก?"

       

                  "ก็ลุงดูจน ๆ น่าจะมีปัญหาอะไรในชีวิตเยอะแยะที่น่าจะนำมาทำเป็นวาระที่ควรไขไง"

       

                  ...ตบปากว่าที่นายกจะติดคุกกี่ปีเนี่ย...

       

                  "ปัญหามันก็มีเป็นธรรมดาแหละอาชีพลุงมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เงินก็ได้ไม่เยอะ ก็คนมันเรียนไม่สูง สู้ท่านนายกน้อยไม่ได้หรอก"

       

                  "ไม่นะครับ ผมว่าเกษตรกรที่จบแค่ระดับประถมเก่งกว่านักการเมืองที่จบปริญญาอีก"

       

                  คำมันบาดลึก... น้ำตาแห่งความซาบซึ้งแทบจะไหลออกมาด้วยความปิติยินดีที่ล้นพ้น ผมมั่นใจแล้ว ต้องเป็นเด็กคนนี้แน่นอนที่พวกเรากำลังต้องการ

       

                  "เอาล่ะ จะบอกอาชีพของลุงให้ก็ได้ แต่บอกไปหนูคงไม่เชื่อ งั้นลุงจะแสดงให้ดูเลยล่ะกัน"

       

                  ผมถูมือไปมาเพื่อเตรียมการแสดง

       

                  แต่ท่านนายกต้องสัญญากับประชาชนคนนี้ก่อนนะว่าจะกำจัดคนโกงกินและแก้ปัญหายากจนให้ได้

       

      เด็กน้อยร้องอื้ม ผมยิ้มแล้วดึงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อมาคลี่ออก หันซ้ายหันขวาให้ดูว่าไม่มีลุกเล่นอะไรแล้วหยิบเหรียญบาทมาชูขึ้นให้ดูเพื่อเรียกความสนใจ ก่อนจะวางลงบนผ้าเช็ดหน้า นายกฯตัวน้อยท่าทางจะรู้แล้วว่าผมกำลังจะทำอะไรจึงจ้องที่มือผมตาไม่กระพริบเพื่อจับผิด แต่ผมก็มีประสบการณ์มากพอที่จะหลอกล่อสายตาเจ้าหนูได้อยู่แล้ว ผมเริ่มผิวปากเป็นจังหวะเพลงที่นักมายากลชอบใช้เวลาแสดงเพื่อพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและลดทอนสมาธิของเด็กน้อย

       

      ผมค่อย ๆ พับผ้าเช็ดหน้าเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือและปิดเหรียญจนมิด แล้วโปะไปที่จมูกของเจ้าหนูโดยไม่ให้มันตั้งตัว!มืออีกข้างล็อกแขนเด็กไว้จากข้างหลังเพื่อไม่ให้ใครเห็น มีการขัดขืนอย่างสุดชีวิตแต่ก็สู้กำลังผมไม่ได้ สุดท้ายการดิ้นรนก็ค่อย ๆ หยุดไป เมื่อเด็กสลบแล้วผมก็จับขึ้นขี่หลังแสร้งทำเป็นผู้ปกครองแล้วเดินออกจากงานไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

       

                  "ตำรวจเขาเรียกพวกลุงว่า 'แก็งลักเด็ก' น่ะ"

       

                  ...

       

                  ปล. เด็กดีไม่ควรคุยกับคนแปลกหน้านะจ๊ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×