ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[Arthur/Merlin] : Just tell me!{I don't know how...}

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 15 ม.ค. 56




                           


    บทที่ 1

    *………………………………………………………..*

    ขัดรองเท้า ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง... เอะอะก็เอาแต่ใช้ข้าอยู่ได้ พอเห็นว่าข้าว่างก็ใช้ข้าไปขัดชุดเกราะบ้างล่ะ จับหนูบ้างล่ะ ข้าไม่ใช่ทาสท่านนะ อาเธอร์

    เสียงบ่นงึมงำเล็กๆลับหลังผู้เป็นนายที่ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางของเมอร์ลินถูกกลบไปด้วยเสียงสั่นไหวของกิ่งไม้ใบหญ้ารอบด้านซึ่งเกิดจากการเดินของเจ้าตัว... วันนี้ดูจะเป็นวันแรกที่เขาได้ออกมาเดินเล่นชมนกชมไม้บ้างหลังจากถูกใช้งานหนักมาเป็นเวลาร่วมสัปดาห์ จึงไม่แปลกเลยที่คำพูดเสียดสีผู้บังคับบัญชาเหล่านี้จะหลั่งไหลออกมาจากปากของเด็กรับใช้ประจำตัวของรัชทายาทแห่งคาเมลอทอย่างไม่ขาดสายในระหว่างที่เขาเดินเข้าไปในป่าเพื่อหาสมุนไพรให้กับไกอัสอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

    สุดท้ายแล้วท่านก็แค่มีความสุขกับการที่ข้าต้องมานั่งทำงานงกๆตามคำสั่งของท่าน ส่วนตัวเองก็เอาแต่จีบสาวไปวันๆ... ชิ! มีความสุขซะจริงนะ เด็กหนุ่มยังคงพึมพำต่อไปไม่เลิกราวกับต้องการจะให้ต้นไม้ใบหญ้ารอบกายเห็นด้วยกับความเจ็บแค้นเหล่านั้นในขณะที่ยังเดินลึกต่อไปในป่าพร้อมกับกิ่งไม้กิ่งหนึ่งในมือที่เอาไว้คอยฟันแหวกต้นไม้รอบด้านเป็นการระบายอารมณ์ทุกครั้งที่มีคำพูดเช่น ท่านมันงี่เง่า!” ท่านมันเห็นแก่ตัว!” หรือ ท่านมันบ้าอำนาจ!” เป็นต้น ในขณะที่เขายังไม่ลืมที่จะสอดส่ายสายตามองหาสมุนไพรที่ต้องการไปด้วยอย่างขยันขันแข็ง

    ทำเป็นหยิ่งนัก สักวันเถอะถ้าโดนแกล้งบ้างจะรู้สึก... เมอร์ลินบ่นกับตนเองได้แค่นั้นก่อนจะหยุดคิดบางอย่าง

    แกล้ง...เหรอ?

    เด็กหนุ่มคิดในใจขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนริมฝีปากบาง หัวสมองอันชาญฉลาดเริ่มประมวลผลถึงวิธีการกลั่นแกล้งไปต่างๆนานา ตั้งแต่การปั่นอารมณ์เล็กๆน้อยๆไปจนถึงการใช้เวทมนตร์นิดๆหน่อยๆเข้าร่วมในแผนการเพื่อความสนุกสนาน... เมอร์ลินหัวเราะคิกคักกับตัวเองเมื่อภาพของอาเธอร์ผู้จนมุมจากการถูกกลั่นแกล้งนั้นแวบเข้ามาในหัวสมอง

    รีบหาแล้วรีบกลับไปลองทำดูดีกว่าแฮะ... ชายหนุ่มคิดกับตัวเองอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเริ่มมองไปรอบตัวอย่างจริงจังเสียที แต่จนแล้วจนรอดก็เหมือนจะไม่มีวี่แววของสิ่งที่ตามหาอยู่แม้แต่น้อย

    ไหนบอกว่าหาง่าย... ไม่เห็นจะเจอซักต้น เมอร์ลินพึมพำพลางขมวดคิ้วอย่างค่อนข้างใช้ความคิด แต่ทันใดนั้นเอง ดวงตาสีน้ำทะเลคู่สวยก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ลึกลงไปในซอกหิน... กลีบสีขาวนวลที่ตัดกับสีเทาหม่นของก้อนหินและสีเขียวของมอสรอบด้านแลดูสวยงามตามธรรมชาติจนเด็กหนุ่มถึงกับอึ้งไปด้วยความชื่นชม เมอร์ลินเอื้อมมือไปแตะกลีบดอกบางพลางคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นสมุนไพรที่ไกอัสตามหาก่อนจะดึงมันออกมาพินิจต่อเงียบๆราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความสวยงามนั้น... แต่ทันใดนั้นเอง

    เปรี้ยง!

    “อึก!” เสียงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากบริเวณกลางหลังทำเอาเด็กหนุ่มจุกจนร้องไม่ออก เขาฝืนอาการเจ็บจนชาที่แล่นพล่านไปทั่วแผ่นหลังก่อนจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่เป็นต้นเหตุแต่กลับโดนฟาดซ้ำที่สีข้างจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร... โชคยังดีที่พื้นที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยใบหญ้าหนาจึงทำให้ร่างกายของเขาไม่บอบช้ำจากการกระแทกพื้นดินมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม แรงฟาดที่อัดเข้ากับร่างกายอย่างจังถึงสองครั้งก็ทำให้เมอร์ลินถึงกับกระอักเลือดออกมาพอสมควร

    ตุบ! ตุบ! ตุบ!

    เสียงเดินที่เคลื่อนใกล้เข้ามาทุกทีบวกกับเสียงแผดร้องราวอสูรร้ายของสัตว์อันตรายขนาดยักษ์ตัวนั้นปลุกประสาทสัมผัสของเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี... เมอร์ลินกล้ำกลืนอาการบาดเจ็บจากแผลกลางหลังที่เริ่มแสบร้อนเพราะเลือดที่ซึมออกมาในขณะที่กดสีข้างเพื่อบรรเทาอาการช้ำของตนเองก่อนจะลากสังขารไปซ่อนอยู่หลังหินก่อนใหญ่ก้อนหนึ่งไม่ไกลจากนั้นนัก... ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่ใช้เวทมนตร์ ทว่าแรงสั่นสะเทือนจากฝีเท้าขนาดยักษ์ที่เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้พ่อมดหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่น

    ช่วยไม่ได้แฮะ... เมอร์ลินคิดในขณะที่กัดฟันเพื่อข่มความเจ็บปวดก่อนจะเริ่มร่ายคาถา... ภาษาโบราณอันทรงอำนาจซึ่งหลั่งไหลออกมาจากริมฝีปากบางออกคำสั่งให้เถาวัลย์นับร้อยเส้นที่รายล้อมอยู่โดยรอบขยับเคลื่อน ตรงเข้าพันธนาการผู้เป็นปรปักษ์ทันทีอย่างไม่รอช้า

    “ก๊าซซซซซซซซซ~!! เสียงแผดร้องทรมานของปีศาจร้ายตนนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณเมื่อเถาวัลย์เส้นหนาปริมาณมหาศาลถูกรัดลงรอบลำคอของมัน... สุดท้ายแล้ว หลังจากการปัดป่ายมือไปมาอย่างไร้ประโยชน์เพื่อหวังจะดิ้นรนจากพันธนาการเวทย์นั้นสิ้นสุดลง ร่างของสัตว์ร้ายตนนั้นก็แน่นิ่งไปในที่สุด... เถาวัลย์นับร้อยที่ถูกใช้เป็นอาวุธสังหารค่อยๆถูกปลดเปลื้องออกจากร่างไร้วิญญาณก่อนจะย้อนกลับสู่ที่เดิมที่เคยอยู่ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...

    การต่อสู้จบลงแล้ว... เมอร์ลินนึกอย่างโล่งใจทั้งที่ยังอยู่ในอาการหอบจนตัวโยน เด็กหนุ่มไถลตัวลงพิงกับก้อนหินก้อนเดิมอีกครั้งเพื่อหวังจะพักผ่อน แต่ความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจากแผ่นหลังบางทำให้เขาล้มเลิกความคิดนั้นทันที นิ้วมือเรียวเอื้อมไปแตะสำรวจบริเวณปากแผลด้วยความพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้บาดแผลอื่นเกิดความกระทบกระเทือนก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย... สีแดงชาดของมันทำให้เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างจำยอม เขาตัดสินใจหอบสังขาร แบกร่างกายอันบอบช้ำของตนเพื่อหวังจะให้ไกอัสช่วยรักษาเมื่อกลับไปจนถึงห้องพักของหมอหลวงประจำราชวัง ทว่าสภาพร่างกายของเมอร์ลินในตอนนี้เหมือนจะไม่อำนวยมากนัก ตั้งแต่หัวสมองที่มึนเบลอจากการถูกกระแทก ลงไปจนถึงท่อนขาเรียวบางที่ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงจากอาการอ่อนแอเพราะเสียเลือดมากนั้นแทบจะไม่มีหวังเลยสำหรับการบรรลุเป้าหมายของเขาในตอนนี้ แต่ทันใดนั้น... สายตาที่เริ่มจะพร่ามัวของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นเงาร่างของชายคนหนึ่งที่ทำท่าเหมือนกำลังเดินเข้ามาหาเขา เมอร์ลินใช้ความพยายามอย่างมากในการเพ่งมองเพื่อแยกแยะใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่สักพักก่อนจะได้ข้อสรุป

    อาเธอร์...

    และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่แล่นเข้ามาในหัวของพ่อมดหนุ่มก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง...

    *…………………………………………………*

    “ไกอัส เมอร์ลิน... จะกลับมาทำงานให้ข้าได้อีกเมื่อไหร่?”

    เสียงถามจากองค์รัชทายาทแห่งคาเมลอทที่ดังแทรกขึ้นทำให้หมอหลวงประจำราชวังซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการปรุงยาต้องหันมาตอบอย่างเสียไม่ได้

    “เขาจะไม่เป็นไรพะยะค่ะ เพียงแต่ ข้าเกรงว่าสัตว์ที่ทำร้ายเขาคราวนี้เป็นสัตว์มีพิษชนิดหนึ่ง...” เขากล่าวทั้งที่ยังคงไม่ละมือจากขวดยามากมายตรงหน้า “แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พิษนี่ทำได้อย่างมากก็แค่ส่งผลให้เกิดไข้สูงซัก 3-4 วันเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้ข้าคงต้องขออนุญาตท่าน...”

    “ตามใจท่านเถอะไกอัส... เพียงแต่ฝากบอกเขาด้วยว่าข้าต้องการคนทำความสะอาดห้องก่อนที่จะมีหนูมากัดรองเท้าข้าอีก”

    “เป็นพระคุณอย่างสูงพะยะค่ะ”

    อาเธอร์พยักหน้ารับคำขอบคุณนั้นเบาๆในขณะที่ชำเลืองตามองไปยังร่างบนเตียงเล็กน้อยโดยพยายามไม่ออกอาการห่วงใยให้มากนักพลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วอย่างไม่ทันรู้ตัว...

    อาเธอร์...

    เสียงเรียกด้วยน้ำเสียงอแหบพร่าของเมอร์ลินที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทแล่นผ่านเข้ามาในหัวของชายหนุ่มพร้อมกับภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังยืนพยุงตัวอยู่กับต้นไม้ด้วยสภาพร่างกายบอบช้ำอย่างสาหัสจนตัวเขาในตอนนั้นซึ่งกำลังหงุดหงิดกับการควานหาตัวคนรับใช้ของตนอย่างเอาเป็นเอาตายถึงกับยืนนิ่งอึ้งไปอย่างทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งร่างนั้นหมดสติล้มลงไปแล้วนั่นแหละเขาถึงได้รู้ว่าตัวเองควรจะทำเช่นไร... อาเธอร์ตรงเข้าไปประคองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วพลางร้องเรียกชื่อเพื่อหวังจะให้เมอร์ลินคืนสติแต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายแล้วเขาจึงต้องจำยอมอุ้มคนรับใช้ของตนในท่าเจ้าหญิงข้ามเมืองกลับมาเพื่อส่งให้ไกอัสรักษาต่ออย่างเร่งด่วนท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ของประชาชนที่มองมาราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาดก็ไม่ปาน...

    “...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอกลับก่อนนะ”

    หลังจากดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อไป สุดท้ายรัชทายาทแห่งคาเมลอทจึงขอตัวกลับในท้ายที่สุด... ไกอัสเพียงแค่ตอบรับคำลานั้นด้วยการโค้งตัวแสดงความเคารพหนึ่งครั้งในขณะที่คอยจนแผ่นหลังกว้างของอาเธอร์ลับประตูหายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “เจ้านี่มันโชคดีจริงๆเลยน้า... เมอร์ลิน”

    ชายชราพึมพำพลางลอบยิ้มกับตนเองในความหมายที่ยากจะเข้าใจ...



    <<<แถมๆ 555>>>

    รวมรูปเคลื่อนไหวฉากแนวป่าๆหน่อย... เข้ากับแบ๊คกราวน์ตอนนี้ดีอ่ะนะ กรี๊สสสสสสส~ (เหตุผลที่ตอนต้นบทใช้รูปนั้นก็เหมือนกันจ้า~ 555)
     

                  

     << มีใครดูรูปนี้แล้วได้ยินเสียงอาเธอร์ตะโกนเรียก "เมอร์ลินนนน!!!" เหมือนเราบ้างไหมคะ? // ฟิน


    อันนี้ไม่เกี่ยว เห็นท่าอาเธอร์มองน่ารักดี... เอามาต่อกันซะเลย 555




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×