Fic [Unlight] : HBD IZAC - Fic [Unlight] : HBD IZAC นิยาย Fic [Unlight] : HBD IZAC : Dek-D.com - Writer

    Fic [Unlight] : HBD IZAC

    ของขวัญที่เขาอย่างได้ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแหละ...

    ผู้เข้าชมรวม

    285

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    285

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ส.ค. 57 / 00:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Fic  :   HBD IZAC

     

     

    Form [Unlight] 

     

     

    Pairing : Izac x Evarist


     

           Talk About :   ปั่นเต็มสปีด วิ่งควายมาเพื่อเวลานี้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ  สุขสันต์วันเกิดนะ ปั๊บปี้ย์ แววววววว

           เราว่าจริงๆแล้ว ไอแซคคงไม่อยากของขวัญอะไรมากมาย นอกจากความสนใจของเอวาริสท์อยู่ที่ตัวเองคนเดียวหรอกนะคะ LoL  ยังไงก็ขอให้เจ้าของสนใจหมาแบบนายมากๆแล้วกันน้า

                 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      #1

       

                      เอวาริสท์สะบัดดาบเรเปียร์เปื้อนเลือดก่อนเก็บมันกลับเข้าฝัก  นัยน์ตาสีอำพันเหม่อมองผืนน้ำสีขุ่นของทะเลสาบที่สัตว์ประหลาดนาม อุโบส ครอบครองอยู่  หมอกลงหนาเสียจนคนร่างสูงมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า

                      บรรยากาศที่ริมทะเลสาบเรียกได้ว่าไม่ค่อยดี กระทั่งสัตว์ประหลาดอื่นๆ ก็ไม่ได้น่าอภิรมย์มากมายขนาดนั้น นั่นทำให้การเดินทางในช่วงนี้ดูหดหู่ไปผิดหูผิดตา

                      “จะดีเหรอคะ” ตุ๊กตาผมสีลอนน้ำตาลส้มเอ่ยปากขึ้น พลางดึงกระตุกชายเสื้อของหนุ่มแว่น  เอวาริสท์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย มองตุ๊ตาที่มีสีหน้าเรียบเฉย

                      “วันนี้ วันเกิดไอแซคนะคะ”

                      เอวาริสท์ยังคงเงียบกริบ นัยน์ตาของเขายังคงมองไปยังเส้นทางข้างหน้าหลังปะทะจนเปิดทางให้สำเร็จ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า พร้อมรอยยิ้มชวนเศร้าบนใบหน้า

                      “ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะได้เจอกันนี่ เธอติดต่อกับตุ๊กตาที่ชื่อคิริยะไม่ได้ตั้งแต่เข้ามาในแถบทะเลาสาบนี่แล้วไม่ใช่เหรอ” ตุ๊กตานั้นพยักหน้า พลางสาวเท้าเดินนำหนุ่มแว่นต่อไปยังเส้นทางข้างหน้า

                      “คงเป็นเรื่องของคลื่นรบกวนละมั้ง” เอวาริสท์เอ่ยปากเปรยขึ้นเบาๆ พลางนึกย้อนถึงบทสนทนาของเขากับตุ๊กตาตัวเล็ก บอกว่ามีอะไรสักอย่างมารบกวนขณะที่พยายามติดต่อกับตุ๊กตาตัวอื่น

                      พวกเขาติดต่อใครไม่ได้แล้ว นับตั้งแต่เข้ามาในเขตทะเลสาบที่อุโบสนั้นปกครองอยู่ ขนาดการซื้อขายกับรู้ดซึ่งปรกติเพียงแค่ตุ๊กตานึกคิด ร้านค้าจะปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น กลับทำได้เพียงแค่บางพื้นที่เท่านั้น

                      “ว่าแต่ จำวันเกิดไอแซคได้ด้วยรึไง จำได้ว่าฉันไม่เคยบอกนะ รึเห็นจากความทรงจำของฉันกันละ ?” ตุ๊กตาพยักหน้าหลังที่เอวาริสท์พูดจบ พลางเดินสาวเท้าไปเรื่อยๆ

                      “สีหน้าคุณไม่ดีเลย พอฉันถึงเรื่องแบบนี้ขึ้นมา” ตุ๊กตานั้นเองปากพูด ตรงข้ามกับเอวาริสท์นิ่งเงียบ กำดาบเรเปียร์ในมือแน่นขึ้นทุกที

                      “ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าอยากเจอ แต่มันก็ไม่มีทางอื่นแล้วนี่ ตอนนี้ที่ทำได้ คงต้องรีบเดินทางให้ออกจากเขตทะเลสาบที่ละมั้ง” ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ หมอกยังคงลงหนาจนมองเห็นทางข้างหน้าลำบาก สังเกตเห็นฝีเท้าของตุ๊กตาที่เดินช้าลงเรื่อยๆ ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าพลังงานที่ขับเคลื่อนตุ๊กตากำลังจะหมด

                      ไม่กี่ชั่วอึดใจก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ ตุ๊กตานั้นหยุดนิ่งกับที่ ปล่อยให้เอวาริสท์อุ้มร่างนั้น ก่อนหาที่พัก นั่งรอให้ตุ๊กตาที่เขาสละเสื้อโค้ทปูให้นอนนั้นตื่นมานำทางต่อ

                      ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง แม้วิญญาณนักรบจะไม่หิว แต่อาการน่ารำคาญอย่างการคิดมากจนปวดท้องยังคงรบกวนเขาอยู่ แม้มายังโลกของอันไลท์

                      อวตาร์ที่นำทางยังคงนิ่งสงบ โดยไม่มีวี่แววจะฟื้นตื่นมาเร็วๆ นี้  ปล่อยให้เอวาริสท์ยังคงนั่งครุ่นคิด

       

       

                      คิดถึงเจ้าของวันเกิด มากมายเหลือเกิน

       

       

                      #2

                      “เป็นเพราะคลื่นรบกวนของอุโบสนะครับ” บลาว เด็กหนุ่มผู้ได้รับเลือกเป็นอโคไลท์แห่งโลกอันไลท์เอ่ยปากขึ้น พลางเปิดหนังสือหน้าถัดไป เบื้องหน้าเขามีตุ๊กตาผมบ๊อบสีแดงกอดอก พร้อมกับ ไอแซคที่หน้านิ่วคิ้วขมวดผิดจากทุกครั้ง

                      พวกเขาเรียกตัวบลาวมาเพื่อสอบถามถึงตุ๊กตาชื่อคานะและเอวาริสท์หายไปในแขตแดนของทะเลสาบซึ่งอุโบสปกครองอยู่ และดูเหมือนว่าการเรียกตัวบลาวมาครั้งนี้จะช่วยให้ข้อสงสัยเรื่องติดต่อไม่ได้นั้นกระจ่าง แต่ก็ไม่ช่วยให้ติดต่อกันได้เสียทีเดียว

                      “ดูเหมือนครั้งนี้ อุโบสจะมีพลังมากกว่าปรกติ ถึงได้รบกวนกระทั่งคลื่นของท่านหญิงด้วยนะครับ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นหรอก คุณหนู สบายใจได้ ฝั่งนั้นยังไงก็น่าจะปลอดภัยอยู่นะครับ” เสียงทุบโต๊ะดังขึ้น แก้วชาทั้งสองสั่นสะท้อนตามแรงกระทบ พร้อมกับไอแซคที่ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์

                      “ใจเย็นน่า ไอแซค” ตุ๊กตาข้างๆ เอ่ยปาก พลางกระตุกชายเสื้อเบาๆ ทำให้เขาไม่อาละวาดไปมากกว่านี้ ได้แต่พ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์เท่านั้น

                      “ใจเย็นก่อนเถอะครับ เหตุการณ์นี้ก็ไม่ใช่ว่าปิดปรกติเสียทีเดียว ตุ๊กตาที่นำทางท่าเอวาริสท์ ล่าสุดที่ติดต่อกับรู้ดก็เมื่อสองสามวันก่อน ท่าทางก็ยังปลอดภัยเองทั้งคู่นะครับ” บลาวพยายามเอ่ยปากให้อีกฝ่ายใจเย็น มือนั้นปิดหนังสือที่เป็นต้นข้อมูลลง สวนทางกับจิตใจของไอแซคที่ขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ แม้วันนี้จะเป็นวันเกิดเขาเอง

                      ไอแซคยอมรับ ตั้งแต่ที่ตุ๊กตานำทางของเขาติดต่อกับตุ๊กตานำทางของเอวาริสท์นั้นเกิดติดต่อกันไม่ได้ มันทำให้เขาร้อนใจ ครั้นเร่งเดินทางให้ทันถึง แต่ก็ดูเหมือนในแต่วันตุ๊กตาจะมีลิมิตไม่เท่ากัน และเขาเองก็เข้าใจดีว่าไม่สามารถเร่งฝีเท้าได้มากไปเกินกว่าทีเป็นอยู่ พอจะออกเดินทางเองก็ทำไม่ได้ เพราะหากไม่มีอวตาร์ที่คอยนำทาง พวกเขาก็มีแต่หลง กับหลงบนสถานที่แห่งนี้เท่านั้น

                      “ถ้าช่วยให้ติดต่อไม่ได้ ก็เดินทางกันต่อเถอะ” น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยือกจนชวนสะดุ้ง ตุ๊กตาตัวเล็กแม้ไม่แสดงสีหน้า แต่ก็รับรู้ถึงความหงุดหงิดในในของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี

                      “ยังไม่ได้หรอก ยังไม่รู้เลยว่าจะเดินไปที่ไหน” ตุ๊กตาส่ายหน้า แม้เธอจะยินดีช่วยเหลือ แต่การชี้นำทางซึ่งมาจากสัญชาตญาณตอนนี้เลือนหาย ไอแซคยอมนั่งลงกับโซฟาที่ห้องโถงด้วยสีหน้าหงุดหงิดอีกครั้ง

                      “วันนี้ วันเกิดนายนะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” แม้จะไม่แสดงอารมณ์ แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามให้กำลังใจอยู่  ชายหนุ่มเองก็นึกอยากจะยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจกลับเมื่อทุกครั้งที่ทำ ทว่าครั้งนี้ริมฝีปากกลับเหยียดยิ้มได้ยาก ที่ทำได้เหลือเพียงแค่ลดความแข็งกร้านของนัยน์ตาเท่านั้น      

                      “โทษทีที่ทำให้เป็นห่วงนะ  

                      ความทรงจำของไอแซคนั้นครบถ้วนทุกอย่าง หลังจากการรวบรวมเศษเสี้ยวความทรงจำสำเร็จ เขาถึงตระหนักได้


                     

                      ถึงความสำคัญของเอวาริสท์ ที่เทียบเท่ากับชีวิตของเขาเอง

       

       

       

                       #3

                      “อ้อ ใช่สุขสันต์วันเกิดนะ ไอแซค” คนขัดรองเท้าบูทเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งปิดแฟ้มงาน  ด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “ลืมรึไง วันนี้วันเกิดนาย” เอวาริสท์หัวเราะเบา เท้าคางมองอีกฝ่ายที่ดูท่าจะยังสงสัยไม่หาย

                      “วันนี้แล้วเหรอ จำไม่เห็นได้เลยแหะ” เจ้าของวันเกิดละมือจากการขัดรองเท้า โยนอุปกรณ์ทุกอย่างลงกับตะกร้าเก็บของ ก่อนขยับตัวมานั่งกับโซฟา พลางทำท่าครุ่นคิด

                      หลังจากที่เอวาริสท์ได้เลื่อนตำแหน่งการงาน การงานก็ดูจะพอกพูนขึ้นมากเรื่อยๆ  แน่นอนว่าเขาในฐานะที่เลื่อนขั้นเป็นมือขวา งานก็ตามติดมาเป็นเงาจนเผลอบ้างานตามคนตรงหน้าจนลืมวันลืมคืนไปเสียแล้ว

                      “อยากได้วันหยุดพิเศษไหม ฉันอนุมัตินะ เลิกงานครึ่งวัน” ไอแซคส่ายหน้า พลางหยิบเอกสารนู้นนี้ขึ้นมากวาดสายดูเรื่อยเปื่อย


                      “ไม่ล่ะ ขอเป็นมื้อเย็นนี้ มีนายเป็นเจ้ามือเลี้ยงจะดีกว่า” เอวาริสท์เลิกคิ้ว ในขณะที่มือเรียวเปิดเอกสารงานถัดไปขึ้นมาเซ็นต์

                      “มักน้อยจังเลยนะ ของขวัญอย่างอื่นละ?” นัยน์ตาสีฟ้ากลอกขึ้นมองเพดาน ก่อนหัวเราะคืนเป็นคำตอบให้หนุ่มแว่นที่ยังคงนั่งทำงานอยู่โต๊ะ

                      “ถ้าตอนนี้ไม่มีหรอก อีกอย่างบอกไป เอวาคงเตะก้นฉันแหงเลย” คิ้วเรียวขมวดเข้าด้วยกันทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนลงมือเร่งทำงานต่อ

                      “เล่นตัวอยู่นั้นแหละ งั้นเก็บโควตานั้นไว้ใช้ปีหน้าแล้วกัน  อ้อ !! อย่ากวนละ งานวันนี้ไม่เสร็จ นายก็เตรียมตัวอดได้ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อเย็นนี่เลยแล้วกัน”

                      “โห ใจป้ำชะมัด สรุปเลี้ยงใช่ม้า”

                      “ถ้านายไม่กวน จนงานเสีย” ไอแซคคลี่ยิ้ม ก่อนทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาด้วยทีท่าสบายใจ พลางยกมือเป็นเชิงตอบตกลงในข้อแลกเปลี่ยนนั้น ปล่อยให้คนบ้างานยังคงตั้งหน้าตั้งตาเร่งเคลียร์งานให้ทันกำหนดการณ์ทานมื้อเย็นเร่งด่วนเมื่อสักครู่  ตรงข้ามคนนอนกลิ้งกับโซฟา เอาแต่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่แบบนั้น

       

                  ของขวัญที่เขาอยากได้


                  มีแค่อย่างเดียว

       

                      “นี่ เอวา” คนโดนเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร พร้อมสายตาที่คล้ายกับตั้งคำถาม  รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าของไอแซคอีกครั้ง


                      “คืนนี้ขออยู่ด้วยได้รึเปล่า”  ปากกาที่ใช้เซ็นต์เอกสารร่วงหลุดจากมือ พร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบด้วยเสียง  เจ้าของเรือนผมสีนิลดันแว่นขึ้นคล้ายกับจะแก้เก้อ

                      “กรณีพิเศษนะ

                     

                      ช่วงเวลาที่เอวาริสท์มองมาที่เขา

       

                  แค่คนเดียวเท่านั้น

       

       

                      #4


                      ไอแซคดึงดาบออกจากซากศพของสัตว์ประหลาดตรงหน้าออก ชายหนุ่มดูไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อย แม้จะเดินทางต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง โดยมีเป้าหมายของพวกเขา คือเขตแดนทะเลสาบที่อีกฝ่ายอยู่

                      หลังจากตุ๊กตานำทางของเขาจับสัมผัสทิศทางข้างหน้าต่อไปได้ ไอแซคไม่มีการหยุดพักกับการเดินทางแม้แต่น้อย ซ้ำความเร็วในการกำจัดสิ่งที่ขวางทางข้างหน้าจะเพิ่มพูนมากขึ้นทุกขณะ


                      เขาจะหยุด ต่อเมื่อตุ๊กตานิ่งไม่ไหวติงเท่านั้น


                      “ทางไหนต่อละ ?” ตุ๊กตาออกเดินนำทางต่อไปข้างหน้า รับรู้ได้ถึงความร้อนรนของไอแซค นับตั้งแต่ติดต่อกับตุ๊กตาคานะไม่ได้ ดูเหมือนเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้านั้นจะพูดน้อย เงียบขรึมขึ้นมากจนผิดวิสัย สีหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มอย่างทุกครั้งจางหายไป เหลือเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย

                      หากจะพูดว่าน่ากลัวขึ้นก็คงไม่ผิดเท่าไหร่

                      “เป็นห่วงงั้นเหรอ” ตุ๊กตาเอ่ยปากถามขึ้นหลังจากที่เงียบกันมาตลอดทาง

                      “ยิ่งกว่าชีวิตเลยละ”

                      ชายหนุ่มระบายลมหายใจ ก่อนดึงคอเสื้อตุ๊กตาเหวี่ยงกลับไปข้างหลัง ทันทีที่เขาได้ยินเสียงทางข้างหน้าที่มีพุ่มไม้ไหว ดาบที่เก็บเข้าผักถูกชักออกมาอีกครั้ง  ไอแซคก้าวเท้าไปข้างหน้า เหวี่ยงดาบเข้าเป้าหมายเป็นการชิงลงมือก่อน

                      เสียงโลหะของดาบทั้งสองปะทะเข้าอย่างจัง  ไอแซคออกแรงกดดาบดันฝ่ายตรงข้ามถอยหลัง ก่อนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ  “เอวา ?”

                      เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นตามเสียง ก่อนที่จะได้เอ่ยปาพูดอะไร ตุ๊กตาที่นำทางของหนุ่มแว่นก็พรวดพราดถลาเข้ามา “อ่ะ คิริยะ” เสียงของตุ๊กตาตัวนั้นทำให้ดาบร่วงหล่นจากมือ

                      ฉับพลันที่เห็นตุ๊กตานำทางของอีกฝ่าย  ไอแซคแน่ใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เศษเสี้ยววิญญาณที่หลงอยู่ตามรายทางอย่างที่เคยพบมา แล้วมือกร้านจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง

                      “ไอแซค ฉัน หายใจไม่ออก” เอวาริสท์พูดด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม ในขณะที่แรงกอดอีกฝ่ายยังรัดแน่น โดยไม่มีทีท่าจะปล่อยง่าย คนร่างบางหน้าขึ้นสีเมื่อพบว่าตุ๊กตาของพวกเขากำลังจ้องมองอยู่

                      “เอวา เอวา เอวาจริงๆ ด้วย ดีจังเลย นายยังปลอดภัย” หน้านั้นซุกลงกับบ่าเล็ก อาการดีใจนั้นปิดไว้ไม่มิดเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้เจอเจ้าของมานานแสนนาน เอวาริสท์ทำตัวไม่ถูกในตอนแรก ก่อนจะพยายามปล่อยวาง ยอมให้อีกฝ่ายกอดจนกว่าจะพอใจ พร้อมน้ำเสียงทีพร่ำเรียกชื่อเขาซ้ำไปมา

                      “อย่าร้องไห้ได้ไหม วันนี้วันเกิดนายไม่ใช่รึไง ถึงใกล้จะหมดวันแล้วก็เถอะ” เอวาริสท์กอดตอบอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า พร้อมน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”

                      “ฉันไม่ได้ร้อง”

                      “จะพยายามคิดว่าเป็นเหงื่อนะ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของคนร่างบางดังขึ้น  เอวาริสท์ละความสนใจจากตุ๊กตาทั้งสอง ปล่อยให้อีกฝ่าย  ตรงข้ามกับคนโตแต่ตัวตีสีหน้าคล้ายกับไม่พอใจที่โดนแซวแบบนั้น

                      “ฉันนึกว่านายอยู่ที่ทะเลสาบนั้นซะอีก” ไอแซคยังคงไม่ปล่อยอีกฝ่ายจากอ้อมกอด แอบยอมรับนิดหน่อยว่าเมื่อกี้ร้องไห้ออกมาจริง เพราะดีใจมากเกินไปหน่อยที่ได้เจออีกฝ่าย

                      “ตอนแรกก็ใช่ แต่ดูเหมือนตุ๊กตาของฉันจะให้ความร่วมมือนิดหน่อย ก็เลย ย้อนกลับมาทางเดิม เผื่อจะเจอนาย  สุขสันต์วันเกิดนะ ไอแซค ช้าไปหน่อย ยังทันใช่ไหม? โทษทีนะ ของขวัญก็ไม่ทันได้เตรียมอะไรเลยด้วย ยิ่งกับในโลกแบบนั้น อวยพรวันเกิดคงจะแปลกๆ ไปหน่อย”


                      “ยังฟังอยู่รึเปล่า ฮะ เฮ้ เป็นอะไรไป ไอแซค ?”นัยน์ตาสีอำพันบิกโพลงด้วยความตกใจ ทันทีที่อีกฝ่ายเลิกกอด ก่อนร่วงลงไปนั่งกองกับพื้น  เอวาริสนั่งย่อลงดูอาการอีกฝ่ายแทบจะทันที

       

       

                      แล้วชั่วพริบตา ริมฝีปากของไอแซคแตะเข้าเบาๆ ที่ริมฝีปากของเขา

       

                      “ไม่เป็นไร แค่ดีใจมากไปหน่อย” ไอแซคเลื่อนริมฝีปากออก ขยับเลื่อนหน้าผากของตนชิดกับหน้าผากของอีกฝ่าย แล้วรอยยิ้มที่หายไปในรอบหลายวันก็ปรากฏขึ้นบนหน้า พร้อมๆ กับใบหน้าขึ้นสีระเรื่อของเอวาริสท์


                      “ได้เห็นหน้านายก็พอแล้ว”

                      “มักน้อย” เสียงเหน็บเหนมของหนุ่มแว่นดังขึ้นเบา  ปล่อยให้มือกร้านดึงมือเรียวเข้ามากุมแน่น  ไอแซคหัวเราะเบาๆ ความขุ่นมัวในจิตใจมลายหายไปหมดราวกับเป็นเรื่องโกหก


                      “มักมากแล้วจะให้รึเปล่าละ ?”

                      คำตอบคือความเงียบ   ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นอย่างที่พักในคืนนี้  และเจ้าของวันเกิดเองก็ยอมให้เปลี่ยนเรื่องแต่โดยดี และไม่เอ่ยปากคาดคั้นอะไร แต่เขารู้

       
       

                  รู้ว่าคำตอบคืออะไร

                     

                      “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ ลุกไปหาที่พักกันได้แล้ว ไอแซค”


                      “คร้าบๆ ไปเดี๋ยวนี้เลยครับผม”

       

       

                      เสียงย่ำฝีเท้าของไอแซคดังขึ้นอีกครั้ง โดยมีเอวาริสท์เดินอยู่ข้างๆ ไปด้วยตลอดทาง  และยังเป็นไปตามข้อตกลงตุ๊กตาทั้งสองเลือกจะร่วมทางกันไปสักระยะ เพื่อให้วิญญาณนักรบที่ติดตามทั้งสองได้อยู่พูดคุยมากกว่านี้อีกสักหน่อย เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเธอจะให้ได้

                     

                      จนกว่าการเดินทางครั้งของแต่ละคนจะเริ่มต้นอีกครั้ง

                  ก็ขอให้พวกเขามีเวลาด้วยกัน

                  แม้สักนิดก็ยังดี

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×