Fic [K-Project] : Shirt - Fic [K-Project] : Shirt นิยาย Fic [K-Project] : Shirt : Dek-D.com - Writer

    Fic [K-Project] : Shirt

    เสื้อเชิ้ตแล้วโล่งล่างเนี้ยนะ ไม่ได้โล่งล่าง!!! ไม่เห็นเรอะ ใส่บ๊อกเซอร์อยู่!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    1,466

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.46K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    35
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 เม.ย. 57 / 03:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    Fic  :  Shirt

     

     

    Form : [K-Project] 

     

     

    Pairing : sarumi  


     

           Talk About :

     

               อยากลองเขียนซารุที่คิโม่ยๆ เปรตๆ ดูนะคะ ไม่มีอะไรมาก ส่วนตัวแล้วตัวเองก็ค่อนข้างคลั่งขา เสื้อเชิ้ตตัวเดียวนี่ก็แหล่มเป็ด  ถ้าอุเคะใส่เสื้อเชิ้ตยาวๆของเซเมะ  อยากจะวิ่งไปกรีดร้องกรี๊ดดังๆ  

                   จะบอกว่าสเป็คเลยก็คงใช่  อู้วววววววว



                จริงๆ ฟิคตัวนี้มีซีนนเซอร์วิสค่ะ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเลยเก็บไว้ก่อน แฮร่กๆ   LoL


                ก็หวังว่าฟิคงวดนี้  ทุกคนจะชอบนะครัฟ  (ก๊าก) 


               ป.ล. เราคิดว่ามิซากิเหมาะกับขาสั้นที่สุดแล้วคะ่ น่าลูบไล้ แฮร่กๆๆ (??)  มีคนคิดแบบเราไหม  //เขียนฟิคเพราะหาคนร่วมอุดมการณ์เงี้ยแระ ก๊ากกกก

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


                      #1

                      ถ้าถามว่าชอบ ยาตะ มิซากิ ตรงไหน


                  สำหรับ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ แล้ว  ชั่วชีวิตนี้เขาคงบรรยายได้ไม่หมด


                  เขาชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามันเกี่ยวข้องกับ ยาตะ มิซากิ


                  ชอบมาก... บางที คำว่าชอบ อาจจะน้อยไปเสียด้วยซ้ำ...

       

       

                      “นั่นไม่ใช่คำไว้อธิบายสิ่งที่แกกำลังจะทำนะ ไอ้ลิงเปรต”  เจ้าของน้ำเสียงแสดงทีท่าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  ยาตะ มิซากิ กำลังใช้กำลังที่มีทั้งหมดในการยันอีกฝ่าย และออกแรงขืนร่างสูงที่คร่อมอยู่ด้านบน


                      “นายขอคำตอบ ฉันก็ตอบให้แล้วไง ยังจะเอาอะไรอีกเสียงจิ๊ปากอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ หรี่ตามองคนข้างใต้ที่ขัดขืนไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่เสียงสายฝนยังคงโปรยปรายจนดังลอดเข้ามาในห้อง


                      “ก็บอกแล้วว่ากลับมาเก็บผ้าไม่ทันตอนพายุเข้า แล้วเสื้อที่พอใส่ได้มันมีแค่เสื้อเชิ้ตที่แกลืมทิ้งไว้โว้ย จะลามกก็ให้มันพอดีหน่อยนะเฟ้ยยยยย”  บางทีนี่อาจจะเป็นมุขตลกร้ายของฟุชิมิก็ได้ สาบานได้ว่าพยายามจะคิดแบบนั้น แต่ก็ต้องขอกลับคำพูดทันที เมื่อสิ่งที่ยาตะเห็น มีเพียงเลนส์แว่นสะท้อนแสงไฟห้องวิบวับจนไม่เห็นนัยน์ตาแบบนั้น ทำให้คนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก และตระหนักได้ถึงภัยอันตรายที่คุกคามถึงเตียง!!

       
       

                      ไอ้ลิงเวรนี่ มันเอาจริง!!

       

                      “เสื้อเชิ้ตแล้วโล่งล่างเนี้ยนะฟุชิมิได้ยินยาตะร้องเสียงหลง ทันทีที่มือเย็นๆ ของเขาสัมผัสแตะโดนต้นขาอีกฝ่าย คนตัวเล็กอาละวาดหนักกว่าเดิมโดยไม่มีทีท่าจะเหนื่อย แม้จะอาละวาดมามากกว่าสิบนาทีแล้วก็ตาม


                      “ไม่ได้โล่งล่าง!!! ไม่เห็นเรอะ ใส่บ๊อกเซอร์อยู่!!!”


                      “จะใส่ ไม่ใส่ ค่ามันก็ออกมาเท่าเดิมนั่นแหละ มิซากิ ฉันจะบอกให้นะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก จะเขินอายก็ให้มันมีลิมิตเถอะ!!”  ฝ่าเท้าคนได้ฉายายาตะการาสึเตะที่ท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง พร้อมเสียงโวยวายแหวกลั่นกลางอากาศเมื่อพูดถึงเรื่องประสบการณ์ที่เขาต้องพบเจอมาตลอดกับฟุชิมิ

       
       

                      ใครก็ได้ตอบเขาที เขาพลาดไปสะกิดต่อม เปิดสวิตซ์ ไอ้ผู้ชายน่ากลัว แต่ดันเป็นคนของรัฐบาลนี่ตรงไหนกัน!!!

       


       

                      #2

                      พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีพายุเข้า แล้วก็เป็นไปดั่งคาด ยาตะ มิซากิ กลับมาในสภาพเปียกปอนคล้ายลูกหมาตกน้ำ พอๆ กับกองเสื้อผ้าที่เพิ่งซักตากแดดเมื่อเช้าโดนน้ำฝนชโลมเปียกจนเละเทะ และเสื้อผ้าค้างเติ่งในตู้ตัวสุดท้ายกลับเป็นเสื้อเชิ้ตที่ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ คนนั้น  ลืมทิ้งไว้ที่ห้อง


                      ครั้นจะให้ยืนตัวเปียก นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวในห้องก็ใช่ที่ ยาตะตัดสินใจหยิบเสื้อเชิ้ตตัวนั้นมาใส่แก้ขัดไปก่อน  ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงสายฝนที่โหมกระหน่ำจนน่ารำคาญใจ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลส้มหม่นเหม่อมองดูสภาพอากาศภายนอกแทบมองอะไรไม่เห็น มีเพียงม่านฝนบดบัง


                      “ไอ้เจ้าบ้านั่น ผักก็ไม่กิน ทำไมถึงสูงเอาๆ ได้นะชายหนุ่มบ่นเบาๆ เมื่อนึกถึงส่วนสูงที่ห่างเกินสิบเซ็นต์ฯนั้น กำลังทำพิษกับเขา มือเล็กพับแขนเสื้อขึ้นอย่างหงุดหงิด ชายเสื้อเชิ้ตที่ยาวจนคลุมบ๊อกเซอร์ที่ใส่ไว้ข้างล่างซะมิด แถมเย็นโล่งอีกตั้งหาก ถ้าไม่นับเรื่องพวกนั้น คงไม่มีอะไรผิดปรกติ ถ้า ยาตะ มิซากิ ไม่จับสังเกตอะไรได้สักอย่างเสียก่อน...

       

       

                      เสื้อทุกตัวในตู้เสื้อผ้า คือ เสื้อผ้าผ่านการซักสะอาด ตากแห้ง

       
       

                      ทั้งที่เป็นแบบนั้น เสื้อเชิ้ตเจ้ากรรมของฟุชิมิ ซารุฮิโกะ กลับมีกลิ่นประหลาดๆ แตกต่างจากเสื้อทั่วไป ไม่สิ ถ้าให้พูด ต่างจากเสื้อผ้าของเขา แน่นอน เสื้อตัวดังกล่าวผ่านกระบวนการซักสะอาด ผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม ล้วนเป็นยี่ห้อเดียวกันแท้ๆ ฉะนั้น...

       

       

                      เสื้อผ้าทุกตัวในตู้ก็ควรจะมีกลิ่นแบบเดียวกันสิ!! แต่เสื้อเชิ้ตนี้ กลับมีกลิ่นแปลกปลอมปะปนเข้ามาด้วย

       

       

                      “กลิ่นอะไรฟะ จะว่ากลิ่นอับก็ไม่ใช่ในขณะที่ปากบ่นอุบอิบ ก็พลางยกแขนเสื้อที่เลยข้อมือของตัวเองขึ้นมาประชิดจมูก ในสองพยายามไต่ตรองหาที่มา รวมถึงคำเรียกกลิ่นที่ว่า


                      ใช่แล้ว... มันไม่ใช่กลิ่นหอม แต่มันก็ไม่ใช่กลิ่นแย่ๆ อย่างพวกกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นของเหงื่อ   ตรงกันข้าม กลิ่นที่ว่า กลับให้ความรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ

       

       

                  กลิ่นที่ชวนให้รู้สึกดี ชวนให้ผ่อนคลาย และหลงใหล

                 

                  กลิ่นแบบเดียวกับซารุฮิโกะ...

       
       

                      ยาตะส่ายหน้าไปมา ไล่ความคิดเพียงชั่ววูบที่เข้ามาในหัว ก่อนชกเปรี้ยงเข้าให้กับกำแพง พร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ ครั้นพอคิดถึงคำๆ นั้นขึ้นมาอีกหน ก็เผลออุปทานได้กลิ่นเด่นชัดมากกว่าเดิมไปซะอย่างงั้น


                      คนตัวเล็กรู้สึกไอร้อนผ่าวทั่วใบหน้า สูดลมหายใจเข้าออก พยายามอย่างยิ่งกับการสงบสติอารมณ์ไม่ให้คิดถึงเรื่องเมื่อครู่ รับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นแรง

                     

                      โอเค ใจเย็น ยาตะ มิซากิ ใจเย็นๆ ...

       
       

                      เจ้าของฉายาอีกาสามขาปลอบตัวเองอยู่ในใจ  แต่ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ได้ตามหวัง เสียงประตูห้องพักของเขาก็เปิดดังลั่น ยาตะเผลอแหกปากดังตามเสียงประตูที่ว่า


                      ฟุชิมิ  ซารุฮิโกะ กำลังยืนบ่นอุบอิบจนฟังไม่ได้ศัพท์อยู่หน้าประตู พลางถอดรองเท้าบูทประจำเครื่องแบบเซปเตอร์โฟร์ของแคลนสีน้ำเงิน ร่มถูกวางพิงไว้ที่มุมห้อง  ชายหนุ่มร่างสูงเงยหน้ามองร่างเล็กมีทีท่าตื่นตกใจ กำลังยืนเด่น ณ ใจกลางห้องด้วยเสื้อเชิ้ตที่ยาวจนปิดเพียงต้นขา

                     

                  ประเด็นหลักคือ ไม่ใส่ท่อนล่าง หรือที่เรียกกันว่า กางเกง ซะด้วยสิ ....

       
       

                      “ฉันให้กุญแจห้องไปก็จริง แต่ช่วยหัดเคาะห้องบ้างสิฟะเสียงยาตะปลุกอีกฝ่ายให้หลุดจาภวังค์ได้สำเร็จ  เขาได้ยินเสียงจิ๊ดังลอดปากมาจากฟุชิมิ ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันกลับไปล๊อคประตูห้อง ก่อนย่างสามขุมด้วยออร่าอะไรสักอย่างที่ทำให้ยาตะตัดสินใจถอยร่นโดยอัตโนมัติ


                      “อะไร วันนี้แกน่ากลัวนะ...” คนโดนประชิดตัวหน้าซีด กลืนน้ำลายที่เหนียวฝืดคอ ในขณะที่เท้าของตัวเองค่อยๆ ถอยหลังไปเรื่อยๆ ดูท่าทางคำตอบที่ได้จะเป็นความเงียบ ยิ่งทำให้ยาตะใจเสียมากกว่าเดิม


                      “โอเค ยอมรับก่อนอย่างหนึ่ง ฉันไม่ได้เกลียดถ้านายจะแต่งตัวแบบนี้ แล้วฉันก็รู้ด้วย นายไม่ใช่ผู้หญิง แต่รู้ไหม มิซากิ บางครั้งคนเราก็ต้องระวังการแต่งตัวบ้างนะ

       

                      ความเงียบเข้าปกคลุมห้องชั่วขณะยาตะสะดุ้งเบาๆเมื่อแผ่นหลังของตนสัมผัสกับกำแพงห้อง และรู้ตัวไม่มีทางหนีต่อ เมื่อคนร่างสูงประชิดจนแทบจะสิงร่างมะรอมมะร่อ

                     

                      “เดี๋ยว... นี่นายเป็นพวกเฟติชขาเรอะ!!!” ยาตะ มิซากิ เห็นสีหน้าอันเอือมระอาที่เห็นได้ชัดจากใบหน้าของคนตัวสูง แสดงออกเสียหมดจนน่าหมั่นไส้

                      “ใช่ ไม่ใช่ มันเกี่ยวกันตรงไหน เป็นพวกเวอร์จิ้นแท้ๆ ยังอุตส่าห์จำศัพท์แบบนั้นมาด้วยนะ ประเด็นมันอยู่ที่เห็นมิซากิใส่ชุดแบบนี้ออกมา แถมโล่งล่างอีกต่างหาก มันควรไหมล่ะ!!” เสียงทะเลาะต่อล้อต่อเถียงจนกลายเป็นบทสนทนาปรกติในชีวิตประจำวันของพวกเขาไปเสียแล้ว และดูทีท่าจะไม่หยุดง่ายๆ ฟุชิมิเดาะลิ้นจนรู้สึกน่ารำคาญ พอๆ กับยาตะที่เห็นทีท่าอันไม่สบอารมณ์ของฟุชิมิยิ่งชวนให้กวนตะกอนขุ่นในใจ เจ้าตัวเถียงสุดใจ แม้จะเริ่มไอค่อกแค่กเพราะใช้เสียงมากเกินไปก็ตาม

                       “ไม่ได้โล่งล่าง ใส่บ๊อกเซอร์อยู่!!” คนถูกตำหนิเถียงคอเป็นเอ็น ก่อนถลกปลายเสื้อเชิ้ตโชว์กางเกงบ๊อกเซอร์สั้นที่ใส่ประจำเวลาอยู่ห้องให้ดู ก่อนที่จะตั้งสติได้ว่าการโชว์ของพรรค์นี้กับ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ ดูจะเป็นการกระทำที่ทำผิดพลาด พอๆ กับการตัดสายระเบิดผิดเส้นนั่นแหละ!!  

                      และก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามขนาดเก็บกระเป๋ากลับบ้านพ่อบ้านแม่ (??) เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินค่อนดำก็รวบตัวหิ้วอีกฝ่ายโยนลงเตียง เหมือนเชฟที่จัดวางอาหารพร้อมทานลงบนจาน


                      “เดี๋ยวนะ... ซารุ.... นายใจเย็นแปป สายตานายโคตรน่ากลัวเลยว่ะ...”


                      “เดี๋ยว...ซารุ ฉันบอกว่า....”


                      “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”

       

                      เหตุการณ์ถัดจากนั้น จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องบอกก็คงรู้ๆ กันอยู่แล้วล่ะนะ

               
           

                      #3

                      “หาข้าวเย็นกินเอง วันนี้ฉันไม่ทำ


                       น้ำเสียงของยาตะ ทำให้คนถูกนั่งตักรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน มือสีขาวซีดขยับเช็ดเรือนผมสีน้ำตาลหม่นต่อโดยไม่สนใจประโยคนั้น ก้มลงจูบใบหูเบาๆ คล้ายจะง้ออีกฝ่าย


                      “ฉันเลี้ยงเองก็ได้ อยากกินอะไร ซูชิเลยไหม แต่ไม่เอาปลาดิบนะ หรือจะสเต็กดี??  สั่งเลยไหมล่ะ?” ยาตะอมลม พองแก้มมากกว่าเดิม พลางกอดเข่าแน่นไม่มองหน้าคนที่เขากำลังพิงหลังอยู่


                      เสื้อเชิ้ตเจ้ากรรมยังอยู่ติดตัว โชคดีที่ไม่เลอะอะไรไม่ดีไม่งาม หลังอาบน้ำจนสบายตัวเขายังคงใส่มันได้ต่อ ส่วนคนที่แตกต่างไปจากเมื่อสักครู่มีเพียงฟุชิมิที่อยู่ในชุดลำลอง ปล่อยเครื่องแบบสีน้ำเงินแขวนไว้กับไม้แขวนผ้า


                      “ฉันไม่ได้ซื้อได้ง่ายๆ ด้วยของกินนะ!!”


                      “ถ้าอยากให้ฉันทำให้นายกิน ฉันไม่ทำนะ มิซากิคนตัวเล็กขมวดคิ้ว ฟังตรรกะอันแสนจะเอาแต่ใจจากคนตรงหน้า ฟุชิมิยักไหล่เป็นเชิงไม่ยี่หระ ว่าแล้วก็ปล่อยมือจากผ้าเช็ดตัว หยิบ PDA มากดเบอร์ โทรสั่งอาหารเองตามใจชอบโดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย


                      “เฮ้ย!! ไหนว่าจะเลี้ยง ให้ฉันสั่งสิ!!” ศอกคนตัวเล็กกระแทกเข้าที่ท้องหนุ่มแว่น ว่าแล้วมือเล็กกว่าก็คว้าเอาโทรศัพท์ในมือ ก่อนตัดสินใจเลือกเมนูที่อร่อย แล้วก็แพงที่สุดในร้าน


                      ฟุชิมิส่ายหน้าไปมา ก่อนสอดมือกอดเอวดึงตัวอีกฝ่ายให้พิงประชิดเขามากขึ้น พลางเอาคางเกยไว้ที่ไหล่สั่งเผื่อด้วย ไม่เอาสลัดนะเสียงงึมงำข้างหูทำให้ยาตะละความสนใจจากพนักงานในสายไปชั่วขณะ ยาตะพยักหน้าเอออออีกครั้ง ก่อนหันไปในใจคู่สนทนาในสายต่อ


                      PDA ถูกวางลงบนเตียง ยาตะ มิซากิ ดูจะอารมณ์ดีผิดจากเมื่อกี้ลิบลับ แถมทำน้ำเสียงคล้ายจะเยาะเย้ยเพียงเพราะได้สั่งของแพงๆ ให้อีกฝ่ายกระเป๋าฉีกเล่นเสียอีก

       
       

                  ทั้งๆ ที่ไม่รู้สถานะตัวเองแท้ๆ ...

                  สงสัยต้องเตือนบ้างแล้ว...

       

       

                      “เสื้อเชิ้ตนั่นน่ะ  เอาไปเถอะ ฉันให้ฟุชิมิเอ่ยด้วยประโยคที่เบาหวิว แต่สยบพฤติกรรมอีกฝ่ายให้นิ่งเงียบได้เสียสนิท  เขาเห็นใบหูอีกฝ่ายเริ่มแดงจนอดขำในใจไม่ได้


                      “ก็บอกว่ายืม ไม่ได้อยากได้ ฮึ่ยยยยยย ฉันสั่งอาหารเพิ่มได้ไหม จะสั่งให้หมดร้าน กินจนแกหมดตูดเลย!!!”


                      “แย่หน่อยนะ ถ้าจะทำแบบนั้นจริง มิซากิคงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตแน่ๆพร้อมรอยยิ้มอันแสนมั่นอกมั่นใจ จนอดไม่ได้ที่จะกระทุ้งศอกเข้าไปอีกสักหน


                      “งวดหน้า ลองใส่ถุงเท้ายาวๆ บ้างก็ดีนะ มิซากิ


                      “ไม่ใส่เฟ้ย ไอ้ลิงลามก” 


                      การต่อล้อต่อเถียงที่กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันดังขึ้นอีกหน แม้ดูทีท่าจะโต้เถียงกันไม่จบไม่สิ้น แต่กลับไร้ซึ่งบรรยากาศของความไม่พอใจจากการปะทะของคนทั้งสอง


                      และฝนยังคงตกโปรยปราย... ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้เวลาต่อล้อต่อเถียงกันอีกสักนิด กว่าท้องฟ้าจะแจ่มใสอีกครั้ง

       
       

                      #4

                      ถ้าถามว่าชอบ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ ตรงไหน


                  สำหรับ ยาตะ มิซากิ แล้ว  ชั่วชีวิตนี้เขาคงตอบไม่ได้


                  ข้อเสียของอีกฝ่ายนั้น มากมายเกินจะพูดได้หมด และก็ไม่เข้าใจด้วยว่า ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ มีดีตรงไหน


                  แต่เขากลับชอบมาก... บางที คำว่าชอบ อาจจะน้อยไปเสียด้วยซ้ำ...

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×