Fic [K-Project] : Snowy Day - Fic [K-Project] : Snowy Day นิยาย Fic [K-Project] : Snowy Day : Dek-D.com - Writer

    Fic [K-Project] : Snowy Day

    เบอร์สามแห่งเซปเตอร์โฟร์ จอมเอาแต่ใจเป็นอันดับหนึ่ง กับ หมอนข้างอุ่นๆ ส่วนตัวในวันที่พายุหิมะที่ตกหนัก ก่อนวันคริสมาสตร์จนทำให้ผู้คนต้องหยุดงาน

    ผู้เข้าชมรวม

    1,170

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.17K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    34
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ธ.ค. 56 / 00:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Fic  :  Snowy Day 

     

     

    Form : [K-Project] 

     

     

    Pairing : sarumi  


    หายไปนาน  กลับมาวอร์มเครื่องด้วยฟิคสั้นซารุมิอีกหนคะ  พอดีว่ามีโปรเจคใหญ่ เลยมีความจำเป้นต้องวอร์มเครื่องนิดหน่อย (ฮา)   แต่งวดนี้ยังอยู่กันที่ซีรี่ย์การอยู่กินกันของซารุมิเหมือนเดิม เย่ห์ 


    สำหรับธีมงวดนี้มาจากเรื่องใกล้ตัวของเพื่อนเราทั้งสองคนคะ  คนหนึ่งเป็นคนที่มือเย็นมาก ต่อให้ใส่เสื้อหนาแค่ไหน คุณเพื่อนคนนี้ก็จะมือเย็น ตัวเย็นตลอด  แถมเจ้าตัวชอบวิ่งไล่เอามือเย็นๆตัวเองแตะชาวบ้านด้วย  ส่วนเพื่อนเราอีกคนนี้ เรียกว่ามีออร่าฮีทเตอร์มาเลย แค่นั่งใกล้ๆก็รู้สึกรังสีอุ่นๆแล้วคะ ก๊าก 


    เราเลยคิดว่า ซารุมิจะเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่านะ LoL 


    ก็เลยเป็นที่มาของฟิคงวดนี้  แต่ที่จริงแล้ว เราแค่อยากเขียนเบอร์สามของเซปเตอร์โฟร์ แท้จริงแล้วน่าจะเป็นจอมอ้อนแฟน แถมเอาแต่ใจเหมือนเด็กตั้งหากละ (ก๊าก) 


    ก็หวังว่าจะชอบกันนะคะ  

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      วันนี้ อากาศหนาวเย็นผิดปรกติ

       
       

                      ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ รู้สึกอย่างนั้น และยิ่งรู้สึกถึงไอเย็นนั้นหนักหนาขึ้น เมื่อสัมผัสได้ว่าคนที่นอนข้างตนเป็นปรกติทิ้งไว้เพียงหมอนเปล่าๆ ไร้ร่างบางที่เขากอดอยู่ทุกคืน


                      ภายนอกหน้าต่างโปรยปรายไปด้วยหิมะสีขาว ชายหนุ่มหลับๆ ตื่นๆ เฝ้ารอนาฬิกาที่หัวนอนส่งเสียงปลุก ฟุชิมิรู้สึกตัวเองรอนานผิดปรกติจนทนไม่ไหว ลุกขึ้นหยิบแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมหนาสีดำขึ้นสวม มองตรงไปยังนาฬิกาที่ตีบอกเวลาเลยช่วงที่เขาควรตื่นไปทำงานได้แล้ว


                      “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ  หายากนะ แกตื่นสายขนาดนี้” ต้นเสียงทำให้เขาเงยหน้าจากนาฬิกาปลุก เห็นร่างบางใส่เสื้อสเวตเตอร์หนาและกางเกงขายาวเดินเข้ามาในห้อง แล้วตรงไปยังตู้เสื้อผ้า ได้ยินเสียงพึมพำบ่นเรื่องอากาศหนาวๆ ที่กำลังเผชิญอยู่


                      “ทำไมนายไม่ปลุก” คนเพิ่งตื่นนอนพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียเจือไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เสียงจิ๊ในลำคอดังออกมามากพอที่ทำให้คนฟังรับรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์เสียมากแค่ไหน 

                      เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลส้มชะงัก แล้วขยับหันไปมองอีกฝ่ายที่ตีสีหน้าคล้ายกับจะหาเรื่อง  “หือ... อ้อ แกไม่รู้สินะ จู่ๆ เมื่อเช้าพายุหิมะตกหนัก ลมพายุข้างนอกก็แรง เห็นประกาศกันโครมๆ ออกทีวีว่างดออกจากบ้าน พวกชุดสีน้ำเงินนั้นก็โทรมาหาแกเหมือนกัน บอกว่าวันนี้หยุดงาน ฉันก็เลยไม่ปลุก ปล่อยแกนอนต่อน่ะ”


                      คนตัวเล็กเอ่ยปากตอบเสร็จสรรพ หันไปสนใจคุ้ยหาเสื้อผ้าหนาๆ เพิ่ม สิ่งที่ได้กลับมาคือเสื้อคาร์ดิแกนหนา ก่อนมือเล็กจะปิดประตูตู้เสื้อผ้าลงอย่างแผ่วเบา


                      “สรุป วันนี้แกได้หยุดงาน เลิกทำหน้าเหมือนจะใส่ร้ายฉันอย่างงั้นซะที ซารุฮิโกะ ฉันไม่ได้ลืมปลุกแกนะ” ยาตะ มิซากิ เท้าสะเอว ชักสีหน้ากลับมองคนตัวสูงที่นั่งขอบเตียง มือกร้านวางนาฬิกาปลุกกลับที่เดิม ว่าแล้วคนเพิ่งตื่นนอนก็ปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยปรกติหลังจบประโยคนั้น  นัยน์ตาสีน้ำเงินเหม่อมองออกนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยหิมะที่เกาะอยู่บางส่วนที่กระจก แม้จะไม่ออกไปยืนข้างนอกแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงลมแรงผิดปรกติ และหิมะที่หนาวเหน็บมากกว่าทุกวัน

       

       

                      มิน่า... วันนี้ถึงได้หนาวเป็นพิเศษ

                     

                  “ท่าทางปีนี้คงจะไวท์คริสต์มาสสินะ” ยาตะพึมพำออกมา ในขณะที่นัยน์ตาสีอำพันก็มองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดียวกับฟุชิมิ เห็นทีท่ายักไหล่ราวกับไม่สนใจของคนตัวสูงที่น่าหมั่นไส้  สภาพผู้เป็นถึงเบอร์สามแห่งเซปเตอร์โฟร์ตอนนี้จัดได้ว่าดูไม่ได้ ถามว่าดูไม่ได้ขนาดไหน ก็ขั้นไม่สมควรให้ลูกน้องในที่ทำงานมาเห็น ไม่งั้นอาจเสียความเชื่อถือเสียดื้อๆ

                      หัวที่เคยหวีเป็นทรงเรียบร้อยนั้นดูยุ่งเหยิง สีหน้าที่ดูอารมณ์เสียอย่างคนเพิ่งตื่นนอน ดูยังไงก็คนละสภาพกับตอนแต่งเครื่องแบบเต็มยศราวกับฟ้าและเหว นี่ยังไม่รวมถึงทีท่าที่เป็นเด็กโตแต่ตัว จอมเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งเวลาอยู่ในบ้านอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ในหน้าที่กลับรับผิดชอบ สั่งการ เป็นผู้นำมากกว่านี้แท้ๆ


                  “สนใจวันคริสต์มาสด้วยรึไง มิซากิ จะว่าไป... ถ้าโชคดีซานต้าคงจะคิดว่านายเป็นเด็ก แล้วเอาของขวัญมาวางไว้ให้ก็ได้นะ มิซากิ” เสียงอีกฝ่ายดังขึ้นเรียกสติ สมองของฟุชิมิยังทำหน้าที่กัดแขวะอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี แม้สภาพเขาตอนนี้จะโหลดทุกสิ่งทุกอย่างในหัวยังไม่ได้เต็มร้อยก็ตาม 

                      ยาตะสะบัดหัวไล่ความคิดเปรียบเทียบที่ว่านั้นออกจากหัว ก่อนโวยวายกลับทันทีที่ประมวลคำพูดของคนตัวสูงเสร็จ พลางก้าวเท้าเดินไปใกล้คนเครื่องยังไม่โหลด ก่อนทิ้งเสื้อคาร์ดิเกนที่อีกฝ่ายใส่ประจำลงกับตักฟุชิมิ


                      ฟุชิมิมองเสื้อที่ถูกหยิบมาเมื่อครู่แล้ววางลง นัยน์ตาสะท้อนภาพคนร่างบางยืนเท้าสะเอวพลางถอนหายใจยืนอยู่ตรงหน้าเขา

                      “ถ้าจะนอนต่อ ฉันก็ไม่ว่าหรอก แต่ใส่ซะ แกยิ่งเป็นพวกตัวเย็นอยู่ด้วย แต่ถ้าจะลุกละก็... ข้าวเช้ายังอยู่บนโต๊ะ อุ่นเอาเองแล้วกัน ฉันจะไปเล่นเกมต่อละ” ยาตะโบกไม้โบกมือ ตั้งท่าจะเดินออกห่าง กว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงข้อมือเข้าสู่อ้อมกอดเย็นๆ ของคนเพิ่งตื่นนอนเสียแล้ว

                      “ชะ เชะ เย็นเฟ้ย !!! อะไรของแกเนี่ย” เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันขนลุกไปทั่วร่าง ทันทีที่ผิวของเขาสัมผัสกับผิวเย็นๆของอีกฝ่าย  แต่เดิมฟุชิมิเป็นคนที่ตัวเย็นกว่าคนปรกติทั่วไปอยู่แล้ว และเมื่อถึงช่วงฤดูหนาวยิ่งไปกันใหญ่ มันกลายเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่อยากโดนอีกฝ่ายกอดเป็นที่สุด ก็เพราะความที่ตัวเย็นเกินพอดีของ ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ นั้นแหละ ที่ทำเหตุ !!

                  ยาตะได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่าย ทั่วทั้งห้องนอนนั้นเงียบไร้เสียงรบกวน มีเพียงเสียงสะท้อนของทีวีที่เปิดทิ้งไว้ ณ ห้องนั่งเล่น ดังลอดประตูห้องนอนเข้ามา คนตัวเล็กกว่าใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการดิ้นขลุกๆ ออกจากอ้อมกอดเย็นๆ ที่ไม่ชวนให้อุ่นสักนิด นอกจากไม่อุ่นแล้ว ยังรู้สึกเหมือนโดนดูดความอบอุ่นที่สะสมมาตลอดออกไปหมดยังไงยังงั้น

                      “เลิกดิ้นสักทีเถอะน่า ฉันหนาว” เสียงเอื่อยๆ ของฟุชิมิดังขึ้นข้างหู เรียวแขนกอดอีกฝ่ายหนุบหนับไม่คิดจะปล่อย ซ้ำยังล้มตัวลงกับเตียง กอดซุกอีกฝ่าย แสดงตัวเป็นเด็กจอมเอาแต่ใจอย่างเต็มที่

                      “ก็เลยมากอดฉันเนี่ยนะ เหอะ... กอดแกฤดูนี้มันนรกแช่แข็งชัดๆ นี่แกไปนอนในอ่างน้ำแข็งรึไงฟะ” ยาตะกรอกตาไปมา จ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้าที่ยิ้มไม่สนใจความทุกข์ร้อนของอีกฝ่าย สำหรับอดีตยาตะการาสุ รอยยิ้มที่ว่านี่ เป็นรอยยิ้มกวนประสาทชัดๆ ห่างไกลกับคำว่าอ่อนโยนอยู่หลายขุม

                      “มิซากิตัวอุ่นเอง ช่วยไม่ได้”

                 

                      คำว่า เด็กเอาแต่ใจ คงเป็นคำนิยามที่เหมาะสมกับคนตรงหน้าที่สุดแล้ว...

                     

                      “อย่าพูดเหมือนโบ้ยความผิดให้ฉันเหอะ ไอ้ลิงเวร ปล่อยได้แล้ว ฉันเล่นเกมค้างไว้ ทีวีก็ดูค้างไว้ด้วย !!

                      “คิดว่าฉันสนไหมละ ? มิซากิ” คำโต้เถียงที่ได้ยินบ่อยๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันนั้นดังขึ้น  ยาตะขมวดคิ้วเป็นคำตอบเมื่อคำตอบอีกฝ่าย  โต้เถียงกันไปเท่าไหร่ก็ดูจะไม่ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะท้านแม้แต่นิด

       

                      ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ ก็ยังเป็น ฟุชิมิ ซารุฮิโกะ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อสมัยที่พวกเขาพบกันในครั้งแรกหรอกนะ ยาตะ มิซากิ ขอยืนยันแบบนั้น

                 

                  เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มค่อนดำกระชับอ้อมกอดจนระยะห่างนั้นเท่ากับศูนย์เซนติเมตร สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของคนจอมโวยวาย และไออุ่นที่ผ้าห่มรึเสื้อคาร์ดิเกนนั้นทาบไม่ติด  นานๆ หนฟุชิมิจะรู้สึกตัวเองโชคดี เขาขยับริมฝีปากแตะริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ กอดซุกไซร้ไปมาคล้ายกับเด็กที่อ้อนขออะไรสักอย่างที่ตนต้องการ

                      “เงียบได้รึยัง ฉันจะนอน” ฟุชิมิมิเห็นยาตะอ้าปากค้าง ไม่แน่ใจว่าตกใจเรื่องอะไรกันแน่ระหว่างเรื่องจูบ รึ เรื่องที่เขาเอาแต่ใจกันแน่ ว่าแล้วเจ้าตัวก็ปิดเปลือกตาลง ทิ้งตัวเองเข้าห้วงแห่งความฝันอีกครั้ง โดยไม่สนใจเสียงโวยวายที่ดังตามมา แต่ดูท่าทางครั้งนี้จะฝันดีเป็นพิเศษ เพราะหมอนข้างใบโปรดของเขากลับมานอนข้างๆ สมใจอยากเป็นที่เรียบร้อย

       
       

                      ไอ้คนโตแต่ตัว แต่สมองเด็กนี่หลับฝันดีแล้ว แล้วเขาล่ะ ?

       
       

                      ยาตะ มิซากิ ตีหน้าไม่ถูกว่าควรจะทำยังไง เมื่อเขากลายสภาพเป็นหมอนข้างให้อีกฝ่ายโดยไม่มีการยื่นอุทธรณ์ขอยกเลิกสถานะภาพที่เป็นอยู่ แค่จะขยับตัวก็ยังยาก คนตัวเล็กกว่าได้แต่พึมพำก่นด่าในใจ พลางถอนหายใจอย่างปลงตก เมื่อพยายามแล้วไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมกอดอีกฝ่ายได้

                      หิมะนอกหน้าต่างยังคงโปรยปรายพร้อมพายุลมแรง ทั่วทั้งห้องนอนนั้นเงียบสนิท จนได้ยินเสียงรายการทีวียังคงดังแว่วมาสม่ำเสมอจากห้องนั่งเล่น ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจ เสียงลมหายใจของพวกเขาทั้งสอง

                      เนื้อตัวของฟุชิมิยังคงเย็นเฉียบ แต่ยังดีที่มันเริ่มอุ่นขึ้นบ้างหลังจากที่ดูดซับความอบอุ่นจากร่างกายเขาไปซะหมด ยาตะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเขี่ยผ้าห่ม ให้มาคลุมทับตัวเขาทั้งสองได้สำเร็จ

                  คนตัวเล็กกำลังชั่งใจ นัยน์ตาสีอำพันมีแค่สองทางเลือกว่า จะนอนจ้องหน้าอีกฝ่าย หรือจะหลับตาลงหนีภาพตรงหน้า  แน่นอนว่าเลือกแบบไหนก็ล้วนไม่มีผลใดๆที่ทำให้ฟุชิมิเลิกกระทำการแบบนี้ทั้งนั้น สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะหลับตา หลับไปอีกรอบพร้อมๆ กับเจ้าของอ้อมกอดเย็นๆ

       

                      เว้นไว้ให้สักวันแล้วกัน...

       

                      รอยยิ้มเจืออยู่บนหน้าคนได้ฉายายาตะการาสุ  ขยับตัวฟังเสียงหัวใจและลมหายใจของอีกฝ่ายแทนเพลงกล่อม ถึงจะใช้เวลาข่มตาหลับนานกว่าปรกติเสียหน่อย แต่คงไม่มีปัญหานัก ดูท่าการหลับอีกสักรอบในตอนเช้าๆแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่แย่อย่างที่คิด

       

                      ในวันนี้ที่อากาศหนาวเย็นผิดปรกติ หรือจะร้อนจนเทอโมมิเตอร์แทบพังก็ตาม แต่สำหรับพวกเขาคงไม่เป็นไร  เพราะต่างฝ่ายต่างมีอ้อมกอดเย็นเป็นน้ำแข็งกับ หมอนข้างที่อุ่นเป็นฮีทเตอร์ คอยปรับสมดุลให้กันและกันแล้วยังไงล่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×