Painful (ความเจ็บช้ำ) [yaoi] - Painful (ความเจ็บช้ำ) [yaoi] นิยาย Painful (ความเจ็บช้ำ) [yaoi] : Dek-D.com - Writer

    Painful (ความเจ็บช้ำ) [yaoi]

    ความรักของคนหนึ่งคนที่สามารถแสดงให้เห็นถึงตัวตนและความรักของตัวเองมากที่สุด เรื่องราวนี้สามารถบอกให้ท่านได้รับรุ้ถึงบางสิ่งที่สวยงามและเจ็บช้ำในเวลาเดียว (ถ้าใครไม่ประสงค์อ่านไม่ต้องอ่านนะค่ะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    3,337

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    3.33K

    ความคิดเห็น


    28

    คนติดตาม


    15
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 มี.ค. 49 / 22:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Painful (ความเจ็บช้ำ)

       

      By: kazena

       

      คงเป็นธรรมชาติของคนเราซินะ....

       

      เพราะ เมื่อหัวใจมีรัก...ก็ย่อมจะมีความสุข

       

      แต่เมื่อหัวใจไร้รักล่ะ...รู้ไหมมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

       

      ความเศร้า...ความเหงา ความทุกข์ระทม

       

      กลับเพิ่มพูนขึ้นอยู่ทุกวัน......

       

      ไม่เว้นแม้แต่..ความเจ็บช้ำภายใจจิตใจ....

       

      = = = = = = = =

       

      ปังๆ!...

       

      เสียงกระแทกประตูดังลั่น บ่งบอกถึงการมาของใครบางคน

       

      ชายหนุ่มหน้าสวยมองนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างเตียงนอนก่อนที่จะรีบลุกขึ้นเดินออกไป

       

      แต่เมื่อไปถึงแล้วสิ่งที่พบเห็น กลับทำให้เจ็บปวด....

       

      ร่างสองร่างที่กำลังกอดกันอย่างนัวเนีย อยู่บนโซฟาหนังสีดำสนิท ที่เขารัก

       

      ภาพที่เห็น นั้นได้กรีดหัวใจเขาออกไปเป็นเสี่ยงๆ

       

      คนที่เขารัก...กับคนที่ไม่คุ้นหน้าอีกเหมือนเคย

       

      คนๆ นั้นสวยมาก...สวยกว่าผมซะอีก

       

      ดูน่าหลงใหล...เหมือนกับทุกคนที่ผ่านมา

       

      ใจก็รู้อยู่แล้วว่า มันเป็นสิ่งที่เขา...ต้องการ

       

      ไม่เคยซ้ำหน้า...บางครั้งผู้หญิง...บางครั้งผู้ชาย....

       

      จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ

       

      ดาย......

       

      ผมได้ยิน เสียงครางเบาๆ ดังลอดผ่านมา

       

      แววตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ รอยยิ้มเยาะที่เกิดขึ้น

       

      ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องอยู่ที่นี่

       

      ผมพาร่างตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอย่างเดิม...ไม่เปลี่ยนแปลง

       

      ผมเคยถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้

       

      แต่สิ่งที่ได้กับมาคือการผลักไสไล่ส่ง....ไล่ไปให้พ้นๆ หน้า

       

      แต่เขานั้นจะรู้บ้างไหมว่า ผมนั้นรู้สึกอย่างไร?

       

       

      กี่ครั้งแล้วที่น้ำตานั้นรินไหล

       

      กี่ครั้งแล้วที่ใจนี้ต้องร้าวราน

       

      กี่ครั้งแล้วที่ใจนี้ทรมาน

       

      ต้องจำทนความรู้สึกของจิตใจ

       

      เหมือนคมมีดที่ทิ่มแทงใจแห่งรัก

       

      ยากยิ่งนัก...กว่าจะรับสิ่งนั้นได้

       

      เพราะใจนี้รักเธอหมดทั้งใจ

       

      กลับไม่มีความห่วงใย...ซักนิดเดียว...

       

       

      ผมหยิบช้อนแช่น้ำแข็งมาประคบดวงตาอันบวมช้ำ ที่ผ่านการร้องไห้มาตลอดคืน

       

      ผมจัดเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขา....ของที่เขาชอบทั้งนั้น

       

      อรุณสวัสดิ์...ตื่นนานแล้วหรอ ผมเอ่ยพูดเมื่อได้ยินเสียงเดินเข้ามาทางด้านหลัง

       

      นานแล้วล่ะ.... เผอิญเมื่อคืนนอนหลับฝันดีน่ะ วันนี้เลยตื่นเช้า

       

      คาโอรุรีบหันไปมองเมื่อได้ยินประโยคนั้น

       

      ชายหนุ่มหน้าสวย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวตัวเดียว ยืนพิงประตูห้องครัวอย่างสบายอารมณ์

       

      ดายนี่ก็ดีนะ รู้จักเก็บของเก่าไว้ด้วย แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยจะได้ใช้ซักเท่าไรเลยว่ามะ หึๆ แววตาอันเหยียดหยามที่สะท้อนออกมาจากภายในสามารถบ่งบอกถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

       

      รู้ไหม ว่าเพระอะไร....โทชิยะยิ้มน้อยๆ ให้กับความขลาดกลัวของคาโอรุ

       

      เพราะว่าเธอมันน่าเบื่อสิ้นดีน่ะซิ...รู้ไว้ซะด้วยนะ....คาโอรุ โทชิยะหัวเราะแล้วเดินหันกลับออกไป

       

       

      ความเจ็บแค้นที่กองสุมขึ้นภายในจิตใจ

       

      ทำไม....ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้

       

      เสียงปิดประตู...สามารถปลุกความรู้สึกของคาโอรุขึ้นมาได้

       

      ไปแล้วซินะ......ตอนนี้ก็คงเหลือแต่......

       

       

      ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบางรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินไปวางอาหารเช้าบนโต๊ะตัวเดิมอย่างที่เคยทำ

       

      โดยที่ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มเหมือนเคยไม่เปลี่ยนแปลง

       

      อรุณสวัสดิ์ดาย ทานข้าวเช้าก่อนซิ วันนี้มีซุปสาหร่ายของโปรดด้วย ร่างบางยกชามซุปในมือขึ้นให้เขาดู

       

      อาหารที่ดายชอบทั้งนั้นไม่ใช่หรอ

       

      เพล้ง เสียงชามกระเบื้องเคลือบตกแตกยังดังอยู่ในหู รวมทั้งข้าวของบนโต๊ะที่กระจายลงมาอยู่บนพื้น

       

      ผมเดินเข้าไปเก็บจาน ชามที่เขาปัดทิ้ง ไม่หิวใช่ไหม.....ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลา

       

      ผมก้มหน้าก้มตาเก็บก่อนที่ประตูจะปิดลงอย่างแรงตามแรงอารมณ์

       

      ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร อย่าร้องไห้อีกเลย คาโอรุ อย่าร้อง....

       

      นายจะต้องเข้มแข็ง....ห้ามร้องไห้เด็ดขาดรู้ไหม

       

      คำปลอบใจที่ดังขึ้นอยู่ในหัว...กลับเป็นคมมีดที่กรีดลงให้ลึกเข้าไปในใจ......

       

      น้ำตาที่รินไหล....ไม่สามารถหยุดเลยได้ซักนิดเดียว

       

      * - * - * - * - * - * - * - * - *

       

      ตอนบ่ายผมต้องเข้าไปส่งตัวอย่างเพลงที่เขียนให้กับวงดนตรีของชินยะ

       

      อืม....ทำไมเพลงช่วงนี้ของคาโอรุซัง ถึงเศร้าขนาดนี้ละ ทำให้นักร้องวงเราร้องไห้หมดน้ำตาไปเป็นปี๊บแล้วนา พูดจบชินยะหัวเราะกับอาการตาแดงๆ ของเคียว ส่วนผมก็พยายามจะเค้นหัวเราะให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าจะไม่ค่อยสำเร็จซักเท่าไร...

       

      เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ..คาโอรุซัง เดี๋ยวนี้ดูเศร้าๆนะ

       

      ความห่วงใยที่แสดงผ่านออกมาทางแววตา กลับต้องให้ผมหันหน้าออกไปมองอย่างอื่นทุกที

       

      ไม่เป็นไรครับ...แค่เศร้ากับเนื้อเพลงนิดหน่อย ผมยิ้มให้เขาบางๆ

       

      ชินยะตบบ่าผมอย่างสนิทสนม อย่าหักโหมมากเกินไปนักนะฮะ ไอ้เตี้ยนี่ก็ไม่ได้เร่งงานอะไร ค่อยๆทำไปก็ได้ พยายามเข้านะ

       

      ครับ...ขอบคุณครับ ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นเคียวหน้าบู้

       

      เฮ้อ!!!!.. เป็นคนดีจริงๆเลยนะ ชินยะคุง....

       

      อืม...ดี แต่คืนนี้ว่างไหมฮะ เดี๋ยวพวกผมจะขอเลี้ยงคาโอรุซัง ซักหน่อย คงไม่รังเกียจกันนะ มิยาบิยกคิ้วถาม

       

      เออ....คือ......

       

      เอาน่า....ไม่ดึกหรอก...แค่พอประมาณ ซากิโตะเร่งเร้าพรางพยักหน้าหงึกๆ

       

      ใช่ๆๆ ยังไงคุณเป็นคนที่แต่งเพลงให้นักร้องของเราอยู่ดีนั่นแหละ นะฮะ อวยพรให้กับอนาคตของพวกเราหน่อย และอีกอย่างนะฮะ เราก็ควรจะหาความสุขใส่ชีวิตตัวเองซะบ้างถึงจะดี คาซูกิพูดอย่างเน้นย้ำได้ปลื้มตัวเอง

       

      ผมจนใจในคำตอบเลยต้องพยักหน้า...ความสุขหรอ....

       

      หายไปนานเลยนะ ......

       

      วันนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับก็ได้เพราะถึงยังไง ถ้ากลับไปแล้วก็คงจะเหมือนเดิม....ไม่เปลี่ยนแปลง...

       

      พวกชินยะ เคียว มิยาบิ ซากิโตะ คาซูกิ พาผมมากินเนื้อย่าง แล้วมาต่อด้วยไปดื่มฉลองที่ผับชื่อดังในย่านชินจูกุ ไม่ได้มาแถวนี้ซะตั้งนาน เปลี่ยนไปตั้งเยอะแนะ มีผับเปิดใหม่ตั้งมากมาย ถ้าไม่เดินเข้ามาก็คงไม่รู้เลยนะเนี่ย เปิดซะหรูหราคนก็เยอะแยะ ไม่ผิดกับเมื่อก่อนซักเท่าไรเลย

       

      ขอบคุณนะชินยะ ทำให้ผมสบายดีขึ้นเยอะเลย ผมพูดกับชินยะในขณะที่เพื่อนๆ เขาไปดิ้นกันแล้ว มิยาบิก็ไปดิ้นกับเคียว ส่วนซากิโตะกับคาซูกิ มีนัดต่อเลยต้องรีบกลับ

       

      แต่ตัวผมเองนั้นในวันนี้ ที่นี้ และวินาทีนี้ ความเศร้าที่เคยเกาะกุมอยู่ในจิตใจได้จางหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ แต่รอยแผลเป็นก็คือรอยแผลเป็นซินะ ถึงแม้จะยังไง สุดท้ายมันก็ยังคอยย้ำเตือนความรู้สึกเดิมๆ ที่ไม่มีวันจะรักษาให้หายขาดได้เลยซักนิดเดียว

       

      ไปเต้นกันไหมละ ดูพวกนั้นเต้นซิ น่าสนุกออกนะ ไปเหอะนะคาโอรุซัง ชินยะไม่คอยคำตอบแต่กลับลากคาโอรุไปเต้นที่กลางฟลอร์อย่างเมามัน

       

      ทานอาหารค่ำด้วยกัน เต้นรำในผับ หึ...ครั้งสุดท้ายที่ไป มันนานเท่าไรแล้วนะ...

       

      พอเต้นไปได้ซักสอง สามเพลง ก็ได้ไปสะดุดกับจังหวะสโลว์ เขาดึงผมไปประชิดยิ่งขึ้น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ลอยโชยมา กลับทำให้หัวใจของผมนั้นล่องลอย มันเหมือนกับในนิยาย แต่ผิดตรงที่ว่าแทนที่จะเป็นผู้หญิงกับเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง

       

      ผมผมพิงศีรษะซบกับหัวไหล่อันแข็งแรงและปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามจังหวะของเพลงที่กำลังเล่นอยู่

       

      แต่แล้วผมก็ต้องตะลึง เมื่อมีอีกคู่หนึ่งที่เต้นอยู่บนฟลอร์ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

       

      แสงไฟที่สลัวมันอาจจะยากกับการมองเห็น จะน่าแปลกใจอะไรเล่าถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่คนรักของผม เขาหันหน้ามองขึ้นสบตากับผมพอดี ความรู้สึกที่วูบเข้ามาทำให้ผมอยากจะวิ่งหนี

       

      แต่ไม่ทันซะแล้ว....

       

      เขารีบผละออกจากคู่เต้นของเขาทันทีเพื่อที่จะมากระชากผมออกจากอ้อมกอดของชินยะ

       

      ทำไมถึงทำแบบนี้...เขาตวาดใส่ผมจนคาที่อยู่ข้างเคียงต้องหันมามองกันเป็นตาเดียว

       

      แล้วคุณล่ะ ผมย้อน

       

      นายไม่มีสิทธิ์มาเถียงชั้น ทำไมถึงต้องทำแบบนี้...ไอ้หมอนี่มันเป็นใครแล้วทำไมถึงมาอยู่กับมันได้

       

      ผมเจ็บข้อมือเพราะแรงบีบของเขา หากแต่ว่าหัวใจนั้นเจ็บยิ่งกว่า...

       

      เขาเป็นคนที่ผมทำงานให้ คุณไม่รู้หรือไง ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความปวดร้าว

       

      ไป...กลับบ้าน เขากระชากผมตัวปลิวออกมาจากผับ ไม่สนซักนิดว่าผมนั้นเจ็บแค่ไหน

       

      + / / + / + / + / + / + / + /

       

      พลัก!!ตัวของผมกระแทกกับเบาะ ก่อนที่เขาจะอ้อมไปที่นั่งคนขับ ปิดประตูเสียงดังอย่างไม่พอใจ

       

      ออกไปกับหมอนั่นได้ยังไง รถที่ถูกเร่งความเร็วตามอารมณ์ของคนขับ

       

      เขาชวน

       

      อ้อ!..งั้นหรอ ใครชวนก็ตอบรับไปกับเขาได้หมด นี่เห็นชั้นเป็นตัวอะไรกัน ห๋า!!!!ความเย็นในรถไม่สามารถเทียบได้กับหัวใจของผมในตอนนี้

       

      งั้นผมขอถามหน่อยเถอะ...ผมเป็นอะไรสำหรับคุณ

       

      เขาเงียบ...ไม่ตอบ

       

      ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ...หรือแม้แต่คุณเองก็ยังไม่รู้ หึ...

       

      ชั้นไม่เห็นจำได้เลยว่าเธอเป็นคนแบบนี้ ดายพูดเสียงเครียด

       

      ผมหลับตา ถอนหายใจอย่างเบาๆ แล้วเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง

       

      คุณไม่รู้เลยหรือไงกัน ว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้

       

      เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม...ที่มันทำให้เธอเป็นแบบนี้

       

      อย่าไปยุ่งกับชินยะคุงนะ เขาไม่รู้อะไรด้วยเลยซักนิดเดียว ผมหันไปจ้องหน้าและตวาดใส่เขา

       

      รักกันมากนิ...ปกป้องกันเข้าไป

       

      แล้วหมอนั่นมันมีดีอะไรถึงต้องทำให้เธอขึ้นเสียงใส่ชั้น แล้วยังไอ้สายตานั่นอีก!!!ดายตวาด

       

      เขาดีกว่าคุณก็แล้วกัน เขาเข้าใจผม เขาดีกับผม เขาแคร์ผม ผิดกับคุณที่ไม่ทำอะไรเลย

       

      เธอต้องการอะไรกันแน่คาโอรุ ดายจอดรถหน้าบ้านเสียงดังลั่น

       

      ก็ผมอยากให้คุณเป็นเหมือนเดิม เข้าใจไหมดาย ผมอยากให้คุณกอดผมเหมือนเดิมไม่ใช่แบบนี้ ผมตะโกนใส่เขา

       

      เอ๋อ...อย่างงี้ใช่ไหม แสดงว่าไอ้หมอนั่นมันกอดเธอมาตลอดเลยซิท่า ดูท่าว่าเธอจะ*ร่*า*นไม่เบาเลยนะ เขากระชากผมออกจาดรถ

       

      คุณเลวที่สุด แย่ที่สุด ไม่เคยเชื่อใจผมเลยใช่ไหม แล้วทีคุณล่ะ คนที่คุณพามาทุกๆคืนนะ เคยคิดบ้างไหมว่าผมเจ็บปวดแค่ไหน คุณรู้หรือเปล่า

       

      แรงบีบที่ข้อมือของผมแน่นขึ้นกว่าเดิม

       

      ชีวิตของชั้นเธอไม่เกี่ยว

       

      ผมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เพื่อย้ำเตือนจิตใจตัวเอง เชือกเส้นสุดท้ายที่ยึดเอาไว้ ขาดแล้วซินะ

       

      ชีวิตของคุณผมไม่เกี่ยว ผมไม่เกี่ยว ผมไม่เกี่ยว แล้วผมล่ะ คุณเห็นผมเป็นอะไร

       

      น่าจะขอบใจชั้นนะคาโอรุ ที่ไม่ทิ้งเธอไปน่ะ แรกๆ มันก็ดีอยู่หรอก แต่ฉันไม่ใช่คนที่จะกินอะไรซ้ำๆ ซากๆหรอกนะ

       

      น้ำตาที่รินไหล กับสิ่งที่ได้ยิน

       

      คุณเบื่อแล้วทำไมไม่ทิ้งผมไปซะล่ะ จะเก็บเอาไว้ทำไม เสียงตะโกน เสียงร้องไห้ที่ปริ่มจนแทบขาดใจกลับกลายเป็นแค่เพียงเสียงกระซิบเท่านั้น

       

      เธอก็เหมือนเดิม ยังไงชั้นก็ต้องรักเธออยู่แล้ว

       

      รัก อย่างนี้เขาเรียกกันว่ารักหรอ คำพูดที่ออกมาอย่างง่ายดาย

       

      รักงั้นหรอ...คุณจะใช่คำๆนี้ยื้อผมอีกนานแค่ไหน! แล้วคุณช่วยบอกผมหน่อยซิ!! ว่าผมต้องทำยังไง ผมไม่ใช่สิ่งของของคุณนะ ผมตะโกนลั่น

       

      หึๆๆ ทำไมเธอจะไม่ใช่สิ่งของของชั้น เธอขาดชั้นไม่ได้หรอกคาโอรุ ถ้าชั้นต้องการจะเอาเธอไปไว้ที่ไหนเธอก็ต้องไปและ ต้องอยู่ตรงนั้น จำเอาไว้

       

      เขากระชากผมให้เข้าไปในห้องนอนก่อนที่จะขว้างผมลงบนเตียงอย่างแรงเหมือนกับเป็นสิ่งของสิ่งหนึ่งที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ

       

      เขาคร่อมทับลงมากดตัวผมเอาไว้ ก่อนที่จะเอาเชือกมัดเอกสารข้างเตียงนอนของผมมัดไว้อย่างรวดเร็วจนขยับไม่ได้

       

      ไม่!!!!!!!!....อย่าทำอย่างนี้นะดาย ผมร้องเสียงหลง

       

      ได้...เธอต้องได้ เพราะชั้นเป็นเจ้าของเธอไม่ใช่หรอ หรือว่าเธอลืม ดายจับไหล่ผมเขย่าอย่างแรงด้วยความโกรธริมฝีปากที่อีกฝ่ายครอบครองถูกบดขยี้ตามแรงปรารถนา ของร่างสูง

       

      โอ๊ย!

       

      ดายปาดเลือดที่ไหลออกมาจากริมฝีปาก เพี้ยะ!!!ผมหน้าหันตามแรงตบ รู้สึกเจ็บใบหน้าทั้งสองข้างขึ้นมาจี๊ดๆ

       

      เดี๋ยวนี้กล้ากัดชั้นแล้วหรือไงคาโอรุ อยากลองดีใช่มั้ย ดายพูดไม่ขาดคำก่อนที่จะกระชากเสื้อออกมาอย่างไม่ใยดี ผมยิ่งดิ้นแล้วเขาก็ต่อยลงมากลางตัวผม ดายกระชากกางเกงผมออกก่อนที่จะแทรกกายลงมาอย่างป่าเถื่อน เสียงกรีดร้องที่ดังระงมมาจากความเจ็บปวด กลับไม่ทำให้เขาเบาแรงเลยแม้แต่นิดเดียว

       

      ดายขยับการเข้าออกตามอารมณ์ แรงกระแทกสุดท้าย เสียที่กรีดร้องออกมาก่อนที่ดายจะปลดปล่อยมันลงไปในตัวของผม ความรู้สึกสุดท้ายที่พอจะจำได้กลับรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะจางหายไปก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปบนเตียงอย่างแรง

       

       

      เช้านี้ผมค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างเบาๆ มือที่ลูบอย่างแผ่วเบาบนที่นอนข้างกายดายออกไปนานแล้วซินะ

       

      ความขมขื่นที่เพิ่มขึ้นมาในจิตใจ น่าสมเพสตัวเองซะจริงๆ พยายามที่จะลุกขึ้นยืนความรู้สึกเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ผมนั้นหลุดอุทานออกมา

       

      ผมค่อยๆ เดินพยุงตัวเองไปเก็บเศษผ้ารุ่งริ่ง จากการกระทำไปทิ้งในถังขยะ

       

      เลือดที่คั่งค้างไหลลงมาตามหว่างขาที่มีบางส่วนแห้งและติดกรังได้ไหลหยดลงมาอย่างประปรายตามทาง ผมเลยตัดสินใจที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไม่ต้องการที่จะทำความสะอาดมากนัก

       

      ภาพที่สะท้อนอยู่ตรงหน้า กลับทำให้น้ำตานั้นรินไหล

       

      เสียงที่แหบแห้งจากการกรีดร้อง ดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้ ริมฝีปากแตกจากการบดขยี้ ยังไม่รวมไปถึงใบหน้าและร่างกายที่เขียวเป็นจ้ำๆ จากการถูกทำร้ายอย่างไร้ความปราณี

       

      จะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน????....

       

       

      หัวใจนั้นสลาย        ยากแค้น

       

      ความรักที่แม้          หดหาย

       

      กายเจ็บนั้นบ่เท่า     ใจเลย ไฉนนา

       

      หัวใจช้ำหนักหนา   นั้นยากจักลืม

       

      End.

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×