ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New Year Maze

    ลำดับตอนที่ #5 : ว่าด้วยบานาน่าสเตท

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 51


    31 ธ.ค. 50 -- ว่าด้วยบานาน่าสเตท

     

    คุณเรียนรู้จากประสบการณ์ได้ดีแค่ไหน และความผิดพลาดสอนให้คุณฉลาดขึ้นได้มากเท่าไร นี่คือคำถามที่วนเวียนทดสอบยามคุณเดินไปข้างหน้า และเผชิญสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่คุ้นตา และอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปสำรวจทางที่ผ่านมาแล้วเพื่อสร้างข้อยืนยันว่าจะรับมือสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างถูกวิธี หากเป็นระยะห่างที่ไม่ไกลนักก็คงใช้เพียงสายตาเพ่งมองให้เห็นได้ หากเป็นระยะไกลออกไปก็คงต้องใช้สายตาบวกความทรงจำในการจำลองภาพในอดีต คนขับรถมือใหม่เก่งขึ้นได้ด้วยชั่วโมงการฝึกฝนที่มากขึ้น คนขับรถที่เคยหลงทางบนถนนสายหนึ่งคงจำทางได้ดีขึ้นเมื่อได้ขับกลับมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งที่สอง คนขับรถที่เคยถูกตำรวจตักเตือนเพราะปาดหน้ารถคันอื่นย่อมสังเกตถนนให้ละเอียดขึ้นว่าไม่มีตำรวจยืนอยู่ก่อนจะปฏิบัติการปาดในครั้งต่อไป คนขับรถที่เคยถูกปรับเพราะขับฝ่าไฟแดงอาจเริ่มรู้จักพลิกแพลงเสนอสินบนให้ตำรวจหากถูกจับในครั้งหน้า และคนขับรถซิ่งจนไปชนรถคันอื่นเสียหายยับเยินคงเรียนรู้ที่จะขับรถให้มักง่ายน้อยลง และระมัดระวังมากขึ้นเสียที หลังจากต้องควักกระเป๋าจ่ายจนหมดตัว มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ และเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากเป็นประสบการณ์แห่งความผิดพลาด และเรียนรู้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุดหากเป็นประสบการณ์แห่งความผิดพลาดที่เจ็บปวดถึงเนื้อถึงตัว ดังคำกล่าวฮิตติดหูที่ว่า ไม่เจ็บไม่จำ

     

    อย่างไรก็ดี หากความเจ็บปวดเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดดุดันที่สุด ความลุ่มหลงก็คือนักเรียนกบฏที่แสบสันดีๆนี่เอง แมงเม่ายอมตายเพราะลุ่มหลงในเปลวไฟที่โชติช่วงงดงาม หญิงสาวยอมละทิ้งชั่วโมงซิทอัพอันทรหดยาวนานเพราะเค้กสตอเบอรี่ครีมชีสแสนหอมหวนนุ่มละมุนลิ้นเพียงหนึ่งชิ้น นักพนันยอมเป็นหนี้สินซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อแลกกับเสี้ยววินาทีอันเร้าใจเพียงเสี้ยวเดียวยามลูกรูเลตหมุนโฉบเฉี่ยวอยู่บนรางวงกลมสีสวย ความเข็ดหลาบกับความลุ่มหลงมัวเมาคือศัตรูคู่แข่งที่หักกันไม่ลงมาแต่ไหนแต่ไร

     

    และการตกหลุมรักคือความมัวเมาในรูปแบบที่ประณีต สุนทรีย์ และงี่เง่าที่สุด ช่วงเวลาดังกล่าวสั้นพอๆกับเวลาที่รถไฟเหาะอยู่บนจุดสูงสุดของรางแล้วถลาวืดมาสู่พื้นดิน เธอรู้ซึ้งถึงความรู้สึกเหล่านี้เมื่อห้าเดือนกับอีกเกือบเจ็ดวันที่แล้ว และใช้เวลาในช่วงสองสามเดือนต่อมาไปกับจินตนาการเพ้อฝัน ความหวาดระแวง ความหึงหวง การรบเร้า การรอคอย เสียงโวยวาย ความสิ้นหวัง การถูกปฏิเสธ ความเสียใจ การฟูมฟาย ความเกรี้ยวโกรธ ความหดหู่ อาการปลงตก ความเสียดาย จินตนาการเพ้อฝัน (อีกรอบ) ความเดียวดาย และกลับมาสู่การปล่อยวางและสภาพสารเคมีในร่างกายที่สมดุลย์ในที่สุด สิ่งที่น่าสนใจต่อจากนี้คือ บททดสอบที่กำลังรอเธออยู่ในวันส่งท้ายปี 2550 วันที่ทุกอย่างเป็นใจให้คนเกิดอาการอยากมองย้อนหลัง แล้วฮึดสู้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม วันที่ความบังเอิญเผอิญเข้าข้างปฏิสัมพันธ์แบบโรแมนติก และเชื้อเชิญให้ผู้คนอยากนั่งรถไฟเหาะเป็นพิเศษ วันที่เธอกำลังจะได้รู้ว่าประสบการณ์สอนเธอได้ดีแค่ไหน และความผิดพลาดสอนให้เธอฉลาดขึ้นได้มากเพียงใด

     

    วันสุดท้ายของปี 2550 ตรงกับวันจันทร์ อากาศแจ่มใส แสงแดดเจิดจ้า เธอตื่นขึ้นตอนสายๆด้วยความรู้สึกว่าวันนี้ต้องเป็นวันที่ดีอีกหนึ่งวัน เธออาบน้ำ เลือกเสื้อผ้าแต่งตัวนานกว่าปกติเล็กน้อย แล้วใช้เวลาหน้ากระจกนานกว่าปกติอีกเล็กน้อย หลังจากจัดการกับอาการย้ำคิดย้ำทำที่กำเริบขึ้นเล็กน้อยเรียบร้อย เธอจึงลงมาชงกาแฟกินหนึ่งแก้ว ก่อนที่เขาจะโทรมาถามว่า แอร์ใส่เสื้อสีเหลืองรึเปล่าคะ พี่ใส่เสื้อสีเหลืองนะแน่นอนว่าเธอต้องเดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้ออีกรอบ แล้วเดินลงมาชงกาแฟกินเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว ในใจพลางพยายามทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อเป็นสีส้มตามเจ้านายสั่งเสียด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชายคนนี้กับเสื้อสีเหลือง ในที่สุดเธอก็เข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าปัญหานี้ยากเกินความเข้าใจ รู้แต่ว่ามีบางอย่างในน้ำเสียงของเขาที่ทำให้เธอปฏิเสธไม่ลงจริงๆ และนี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย

     

    อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา รถโฟว์วีลไดร์ฟคันใหญ่ก็มาจอดรับเธอถึงหน้าบ้าน ฟิล์มติดกระจกที่ค่อนข้างมืดทำให้เธอมองไม่เห็นข้างในรถ และเกิดลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดประตูหน้าด้านข้างคนขับ และแล้วก็โล่งอกที่ไม่ได้เปิดผิดคัน เขานั่งอยู่หลังพวงมาลัย ยิ้มต้อนรับอย่างสดชื่นภายใต้แว่นดำทรงเหลี่ยม เขาสวมเสื้อโปโล เรารักในหลวงสีเหลืองอ่อนกับกางเกงขาสั้นลายทหารตัวใหญ่ ข้อมือซ้ายที่วางไว้บนเกียร์สวมนาฬิกาสีดำ แอร์รอนานรึเปล่า เขาทักเป็นประโยคแรก แล้วค่อยๆขับรถออกจากซอย

     

    หลังจากใช้เวลาชั่วโมงครึ่งบนถนนใหญ่แปดเลน สิบนาที (รวมเบ็ดเสร็จ) กับการหว่านเสน่ห์โดยการหันมาจ้องเธอด้วยสายตาออดอ้อนที่คมกริบเป็นพักๆขณะรถยังวิ่งพร้อมกับคำพูดที่ว่า น่ารักจัง และอีกครึ่งชั่วโมงบนทางคดเคี้ยวเล็กๆที่ลัดเลาะไร่สวนและหมู่บ้าน เขาก็ขับรถอย่างไม่เร่งรีบเข้ามาจอดในที่จอดรถดินลูกรังข้างวัด แสงแดดจ้าของเวลาบ่ายทำให้เธอต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อลงจากรถ และสังเกตเห็นผู้คนเดินเล่นในบริเวณวัดและตลาดขายของกันอย่างหนาตา

     

    แอร์ร้อนรึเปล่าคะ เขาปิดประตูหลัง หลังจากหยิบกล้องนิคอนสีดำสนิทติดลำกล้องซูมตัวใหญ่แขวนคอไว้ พี่เอาร่มให้มั้ย

    ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้ร้อนขนาดนั้น

    เขากดรีโมทล็อกรถ แล้วเอากระเป๋าสตางค์ กระเป๋าใส่นามบัตร และโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง พี่เห็นแล้วเป็นห่วง กลัวเดี๋ยวเราดำ เห็นเราข๊าวขาวเขาเดินอ้อมหน้ารถมาหาเธอ

    สบายมากค่ะ เชื่อใจได้

    ทางนี้ค่ะ เขาชี้ไปด้านซ้ายมือ ลองไปเดินเที่ยวตลาดน้ำดูก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพี่ค่อยพาไปนั่งกินบรรยากาศริมทะเลกัน

    ชายหญิงสองคนในเสื้อสีเหลืองเข้าคู่เดินเลาะไปตามริมทางผ่านรถ จากนั้นเขาก็จับข้อศอกเธอเบาๆเพื่อพาเธอเดินข้ามถนนไป แล้วเดินเลี้ยวเข้าตรอกร้านค้าเล็กๆทางขวามือ แอร์เดินก่อนเลยค่ะ เขาหลบทางให้เธอเดินเข้าไปก่อนเนื่องจากคนพลุกพล่าน คนเยอะหน่อยนะ

    พวกเขาเดินคู่กันไปบนทางแคบๆ ผ่านร้านขายอาหาร น้ำดื่ม ของกิน ของหวาน และขนมนานาชนิด แสงแดดส่องลอดชายคาของบ้านเรือนที่หันชนกันสองฝั่ง เธอค่อยๆก้าวไปข้างหน้าบนพื้นซีเมนต์ เหยียบทับเงาร่มผ้าใบของแผงลอย และเงาผู้คนที่สวนกันไปมาขวักไขว่ เสียงจอแจคลุ้งทั่วบริเวณ เจ้าของร้านขนมหวานร้องป่าวขายเฉาก๊วยเย็นฉ่ำที่อร่อยที่สุดในโลก คนย่างลูกชิ้นปิ้งโฆษณาความเหนียวนุ่มของเอ็นหมู พ่อครัวกุมตะหลิวหน้ากระทะใบยักษ์ยืนยันเรื่องรสชาติผัดไทยเจ้าเก่า ไอร้อนในอากาศบวกกับผู้คนที่ค่อนข้างแออัดทำให้เหงื่อเริ่มซึมตามไรผม

    ร้อนมั้ยแอร์ เขาเอ่ยขึ้น พี่พาเรามาลำบากรึเปล่าเนี่ย

    นิดหน่อยค่ะ เธอเดินไปเรื่อยๆ ชมภาพของกินตระการตาสองข้างทาง แต่ไม่ได้ลำบากนะ แอร์ชอบบรรยากาศ คึกคักดี

    ปกติตลาดน้ำมีเฉพาะศุกร์เสาร์อาทิตย์ แต่เพราะวันนี้วันหยุดก็เลยเปิดด้วย แต่ว่ามีเรือดูหิ่งห้อยทุกวันนะ แอร์เคยดูหิ่งห้อยรึเปล่า

    จริงเหรอ พี่เคยดูเหรอคะ สวยมั้ย

    สวยค่ะ แต่ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ลดลงเยอะเพราะมีนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น ก็ต้องรอตอนฟ้ามืดก่อนล่ะแล้วก็ลงเรือล่องดูตามข้างทาง หิ่งห้อยเค้าก็อยู่ตามต้นลำพูแหละค่ะ

    เห็นเป็นดวงไฟจริงๆเหรอ

    อื้ม... ก็เหมือนไฟกะพริบเล็กๆสีเหลืองเลย แต่ต้องฟ้ามืดๆนะ แอร์อยากดูมั้ยล่ะ

    อยากค่ะ แต่ว่าต้องรอมืดนี่นา

    แอร์ระวังค่ะ เขาดึงข้อศอกรั้งเธอไว้จนแขนเธอชนกับกล้องบนคอเขา เธอชะงักแล้วเหลียวไปมองทางซ้ายที่มีคนเข็นรถขนน้ำไล่มาด้านหลัง เขาเปรยเบาๆแบบไม่สบอารมณ์ เข็นไม่ดูคนเลย

    เธอหันไปยิ้มแก้ขัด ขอบคุณค่ะ

    แอร์เจ็บรึเปล่า เมื่อกี้ชนกล้อง

    ไม่ค่ะ เธอส่ายหน้า

    เขาเดินไปข้างๆเธอเงียบๆอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะต่อบทสนทนาอีกครั้ง เอ้อ... เมื่อกี๊คุยเรื่องหิ่งห้อยนี่ใช่มั้ย จริงๆเดี๋ยวเราไปหาที่นั่งริมทะเล แล้วค่อยกลับมาตอนหัวค่ำก็ได้นะ แต่ว่าที่บ้านแอร์จะว่ารึเปล่าคะถ้ากลับบ้านดึก เดี๋ยวพี่จะโดนเล่นงานแย่ว่าพาลูกสาวเค้ามาเตร็ดเตร่ทั้งวัน

    ป่าวค่ะ แต่วันนี้แอร์ต้องไปงานศพตอนหัวค่ำ พรุ่งนี้ก็เผาแล้ว

    เออใช่ พี่ก็ลืมไป ... เอ้า.. แล้วแอร์ก็ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อนน่ะสิ

    แอร์ติดเสื้อยืดสีดำมาด้วยอยู่แล้วค่ะ เธอตบกระเป๋าสะพาย ในใจพลางคิดว่าเพราะเขานั่นแหละทำให้ต้องแบกเสื้อมาอีกตัว

    โอเค... งั้นหายห่วงได้ เดี๋ยวพี่ไปส่งเราให้...ทันแน่นอน

    เธอยิ้มให้เขา ขอบคุณค่ะ

    แอร์หิวรึเปล่า ทานไรรองท้องก่อนมั้ย ทั้งคู่ยังเดินช้าๆไปตามทางสายยาว

    นิดหน่อยค่ะ พี่เบนอยากกินอะไรคะจะได้แบ่งกัน

    แล้วแต่แอร์เลย พี่แย่งกินได้หมด เขาเดินหลบขวาให้เธอเดินไปก่อน เพราะทางเริ่มแคบลง พี่พาไปนั่งร้านเล็กๆริมคลองตรงโน้นดีกว่า เขาชี้ไปด้านขวาข้างหน้า ก่อนถึงสะพานสูงๆตรงโน้นน่ะค่ะ.. ปกติเวลาพี่มาก็จะชอบขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานตรงนั้นแหละ ไม่ก็นั่งอยู่ตรงร้านริมคลองอารมณ์ชิวๆ แต่วันนี้คนเยอะคงไม่ได้ถ่ายรูปแน่ๆ

    ขึ้นไปบนสะพานถ่ายรูปก่อนมั้ยคะ เธอชะโงกมองสะพานด้านหน้าที่มีคนค่อยๆไหลตามกันไป

    ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ พี่ว่าเราไปนั่งเรือนไม้ดีกว่า พี่ถ่ายรูปตรงนั้นน่าจะมีหวังกว่าด้วย... ทางนี้ค่ะ เขาดึงข้อศอกเธอไปทางขวาเบาๆเพื่อบอกทาง แล้วปล่อย ระวังขั้นบันไดนะ

    เธอค่อยๆเดินเบียดเสียดเลี้ยวขวาเข้าระเบียงไม้เลียบคลอง ร้านค้าห้องแถวเปิดเรียงเป็นแนวเดียวทางด้านขวามือ ขายของตั้งแต่กับข้าว ขนม ของเล่นเด็ก ไปถึงโมบาย รูปวาด รูปถ่าย เทปเพลง และบริการนวดเท้า เรือหางยาวจอดเรียงรายเทียบท่าอยู่ฝั่งซ้ายโดยมีคนพายต่างกำลังสาละวนทำอาหารตามลูกค้าสั่ง เสียงไวโอลินจากนักดนตรีริมทางแข่งกับเสียงจอแจของผู้คน เขาพาเธอเดินชมร้านต่างๆไปตามทาง แวะเข้าร้านขายรูปถ่ายและรูปวาดอีกพัก จากนั้นจึงพามานั่งที่โต๊ะอลูมิเนียมสี่เหลี่ยมเล็กๆติดข้างฝาของห้องแถวห้องหนึ่ง

    บรรยากาศดีเนอะ เธอเอ่ยหลังจากสั่งไอศกรีมรสมะยมตามคำแนะนำของเจ้าของร้าน ขณะที่เขาสั่งบลูโซดาหนึ่งแก้ว แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ กระเป๋านามบัตร และมือถือวางไว้บนโต๊ะ แล้วขยับตัวนั่งให้สบายบนเก้าอี้ตัวเล็ก

    ยิ่งตอนเย็นๆจะชิวกว่านี้อีก เขาจัดการเปิดฝากล้อง แล้วจัดการอะไรบางอย่างกับเลนส์และซูม เมื่อก่อนพี่ชอบแอบมาตอนเย็นๆกับเพื่อน มานั่งจิบเบียร์เย็นๆตรงโน่นน่ะค่ะ เขาชี้ไปทางขวามือของร้าน สุดทางเดินจะมีร้านอาหารกับท่าน้ำอยู่ ตกดึกก็ดูหิ่งห้อย แล้วก็ค้างคืนที่โฮมสเตย์แถวนี้ แต่พักนี้พี่งานยุ่งมากเลยไม่ได้มานานมากแล้ว เขายกกล้องขึ้นมองวัดแสง หันมาทางเธอ มืดไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไร

    ถ่ายแอร์เนี่ยนะ

    เอ้า แล้วจะให้พี่ถ่ายใครล่ะคะ เอ้ายิ้มหน่อย... หนึ่ง สอง เขากดชัตเตอร์นิ่มๆ

    ถ่ายบรรยากาศซี่ ริมน้ำ คนพายเรือ เยอะแยะเลยข้างนอก

    โธ่.. รูปแบบนั้นพี่ถ่ายไปตั้งกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ อยากถ่ายรูปแอร์มากกว่า

    คนขายยกไอศกรีมถ้วยเล็กกับบลูโซดาหนึ่งแก้วมาเสิร์ฟ เขาลดกล้องลง แล้วหยิบแบงค์ร้อยในกระเป๋าสตางค์ส่งให้ คนขายหยิบเงินทอนจากผ้ากันเปื้อนอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นให้พร้อมกล่าวขอบคุณ

    ขอบคุณค่ะที่เลี้ยงไอติม เธอยิ้มให้เขา

    ยินดีค่ะ .... เปรี้ยวนะ

    อะไรคะ เธอถาม

    ไอติมน่ะ เค้าถึงต้องโรยพริกกะเกลือให้ด้วยไง

    ขอชิมก่อนนะว่าเปรี้ยวจริงมั้ย เธอหยิบช้อนเล็กๆขึ้นตักไอศกรีมเข้าปากหนึ่งคำเล็กๆ

    เปรี้ยวค่ะ เปรี้ยวมาก เขายืนยัน พี่เคยลองแล้ว

    เธอหยีตา แอร์ชอบเปรี้ยวๆ อร่อยดีค่ะ ... พี่เบนลองหน่อยมั้ย

    ไม่เอาแล้ว พี่เข็ด

    คือที่บ้านเนี่ย แอร์จะชอบเปรี้ยว เจ้าหมามันรู้มันก็เลยชอบกินหวาน

    ห๊ะ... ว่าไงนะคะ พี่ไม่เข้าใจ

    ก็... เธอกินอีกคำ จะได้ไม่แย่งกันไง แอร์ชอบเปรี้ยว เจ้าหมาเลยชอบกินข้าวคลุกน้ำตาล ส่วนอีฟชอบกินเผ็ด สบายใจกันทั้งสามฝ่าย ไม่แย่งกันกิน

    อ้อ... ใช่ เขาหัวเราะ พลางใช้มือเสยผมขึ้นพี่ลืมไปว่าเราเลี้ยงเจ้าหมาหนึ่งตัว แล้วอีฟนี่ใครล่ะ พี่สาวเราเหรอ

    น้องค่ะ เพิ่งเข้าปีหนึ่งปีนี้เอง

    เหรอ เขาดูดบลูโซดาจากแก้ว เรียนที่ไหนล่ะ

    สินกำจุฬาค่ะ เรียนวาดรูป

    เอ้าเหรอ... งั้นก็เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันกะพี่น่ะสิ แต่พี่มันแก่เป็นลุงแล้วว่ะ สงสัย.. โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะส่งเสียงสั่นกระทบพื้นโต๊ะอลูมิเนียม เขาหยิบโทรศัพท์สีดำขึ้นมามอง แป๊บนึงนะคะ

     

    ฮัลโหล เขายิ้มให้เธอขณะรับสาย

    เธอค่อยๆละเลียดไอศกรีมเปรี้ยวจี๊ดเข้าปาก ตามองดูผู้คนที่เดินไปมาบนระเบียง แต่หูยังได้ยินเสียงเขาชัดเจน เออ... กูอยู่ตลาดน้ำ เขาใช้อีกมือจับหลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่น ไม่โว้ย...ปีใหม่นี้กูทำตัวดี..... กูอยู่กะน้องแอร์ มึงไม่รู้จักน้องแอร์เหรอ

    ไอ้สาด เขาหัวเราะ ผละมือจากแก้วน้ำ มึงพูดให้ดี พูดให้ดีหน่อย กูมีอยู่คนเดียว.... เอ้อ... ไม่เชื่อก็ตามใจมึง

    เธอยิ้มมองเขาขณะที่เขามองไปทางอื่น ตกลงมึงมีไร... มีเหี้ยไรก็รีบพูดมาสิวะ กูเกรงใจน้องเค้า เขาเหลียวมายิ้มให้เธอ เธอส่ายหน้าให้เป็นสัญญาณว่า ไม่ต้องรีบ

    เออ เดี๋ยวกูแวะไปค่ำๆ... แต่กูอยู่เคาน์ดาวน์ไม่ได้นะเว้ย เขาเคาะนิ้วกับโต๊ะเบาๆ เด็กดีเหี้ยอะไรของมึงล่ะ กูต้องอยู่สวดมนตร์ตอนเที่ยงคืน แม่กูขอไว้ มึงนี่ทำยังกะไม่รู้จักกู

    เธอค่อยๆกินไอศกรีมไปเรื่อยๆ พยายามไม่มองเขาเพื่อให้เขารู้สึกเป็นส่วนตัว ไปไม่ได้ .... ก็กูอยู่กะน้องแอร์.....น้องเค้ามีธุระต่อ... เออ แค่นี้ก่อนนะ กูจะไปแดกข้าว

    เขาขึ้นเสียงแกล้งยั้วะ ก็เพราะมึงนั่นแหละไอ้สาด โทรมาทำไมฟระไม่รู้จักเวร่ำเวลา ....เออ ... แค่นี้นะ เขากดวางสาย

     

    โทดทีค่ะ แอร์เลยต้องมานั่งฟังคำบาดหูเลย เขาวางมือถือบนโต๊ะ

    ขอโทษทำไม เธอหัวเราะ เพื่อนชวนไปเที่ยวเหรอคะ

    ช่าย เพื่อนพี่มันพวกกระทิงเปลี่ยว สิ้นปีอย่างนี้ก็เตรียมเมากันตั้งแต่บ่าย

    แล้วทำไมไม่ไปเที่ยวกะเค้าล่ะ

    โอ้ย เขายิ้มร่า ไอ้พวกนี้มันชวนแต่ละที่ อโคจรทั้งนั้น พี่มากะเราดีกว่าเย้อะ

    ลงอ่างน่ะเหรอคะ เธอพูดกลั้วหัวเราะ

    พี่ไม่เอาแล้วค่ะ ปีที่ผ่านมานี่แทบหมดตัว กะว่าจะกลับตัวกลับใจแล้ว

    เขาเงียบไปอีกครู่ใหญ่เนื่องจากเธอไม่ได้พยายามต่อบทสนทนา เธอแอบมองหน้าเขาเป็นพักๆ ปอยผมสีขาวที่แทรมปรกหน้าผาก แววตาของเด็กชายขี้อ้อนแต่ก็เต็มไปด้วยพลัง และริมฝีปากที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีฟ้าจางๆ

    สมมตินะแอร์ เขาถามโพล่งขึ้นมา ถ้าเราเป็นแฟนกัน แอร์จะรับได้มั้ยที่พี่เป็นคนชอบเที่ยว

    ลงอ่างน่ะเหรอคะ เธอยิ้ม พลางตั้งข้อศอกท้าวบนโต๊ะ

    ใช่ค่ะ นั่นก็ด้วย และอย่างอื่นๆด้วย

    ไม่รู้สิ เธอใช้มือที่ท้าวคางเลื่อนขึ้นมานัวเนียอยู่ตรงริมฝีปากและปลายจมูก แต่ถ้าถามตอนนี้แอร์ก็รับได้นะถ้าผู้ชายบอกว่าไปเที่ยวอ่าง

    จริงเหรอ เขาทำหน้าแปลกใจ ไม่หึงเหรอ... ไม่หึงเลยเหรอ

    ก็ไปเที่ยว แล้วก็กลับมา คือถ้าไม่ไปเที่ยวเลยก็จะดีที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าเราให้สิ่งที่เค้าต้องการไม่ได้ก็ต้องปล่อยเค้าไป แอร์ก็แฟร์ๆแหละ แต่นี่ทฤษฎีนะ แอร์ไม่เคยเจอกะตัวจริงๆ

    โห เขายิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างนี้เป็นแฟนพี่นะรักตายเลย

    เธอทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น ได้แต่ยิ้ม และหันไปกินไอศกรีมที่กำลังจะหมดถ้วย หรือแอร์คิดง่ายไปก็ไม่รู้นะ

    แฟนเก่าพี่ถ้ารู้นะ เลิกสถานเดียว เขาแสร้งทำหน้าโหด แล้วถ้าแอร์รู้แอร์จะไม่หึงพี่เหรอคะ

    หึงทำไมล่ะ แอร์ไม่ได้เป็นแฟนพี่ซักหน่อย

    แหม แหม เขาหัวเราะ พลันใช้มือเสยผม ก็พี่ขอเราเป็นแฟนอยู่นี่ไง... เป็นแฟนกับพี่นะ

    เธออยากพูดตอกกลับไปว่า ตลกแล้ว เพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงดีเลยแต่เธอก็พูดไม่ออก เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องตลก

    แอร์ลองเดินถอยหลังแล้วแหละเมื่อวานนี้

    อ่ะ คราวนี้พี่ไม่งงและ...เรากะใช้มุกเดิมเบี่ยงประเด็นใช่มั้ยล่ะ

    จริงๆ เธอพยักหน้ายืนยัน กลืนไอศกรีมคำสุดท้ายลงคอ แล้วพูดต่อ แอร์ลองเดินมาแล้ว สนุกดีนะ เกือบหงายหลัง แต่ก็มืนๆดี

    พี่ตามเราทันแล้วค่ะ เลิกเล่นได้แล้ว เขาพูดหน้าตาเฉย มือข้างหนึ่งจับหลอดคนน้ำแข็งในแก้วช้าๆ เป็นแฟนพี่เหอะนะ

    แอร์เดินได้อยู่ประมาณสิบห้าสิบหกก้าว เฉี่ยวขี้หมาไปนิดเดียวเอง แล้วก็ชนเด็กที่วิ่งเล็กอยู่แถวหน้าบ้าน

    เป็นแฟนกันนะ เขาจ้องตาแป๋ว ยิ้มน้อยๆ

    วิวที่เห็นก็แปลกดีนะ เหมือนจะมองเห็น แต่ก็มองไม่เห็น

    เป็นแฟนกันนะคะ

    ว่าพรุ่งนี้จะลองเดินใหม่ว่าจะไกลกว่าเดิมได้มั้ย

    เขาหยิบฝากล้องบนโต๊ะมาปิดเลนส์กล้อง แล้วเงยขึ้นมามองเธอต่อ เรากลัวพี่รึเปล่า

    อะไรนะคะ เธอถาม

    กลัวพี่รึเปล่าคะเขาพูดเสียงอ้อนแอ้น

    ไม่รู้สิ แอร์ควรจะกลัวนะ แต่ก็ไม่นะ... งงมั้ยคะ แอร์พูดไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะค่ะ

    แอร์ว่าพี่กะล่อนมั้ย

    เธอเงียบไปชั่วครู่ หลบสายตาผู้ชายตรงหน้า แล้วส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะสบตาอีกครั้ง ไม่น่ารอด

    มีหลายคนก็ชอบหาว่าพี่กะล่อน เขาใช้มือเสยผมขึ้น พี่ก็บอกเค้าไปว่า .... อ่านขาดว่ะ!!!” แล้วระเบิดหัวเราะ แต่พี่จริงใจกะเรานะ จริงๆ พี่ว่าเราน่ารักดี พี่ชอบ

    เธอหัวเราะไปกับเขา พลางส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ ไม่น่ารอดความคิดดังกล่าวทำให้เธอเริ่มเห็นชะตาของตัวเองลางๆ และเริ่มปลงตก

    เราก็ไม่ได้แปลกนะ ...พี่ว่าเราพูดห้วนไปมากกว่า คือหมายถึงไม่ได้พูดไม่เพราะนะคะ แต่เหมือนคิดอะไรก็พูด ประมาณนั้นน่ะ แต่พี่ชอบนะ คุยด้วยง่ายดี แถมน่ารักขนาดนี้อีก.... ดังนั้น... เป็นแฟนกันนะ

    เร็วไปค่ะ เธอตอบสั้นๆ ห้วนๆ เธอพลาดไปแล้วที่บอกเขาไปว่าตกลงเป็นแฟนกับกอล์ฟด้วยเวลาเพียงเจ็ดวัน

     แอร์อยากรู้อะไรก็ถามพี่ได้เลย พี่ก็ตรงๆเคลียร์ๆเหมือนกัน ถามเรื่องผู้หญิงก็ได้ค่ะ เรื่องเหี้ยๆพี่ก็เคยทำมาหมดแล้ว อยากรู้อะไรถามได้หมด... รู้มั้ยคะ

    แอร์ว่ารอฟังพี่เล่าไปเรื่อยๆดีกว่า

    สมมติแอร์ไม่อยากให้พี่ลงอ่าง.. สมมตินะ...

    เขาเหมือนจะพูดอะไรต่อไป แต่ก็เงียบไปเสียดื้อๆ พี่เบนก็จะไม่ลงอ่างเหรอเธอต่อให้

    ป่าว พี่ก็จะไปเที่ยวโดยไม่ให้เรารู้ไง เราจะได้ไม่ไม่สบายใจ

    เธอสำลักออกมาเป็นเสียงหัวเราะที่ทั้งดังและยาวนาน และทันทีที่สิ้นเสียง...  แอร์ก็ชอบพี่... ไปกันเถอะค่ะ เธอลุกพรวด แล้วรีบเดินออกจากร้านโดยไม่เหลียวมอง หรือรอเขาเลย ในหัวสมองเริ่มมองเห็นภาพที่รออยู่ข้างหน้าชัดขึ้นเรื่อยๆ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย เธอได้ยินเสียงเขาไล่หลังมาว่า เฮ่ย เดี๋ยวก่อน ตามมาด้วยเสียงกุกกักของอลูมิเนียม และเสียงตุบตับของรองเท้ากระทบพื้นไม้ เขารีบวิ่งตามหลังมาสมทบขณะที่เธอเดินติดคนอยู่หน้าห้องแถวถัดไปอีกสองห้อง ในมือถือแก้วพลาสติกใส่น้ำสีฟ้า บนคอมีกล้องตัวใหญ่แขวนอยู่

    ตกลงเป็นแฟนกันนะ เขากระซิบข้างๆหูขณะเดินมาชิดด้านหลัง

    เธอเหล่ตาไปมอง แล้วอมยิ้ม ไปถ่ายรูปกัน.. ตรงท่าน้ำข้างหน้าใช่มั้ยคะ

    เป็นแฟนกัน

    เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นกระทันหัน เป็นระฆังช่วยชีวิตโดยแท้ เธอรีบควานหามือถือในกระเป๋าถือ แล้วหยิบขึ้นมา พลางหันไปยิ้มให้เขา จอยังเสียอยู่เลย

    ซื้อใหม่ซะทีสิคะ เขาเปรยขณะเธอกดรับสาย

     

    หวัดดีค่ะ เธอทักทายด้วยเสียงเรียบร้อย

    โธ่ นึกว่าใคร น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายในสายเป็นใคร เขาเดินขึ้นมาอยู่ข้างๆด้านขวามือของเธอ แล้วยิ้มให้

    ป่าว พี่เบิร์ดก็รู้ว่ามือถือแอร์จอเสีย แอร์รับสายทุกครั้งก็ต้องลุ้นทุกครั้งเธอยิ้มให้เขาแวบหนึ่ง แล้วเหม่อมองทางตรงหน้า

    ไม่ได้ แอร์อยู่ตลาดน้ำ มาเที่ยว.... รู้ได้ไงอ่ะเขารีบฉวยแขนเธอดึงเข้าหาตัวเพื่อหลบเด็กหนุ่มที่ถือถาดก๋วยเตี๋ยวชามร้อนเดินสวนมาอย่างรวดเร็ว เธอได้ยินเขาพูดเบาๆว่า ระวังค่ะจึงหันไปยิ้มขอบคุณ แล้วกลับมาคุยโทรศัพท์ต่อ

    ค่า ปรมาจารย์ เดี๋ยวเย็นๆก็กลับแล้ว ต้องไปงานศพต่อ

    อื้ม แค่นี้ก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่เธอทำท่าจะวางสาย แต่ก็ต้องชะงัก อะไร

    เสียใจค่ะ........เก็บไว้แบ่งที่บ้านกินไม่ดีกว่าเหรอ นี่ไง เอาไปง้อพี่จิ๊บก็ได้ เธอรอฟังเสียงปลายสายอีกอึดใจก่อนจะหัวเราะเคล้าเสียงพูดตอบ ตามใจ ...ขอบคุณมากนะคะ แล้วเธอก็กดวางสาย

     

    เธอเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วเดินคู่เขาไปเงียบๆซักพัก ก่อนเขาจะถามขึ้นมาว่า โดนตามตัวรึเปล่าคะ

    เปล่าค่ะเธอหันไปยิ้มให้ พี่ที่รู้จักจะแวะเอาของไปให้ที่บ้านน่ะค่ะ แต่วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน

    เอ้อ... ตอนแรกเราว่าจะไปดูมือถือใหม่นี่นา พี่ก็ลืมไปเลย

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไว้แอร์ไปดูวันอื่นก็ได้

    พรุ่งนี้มั้ย เดี๋ยวพี่พาไป

    พรุ่งนี้วันเกิดพี่เบนไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ไปฉลองกับที่บ้านดีกว่า

    เขาหัวเราะ ไม่มีอะไรหรอก ก็คงอยู่บ้านพักผ่อนไม่ได้ทำอะไร จริงๆอยากเจอเรามากกว่าด้วยซ้ำ

    อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดล่ะ เธอหันไปยิ้มให้อีกครั้ง

    ไม่ต้องเลยค่ะ ไม่ต้องซื้อ ออกมาเที่ยวกับพี่วันนี้ก็พอแล้ว

    แน่ใจนะ

    เขาดูดน้ำอึกสุดท้ายจนหลอดส่งเสียงดังฟอด แล้วทิ้งลงถังขยะข้างทาง จริงค่ะ เสียดายตังค์ เขาชี้ที่ทางต่างระดับข้างหน้า แอร์ระวังค่ะ

    เธอเดินก้าวลงท่าน้ำอย่างหนักแน่น แล้วหันไปถามเขาด้วยปัญหาที่นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ถาม พี่เบนเทคแคร์ผู้หญิงอย่างนี้ทุกคนเลยเหรอ

    เอ้า เขาชะงัก แล้วหัวเราะ พลางเปิดฝากล้องออก แอร์ไม่ชอบเหรอ

    ไม่ใช่ เธอรีบอธิบาย ก็... เธออ้ำอึ้ง พยายามหาคำอื่นนอกจากคำว่า อบอุ่นที่ออกจะนางเอกเกินไป ก็น่ารักดี.... แค่สงสัยเฉยๆ

    เธอเดินออกสู่กลางแจ้งอีกครั้ง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าอ่อน มีก้อนเมฆสีขาวลอยกระจายไปทั่ว ผิวสัมผัสความเย็นสบายจากลมโกรกมากกว่าไอร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ไม่จัดจ้ามากเท่ากับบริเวณที่จอดรถ ร่มไม้ประปราย และเงาจากเรือนไม้ที่อยู่ถัดไปพอเป็นที่บังแดดได้บางส่วน ผิวน้ำเบื้องหน้าแผ่ขยายอย่างสงบนิ่งเยือกเย็น เธอเดินไปจนเกือบถึงท่าน้ำแล้วหยุดรอเขา

    ไม่รู้อะไรซะแล้ว เขาเล็งกล้องออกไปทางริมน้ำ แล้วกดชัตเตอร์ จากนั้นจึงลดกล้องลง แล้วหันมาพูดต่อ ผู้ชายกะล่อนเค้าก็ทำตัวงี้หมดแหละค่ะ เขาใช้มือป้องจอภาพแล้วก้มหน้าลงมอง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอที่ยืนเงียบไม่ตอบโต้ เอ้า... เชื่อจริงๆเหรอเนี่ย... พี่ล้อเล่น พี่ก็ทำงี้ตลอดแหละ แถมพอพี่เห็นเราครั้งแรกพี่ก็รู้แล้วว่าเราน่ะก๊ง ทั้งขี้บ่นทั้งก๊งเลย น่ารักแต่ก่งก๊งซุ่มซ่ามใช่มั้ยล่ะ

    เธอหัวเราะแล้วเขยิบเข้ามาดูกล้องในมือเขาใกล้ๆ แสงใช้ได้มั้ยคะ

    โอเวอร์ไปนิดค่ะ เขาเล็งกล้องไปทางริมน้ำอีกรอบ แล้วกดชัตเตอร์

    แสงขนาดนี้เปิดหน้ากล้องประมาณเท่าไหร่อ่ะคะ

    ห้าจุดหกน่าจะได้... เอ้ะ... รู้เรื่องกล้องกะเค้าด้วยเหรอ

    อีฟเล่นกล้องค่ะ รายนั้นเป็นพวกติ๊สๆ แอร์ก็เคยลองเล่นดูนิดหน่อย

    พี่เล่นมาได้สามสี่ปีแล้วล่ะ ... เขามองภาพบนจออีกครั้ง น่าจะได้แล้วนะ.... อ่ะ ... แอร์ลองไปยืนตรงโน้นซิ เขาชี้ไปทางสุดท่าน้ำที่เป็นแผ่นไม้ยื่นต่อออกไปสู่แม่น้ำ

    แอร์ถ่ายรูปไม่ขึ้นนะบอกไว้ก่อน เธอเดินออกไปตามคำบอก

    เชื่อมือพี่สิ ชั้นไหนและ เขายักคิ้วให้ แล้วเล็งกล้องมาทางเธอ ขอไม่กี่รูปหรอกค่ะ เดี๋ยวไปนั่งกินข้าวริมทะเลกันดีกว่า เริ่มหิวแล้ว

    หลังจากถ่ายรูปไปครู่หนึ่ง ทั้งคู่ก็เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งเพื่อเดินเล่นต่ออีกนิด และซื้อของกินเล่นจุกจิกไปตามทาง จากนั้นจึงค่อยๆเดินกลับทางเดิม แทรกผู้คนที่หลั่งใหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    แอร์เหนื่อยมั้ย เขาถามขณะสตาร์ทรถ

    ไม่ค่ะ แต่เริ่มหิวแล้วแหละ

    ร้านอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ ประมาณยี่สิบนาทีก็ถึงแล้วค่ะ

     

    ทั้งคู่มาถึงร้านอาหารเรือนไม้เล็กๆติดทะเลในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา  เธอเริ่มชินกับการขับรถที่ไม่รีบร้อนและแสนเรียบร้อยของเขา หากเป็นกอล์ฟขับคงใช้เวลาเพียงครึ่งเดียว และหากเป็นพี่เบิร์ดขับคงใช้เวลาแค่สิบนาที นอกไปจากนี้ เหตุผลอีกข้อที่ทำให้เขาใช้เวลาบนถนนเสียเนิ่นนานก็เพราะเสียเวลาหว่านเสน่ต์ด้วยกลวิธีหันมาจ้องหน้าเธอขณะรถวิ่งซึ่งเขาเริ่มทำถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เป็นไร เวลาที่นานขึ้นอาจทำให้สติสัมปชัญญะกลับคืนสู่ร่างเพิ่มขึ้นบ้าง เธอยอมท้องร้องดีกว่ากลายเป็นคนโง่อย่างเป็นทางการอีกรอบ

    เขาพาเธอเดินข้ามสะพานไม้เก่าๆแคบๆ ก้าวขึ้นไปบนแผ่นไม้กระดานผุกรอบก่อน แล้วยื่นมือลงมารับเธอ เดินระวังนะ พี่บอกเจ้าของร้านไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้ซ่อมทางเดินให้มันดีๆซักที ทำไมไม่รู้จักซ่อมก็ไม่รู้ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าสู่ศาลาไม้เล็กๆที่ตั้งติดริมทะเล เธอนั่งลงบนพื้นไม้กระดานที่มีเบาะรองนั่งวางอยู่สี่เบาะทางสองฝั่งของโต๊ะพลาสติกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเตี้ยๆ แสงจ้าสีขาวปกคลุมทั่วผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไอแดดลอดผ่านชายคาที่ทำจากฟางสะกิดผิวพอให้อุ่น ขณะที่ลมโกรกผ่านผิวน้ำที่พริ้วไหว และเสียงคลื่นกระทบแนวกั้นเขื่อนหินต่างพาความสดชื่นมาไม่ขาดสาย เธอหรี่ตามองทิวทัศน์เบื้องหน้า แล้วปรับโฟกัสมองเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ

    แอร์ชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ ปลา กุ้ง ปู... ที่นี่เค้าของสด รสชาติดี

    พี่เบนสั่งให้แอร์เลยค่ะ แอร์กินได้ทุกอย่างแหละ

    หลังจากมื้ออาหารมื้อใหญ่ที่เขาคอยป้อนใส่จานให้เธอทุกอย่างตั้งแต่ก้ามปูทะเลเลาะเปลือก ต้มยำแบ่งใส่ถ้วยเล็ก ไปจนถึงน้ำเย็นในแก้วที่ไม่มีขาด เขาก็นั่งยืดขาเอกเขนก เอาฝ่ามือท้าวพื้นนั่งกินบรรยากาศสลับกับการคุยเล่นถึงชีวิตอันเข้มข้นในอดีต เธอนั่งขัดสมาธิท้าวคางฟังเรื่องราวตั้งแต่วีรกรรมเก้าถ่อยศาลายา ไปจนถึงขี้ยาเกือบโดนไทร์ และเสี่ยบานานาสเตท ในหัวเริ่มตระหนักกระจ่างแจ้งขึ้นเรื่อยๆว่า เธอกำลังหนีจากหนุ่มขี้เล่นหน้าละอ่อนมาหาเสือกะล่อนเจนโลกดีๆนี่เอง

    แอร์กลัวพี่รึเปล่าคะ

    เธอใช้นิ้วนัวเนียบนริมฝีปาก สายตายังลังเล แอร์ควรจะกลัวพี่เบนนะ แอร์ว่า

    กลัวทำไม ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ไม่ทำอะไรเราหรอกค่ะ เขาเอื้อมตัวมาหยิบกล้องบนโต๊ะ แล้วจัดการเปิดฝากล้อง ตกลงว่า... เขาเว้นวรรคช่วงหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มพิฆาต เป็นแฟนกับพี่นะ

    เธอรู้ตัวว่าเป็นคนริเริ่มแวะจอดรถข้างทางเพื่อสานสัมพันธ์กับคนขับรถคันอื่น แต่ไม่คาดคิดว่าคนขับรถคนนี้ ซึ่งเธอหวังให้เป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาริมทาง จะกลายเป็นฝ่ายรุกจนทำให้เธอกลายเป็นของเล่นแบบหมดรูปเสียเองแบบนี้ และเริ่มคิดเสียใจว่าไม่น่าเลย รู้อย่างนี้เธอขับรถในเลนของตัวเองต่อไปเรื่อยๆเสียก็ดี

    เร็วไปค่ะ เธอตอบห้วนๆอีกครั้ง เนื่องจากรู้ว่ามุกถอยหลังหมดอายุการใช้งานไปเรียบร้อยแล้ว

    เร็วไปนี่หมายถึงยังไง คือ... เขาเริ่มปฏิบัติการวัดแสง อย่าเข้าใจผิดนะ พี่ไม่ได้เห็นว่าเราคบกับแฟนเก่าเวลาสั้นๆเลยแค่ลองเสี่ยงดวงขอเป็นแฟนกะเราไปงั้นๆนะ ก็พี่ชอบแอร์จริงๆก็เลยอยากเป็นแฟนด้วย ก็ใจมันชอบแล้วจะเสียเวลาอีกทำไม

    แอร์ไม่รู้จักพี่เบนเลยนะ พี่เบนก็ไม่ได้รู้จักแอร์ พี่เบนอาจจะรับแอร์ไม่ได้ก็ได้

    แล้วมาคิดแทนพี่ทำไมล่ะคะ เขาเล็งกล้องมาทางเธอ ปรับซูมเล็กน้อย แล้วกดชัตเตอร์ พี่แน่ใจแล้วพี่ก็เลยขอเรา

    เธอก้มลงจานเปล่าตรงหน้า จับช้อนส้อมที่รวบคู่กันเรียบร้อยอยู่แล้วให้เรียบร้อยมากขึ้น แอร์ไม่อยากให้แค่คบกันเล่นๆ

    แหม เขาหัวเราะ พี่เล่นๆไม่ได้แล้วค่ะ อายุขนาดนี้แล้ว

    เธอรู้ตัวว่ากำลังถูกต้อนเข้าจนมุม แรงต้านทานระเหิดทีละเล็กละน้อย ใบหน้ากับคำพูดของเขากำลังทำให้เธอจมดิ่งลงเรื่อยๆ ดังนั้น พี่เบนลองเดินถอยหลังมั่งสิ

    ฮ่าๆ เขาแสร้งทำเสียงหัวเราะร่า พลางเล็งกล้องมาที่เธออีก แล้วกดชัตเตอร์ ไหนว่าเป็นคนชอบอะไรตรงๆไง ทีงี้ล่ะตอบตรงๆไม่เป็น

    เสียงของพี่เบิร์ดแว่วมาพร้อมกับเสียงของชายตรงหน้า ทีงี้ล่ะตอบตรงๆไม่เป็นเธอยิ้ม พี่เบนพูดเหมือนพี่เบิร์ดเลย แล้วเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้แนะนำให้ชายสองคนรู้จักกันด้วยซ้ำ

    เขาถอดสายกล้องออกจากคอ แล้ววางกล้องลงบนตัก พี่เบิร์ดนี่หนุ่มที่โทรหาแอร์เมื่อตอนอยู่ตลาดน้ำรึเปล่า

    พี่เบนรู้ได้ไงคะ

    เขาจัดการปิดฝากล้อง พลางใช้มือปัดฝุ่นตัวกล้องที่ดำวาวอยู่แล้วด้วยสีหน้าจริงจัง พี่ก็เดาไปเรื่อยแหละค่ะ

    พอดีแอร์ปรึกษาพี่เบิร์ดเรื่องงานเมื่อวันก่อนน่ะค่ะ พี่เค้าก็ถามว่าแอร์อยากทำอะไรจริงๆ ซึ่งแอร์ก็ยังตอบไม่ได้เลย

    แอร์จะเริ่มงานใหม่ปีใหม่นี้แล้วนี่ ทำไมล่ะ เขาวางกล้องบนโต๊ะถัดจากกระเป๋าสตางค์และมือถือ

    ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไงก็ต้องทำงานนี้นั่นแหละ

    แอร์ทำได้อยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องกังวลหรอก เพียงแต่แอร์จะชอบรึเปล่านั่นก็อีกเรื่องนะ เขาเงยหน้ามองเธอที่กำลังยิ้มเศร้าๆ แต่แอร์ก็ต้องระวังตัวดีๆ เป็นแอร์น่ะรวย เจอคนเยอะ แต่ก็ต้องวางตัวดีๆ ทำตัวดีๆด้วย คนอื่นเค้าจะได้ไม่มองเราว่าทำตัวแย่ เข้าใจมั้ยคะ เขาคว้าแก้วน้ำมาดื่มอึกหนึ่งแล้วพูดต่อ เราก็คงรู้เรื่องแบบนี้อยู่แล้วแหละมั้ง ใช่มั้ย... ดังนั้นก็อย่าทำให้พี่เป็นห่วงละกัน

    เธอโน้มตัวมาที่โต๊ะ แล้ววางข้อศอกใช้มือท้าวคาง พี่ขี้หึงเหรอ

    ถูกต้องค่ะ เขาจ้องเธอ มากด้วย... ดังนั้นสัญญากับพี่อย่างนึงได้มั้ยคะ เธอรอฟังเฉยๆ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น ขณะที่เขาโน้มตัวเข้ามา แล้วใช้แขนสองข้างท้าวราบกับพื้นโต๊ะ ถ้าเผื่อเราคบกัน แอร์จะไม่คุยกับผู้ชายคนอื่นที่มาจีบแอร์นะ

    ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ในเวลาปกติอื่นๆ เธอคงตอกกลับด้วยความหมั่นไส้ไปแล้ว แล้วถ้าเป็นแค่เพื่อนล่ะได้มั้ย

    ก็บอกพี่สิคะ เพื่อนก็เพื่อน พี่ก็เข้าใจ

    พี่เบิร์ดนี่ก็เพื่อน

    เป็นแฟนกะพี่นะ เขาพูดต่อทันทีอย่างหน้าตาเฉย เสมือนไม่ได้ฟังเธอด้วยซ้ำ

    เร็วไปค่ะ

    เมื่อกี้แอร์ถามพี่นี่ว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด น้ำเสียงของเขาเริ่มอ่อนลง และเข้าสู่โหมดออดอ้อน

    อันนี้ยังให้ไม่ได้ค่ะ เธอกัดฟันตอบ

    เป็นแฟนกันนะ

    เร็วไปค่ะ

    เป็นแฟนกันเถอะนะ

    แฟนนะพี่เบน ไม่ใช่ตำแหน่ง จะได้พูดปุ๊บเป็นปั๊บ อยู่ดีๆคำพูดนี้ก็ดังขึ้นในหัวของเธอโดยไม่มีสาเหตุ จึงคล้ายกับเธอพูดตามเสียงก้องในหัวแทบจะอัติโนมัติ

    เขารีบลุกขึ้นโดยไม่มีสาเหตุเช่นกัน แล้วเดินอ้อมโต๊ะมานั่งขัดสมาธิบนเบาะข้างๆเธอ สายตาจ้องเขม็ง แทงทะลุไปถึง.... อะไรก็ตามเถอะ เป็นแฟนกันนะ

    เขานั่งเผชิญหน้ากับเธอที่ยังนั่งเผชิญหน้ากับโต๊ะ เธอหลบตาเขา คว้าแก้วน้ำมาดื่มอีกอึก พลางนึกโกรธโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ไม่ยอมลั่นระฆังคั่นยกเหมือนครั้งที่ผ่านมาเสียที เร็วไปค่ะ

    เป็นแฟนกันเหอะนะ

    เธอวางแก้วน้ำบนโต๊ะ พลางใช้นิ้วปัดแมลงที่บินมาติดอยู่บนผิวแก้วไอน้ำเกาะ แต่ก็ปัดไม่ออก เมื่อคืนแอร์ฝันว่าเจ้าหมาถูกเสือขย้ำกิน

    หมาบ้านแอร์น่ะเหรอ

    ใช่ค่ะ เธอหันข้างมามองเขาชั่วครู่ แล้วหันกลับไปปัดออกจากแก้วต่อ เสือโคร่งตัวใหญ่มาก เลือดไหลเต็มเลย

    เมื่อคืนพี่ก็ฝันว่าแอร์ตอบตกลงเป็นแฟนกะพี่ เขาใช้ศอกข้างซ้ายท้าวโต๊ะ มือขวาพลันเสยผมขึ้น

    โชคดีที่แค่ฝัน เธอปัดแมลงออกในที่สุด แต่ตัวแมลงก็แน่นิ่งไปแล้ว เจ้าหมายังอยู่ดีเหมือนเดิมเมื่อเช้า

    เป็นแฟนกันนะคะ เขาเขยิบมาใกล้อีกนิด ขณะที่เธอคว้าแก้วขึ้นมาอีกรอบ แล้วจิบน้ำในแก้วอีกหน่อยแก้ขัด จากนั้นจึงหันมามองเขา น้า... เขาลากเสียง

    แอร์ไม่ชอบคนโกหก พอพูดจบเธอก็หันกลับไปวางแก้วบนโต๊ะ

    พี่ไม่ได้โกหกนะ พี่เอาจริง

    แล้วก็ไม่ชอบคนยึกยัก เธอยังอุตส่าห์หันมาสู้หน้าสบตากับเขาด้วยความพยายามเฮือกสุดท้าย

    ยึกยักตรงไหน พี่ขอเราตรงๆอยู่นี่ไง

    แล้วก็ไม่ชอบคนเซ้าซี้ เธอเพิ่มรายการสุดท้ายเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

    ก็ตอบตกลงพี่ซะทีสิ พี่จะได้เลิกเซ้าซี้

    พี่เบนเป็นคนโรแมนติกมั้ย ความพยายามเฮือกสุดท้ายหมดลงแล้ว เธอหันกลับไปหาโต๊ะ แล้วคว้ากระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก

    เราชอบคนโรแมนติกมั้ยล่ะ เขายืดตัวขึ้นกอดอก

    ไม่ชอบ ความโรแมนติกมันบังตา เธอทิ้งกระดาษทิชชู่ไว้บนโต๊ะ ยังพยายามหลบสายตาของเขา แต่สามารถสัมผัสรังสีการถูกจ้องได้ชัดเจน

    พี่ก็หวานไม่เป็น อยากกอดก็กอด อยากจูบก็จูบ

    เธอเหลียวมองเขาด้วยหางตา พยายามคงใบหน้าเฉยเมยไว้อย่างยากลำบาก แล้วพี่เบนอยากเป็นแฟนกะแอร์ไปทำไม

    ก็พี่ชอบเรา ก็เลยขอเป็นแฟน ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

    ชอบน่ะชอบ เธอเผยยิ้มน้อยๆ แต่แฟนนะ ไม่ใช่ตำแหน่ง ที่เป็นอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่นา เธอขมวดคิ้วสงสัย ไม่เห็นต้องเป็นแฟนกันให้อึดอัด

    ตรงข้ามเลยค่ะ เขาผละมือออกจากอก เป็นแฟนแล้วพี่จะได้ไม่ต้องเกร็งเวลาอยู่กะเราไง... น่า ลองคบกันดู ศึกษากันไป เขาใช้มือยันพื้นแล้วเอนตัวอีกครั้ง

    เธออยากตอกกลับใจจะขาดว่า ลื่นซะขนาดนี้เนี่ยนะเกร็งพลางเปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อยแล้วหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร เขามองเธอไม่วางตาภายใต้รอยยิ้มแสนธรรมดาที่ยากจะคาดเดา เอียงคอเล็กน้อย แล้วชะม้ายมองเธอด้วยชั้นเชิงที่เธอหมดโอกาสจะตามทัน

    จริงๆเพื่อนพี่ชวนพี่ไปกินข้าวเย็นนี้นะเนี่ย อยากให้แอร์ไปด้วยกัน ไปมั้ยคะ แวะไปหลังจากไปงานศพก็ได้ พี่อยากให้เราได้เจอพวกเพื่อนๆพี่ด้วย

    อย่าเลยค่ะ แอร์ไม่รู้จักเพื่อนพี่ซักคน จะทำวงเจื่อนเปล่าๆ

    ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เขายังนั่งเอนหลังเอกเขนก เพื่อนๆพี่แต่ละตัวมันชวนแอร์คุยได้ตลอดแหละ กลุ่มนี้เฮฮาขำไปเรื่อย.... นะคะ.... แวะไปกะพี่แป๊บนึง

    ถ้าแอร์ไปก็คงดึกไปแล้วด้วยค่ะ พี่เบนรีบไปสนุกกับเพื่อนๆดีกว่า ว่าแต่นัดกันกี่โมงล่ะคะ

    พี่น่ะแวะไปตอนไหนก็ได้ อยากอยู่กะเรามากกว่า แววตายั่วยวนตรงหน้าหว่านล้อมเธอไม่หยุดหย่อน จริงๆอยากอยู่เคาน์ดาวน์กับเราด้วยซ้ำ

    ด้วยเหตุผลประการทั้งปวง ประกอบกับประสบการณ์ที่สั่งสม และความผิดพลาดที่เคยแบกรับ เธอรู้ว่าสถานการณ์เช่นใดกำลังรอเธออยู่บนทางข้างหน้า และมันช่างคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วอย่างเหลือเชื่อ เธอมองย้อนไปประเมินสภาพการณ์บนทางสายอดีตเพื่อเทียบเคียงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ ชั่งใจความเสี่ยงและความเจ็บปวดที่เคยได้ลิ้มรสว่าจะสามารถทัดทานแรงลุ่มหลงที่ครุกรุ่นในตัวได้หรือไม่ และผลลัพธ์ที่ออกมานั่นง่ายมาก สายตาเปี่ยมพลังที่คมกริบ กับความเข็ดหลาบที่เคยบาดลึก เทียบกันไม่ได้เลย เทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ

    ถ้าแค่อยากเป็นแฟนเพื่อจะได้กอดหรือจูบ เธอเผชิญหน้ากับดวงตาแข็งกร้าวตรงหน้าด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี หรือเพื่อแก้เหงาวันสิ้นปี หรือเพื่อรอทำโรแมนติกตอนเที่ยงคืน... แอร์ให้ตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ

    ห๊ะ... เขาผละมือออกจากพื้นแล้วเขยิบตัวเข้าใกล้เธอ ว่าไงนะคะ

    ถ้าพี่เบนกล้าขอ แอร์ก็กล้าให้

    คล้ายใบหน้าจะยิ้มค้างอยู่ชั่วขณะ เขาหัวเราะร่า ส่ายหน้า พลางมือเสยผมขึ้น แล้วบ่นพึมพำ ไม่ธรรมดา จากนั้นจึงหัวเราะใหม่อีกครั้ง พร้อมส่ายหน้าอีกยกใหญ่ ไม่ธรรมดาจริงๆ

    ครั้นเสียงหัวเราะจางลง เขาค่อยๆโน้มตัวเข้าหาเธอ มือซ้ายพร้อมนาฬิกาเรือนใหญ่บนข้อมือค่อยๆยกขึ้น ใบหน้าค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้กระทั่งมีเพียงฉากอากาศบางๆคั่นกลางระหว่างเธอกับเขา ปลายนิ้วแตะแผ่นฟิล์มใสไร้ตัวตนอันบางเฉียบบนผิวแก้ม พลันไล้มาที่ริมฝีปาก ปลายจมูกของเขาเคล้าเคลียอณูอากาศที่ชะโลมผิวหน้าของเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวสะกิดผิวอ่อนนุ่ม ทุกอากัปกริยาช่างเชื่องช้ายาวนาน เขากระซิบพลันเลื่อนมือซ้ายลงประคองลำคอเพียงผิวเผิน พี่ขอแค่จับมือแอร์ก็พอค่ะ

    มือซ้ายค่อยๆเคลื่อนลงสัมผัสหลังมือขวาของเธอ แล้วค่อยๆช้อนฝ่ามือนั้นขึ้น แล้วกุมไว้ นิ้วโป้งลูบไล้ผิวแล้วกดลงอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วทั้งห้าค่อยๆออกแรงบีบอย่างนุ่มนวล

    วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เวลาเกือบสิบหกนาฬิกา อากาศปลอดโปร่งเริ่มอบอวลด้วยแรงดึงดูด แสงอาทิตย์เจิดจ้าตอนกลางวันเริ่มทอรัศมีคล้อยต่ำ ลมโกรกเย็นสบายเริ่มโฉบเฉี่ยวเป็นสัมผัสเย็บวาบ ไอแดดอบอุ่นเริ่มรุมเร้าเป็นไอร้อนวูบ เสียงคลื่นกระทบแนวหินเอื่อยเฉื่อยพลันถาโถมจนจังหวะรวนเร กับคำถามที่ว่า ประสบการณ์สอนเธอได้ดีแค่ไหน และความผิดพลาดทำให้เธอฉลาดมากขึ้นเท่าไร คำตอบแห่งบททดสอบบทนี้คือ .... ห่วยแตก และ .... ติดลบ

    เจ้าหมาถูกเสือขย้ำงั้นเหรอ เขาหัวเราะเบาๆ ไป... ไปกันเถอะค่ะ จากนี่เข้ากรุงเทพคงพอดีส่งแอร์

     

     

     

     

    หมายเหตุ: นี่คือบทสนทนาเต็มๆในโทรศัพท์ (เผื่อคุณอยากอ่าน) (อีกหน)

     

    หวัดดีค่ะ เธอทักทายด้วยเสียงเรียบร้อย

    หวัดดีค้าบ

    โธ่ นึกว่าใคร น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายในสายเป็นใคร

    ทำไม ทนฟังเสียงเบิร์ดไม่ได้รึไง อีกฝ่ายตัดพ้อแบบล้อเล่น

    ป่าว พี่เบิร์ดก็รู้ว่ามือถือแอร์จอเสีย แอร์รับสายทุกครั้งก็ต้องลุ้นทุกครั้ง

    แล้วทำไมไม่เอาไปซ่อมซะทีล่ะเจ๊ ไม่ก็ซื้อใหม่ไปเลย เนี่ย วันนี้วันหยุดก็ไปจัดการวันนี้เลยสิ

    ไม่ได้ แอร์อยู่ตลาดน้ำ มาเที่ยว

    ตลาดน้ำไหน อัมพวาเหรอ

    รู้ได้ไงอ่ะ

    จะมีซักกี่ที่ล่ะค้าบที่เค้าจะพาสาวๆออกเดท เขาใส่อารมณ์ให้เห็นภาพอย่างเต็มที่ เดินเล่นนน... ดูของแฮนด์เมดดด ..กินข้าววว แล้วไรอีกนะ...ลงเรือดูหิ่งห้อย แอบจับมือในความมืด อยู่ในตำราหมด

    ค่า ปรมาจารย์ เดี๋ยวเย็นๆก็กลับแล้ว ต้องไปงานศพต่อ

    ระวังๆเฮียผมขาวหน่อยละกันนะเจ๊ อย่าไปโพล่งอะไรใส่เค้าล่ะ เดี๋ยวเค้าเตลิดไปก่อนเจ๊เห็นแวว

    อื้ม แค่นี้ก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่

    เดี๋ยวๆ

    อะไร

    กะว่าจะเอาแกงไตปลาไปฝาก อีฟอยู่บ้านรึป่าว

    เสียใจค่ะ

    ห๊ะ วันนี้ลูกสาวบ้านนี้พร้อมใจกันไปเปรี้ยวหมดเลย? ไว้พรุ่งนี้ก็ได้

    เก็บไว้แบ่งที่บ้านกินไม่ดีกว่าเหรอ นี่ไง เอาไปง้อพี่จิ๊บก็ได้

    เขาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อ เดี๋ยวเอาไปให้พรุ่งนี้ละกันนะ

    ตามใจ ...ขอบคุณมากนะคะ

    ค้าบ ไว้คุยกันคับหวัดดีคับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×