ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขั้นหัวใจ บันไดรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ขั้นที่ 2 : ตัวตนอีกด้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18
      0
      22 ก.ค. 48

    ขั้นที่ 2 : ตัวตนอีกด้าน



    “ปล่อยนะปอนด์ ฉันบอกให้ปล่อยไง โยเยออะไรที่ไหนกัน” ชลินทราสะบัดแขนจนพ้นจากการเกาะกุมของร่างสูงที่ลากเธอหลุนๆ ไปตามทางเดินที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนเนื่องจากแต่ละคนกำลังเตรียมตัวเรียนคาบแรกกัน



    “แล้วเธอจะให้พวกนั้นเรียกชื่อฉันหรือไง”



    “ตายแล้ว...ฉันลืมไปเลยว่านายไม่ชอบชื่อ ‘ปอนด์’ แต่ทำไมถึงกลายเป็นโยไปได้นะ” เด็กสาวแสร้งทำเป็นลืมอย่างที่อีกฝ่ายรู้ว่าแกล้งทำ นัยน์ตาสีนิลเบิกกว้างมองอีกฝ่าย



    “ทีธิปยังกลายเป็นเชนได้แล้วกรณีของฉันมันต่างกันตรงไหน” ปโยธัสขึ้นเสียงด้วยอารมณ์หงุดหงิด



    “เบาๆ หน่อยสิปอนด์ ที่นี่นายต้องเป็นคนมาดนิ่งเย็นชานะ เย็นไว้ๆ” ชลินทราล้อเลียน “แต่นายเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย ตอนนั้นผมนายยังเป็นสีทองอยู่เลยนี่นา” เด็กสาวเอื้อมมือจับผมของอีกฝ่ายอย่างคุ้นเคย



    ปโยธัสเคยไปค้างที่บ้านเธอที่อเมริกาสองครั้งในช่วงปิดเทอมเพราะแม่ของเธอและเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน แม่ทั้งสองจึงต้องการให้ลูกของทั้งคู่ได้รู้จักกันไว้ ซึ่งเขาและเธอก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี...กันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง



    “เห็นแม่บอกไว้เหมือนกันแต่ไม่ได้บอกว่าเธอจะมาเรียนที่นี่” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แม่ของเขาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้

    แม่นะแม่แทนที่จะบอกกันก่อน  เด็กหนุ่มคิดในใจอย่างหงุดหงิด ใครมันจะไปตั้งตัวติดกันล่ะ อยู่ๆ ก็โผล่มาแบบนี้



    “เมื่อเช้าฉันเพิ่งไปหาคุณป้ามาเอง คุณป้าไม่เห็นบอกเลยว่าปอนด์เรียนที่นี่ อ๊ะ...ถ้างั้นก็แสดงว่าฉันต้องเรียนเก่งกว่านายน่ะสิ” ชลินทราพูดอย่างนึกขึ้นมาได้ ริมฝีปากบางยิ้มกว้าง



    “หมายความว่ายังไง” เขาถามอย่างงุนงงก็เธอเล่นเปลี่ยนเรื่องไปเสียเฉยๆ



    “ก็คุณป้าลองให้ฉันทำข้อสอบของปีที่แล้วดู ฉันได้คะแนนมากกว่าคนที่ได้ที่หนึ่งของปีที่แล้ว ซึ่งฉันคิดว่าคือนายอย่างแน่นอน ก็ต้องแสดงว่าฉันเก่งกว่าสิ” พูดเสร็จก็หัวเราะอย่างชอบใจ



    “นี่ชาล สรุปว่าเชนที่เธอบอกว่าเป็นแฝดของเธอคือไอ้ธิปเองหรือเนี่ย” ปโยธัสรีบเบี่ยงประเด็น เขาไม่ชอบให้ใครมาตอกย้ำว่าเก่งกว่าเขาหรอกนะ



    “ใช่”



    “ไม่เห็นมันบอกใครเลยว่ามีแฝด” เขาบ่นพึมพัม



    “บอกให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ นี่ฉันก็กะว่าจะไม่บอกคนอื่น ขี้เกียจตอบคำถาม น่ารำคาญ” ชลินทราบ่น มาดแสนหวานที่ปรากฏในห้องเรียนเมื่อครู่หายไปหมดไม่มีเหลือ



    ปโยธัสมองอาการของคนตรงหน้าก่อนมุมปากของเขาจะยกขึ้นเล็กน้อยอย่างสมใจ



    “นี่...แล้วฉันต้องเรียกปอนด์ว่าโยหรือเปล่า” เธอถามอย่างสงสัย



    “จะเรียกยังไงก็ตามใจ” ปโยธัสตอบอย่างขอไปทีก่อนลากแขนอีกฝ่ายให้เดินตาม



    “จะไปไหน” ชลินทรากระชากเสียงถาม



    “กลับห้องเรียน คาบแรกจะเริ่มแล้ว นักเรียนดีเด่นอย่างเธอคงไม่ยอมเสียประวัติหรอกนะ ใช่ไหม” เด็กหนุ่มมองหน้าคนตัวเล็กกว่าอย่างรู้ทัน







    ชลินทรานั่งเหม่อฟังอาจารย์สอนหน้าห้องอย่างเบื่อหน่าย ดินสอกดสีเงินในมือถูกหมุนไปหมุนมาเป็นการฆ่าเวลา ก็เรื่องที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ปาวๆ หน้าห้องน่ะเธอเรียนมาแล้วทั้งนั้น



    เกลียดฟิสิกส์ชะมัด  เด็กสาวเบ้หน้า แต่ถึงแม้เธอจะไม่ชอบแต่ก็ไม่เคยทำให้เกรดต่ำกว่าเอให้เป็นที่อับอายหรอกนะ



    “นี่ชาล” เสียงเรียกชื่อเธอดังมาจากข้างตัว



    “ทำไมหรือแจ้ง” ชลินทราถามกลับพร้อมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร



    “เธอรู้จักโยด้วยหรอ” จารุภาถามอย่างอยากรู้



    เด็กสาวมองอีกฝ่ายก่อนยิ้มน้อยๆ

    คงเป็นแฟนคลับนายปอนด์ละสิท่า อะไรมันจะดังกันขนาดนั้นนะทั้งปอนด์ทั้งเชน



    “ก็นิดหน่อยน่ะ แม่ของฉันกับปอนด์เป็นเพื่อนกันเราก็เลยรู้จักกันเท่านั้นเอง” ชลินทราทำเสียงเหมือนว่าการที่ได้คุยกับคนที่เงียบที่สุดในโรงเรียนในสายตาคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา



    “ใครคือปอนด์น่ะ” จารุภายิ่งงงหนัก ก็เธอถามถึงโย...ปโยธัสต่างหาก



    ชลินทราหน้าเสียรู้ว่าตัวเองก้าวพลาดไปเสียแล้วที่ดันไปแสดงระดับความสนิทสนมกับนายนั่นเข้า เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนปั้นยิ้มเป็นการยิ้มปลอบใจตัวเอง



    “ปอนด์ก็คือโยนั่นแหละ โยไม่ชอบชื่อปอนด์เท่าไหร่น่ะแต่ฉันชินเพราะคุณป้าเรียกแต่ปอนด์” ชลินทราแทบจะกัดลิ้นตัวเอง...เธอพูดแสดงความสนิทสนมเพิ่มชัดๆ

    โอ๊ย...จะบ้าตาย นี่เธอจะถูกแฟนคลับของนายนั่นดักตบเอาไหมเนี่ย แต่ที่นี่เมืองไทยมันคงไม่หนักหนาสาหัสขนาดโดนรุมซ้อมเหมือนในนิยายเกาหลีหรอกนะ  ชลินทราคิดฟุ้งซ่าน พยายามหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง



    จารุภาพยักหน้ารับรู้ท่ามกลางการถอนหายใจอย่างโล่งอกของอีกฝ่าย

    “เฮ้อ...ดีจังนะที่เธอได้คุยกับเขาด้วย รู้หรือเปล่าว่าเขาน่ะดังที่สุดในโรงเรียนนี้เลยนะ ทั้งเรียนดี กีฬาเด่น เล่นดนตรีก็เพราะ เสียตรงที่ไม่พูดนี่แหละ แล้วเธอรู้จักธิปด้วยหรือเปล่า” คนที่กำลังพูดอยู่ดีๆ กลับหันขวับมาถาม



    ชลินทราพยักหน้ารับ มองคนตรงหน้าอย่างทึ่งๆ แสดงว่าที่ทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเมื่อกี้นี่เงี่ยหูฟังไว้ตลอดเลยใช่ไหมเนี่ย



    “ดีจังนะ รู้จักคนดังๆ ตั้งสองคน นี่เธอคงไม่ได้แอบไปรู้จักคนดังทั้งโรงเรียนแล้วไว้แล้วนะ” จารุภาหรี่ตาเรียวเล็กมองนักเรียนใหม่อย่างไม่ไว้ใจ



    “ไม่มีแล้วล่ะ แค่สองคนนั้นฉันก็จะแย่อยู่แล้ว เธอเห็นสายตาของคนอื่นที่มองฉันไหม”



    “เธอระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ แต่วางใจได้ถึงแม่ฉันจะเป็นหนึ่งในแฟนคลับของสองคนนั้นแต่ฉันไม่ใช่พวกหัวรุนแรงหรือสมองน้อยจนต้องใช้กำลังหรอกนะ เธอสบายใจได้”



    ชลินทราทำหน้าไม่ถูกอยากหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก จะร้องไห้ก็ร้องไม่ได้ ตกลงมันมีจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย..ไอ้การรุมซ้อมน่ะ



    “นี่สองคนนั้นน่ะ เอาแต่กระซิบกระซาบคุยกันตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ เกรงใจคนอื่นที่ตั้งใจเรียนบ้างสิ” เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นจากหน้าห้อง “เป็นนักเรียนมาใหม่แท้ๆ แต่ไม่ตั้งใจเรียนใช้ได้ที่ไหน”



    ชลินทราลุกขึ้นช้าๆ เหลือบตามองคนที่นั่งด้านหลังทั้งสองคนที่มองมาอย่างกังวลก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว

    “ขอโทษค่ะอาจารย์ หนูผิดเองที่ให้จารุภาเล่าเรื่องในโรงเรียนให้ฟังค่ะ หนูรอจนพักเที่ยงไม่ไหว” เด็กสาวทำหน้าสลด น้ำตาเริ่มคลออยู่ในดวงตาคู่สวย



    ปโยธัสยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างสนุก อาจารย์แวววรรณเป็นอาจารย์ที่เด็กทั้งโรงเรียนพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดกลับมามีเรื่องกับนักเรียนใหม่ เขาไม่ได้ห่วงชลินทราหรอกนะ เพียงแค่อยากรู้ว่าเธอจะจัดการอาจารย์คนนี้ยังไงเท่านั้นเอง



    “เธอคงตื่นเต้นมากสินะที่ย้ายโรงเรียนใหม่ อยากจะออกไปเดินรอบๆ โรงเรียนตอนนี้ไหม”



    “ออกไปเดินเล่นเวลาเรียนได้ด้วยหรือคะ” นักเรียนใหม่ย้อนถามเสียงซื่อ



    “ฉันหมายถึงวิ่งรอบสนาม ไป...ไปตอนนี้เลยนะ ฉันจะคอยดูเธอจากตรงหน้าต่างนี่” ผู้ที่อยู่หน้าห้องชี้ไปยังหน้าต่างของห้องเรียนที่มองลงไปเห็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ได้ชัดเจน



    “ชาล” ชลาธิปพยายามปรามคนที่ยืนอยู่แค่ดูเหมือนความพยายามของเขาจะไร้ผล ชลินทราไม่ฟังเขาแม้แต่น้อย



    “ทำไมต้องไปด้วยคะ”



    นักเรียนทั้งห้องฮือฮาขึ้นมาทันทีที่มีคนท้าทายอาจารย์จอมโหดเข้า แถมยังเป็นเด็กที่เพิ่งย้ายมาเสียด้วย



    “เพราะเธอไม่มีสมาธิในการเรียน ฉันเลยจะให้เธอไปวิ่งรวบรวมสมาธิซะก่อนกลับมาเรียนไง” อาจารย์สาวพูดเสียงดังจนเกือบเป็นตวาด



    “แล้วถ้าหนูเข้าใจเรื่องที่อาจารย์สอนอยู่เมื่อกี้ล่ะคะ ต้องไปวิ่งอีกหรือเปล่า”



    “นี่เธอท้าฉันเหรอ” ผู้สูงวัยกว่าเสียงสั่นอย่างคุมอารมณ์ไม่อยู่ ตั้งแต่สอนมายังไม่มีเด็กคนไหนกล้าหือกับเธอเลย



    “หนูไม่ได้ท้านะคะ แค่พยายามประนีประนอม” ชลินทราชี้แจง



    “ไม่ต้องมายอกย้อน มานี่เลยมาเอาข้อสอบนี่ไปทำ ถ้าเธอทำถูกหมดทุกข้อฉันจะไม่เอาเรื่องเธอ แต่ถ้าเธอผิดแม้แต่ข้อเดียวฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”



    “ตกลงค่ะ”







    ร่างโปร่งบางนั่งทำข้อสอบท่ามกลางสายตาของคนทั้งห้องที่จับจ้องมายังเธออย่างสบายอารมณ์โดยเฉพาะสายตาจับผิดของอาจารย์แวววรรณที่ยอมหยุดสอนเพื่อป้องกันเธอถามจากคนอื่น



    ชลินทราวางปากกาลงเมื่อเขียนคำตอบข้อสุดท้ายเสร็จก่อนลุกเดินนำข้อสอบไปคนอาจารย์อย่างมั่นใจ



    “ไม่ต้องตรวจก็ได้นะครับอาจารย์ถ้านั่นเป็นข้อสอบของปีที่แล้ว เสียเวลาเปล่าสอนต่อเถอะครับ” ปโยธัสเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย



    “เธอแน่ใจได้ยังไงจ๊ะปโยธัส” อาจารย์แวววรรณถามเสียงหวาน ยังไงเขาก็เป็นลูกของเจ้าของโรงเรียนนี้



    “เพราะผมลองทำดูแล้วถูกหมดทุกข้อครับ ถ้าอาจารย์ให้ชลินทราทำก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วครับ” เด็กหนุ่มสอบเสียงเรียบท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งห้อง



    “ว่า...ว่าไงนะ” ผู้เป็นอาจารย์ไม่อยากจะเชื่อ



    “ก็อย่างที่บอกครับ อีกอย่างผมขอบอกอะไรเล็กน้อยเพราะผมหวังดีต่ออาจารย์นะครับ มันอาจจะดูไม่ดีไปบ้างแต่เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของอาจารย์ผมว่าอาจารย์อย่าไปสนเด็กใหม่ที่ไม่ตั้งใจเรียนเลยครับ เพราะถ้าเธอโดนเล่นงานเกินสมควรถึงแม่ของผมจะเป็นคนยุติธรรมมากแค่ไหนก็คงไม่ยอมให้ ’หลานรัก’ โดนแกล้งแน่”



    อาจารย์แวววรรณทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง



    “ปอนด์ นายทำอะไรลงไปน่ะ อาจารย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” ชลินทราส่งเสียงดังอย่างลืมตัวรีบถลาเข้าไปหาอาจารย์ที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ



    “ใครมียาดมบ้าง” เด็กสาวคว้าเอายาดมจากคนที่ยื่นมาให้จัดการเปิดฝาแล้วยื่นให้อาจารย์



    “อาจารย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ หนูไม่ได้จะแกล้งอาจารย์นะคะ” เด็กสาวละล่ำละลักถาม



    “มาค่ะ หนูว่าอาจารย์ไปพักดีกว่า หนูจะพาไปที่ห้องพยาบาลนะคะ” ชลินทราจัดการพยุงอาจารย์ออกไปทันที







    “ชาล นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชลาธิปถามขึ้นทันทีเมื่อน้องสาวฝาแฝดเดินออกจากห้องพยาบาล เขารีบวิ่งตามเธอออกมาตั้งแต่แรกก่อนตัดสินใจรออยู่ที่นี่



    ชลินทราถอนหายใจยาว...เพราะปอนด์แท้ๆ เรื่องถึงได้ยุ่งขนาดนี้

    “ก็อย่างที่ปอนด์หรือนายโยนั่นบอกแหละเชน ชาลจะอธิบายสั้นๆ นะ ชาลกับปอนด์รู้จักกันมาก่อนแล้วล่ะแต่ก็ไม่นานหรอกนะเพราะแม่ของเราเป็นเพื่อนกัน อ้อ...แล้วปอนด์ก็รู้เรื่องที่เราเป็นฝาแฝดกันแล้วนะ ปอนด์รู้ว่าชาลมีฝาแฝดแต่เพิ่งรู้ว่าเป็นเชนก็เมื่อเช้านี้แหละ” เด็กสาวถอนใจอีกครั้งเมื่อพูดจบ



    “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” เด็กหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย



    “เป็นอะไรมากหรือเปล่าเชน”



    “ไม่หรอก เชนห่วงชาลมากกว่า รู้ไหมว่าโยมันมีแฟนคลับตั้งเท่าไหร่” ดวงตาสีนิลมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง



    “วางใจเถอะเชน ในเมื่อเรื่องนี้ปอนด์เป็นคนเริ่ม ปอนด์ไม่ปล่อยให้ชาลโดนหรอกนะ” เด็กสาวยิ้มกว้างให้ฝาแฝดของเธอด้วยความมั่นใจ



    “แต่...”



    “อย่าพูดเหมือนไม่รู้จักเพื่อนตัวเองน่า ปอนด์น่ะไม่ได้เป็นคนใจเย็นแบบที่เห็นหรอกนะ”



        ใช่...เขายอมรับว่าเขาไม่รู้จักเพื่อนตัวเอง ปโยธัสในวันนี้ไม่เหมือนปโยธัสที่คนทั้งโรงเรียนรู้จักเลยแม้แต่น้อย



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



        สวัสดีอีกครั้งค่ะ ประเดิมตอนแรกสองบทรวด ก่อนอื่นต้องขอโทษผู้อ่านไว้ก่อนเลยนะคะว่าเรื่องนี้คงจะอัพช้ากว่าเรื่องอื่นๆ นะคะ (อ้าว...นี่เธอมีเรื่องอื่นด้วยหรอเนี่ย ไม่ใช่ค่ะ หมายถึงเรื่องของนักเขียนอื่น) มันมีเหตุจำเป็นค่ะเพราะจะได้อัพก็ต่อเมื่อกลับบ้านวันศุกร์ -__-!! แต่จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละสองตอนเป็นอย่างน้อยนะคะ (และคงเป็นส่วนมากด้วย -__-!! ) โดยเฉพาะช่วงนี้ยังติดสอบอีก ยังไงก็สู้ ๆ สู้ตาย

    Aza Aza Fighting  > __ < - - -เลือด Fullhouse แล่นพล่าน หุ หุ

         ขอขอบคุณผู้ที่หลงมาอ่านทุกคนล่วงหน้าเลยนะคะ อย่าลืม comment ด้วยนะคะ เป็นแรงใจเล็กๆ น้อยๆ ให้คนๆ นี้ ขอบคุณค่า...^   ^



         กมลนัทธ์  a_kamonnut@yahoo.com

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×