ยังไม่มีชื่อเรื่อง
เป็นผลงานแรกเลย ยังไม่มีแม้กระทั่งชื่อเรื่อง บางตัวอาจจะอ่านยากขอโทษด้วยนะคะ ใครอ่านแล้วเป็นยังไงเสนอชื่อเรื่องได้นะคะ *สามารถโพสสารธารณะได้ กรุณาใส่เครดิต*
ผู้เข้าชมรวม
82
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1
คำเชื้อเชิญแห่งความตาย
“โลกนี้...มันน่าเบื่อ ว่ามั้ยครับ จะทำอะไรก็ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์ ทำตามที่พวกผู้ใหญ่ต้องการ แทบไม่มีอิสระ อ่อ ผมชื่อ ฟราน ครับ ก็อย่างที่บอกไป โลกนี้มันน่าเบื่อ วันๆ ผมเลยต้องอยู่แต่กับอินเทอร์เน็ต โลกที่ผมสามารถจะเป็นใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้”
ตัวอักษรค่อยๆ ถูกพิมพ์ลงไป ข้อความของเด็กหนุ่มผมดำ แววตาสีนิลเป็นประกายที่กำลังจ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขียนข้อความลงในบล็อกของตนอยู่บนเตียง โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป
“เฮ้อ!!! มันก็น่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละ”
หลังจากเขียนเสร็จร่างนั้นก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงด้วยท่าทางที่เบื่อสุดๆ ราวกับว่าอยากจะไปจากโลกนี้ให้พ้นๆ
“ถ้ามันมีโลกที่จะทำอะไรก็ได้ก็ดีสิ...”
“แต่ของแบบนั้นมันจะไปมีได้ยังไงกัน”
ถึงปากจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ใจกลับแอบหวังให้ความปราถนาของตนเป็นจริง ก่อนจะหลับตาลงเพราะความร้อนในฤดูร้อน
“...มีสิ...”
เสียงของหญิงสาวที่ดังก้องขึ้นในหัวของเด็กหนุ่ม ทำให้เจ้าของร่างต้องลืมตาตื่นและลุกพรวดขึ้นจากเตียงแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น
“ใครน่ะ!! เสียงใครกัน!!”
เด็กหนุ่มเอยถามต้นตอของเสียง หันไปหันมาเพื่อหวังจะหาต้นเสียง
“อยากเปลี่ยนโลกใช่มั้ยล่ะ...เบื่อโลกที่เป็นอยู่ใช่มั้ยล่ะ มากับเราสิ แล้วความปราถนาของพวกเจ้าจะเป็นจริง”
สิ้นเสียงพูดของหญิงสาว จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบออกมาต่อหน้าเด็กหนุ่ม ทำให้สติค่อยๆ เรือนรางที่ละน้อยจนหมดสติไป
“ที่นี่...ที่ไหน...”
เด็กหนุ่มตื่นมาพบว่าตัวเองยืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ พบกับที่ที่ไม่รู้จัก พบกับผู้คนที่ไม่รู้จัก
“ขอต้อนรับสู่ก๊อดรูม เราคือพระเจ้า เราจะขออธิบายกฏกติกาของเกมโดยรวมให้เพลย์เยอร์ทุกท่านทราบก่อน”
นั้นเป็นเสียงของหญิงสาวผมทองร่างใหญ่ ตาเป็นประกายสีมรกต นั่งอยู่บนบันลังค์ใจกลางห้องโถง เสียงเดียวกับที่ฟรานได้ยินก่อนหน้านี้
“เกม? เกมอะไรกัน แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วทุกคนเป็นใคร”
เด็กหนุ่มหันไปมองรอบๆ มีท่าทีที่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“พวกเค้าทั้ง 11 คนเป็นเพลย์เยอร์ รวมทั้งเจ้าด้วย เกมที่เราจะเล่นนี้เป็นเกมที่สามารถจะเปลี่ยนโลกของพวกเจ้าได้เลยล่ะ”
เปลี่ยนโลก
เมื่อได้ยินคำพูดที่เหลือเชื่อทุกชีวิตในห้องนั้นต่างนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่ฟรานจะเอ่ยถามแย้งกับคำพูดของก๊อด
“ถ้าแค่จะเปลี่ยนโลก คุณเป็นพระเจ้าทั้งที แค่นี้มันเรื่องง่ายๆ สำหรับคุณเลยไม่ใช่หรอ”
เด็กหนุ่มถามผู้เป็นก๊อดพร้อมกับความเคลือบแครงในใจ แต่ก็พอจะรู้คำตอบในสิ่งที่ตนถามไป
“ความจริง เราไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนโลก ที่เราต้องการจริงๆ คือ ศึกษามนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่พวกเธอเรียกว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็คำช้าที่สุดเช่นกัน การจะให้มนุษย์เผยธาตุแท้ของตนออกมานั้นจำเป็นต้องมีสิ่งที่เรียกว่าล่อตาล่อใจที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน”
ผู้เป็นก๊อดอธิบายทุกอย่างแกเหล่าเพลย์เยอร์ที่อยู่ในห้องโถงนี้ แต่ก็ปิดบังบางอย่างไว้เช่นกัน
“แล้วไอสิ่งล่อตาล่อใจที่ว่านี่มันอะไรกัน?”
คำถามนี้ทำให้ทุกคนในห้องนิ่งเงียบไป รอฟังคำตอบจากผู้เป็นพระเจ้า
ทั้งที่เป็นห้องโถงที่แม้จะมีเสียงเพีงนิดเดียว มันก็จะก้องไปทั่วทั้งห้อง แต่ขณะนี้มันไม่มีแม้แต่เสียงลมที่ผ่านเข้ามาเลย
“ทำความปราถนาของผู้ชนะให้เป็นจริง 1 อย่าง”
การตอบรับจากพระเจ้าทำลายความเงียบนั้น ด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง ทำให้ทุกคนอยู่ในอาการช็อค เข้าสู่ความเงียบไปพักใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แต่ในใจของทุกคนกลับรู้สึกพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน
“เอ๋!!!!!!! แบบนั่นถ้าเกิดมีคนขอว่า ขอให้ชั้นได้เป็นพระเจ้า ล่ะ คุณจะทำยังไง”
เสียงของฟรานโวยวายขึ้นมาท่ามกลางความเงียบนั้น ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น
“เราก็จะลงจากตำแหน่งพระเจ้า แล้วให้ผู้ชนะขึ้นมาเป็นพระเจ้าองศ์ใหม่”
แทนที่จะตกใจกับคำถาม แต่กลับตอบด้วยท่าทีสงบและสง่างาม ราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าจะเกิดแน่นอน
“คุณก็จะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาน่ะสิ”
“ไม่...เราจะไม่มีสิทธิที่จะเป็นคนธรรมดาอย่างพวกเจ้า ก่อนที่จะขึ้นมาเป็นพระเจ้าจำเป็นต้องถูกตีตรายินยอมทั้งจากสวรรค์และนรกเพื่อเป็นเครื่องยืนยันการเป็นพระเจ้า และต้องรักษากฎที่บัญญัตขึ้นว่า ห้ามบิดเบือนความเป็นเหตุเป็นผล ห้ามชุบชีวิตมนุษย์ และการสละตำแหน่งต้องสลายร่างและจิตไปจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่สามารถมาเกิดได้อีก” ผู้เป็นก๊อดตอบด้วยท่าทางนิ่งสงบ สง่างาม สมกับเป็นพระเจ้า “เราก็เคยบอกไปแล้วว่าการจะให้มนุษย์เผยธาตุแท้ออกมานั้น จะต้องมีสิ่งล่อตาล่อใจที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน”
“แต่ว่า!”
เด็กหนุ่มพยายามแย้ง แต่เมื่อเห็นท่าทีของก๊อดที่สงบนี้แล้ว ก็เข้าใจได้ทันทีว่า ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ได้เตรียมใจสำหรับทุกอย่างไว้แล้ว
“งั้นหรอ...เข้าใจแล้วล่ะ”
“งั้นเราจะขออธิบายกฏกติกาของเกมต่อล่ะ กติกาของเกมก็ง่ายๆ แค่ทำตามกฎของเกมแล้วเอาชนะผู้เล่นทุกคน ตามที่บอก ผู้ที่ชนะจะสมปราถนา 1 อย่าง”
“มีใครจะถามอะไรมั้ย?”
ไม่มีเสียงตอบรับ ทุกคนพร้อมที่จะเริ่มเกมได้ทุกเมื่อ
“เอาล่ะ! ในเมื่อไม่มีใครจะถามอะไรแล้ว เพื่อเป็นการไม่เสียเวลางั้นก็จะขอเริ่มเกมเลย”
“รีบๆเริ่มซะทีเถอะ แค่ฟังคำอธิบายก็น่าเบื่อเต็มทีแล้ว”
ชายร่างใหญ่สวมชุดมวยปล่ำเริ่มหงุดหงิด
“เอาล่ะเสียเวลามามากแล้วขอเริ่มเกม ณ บัดนี้...”
“Game Start!!!”
หลังจากสัญญาณเริ่มเกมดังขึ้น ก็เกิดแสงสว่างเช่นเดียวกับตอนมาที่ก๊อดรูม เมื่อพวกเค้าตื่นขึ้นพกว่าตัวเองยืนอยู่ในเมืองขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง มองไม่เห็นยอดของกำแพง เสมือนถูกขังอยู่ในบ่อน้ำที่ไม่อาจขึ้นไปได้ ทุกคนในเมืองที่เดินอยู่เหมือนกับมองไม่เห็นฟราน
“เพลย์เยอร์ทุกท่านจะถูกส่งไปจุดต่างๆ ในเมือง”
เสียงของผู้เป็นก๊อดดังเข้ามาในหัวของทุกคน
“กติกามีเพียงแค่ รอดชีวิตมาให้ถึงห้องโถงชั้นบนของปราสาทใจกลางเมือง ผู้ที่ไปถึงก่อนจะเป็นผู้ชนะ”
เมืองชั้นนอก ทางตะวันออก
“รอดชีวิต นี่มันอะไรกัน ให้ฆ่ากันงั้นหรอ ไหนบอกว่าเล่นเกมไง”
ฟรานโวยวายขึ้นมาด้วยความโกรธ ไม่พอใจกับที่ก๊อดพูดซักเท่าไหร่
“ใช่ นี่เป็นเกม เกมเซอร์ไววอลที่จะมีผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว...”
“อะไรกัน! ทำไมคุณไม่บอกก่อน ผมไม่ได้อย่ากมาเล่นเกมแบบนี้ซักหน่อย!”
ความโกรธทวีความรุนแรงขึ้น มือทั้งสองกำแน่น อยากจะชกหน้าเจ้าของเสียงโดยไม่สนใจว่าจะเป็นใคร
“...”
คำตอบที่ได้กลับเป็นเพียงความเงียบ ราวกับขาดการติดต่อจากก๊อด แต่ขณะที่ฟรานถามผู้เป็นก๊อดอยู่ อีกด้านหนึ่งเพลย์เยอร์คนอื่นกลับไม่สนคำพูดใดๆ ราวกลับรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้
ขณะทีเด็กหนุ่มไม่ระวังตัวก็มีขวานหล่นมาจากหลังคาของตึงสูง 3 ชั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีคนอยู่ วินาทีนั้นเค้ารู้สึกเสียวสันหลังวาบเหมือนรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย จึงรีบถอยออกห่างจากจุดที่เค้ายืนอยู่
ตุบ!
เสียงขวานหล่นกระทบพื้น ปักลงมาตรงที่เค้ายืนอยู่เมื่อครู่ หากช้าเพียงนิดเดียวนั้นอาจหมายถึงชีวิตของเค้าเลยก็ได้
ใครน่ะ
เด็กหนุ่มมองขึ้นไปหาที่มาของขวาน พบเงาของหญิงสาวอยู่บนหลังคา ในมือถือร่มกระดาษ ไม่เห็นหน้าจากการมองย้อนแสง แต่ก็รู้ได้เลยว่าต้องเป็นเพลย์เยอร์ที่ร่วมเล่นเกมแน่นอน สิ่งเดียวที่เขาคิดคือ หาที่ปลอกภัยที่ไม่เป็นเป้าสายตา เขาได้เข้าไปหลบในบ้านระแวกนั้น ทั้งที่เป็นที่ที่น่าจะปลอดภัยแต่กลับรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“นี่มันอะไรกัน พึ่งผ่านไปได้ไม่ถึง 5 นาทีก็ตกเป็นเป้า ถูกหมายหัวแล้วหรอ”
ฟรานได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในบ้านที่เขาเข้าไปซ่อนตัว ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากเล่นเกมนี้ แต่เมื่อนึกถึงผลประโยชน์ที่สมน้ำสมเนื้อแล้วก็ต้องกลับมาคิดว่ามันคุ้มค่ามั้ยนะ
เพล้ง! ตุบ!
เสียงกระจกแตก ตามมาด้วยร่างของเด็กสาวที่กระโจนเข้ามาพร้อมกับร่มสีแดงราวกับเลือดเพนต์ลายดอกซากุระ ผมสีขาวสยายตามแรงลม แววตาสีเพลิงเด่นบนใบหน้าอันงดงามที่พร้อมที่จะเผาผลานทุกสิ่ง ชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์
“ฝีมือไม่เลวหนิฟราน ถ้าเป็นคนธรรมดาคงไปสบายแล้ว”
เสียงพูดที่หยิ่งผยองของหญิงสาวผิดกับหน้าตาที่งดงามเอ่ยขึ้นต่อหน้าเด็กหนุ่ม
“เธอเป็นใคร ต้องการอะไร รู้จักชื่อชั้นได้ยังไง”
เด็กหนุ่มได้แต่รัวคำถามใส่ผู้บุกรุกตรงหน้า แต่ก็ไม่ลืมที่จะระวังตัว
“ไม่สิ ถ้าเธอเป็นเพลย์เยอร์ สิ่งที่ต้องการคงเป็นชีวิตสินะ”
“ใครบอกว่านายว่าชั้นต้องการชีวิตนายกัน แล้วก็นะ แค่ชื่อของนายน่ะชั้นสืบเอาก็ได้”
การตอบแบบประชดประชันกลับทำให้ฟรานเริ่มมีน้ำโห
“แล้วตกลงเธอเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่”
“อ๊ะ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้แนะนำตัวก่อน ชั้นชื่อแอนนา ยินดีที่ได้รู้จัก ที่ชั้นต้องการคือให้นายมาร่วมกับชั้น เพื่อให้ชั้นได้ขึ้นเป็นพระเจ้า” เสียงหวานที่หยิ่งยโสตอบคำถาม
“แล้วชั้นจะได้อะไร?”
เด็กหนุ่มถามโดยที่ไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู
“ความจริง ชั้นจะฆ่านายซะตรงนี้เลยก็ได้ แต่ชั้นไม่ทำ ถ้านายตอบตกลงแล้วเราทำสำเร็จ ชั้นก็จะได้เป็นพระเจ้า ส่วนนายก็แค่เปลี่ยนจากที่ขอพรจากก๊อดคนเก่าเป็นชั้นแทน”
“ฟังแล้วไม่เห็นชั้นจะได้ผลประโยชน์อะไรเลย”
เด็กหนุ่มพูดเป็นเชิงลองใจอีกฝ่าย แต่ในใจก็ยอมรับข้อตกลงของอีกฝ่ายไปแล้ว
“งั้นก็ตายมันตรงนี้แหละ”
เด็กสาวชัดดาบเรียวเล็กที่คันร่มออกมา
“แต่ชั้นก็ไม่ได้ปฏิเสทข้อเสนอเธอซักหน่อย”
คำพูดของฟรานทำให้หญิงสาวหยุดชงัก
“2 คนมันก็ย่อมดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้ว มีพันธมิตรไว้หน่อยก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”
“งั้นเป็นอันตกลง”
เด็กสาวหลับตาลงก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักตามเดิม
เมืองชั้นกลาง ทางเหนือ
“ไปสบายนะครับ คุณลุง”
ผลงานอื่นๆ ของ Yume Ai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Yume Ai
ความคิดเห็น