งานหมั้นของคาโลกับเฟริน ( จบแล้ว)
เมื่อความเข้าใจผิดทำให้เฟรินต้องหมั้นกับคาโลเธอจะทำไงงานนี้ท่านบาโรกับเอวี่เลยต้องออกโรงเอง
ผู้เข้าชมรวม
5,820
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
(ต่อ)
นัยน์ตาของคนเมาค่อยๆปรือขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นบนใบหน้า
“อ้าวคาโล นายเองเหรอ นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย” เฟรินถามขึ้น
“ก็หอพักน่ะสิ อ้ะแล้วนั่นนายจะไปไหนล่ะอีกล่ะ” คาโลเอ่ยขณะมองร่างบางที่พยามจะลุกออกจากเตียง
“โธ่ถามได้ ฉันก็ะไปต่อน่ะสิฉันน่ะไม่ได้เย็นชาอย่างนายหรอกนะ คนอะไรดีแต่เก๊กเก๊กทั้งวัน ฉันน่ะชอบสนุก” แต่ร่างบางกลับลุกไม่ได้เมื่อมีมือใหญ่ดึงให้หันกลับแล้วผลักให้ล้มลงไปนอนลงบนเตียงต่อไปต่อ
“นายน่ะไม่ไหวแล้วนะหัดเจียมตัวซะบ้าง จะกินอะไรให้มากเหล้าน่ะมันไม่ดีนะ” คาโลเอ่ยเสียงเครียด
“นายเป็นห่วงฉันด้วยรึไง” เฟรินถามขึ้น
“เอ่อ..........ฉันเอ่อ....”ประโยคที่เอ่ยยังไม่ทันจบเพราะคนที่ถามได้หลับไปเสียแล้ว
“เฮ้อ..”คาดลถอนหายใจกลับเจ้าตัวป่วน ก่อนจะตัดสินใจล้มตัวลงนอนข้างๆเจ้าตัวยุ่ง และเข้าสู่ห้วงแทบจะทันที
โครม!!!!!!!!
“คาโลนายเห็.........”หลังจากที่ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงร่างของนักฆ่าหนุ่มก็ปากฎพร้อมกับคำถามที่ไม่ทันจะจบประโยค เพราะภาพเบื้องหน้ามันทำให้เขาต้องตะลึงตาค้าง ภาพของเจ้าหญิงคนสำคัญนอนหลับซบอกเจ้าชายแห่งคาโนวาล มันทำให้คิลนึกตกใจ
แต่แสงตะวันที่สาดเข้ามาในห้อง ก็ทำให้คนบนเตียงเริ่มรู้สึกตัว เมื่อลืมตาขึ้นเจ้าของนัยน์ตาก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนกอดกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในชุดออกงานเมื่อคืน
“เอ่อ..ฉันขอโทษด้วยนะที่เข้ามาขัดจังหวะนั้นเชิญนายต่อกันตามสบาย เดี๋ยวฉันไปก่อนล่ะ” คิลเอ่ยแก้เก้อ และกำลังจะก้าวออกจากห้องไปก็พอดีกับที่ เจ้าชายชามัลเดินสวนมาและมองเข้าไปในห้อง
โอ้เจ้าชายชามัล แกซวยแล้วงานนี้เฟริน คิลคิดในใจขณะมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าที่บัดนี้เจ้าชายและเจ้าหญิงคนสำคัญได้ตื่นขึ้นมาจากนิทราและมายืนอยู่ข้างๆเตียง ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าเพราะมันจ๋อยสนิท
“เดี๋ยวไปพบฉันที่ปราสาทเอดินเบิร์ก ด้วยคาโล เฟลิโอน่า”
ปราสาทเอดินเบิร์ก
“นี่พวกเธอคิดจะทำอะไรกัน ถึงจะเป็นวันสุดท้ายของการสอบและเป็นวันฉลองการเรียนจบพวกเธอก็ยังทำให้มีเรื่องจนได้ เป็นถึงเจ้าหญิงเจ้าชายกันทั้งคู่” เจ้าชายชามัลระเบิดออกมาแล้วมองไปที่เฟริน ที่บัดนี้ก้มหน้างุด แต่เสียงต่อมามันทำให้เฟรินต้องเงยหน้าพร้อมอ้าปากกว้าง
“ผมจะรับผิดชอบเอง ผมจะขอแต่งงานกับเฟริน เพื่อเป็นการรับผิดชอบ” คาโลเอ่ยเสียงเรียบ
“งั้นฉันจะเขียนไปถึงเอวิเดสกับบาโร เรื่องเธอสองคนกลับไปได้แล้ว” ชามัลเอ่ยเสียงห้วน พร้อมกลุ้มใจกับเด็กสมัยนี้
เมื่อประตูปิดลงการโวยวายของเฟรินก็เริ่มขึ้น คิลซึ่งนั่งรออยู่ในห้องนานแล้วก็หันไปมอง แต่เลือกที่จะเงียบ
“นี่คาโลนายหมายความว่าไงที่แกพูดแบบนั้นออกไปน่ะ” เฟรินอาละวาดอย่างไซร์จัด
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง”
“ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้” เฟรินเอ่ยพร้อมเดินไปนั่งที่เตียงอย่างหงุดหงิดก่อนเสริม
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับฉันถึงได้มานอนในห้องนายได้”
“เมื่อคืนนายเมามาก ฉันถามหากุญแจนายก็พูดไม่รู้เรื่องฉันเลยตัดสินใจพามานอนที่นี่” คาโลเอ่ยเสียงเครียดขณะหันไปมองคิล
“งั้นฉันขอถามนายอีกอย่างนะคาโล นายแต่งงานกับฉันเพราะแค่รับผิดชอบงั้นเหรอ” เฟรินถามจริงจัง
“เอ่อ..........ใช่”คาดเอ่ยออกมาในที่สุดแต่ในใจนึกไปอีกอย่าง
“ก็ได้...แค่รับผิคชอบ...ก็ได้”เฟรินเอ่ยจบแล้วเดินออกจากห้องไปทันที คิลหันมามองแล้วเอ่ยออกมาให้คาโลหน้าแดงเรื่อ
“แกมันก็ปากหนักแค่บอกไปว่า แกน่ะคิดยังไงกับมันก็จบ นี่มันคงงอนไปถ฿งไหนต่อไหนแล้วล่ะไ
คิลเอ่ยจบพร้อมถอนหายใจ
ปราสาทเดมอส
เสียงของการสนทนากำลังเข้มข้มเต็มที่
“ฮะนี่ลูกเฟลิโอน่าไปมีอะไรกับเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนนั่นแล้วรึ” เสียงเอวิเดสดังออกมาคล้ายตวาด
“มีอะไรพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” โกโดมโคมุสถามออกมาอย่างตะหนก
“ทางโรงเรียนแจ้งมาว่า เฟลิโอน่ามีอะไรกับเจ้าชายแห่งคาโนวาล แล้ว
ทางนั้นบอกว่าจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานด้วย”
“ไม่ดีรึพะค่ะ”
“จะดีได้ยังไงในเมื่อข้าได้เลือกราชบุตรเขยไว้แล้ว”
“แล้วจะเอายังไงพะยะค่ะ”
“ข้าจะลองใช้เรื่องมือใหม่ติดต่อกับบาโรดู”
วังคาโนวาล
“ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก ถึงเวลาที่ต้องบอกซักที”
เสียงเครื่องมือใหม่ที่กำลังใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในเอเดนและเดมอสนำเข้าโดยแบล็กสวอนดังขึ้นในปราสาทคาโนวาล
“ฮัลโหลวววว......บาโรพูด”
“ท่านบาโรเองรึนี่ข้าอเวิเดสเองนะ ท่านคงได้ข่าวแล้ว ท่านจะเอายังไงเรื่องลูกของพวกเรา”
“หึหึหึห ข้าได้ข่าวแล้ว และเตรียมแผนไว้เรียบร้อย”
“แผนรึ”
“ใช่มันก็คือ ฿๒๑+๕๖๗๋๘๕฿ู๙๙๓๒๑++++”
“โอเคตกลงตามนี้ แล้วเจอกันใหม่ท่านบาโร”
กับมาที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก
ขณะที่คาโลอ่านจดหมายเสร็จก็รีบพับเก็บทันทีก่อนที่ร่างสุงจะหันมาหาคิลและเฟริน “มีอะไรเหรอคาโล” เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเอ่ยถามอย่างสงสัยเป็นที่สุด
“ต้องเป็นจดหมายรักแหงเลยมันถึงรีบเก็บขนาดนี้”เฟรินเอ่ยอยางคะนองปาก
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ข่าวจากทางคาโนวาล วันนี้นายมีนัดกับเรนอนไม่ใช่เหรอคิล” คาโลเอ่ยตอบพร้อมถามกลับ
คิลพยักหน้ารับเบาๆก่อนเดินออกจากห้องไปทิ้งให้คาโลยืนอยู่กับเฟรินตามลำพัง
“ คาโลฉันขออ่านจดหมายหน่อยซิ” เฟรินพูดเสียงหวาน
“นายควรจะรู้จักคำว่ามารยาทนะเฟริน”คาโลเอ่ยปรามก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่ไม่วายที่เจ้าตัวดีจะใช้โอกาสนี้เพื่อช่วงชิงจดหมายในมือชายหนุ่ม
ตุบบบบบบบบบ.............
จดหมายอยู่ในมือเฟรินแต่เฟรินกลับตกอยู่ในมือคาโล เมื่อเจ้าชายเจ้าของจดหมายรู้ทันดึงแขนบางไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปบนพื้นด้วยกันคู่
บัดนี้ร่างของเฟรินจึงถูกทาบทับด้วยร่างของเจ้าชายแห่งคาโนวาล ยิง่ใบหน้านั้นไม่ต้องเอ่ยถึงเพราะมันห่างกันแค่เส้นผมกลั้น
“เอาจดหมายคืนมา”คาโลเอ่ยเสียงเครียด
“ไม่.....ปล่อยฉัน”เฟรินพูดบ้าง ในขณะที่ใบหน้าเริ่มปารกฏสีเลือดฝาด
“ถ้าอย่างนั้น..........”คาโลเอ่ยพร้อมนัยน์ตาพราวระยับอย่างหาได้ ใบหน้านั้นโน้มลงมาใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น นัยน์ตาสีน้ำตาลค่อยๆปรือลงช้าๆ เพื่อรอรับบทลงโทษจากเจ้าชาย
แต่แล้ว........................
ผ่างงงงงงงง...........
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงเผยให้เห็นร่างบุรุษนัยน์ตาสีเขียวฉายแววเจ้าเล่ห์และร่างบอบบางของหญิงสาวนัยน์ตาสีทองเส้นผมสีแดงเพลิง ภาพเบื้องหน้าทำเอาร่างสองร่างบนพื้นรีบแยกออกจากกันโดยเร็ว
“เจ้าพี่คาโล” เจ้าของนัยบน์ตาสีทองเอ่ยขณะวิ่งเข้ามากอดคาโลไว้แน่น
“เทเรเซีย......”คาโลเอ่ยเสียงแผ่วจนแทบไม่พ้นลำคอ ยามหันไปมองร่างของเฟรินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อ้าวโร...นายมีอะไรเหรอ” เฟรินเอ่ยเพื่อเลี่ยงการมองร่างทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ข้างๆ
“ก็ฉันมาเพราะเรื่องของเราไง ท่านพ่อเอวี่ ได้ดูฤกษ์ งานของเราแล้วนะ มาเราไปคุยกันส่วนตัวดีกว่า”ชายหนุ่มกล่าวพลางซ่อนยิ้มอย่างมิดชิดที่สุด แล้วลากเฟรินออกไปจากห้องทันที
ณ สวนหม่อมของโรงเรียนพระราชาแห่งเอดินเบริก
“นี่ โรปล่อยแกมีอะไรก็พูดมา” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงกับดึงหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอดทันที
“เฮ้ย....ปล่อยไอ้บ้า”เฟรินเริ่มโวยวายทันที
“รังเกียจฉันนักรึไง”
“.......”
“หึว่าไง”
“ฉันบอกให้...........ปล่อย”
“ไม่...”
“ปล่อยท่าแกไม่อยากเจ็บตัวนะโร”
“ไม่” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเฉียบในขณะที่เฟรินเริ่มฮึดฮัดอย่างโมโหเต็มที่
และทันใดนั้นเอง
“นายทำอะไรกันน่ะ”เสียงสวรรค์จากนักฆ่าเพื่อนซี้ก็ดังขึ้น มันทำให้อ้อมกอดที่รัดแน่นคลายลงเฟรินจึงใช้โอกาสนี้ กระทืบเท้าโร เซวาเรส เข้าเต้มที่ ยังไม่พอเจ้าหล่อนก็ตีเข่าเข้าจุดยุทธศาสตร์ของอีกฝ่ายด้วย มันทำให้ขอทานผู้อวดเก่งถึงกับทรุดไปกองบนพื้นทันที แต่ไม่วายที่สายตาจะเจือไปด้วยความขบขันขณะทอดมองตามหลังร่างบางของเฟรินที่ลากนักฆ่าหนุ่มหายจากสวนไป
วังเดมอส
.......หากตรงนั้นมีใครใจดีได้ยินเสียงนี้ดังบอกเจ้าของเครื่องนี้ให้รับมันซักครั้งได้ไหม หรือจะปล่อยให้ดังอีกนานเท่าไหร่......................
เสียงเครื่องมือสุดไฮเทคที่กำลังฮิตกันทั้งเอเดนและเดมอสดังขึ้นภายในปราสาท ราชวงศ์เดมอส
“ Hi what’s up นี่เอวิเดสพูด”
“นั่นท่านเอวิเดสรึ ข้าบาโรเองนะ ข้าได้ดำเนินตามแผนแล้วเป้าหมายกำลังไปได้สวย คิก คิก คิก”
“งั้นแผนแรกของเราก็ฉลุย”
“ตู้ดดด......ดดด”
“เอ่อท่านบาโรแค่นี้ก่อนนมีสายซ้อน บาย”
“เช่นกัน”
“อ่า....ฮัลโลว่าไงจ้ะน้องโบร์ คืนนี้มาที่ บาร์ฟรอนเทียร์รึเปล่าจ้ะ อ่าฮะ จ้ะ พี่ก็รักน้องโบร์จ้ะแหม แม่ยอดหยาหยี รักนะเด็กโง่ เอาไว้เจอกันแล้วค่อยคุยต่อนะจ้ะ รักจ้ะ จ้ะ ดีจ้ะ” แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกวางลง
“เป็นยังไงบ้างพระเจ้าค่ะ”โกโดมรีบเอ่ยถามทันที
“น้องโบร์น่ะรึ”
“ไม่ใช้พระเจ้าค่ะ แผนน่ะพระเจ้าค่ะ”
“อ้อก็ฉลุยน่ะซิ”
“ทรงพระปรีชามากพระเจ้าค่ะ”
“อะแน่นอน.....555555”
ณ ห้องอาหารดราก้อนแห่งเอดินเบิร์ก
ขณะนี้เฟรินกำลังสวาปามขนมปังอยู่กับคิล ส่วนคาโลแน่นอนว่าต้องอยู่กับแม่ปลิงผมแดง เทเรเซีย นั่นเอง
ถึงแม้ตอนนี้จะปิดเทอมแล้วแต่เฟรินก็ต้องอยู่เพื่อจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีคิลอยู่เป็นเพื่อนส่วนแม่ปลิงผมแดงมาตามคำสั่งของบาโรส่วนโรก็มาเพราะเอวิเดสสั่งเช่นกัน พลันบทสนทนาก็เริ่มขึ้น
“เฟรินนายไม่หึงคาโลมันบ้างรึไง”
คิลเอ่ยถามขณะชายตามองไปยังคาโลที่นั่งห่างออกไป สามโต็ะแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะหงุดหงิดมากจนสังเกตเห็นได้ชัด ก่อนที่นัยน์ตาสีม่วงจะเบือนมามองคนที่เอาแต่กินกับกินอย่างไม่สนใจใครเพื่อรอคำตอบจากเจ้าหล่อน ทันทีที่ขนมปังก้อนสุดท้ายหายลับลงท้องแม่หล่อนไปเจ้าตัวก็เอ่ยขึ้นว่า
“ในฐานะเพื่อนอะนะใครที่หลอมน้ำแข็งได้ฉันก็ดีใจกับมันด้วย”
“นายโกหกไม่เก่ง” คิลเอ่ยขณะมองเพื่อนสาวอย่างอ่อนใจในความดื้อรั้รและปากที่ไม่ตรงกับใจ
“ฉันรุ้ว่านายก็คิดถึงมันแล้วแกจะไปแคร์อะไรกับยายผมแดงนั่นแค่คนเดียว ตำแหน่งควีนของคาโนวาลมันลอยมาตั้งนานแล้วเล่นตัวอยู่ได้ เงินน่ะเงินนายไม่ชอบรึไง”ทันทีที่จบประโยคของเพื่อนซี้ เฟรินก็ส่งนัยน์ตาเขียวปัดไปให้แทบจะทันทีก็พอดีกับที่เจ้าขอทาน แห่งทริสทอร์เดินเข้ามาหาคนทั้งคู่และหย่อนก้นนั่งลงข้างๆเฟริน เป็นเหตุให้หัวขโมยผู้ปราดเปรียวกระโดดผลุงไปหาคิลแทบจะทันที
“นายรังเกียจฉันนักรึเฟริน ฉันน้อยใจนะ”ประโยคที่เจ้าตัวแทรงทำเสียงจริงจังที่สุดเอ่ยออกจากปากขอทานหน้าหล่อ
“เปล่า ฉันก็แค่ไม่อยากให้แกมาทำรุ่มร่ามอะไรแถวนี้ ไปเถอะว่ะคิลฉันอิ่มแล้ว” เอ่ยจบเจ้าตัวก็ลากคิลออกไปทันทีทิ้งให้โรมองตามคนโดนยั่วอย่างขบขันแล้วลงมือรับประทานอาหารทันที
ขณะนี้เป็นเวลาดึกสงัดมากแล้ว เจ้าหญิงหัวขโมยยังยืนอยู่หน้าระเบียงของหอนอนของป้อมอัศวิน นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย สายลมเย็นสบายยามราตรีพัดพากระโปรงชุดนอนสีขาวยาวรุ่มร่ามที่เจ้าตัวเกรียจนักเกรียจหนาให้ปลิวไสวไปตามสายลมนั้น กระโปรงตัวสวยที่อาจารย์เจ้าชายบอกว่าเป็นหญิงก็สมควรแต่งหญิงบ้างด้วยเหตุนี้เฟรินจึงต้องพ่ายแพ้ไปประการฉะนี้ เสียงฝีเท้าข้างลังก็เรียกให้คนหูไวหันไปปะทะสายตาด้วย นัยน์ตาสีฟ้ายังคงฉายประกายเฉยเมยเฉกเช่นทุกครั้ง ก่อนเจ้าของร่างสูงจะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเฟริน
“นายยังไม่นอนอีกรึ แล้วนี่เจ้าหญิงนั่นไปไหนซะแล้วล่ะ” เฟรินเอ่ยขณะที่นัยน์ตาหันไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง
“รึนาย............หึงฉัน”คาโลเอแต่หญิงสาวข้างตัวกับเบิกนัยน์ตากว้างก่อนเอ่ย
“ฉันจะไปหึงแกเรื่องอะไร ที่จริงฉันน่าจะแสดงความยินดีด้วยซ้ำไม่ใช่เรอะ” กล่าวจบร่างบางก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องนอนไปแต่เสียงข้างหลังกลับทำให้เฟรินชะงักกึก
“ปากแข็ง”
“หมายความว่ายังไง”
“ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก......ว่าแต่ว่านายจะไม่อยู่คุยกับฉันก่อนรึ”นัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยขณะทอดมองแผ่นหลังของร่างบางที่ค่อยๆหันมาอย่างช้าๆ
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ฉันกับ เทเรเซียไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่นายคิด”
“แล้วนายมาบอกฉันทำไม” นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องดวงหน้ารูปสลักอย่างพยายามค้นความคิดของอีกฝ่าย
“ก็แค่ไม่อยากให้นายเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดแล้วไง”
“ถ้านายไม่คิดอะไรน่ะก็ดีแล้ว แต่ฉันอยากให้นายรู้ไว้ว่าความรู้สึกของฉันที่มีต่อนายไม่เคยเปลี่ยน” กล่าวจบร่างสูงก็หมุนตัวจากไปทิ้งให้ร่างของเฟรินยืนค้างอยู่กับประโยคสุดท้ายของเจ้าชายน้ำแข็ง
กลับมาที่ปัจจุบัน
บัดนี้เมื่อเฟรินนึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว หลังจากคืนนั้นที่เธอได้คุยกับคาโลเช้าวันรุ่งขึ้นเธอกับคาโลก็ถูกส่งตัวมายังราชวังคาโนวาลเพื่อเข้าพิธีหมั้นตามที่ได้กำหนดไว้
“คุณเฟรินคะ เมื่อนึกออกแล้วก็แต่งตัวเถอะค่ะเดี๋ยวจะเสียมารยาทเอานะคะ”เรนอนเอ่ยเตือนมาเบาๆ
“โธ่....เรนอนเธอก็น่าจะรู้ว่าความรู้สึกของผมดีอย่าบังคับผมเลยนะ”เฟรินทำนัยน์ตาอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต
“แล้วคุณเฟรินไม่รักคาโลเหรอคะ”เรนอนถามอย่างหวังปิดประเด็นและมันก็เป็นคำถามที่เฟรินไม่อยากจะตอบมากที่สุด เลยหันไปมองเพื่อนซี้ที่นั่งเงียบมานาน
“แกก็เปลี่ยนๆไปเถอะ แกมีทางเลือกมั้ยล่ะ”กล่าวจบคิลก็หันไปสั่งเรนอนว่า
“เธอเอาชุดไว้นั่นล่ะเดี๋ยวฉันจัดการเอง ” ร่างบางพยักหน้าให้เล็กน้อยค่อยวางชุดสวยอย่างเบามือแล้วเดินออกจากห้องไป
“แกไม่ต้องเดรียดฉันช่วยแกแน่แต่เปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”เฟรินพยักหน้าด้วยความอับจนหนทางก่อนจะเริ่มแต่งตัวอย่างจริงจังโดยมือคิลคอยช่วยเหลือ
1 ชั่วโมงผ่านไปรูปโฉมใหม่ของหัวขโมยแห่งบารามอส เป็นที่ต้องตาต้องใจของใครหลายคนในงานก็ว่าได้ เมื่อเจ้หล่อนเดินลงมากับคิล ในชุดกระโปรงยาวสีขาวระยิบระยับ ชุดเกาะอกที่เปิดไหล่และรำคอระหงที่ประดับด้วยสร้อยไข่มุกสีขาวขับกับสีผิว เส้นผมสีน้ำตาลที่เคยยุ่งเหยิงบัดนี้ทอดยามเป็นระเบียบไปยังกลางหลัง ภาพเบื้องหน้าที่ทำให้ใครหลายคนต้องกลั้นหายใจตะลึงในความงดงามเยี่ยงขัตติยราชโดยเฉพาะ ...........คาโล!!!!!!!!
“คิลฉันกลัวว่ะ”เสียงเบาจากคนที่ขี้ขาดที่สุดเอ่ยอย่างพยายามควาบคุมสติเต็มที่
“ใจเย็นน่าฉันไม่ปล่อยให้แกตายหรอก”คิลเอ่ยอย่างให้กำลังใจคนข้างตัว
ทันทีที่ทั้งสองลงมายังบันไดขั้นสุดท้าย ร่างสูงในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ปกปักด้วยไหมสีทองงามจับตาเป็นลายสวยหรูดูสง่าสมกับเป็นเจ้าชาย ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปยังเฟรินอย่างไม่วางตา แต่ก็พยายามทำสีหน้าเฉยไว้
“อ่ะคาโลฉันพาเฟรินมาส่งแล้ว”กล่าวพลางยืนมือบางไปให้คาโลแต่เจ้าของมือกลับรีบชักลงไว้ข้างลำตัวทันที แต่มือหนาของคาโลกลับคว้าหมับแล้วนำมาวางลงบนแขนของตนก่อนเอ่ย
“อย่างยุ่งนัก”
“ไม่เกี่ยวกับแก”เฟรินเอ่ยอย่างหงุดหงิด
ทันใดนั้นเอง
ฟึบ ฟึบ ฟึบ
ไฟทุกดวงในราชวังคาโนวาลก็ดับวูบลง ความชุลมุนสุดประมาณก็เกิดขึ้นและมันก็หมายถึงสัณญานหลบหนีของเธอด้วย เธอกำลังจะแต่ว่ามือมือหนึ่งกลับยึดแขนเธอไว้แน่น
“คิดจะหนีไปถึงไหนกัน”
“มันเรื่องของฉันแกไม่เกี่ยว”เฟรินเอ่ยพร้อมสะบัดมือจากการเกาะกุม
“เฟรินทางนี้”เสียงคิลดังขึ้น
“เร็วทางนี้”
“หยุดก่อนเฟรินฉันขอคุยด้วยหน่อย” คาโลเอ่ยเสียงเรียบ
“มีอะไรก็รีบๆเคลียร์ เวลาไม่คอยท่า”
“ขอบใจคิล”คาโลเอ่ย
ณ สวนหย่อมราชวังคาโนวาล
เสียงสนทนาก็ดังขึ้น
“นายจะไปจริงๆเหรอ”
“ใช่”เฟรินเอ่ยเสียงเรียบ
“ที่นายจะหนีเพราะไม่อยากหมั้นใช่ไหม”น้ำเสียงนั้นเจือความเศร้าอย่างที่คนอย่างเฟรินจับกระแสได้ดี
“แล้วนายจะหมั้นกับฉันเพราะอะไรล่ะ”
“นายก็น่าจะรู้รับผิดชอบน่ะสิ”
“แค่นั้นน่ะหรือ” เฟรินเอ่ยขณะพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“........”
“ฉันจะไม่หมั้นเพราะไอ้เหตุผลบ้าๆนั่นหรอกนะ ในเมื่อนายก็ไม่ได้รักฉันเราจะหมั้นกันทำไม แล้วก็ปล่อยฉันซักที ฉันจะรีบไป”
“ก็ได้นายก็น่าจะรู้ ว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างที่อาจจะจริง แต่ยังไงก็ตามถ้านายไปแล้วบางทีเราอาจไม่เจอกันอีกแต่ฉันอยากให้นายตัดสินใจกับคำตอบสุดท้ายของฉัน” ชายหนุ่มเว้นระยะก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก
“ฉัน......รัก.....นาย” เหมือนกับโลกหยุดหมุนทุกสิ่งทุกอย่างพลันเงียบสงบมีแต่เสียงหายใจของคนสองคนที่ยามนี้ได้ยินชัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“ถ้ายังงั้น คาโลฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไม่หนีไปไหนอีก”เจ้าหล่อนเว้นระยะก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องดวงหน้าคมคายของคาโลแล้วเอ่ยออกมาชัดที่สุด
“ฉันก็ ................. รักนาย” กล่าวจบร่างบางก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของอีกฝ่ายเพื่อซึมซับความสุขนี้ตลอดไป
“เฮ้อ กว่าจะลงเอยกันได้นานเนอะท่านบาโร”
“ ใช่ท่านเอวิเดส ทั้งสองคนนี้ปากแข็งกันจริงๆ แต่ยังไงก็ลงเอยด้วยดีอะนะ”
“ทีนี้เราคงเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วเนอะท่านบาโร”
“ยังหรอกท่านเอวิเดสเรายังมีเรื่องอลิเซียอีก ยังไงเขาก็รักข้ามากกว่า”บาโรกล่าว
“รักฉันมากกว่า”
“ฉัน”
“ต้องฉันซิ”เอวิเดสไม่ยอมแพ้
“ฉันต่างหาก”
แล้วเสียงทะเลาะก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างหวังให้ผู้อ่านเป็นผู้ตัดสิน
จบแล้วจ้า
ผลงานอื่นๆ ของ เจ้ารัตติกาล ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เจ้ารัตติกาล
ความคิดเห็น