คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : พระเชษฐาแห่งออเรียล
47
พระเชษฐาแห่งออเรียล
“พี่ ใจเย็นไว้ก่อน”
เสียงปลอบมาพร้อมกับการตบเบาๆที่บ่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ไอ้เด็กนั่นมันไม่เป็นอะไรหรอก จากนี้ไข้จะเริ่มลด รักษาแค่แผลที่โดนธนูให้ค่อยๆหาย เดี๋ยวก็เป็นปกติ”
เรย์ยังคงเงียบ ขณะมองเหม่อขึ้นไปบนฟ้า ที่คืนนี้แทบไม่มีดาวสักดวงปรากฏให้เห็น
หากดาวเหนือที่ไอ้หนูของเขาเคยมอง ยังประจำตำแหน่งอยู่อย่างเดิม เพียงแค่...รัศมีมัวหม่น หมองแทบกลืนไปกับฉากสีดำเบื้องหลัง
จนในที่สุด....
“ออเรียล ฉันกำลังจะถึงทริสทอร์ หน้าที่ของฉันกำลังจะเริ่มต้น ถึงตอนนั้น นายช่วยพาเคเรสมันไปส่งบ้านหน่อยได้มั้ย มันมาจากคาโนวาลนั่นแหละ เป็นเด็กในบ้านท่านเสนาฯกระทรวงการคลังน่ะ”
ชายหนุ่มผู้นั่งเคียงข้างพยักหน้ารับ
ไม่นึกเลยว่า สองคนนี้จะห่วงใยผูกพันกันมากอย่างนี้
โชคชะตา....ช่างเล่นตลกซ้ำซากไม่รู้จักเบื่อเสียจริงๆ
“แต่หลังจากเดินทางถึงทริสทอร์ก่อนสินะ เพราะดูท่าทางแล้ว เด็กนั่นก็ยังอยากเดินทางไปกับพี่จุดกว่าจะถึงจุดหมายนั่นแหละ”
“รู้ได้ไง?”
“พี่ไม่ฟังที่มันเพ้อบ้างหรือ”
แต่ออเรียลนึกไว้อยู่แล้วว่าเรย์ต้องส่ายหน้ากลับมา เพราะถ้าเขาฟังที่ ‘เด็กนั่น’มันเพ้อแล้วล่ะก็ ความลับว่ามันเป็นพระองค์ใหญ่แห่งคาโนวาลก็ถูกเปิดเผยไปแล้วล่ะ
คลาเอน่า...ลางสังหรณ์ของหญิงแม่นยำจริงๆ
ครั้งนี้ควรเรียกว่าเป็นครั้งแรกที่คาเรนมันบาดเจ็บ เพราะปราศจากอะไรปกป้องทั้งนั้น กระทั่งเขตอาคมปีศาจแห่งคาโนวาล ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรกันแน่ ทว่า การบาดเจ็บครั้งนี้สาหัสปางตายเลยทีเดียว
มันเพ้อถึงท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ คลาเอน่า และคาโนวาล....สิ่งที่ชีวิตมันผูกพันเรื่อยมา
กับอีกคำหนึ่ง.... ‘พี่ชาย’
ออเรียลรู้มานานแล้วว่าคาเรนได้พบกับพี่ชายของเขาที่เป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งทริสทอร์ และกำลังเร่ร่อนก่อนจะกลับไปพิสูจน์ฝีมือเพื่อครองบัลลังก์ แต่ก็เพิ่งมารู้ว่าสนิทกันขนาดที่จะเดินทางด้วยกันได้ ก็ตอนเห็นพี่ชายตัวเองที่เอดินเบิร์กนั่นแหละ
แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือ
เรย์รักคาเรนมันมาก ไม่ว่าจะรักที่มันเป็น ‘น้องชาย’ หรือเด็กสาวผู้แก่นแก้วแก่นกะลาคนหนึ่ง แต่เขาก็เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้พี่ชายของเขาแทบคลุ้มคลั่งเพราะคิดว่าคาเรนมันตาย น่าจะเป็นคำว่า ‘รัก’ คำเดียวนี่แหละ
“นายไม่ได้กลับทริสทอร์เลยใช่มั้ย”
“คาโนวาลกำลังยุ่ง”
ออเรียลตอบได้เพียงแค่นั้น เพราะการอยู่ช่วยงานเพื่อนสนิทที่คาโนวาลเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่พี่ชายของเขาไม่อาจโยงความสัมพันธ์ระหว่างเคเรสน้อยกับเจ้าชายคาเรนได้ ตอนนี้จึงไม่มีทางรู้ว่าที่จริงแล้ว ‘ไอ้หนู’ ของเขานั้นทรงศักดิ์และทรงสิทธิ์เพียงไร
และไม่จำเป็นสักหน่อยที่จะต้องบอกเรื่องนี้ให้รู้
เส้นทางจากนี่จนถึงทริสทอร์ยังมีอีกยาวไกล คาเรนมันจะได้เที่ยวให้สบายใจก่อนคาโนวาลจะพร้อมรบจริงๆ ถึงตอนนั้นค่อยให้มันกลับไปเป็นจอมทัพก็ยังไม่สาย
รอหน่อยนะคลาเอน่า....ขอพี่รอดูพระอาการท่านพี่ของหญิงสักวัน
แล้วเดี๋ยวพี่จะไปอยู่เคียงข้าง
“นายนี่น่าจะไปอยู่คาโนวาลซะเลย เอามั้ยล่ะ”
เรย์เอ่ยอย่างหยอกล้อหลังจากเงียบไปนาน แต่ดวงหน้าทะเล้นไร้รอยกังวลก็ไม่อาจหวนคืนได้ทันที เพราะอย่างน้อยตอนนี้ไอ้หนูของเขาก็ยังไม่ปลอดภัยเต็มร้อย
“เห็นทำอะไรๆหลายอย่างเพื่อคาโนวาล”
“มีพี่ทำเพื่อทริสทอร์แล้วนี่”
“เหอะ” เสียงสะบัดในคอ บอกอาการไม่ชอบใจเท่าไหร่ “ตอนครบกำหนดต้องออกไปเร่ร่อนน่ะ ฉันจำได้แม่นเลย ว่าร้องไห้โยเยเสียจนไม่เหลือคราบเจ้าชายรัชทายาท แต่พอตอนต้องคืนวัง คืนตำแหน่งนี่สิ กระทั่งร้องไห้ ยังไม่ได้เลย”
“โลกนี้มันมีเรื่องราวบ้าบอเยอะ”
คำเปรยนำมาซึ่งเสียงทอดถอนจากทั้งสองฝ่าย แล้วพอหันหน้ามามองกันเอง ต่างฝ่ายก็ต่างหัวเราะให้กับความบ้าบอของโลกอย่างเหนื่อยหน่าย
“เมื่อไหร่จะบอกท่านพ่อขอเจ้าหญิงคลาเอน่ามาเป็นพระชายาสักที”
แล้วคำหยอกเล่นๆของพี่ชาย ก็ทำเอาคนฟังหน้าซีดเผือด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ สลับไปสลับมาในความมืดอยู่อย่างนั้น
“เฮ้ย อย่าน่า...”
“ฉันรู้แหละน่า ออเรียล ใครเขาก็พูดกันทั้งนั้น ว่าเจ้าชายแห่งทริสทอร์เสด็จกลับจากเอดินเบิร์กไปประจำอยู่คาโนวาลได้หลายๆเดือนน่ะเพราะอะไร”
“ไปช่วยคาเรนมันต่างหาก”
ตอนนี้น่ะยังอ้างชื่อได้ เพราะบอกอย่างไรก็ไม่เชื่อหรอกว่า ไอ้หนูที่เรย์หอบหิ้วมาจากคาโนวาลน่ะ เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทเชียว
“นายหลอกคนอื่นได้ แต่อย่าหลอกฉัน หลอกท่านพ่อ”
“ คลาเอน่ายังเด็กนัก ที่สำคัญ....สงครามกำลังจะเริ่ม.....”
เมื่อน้องชายแท้ๆขัดด้วยเรื่องที่ทำให้หมดสนุก เรย์ก็เอ่ยเสียงเครียดทันที
“เกี่ยวอะไรกับสงครามเล่า”
“อย่าโกหกฉันเลย พี่น่ะรู้แล้วว่าท่านพ่อทรงเป็นพันธมิตรฝ่ายใด”
และเรย์ก็รู้จริงๆนั่นแหละ เขาถึงได้พูดอย่างกลัดกลุ้มปนปลงตก “ช่วยไม่ได้ ดินแดนทริสทอร์อยู่ทางเหนือ ติดกับกองทัพซาเรสขนาดนั้น เราไม่มีทางเลือกอื่น”
“เมื่ออีกฝ่ายนำโดยซาเรสและทริสทอร์ อีกฝ่ายย่อมนำด้วยบารามอสและคาโนวาล เห็นมั้ย คราวนี้ล่ะที่ฉันกับคลาเอน่าต้องอยู่คนละฝั่ง ไม่แน่อาจต้องประจันหน้ากันก็ได้”
“กับเจ้าชายคาเรนเพื่อนสนิทของนายก็ด้วยน่ะสิ เออ ไม่แน่คนนี้ล่ะที่ฉันต้องเจอในสงคราม”
ตรงนี้แหละที่ทำให้ออเรียลสะดุ้งเฮือก
ไม่เพียงเขากับคลาเอน่าเท่านั้นที่จะต้องกลายเป็นศัตรูกัน
พี่กับคาเรนก็ด้วยหรือนี่
แหม...สนุก
“พระองค์ใหญ่แห่งคาโนวาลน่ะเก่งมั้ย”
ขณะนี้พี่ชายของเขาพูดเรื่อยเปื่อย ราวกับเป็นเรื่องฆ่าเวลาเพื่อรอให้เจ้าตัวเล็กของเขาฟื้น โดยไม่ได้สังหรณ์ใจแม้แต่น้อยว่าเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าสูญเสียเจ้าเด็กนั่นมันคืออะไร
คาเรนมันเก่ง มันกล้า มันเชี่ยวชาญศาสตร์การเป็นกษัตริย์ทุกรูปแบบ ทั้งแคล่วคล่องในการรบ และรู้ดีว่าหากพลาดอะไรจะเกิดขึ้น
ฉะนั้น เมื่อมันทำเพื่อปกป้องคาโนวาล มันจะไม่เสี่ยงต่อการพ่ายแพ้
หากพระองค์ใหญ่ไม่รับความพ่ายแพ้มาด้วยพระองค์เอง....ใครหน้าไหนก็ประทานให้ไม่ได้เด็ดขาด
อีกอย่าง เรย์เชี่ยวชาญการใช้เวทมนตร์...ขณะที่คาเรนได้รับการประทานพรจากท่านตาปีศาจให้อยู่เหนือมนต์ทุกชนิด ไม่ต้องสู้ก็พอจะรู้ว่าใครจะชนะ
“กลับไปนี่ พี่ไปฝึกใช้ดาบพันใบไม้ผลิเอาแล้วกัน”
ออเรียลตอบไปคนละเรื่องอย่างสั้นๆ ก่อนผลุนผลันลุกขึ้น จนพี่ชายยังอุทานได้แค่
“อ้าว??”
นั่นเพราะดาบเป็นทางเดียวที่จะเอาชนะได้ ยิ่งใช้ดาบพันใบไม้ผลิซึ่งถือเป็นอาวุธวิเศษประจะทริสทอร์ด้วยแล้วล่ะก็ น่าจะพอมีทาง
การประจันหน้าบ้าๆบอๆนี่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย คาเรนจะทำอย่างไรเมื่อคู่ศึกคือคนที่เคยช่วยชีวิต และเรย์จะรู้สึกอย่างไรเมื่อคนที่รักกลับกลายเป็นศัตรู
สงคราม....จะพรากให้ทุกสิ่งทุกอย่างลอยลับไป
โอ ใครช่างต้องการมันนัก
ฝ่ายไหนแพ้....ความตายที่ได้รับยังมีค่ากว่าการถูกหยาม
ฝ่ายไหนชนะ....ต้องกล้ำกลืนฝืนยิ้ม เพราะได้มาพร้อมกับความทรงจำที่รวดร้าว
“เมื่อไหร่มันฟื้น ฉันจะไปเลย ไม่ต้องบอกมันหรอกว่าใครช่วยไว้ ขี้เกียจให้จำเป็นบุญคุณ”
ออเรียลบอกเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนเดินลับหายไปกับความมืด ทำเอาเรย์เกาท้ายทอยแกรกกรากอย่างไม่สู้จะเข้าใจความคิดน้องชายนัก
คลาเอน่า...นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่พี่จะทำให้ได้
แล้วเราแยกกัน....ด้วยคำ ‘หน้าที่’
ความคิดเห็น