ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนทายาท 3 แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #35 : กบฏบัลลังก์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.18K
      0
      7 ต.ค. 49

    31

    กบฏบัลลังก์

     

              เดินทางยังไม่ทันพ้นเขตชายแดนคาโนวาลดีนัก เรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นจนได้

            คาร์ซาร์ที่กุมบังเหียนม้าคู่หนึ่งอยู่ในมือ เพิ่งสังเกตว่าลมเย็นๆในช่วงกลางฤดูหนาวหลังหิมะตกกลับแปรเปลี่ยนเป็นสายลมแรง พัดเอาใบไม้ตามรายทางปลิวว่อนในอากาศผสมกับฝุ่นผงจนแทบมองอะไรไม่เห็น แม้จะค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆ แต่มันก็ยังผิดธรรมชาติอยู่ดี

            หากเปลี่ยนเป็นเจ้าชายคาเรน คงทรงทราบในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของดาบทวนลม

            แต่นี่เป็นคาร์ซาร์ ที่แม้จะฝากชีวิตเกือบครึ่งไว้ในพระราชวังแห่งคาโนวาล แต่ไม่ค่อยสนใจคนในปกครองของเพื่อนรัก ซึ่งเป็นเจ้าชายรัชทายาทนัก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าปรากฏการณ์นี้เป็นเพราะฝีมือคนหรือธรรมชาติแปรปรวนกันแน่

            แต่เขาระวังตัวจัดตามวิสัยคนใกล้ชิดกับความตายมาแต่กำเนิด ดังนั้นจึงทันได้เห็นความผิดปกติบางอย่าง

            ทหารรักษาพระองค์ที่พระราชินีเฟรินทรงมีกระแสรับสั่งให้ตามมาคุ้มครองท่านหญิงเรนอน ค่อยๆหายไปทีละคนสองคน

            คนพวกนั้นเดินไปข้างหน้าอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกลับกลายเป็นว่าพวกเขาเดินหายไปเข้าไปในสายหมอกหนาเบื้องหน้า......ก่อนจะหายตัวไปเลย

            ดังนั้นก่อนที่ม้าเทียมรถทั้งสองจะย่างเข้าไปในสายหมอก คาร์ซาร์ก็รั้งบังเหียนกลับสุดแรง

            ม้าสองตัวแผดเสียงดังลั่น แทรกไปในอากาศอันหนาวเย็นด้วยความตกใจ รถม้าตกแต่งอย่างสวยงามสมฐานะผู้โดยสารจึงเอียงวูบ ล้อด้านหนึ่งลอยขึ้นเหนือพื้น โดยอาศัยล้ออีกด้านเป็นศูนย์ถ่วง ก่อนที่ทั้งคนทั้งมาจะกลับหลังหันและหยุดกึกลง

            คาร์ซาร์เขม้นตาสีม่วงมองหมอกหนาที่ล้อมรอบตัว ด้วยสายตาระแวดระวัง

            ลมยังคงพัดแรง ทำไมเกิดหมอกหนาได้

            แถมยังเกิดขึ้นเฉยๆ กลืนเอาผู้คนหายไปเป็นสิบ

            ไม่ธรรมดาแล้ว....

     

            คาร์ซาร์ เกิดอะไรขึ้นลูก

     

            เสียงท่านหญิงเรนอนถามอย่างตกใจ การเทรถม้าไปข้างหนึ่งอย่างกะทันหันแบบเมื่อกี้ คงทำให้ท่านแม่ของเขาตกใจและเป็นห่วงเขามาก

     

            เซลด้า....” เสียงเข้มเรียกสตรีที่น่าจะควบคุมสติได้มากกว่าอย่าออกมา ฝากท่านแม่ด้วย

     

            ว่าแล้ว เขาก็กระโดดวูบลงมาจากที่นั่งสารถี สายตายังคงมองไปยังหมอกเบื้องหน้า

            รังสีสังหารกระจายรอบทิศทาง....

     

            ถึงขั้นอยากฆ่ากันเชียวหรือคาร์ซาร์นึกอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ค่อนข้างแปลกใจเอาการที่มีคนอยากคิดฆ่าเขาทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นนักฆ่า

            แน่ล่ะ มันคนไหนก็ตามที่บังอาจใช้หมอกกับลมแรงสร้างสถานที่ต่อสู้ ย่อมมีฝีมือมากพอที่จะดูออกว่าเขาเองก็เป็นผู้มีกลิ่นเลือดและรังสีแห่งการสังหารอาบร่างอยู่เหมือนกัน

            ใครนะทำแบบนี้

            น่านับถือเสียจริงๆ

     

            คาร์ซาร์ ระวังตัวนะลูก

     

            ท่านหญิงเรนอนยังคงเป็นห่วงลูกชายคนเดียว เพราะถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ย่อมรู้ดีว่าการเป็นนักฆ่าหรือนักรบ เป็นอาชีพที่เพาะศัตรูได้รอบด้านเป็นอย่างดีทีเดียว

     

            ท่าน....แม่!!!”

     

            คำว่าท่านตอนแรกยังฟังปกติเหมือนเรียกหาอยู่ แต่คำว่าแม่ที่ตามมานั้นเป็นการตะโกนอย่างตกใจจริงๆ

            นั่นเพราะอยู่ดีๆรังสีสังหารก็พุ่งไปที่รถม้า จนเขานึกภาพดาบคมๆแทงสวบเข้าไปในรถม้าได้ในสมอง

            แต่ท่านหญิงเรนอนนั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะบัดนี้เจ้าหญิงเซลด้าผลักเธอลงมา ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในรถม้า

     

            เซลด้า ลูก เซลด้า

     

            อดีตเจ้าหญิงคาโนวาลที่นั่งอ่อนแรงอยู่บนพื้น เร่งเร้าลูกชายด้วยความรู้สึกเป็นห่วงคนรับดาบแทนยิ่งนัก

            แสงวาบๆที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลังนั้น....เป็นคมดาบแน่นอน

            แต่เจ้าหญิงเซลด้าก็ไม่ได้เป็นอะไรเช่นกัน เพราะบัดนี้ ร่างอรชรลงมายืนเคียงข้างคาร์ซาร์ด้วยดาบในมือที่เปื้อนเลือด

            เลือดใครก็ไม่รู้....ดาบใครก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน

     

            ท่านอา...เป็นไรมั้ยคะ

     

            เรนอนส่ายหน้านิดๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพอจะควบคุมสติได้แล้ว จึงจับมือที่เจ้าหญิงจากอเมซอนส่งมาให้ก่อนลุกขึ้นยืน แต่ยังอดมองไปรอบด้านอย่างหวาดกลัวไม่ได้

     

            ดาบเลว

     

            เซลด้าบ่นเมื่อตวัดดาบในมือตัวเองมาดู แต่หางตายังคงจับภาพรอบด้านอย่างชาญฉลาด

            ดังนั้น.....

     

            อ๊ากกกกกกกกก

     

            เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจนท่านหญิงเรนอนสะดุ้งเฮือก เพราะดาบที่คนถือบอกว่าเลว ได้เฉียดปลายจมูกเธอไปนิดเดียว ก่อนเสียบร่างที่โถมเข้ามากว่าครึ่ง จนอีกฝ่ายตายศพไม่สวยเลยสักนิด

            รังสีสังหารรุนแรง.....คมดาบลอดเข้ามาในสายตาวิบวับ

     

            ยอดเยี่ยมคนร่างสูงเบื้องหน้าชมสั้นๆ ทำเอาคนฟังฉีกยิ้มกว้างแต่ไม่มีศิลปะเอาซะเลย

     

            เฮ้ย

     

            คนถูกตำหนิว่าไม่มีศิลปะในการฆ่าอีกกับโวยขึ้นมาทันควันอย่างไม่ชอบใจ ด้วยมียังพระนิสัยเช่นพระมารดามาทิลด้าอยู่บ้างในเรื่องใจร้อน และมือร้อน

     

            ดาบนี่ดีกว่ามั้ย

     

            คาร์ซาร์ยื่นดาบในมือให้ ก่อนตัวเองจะเดินไปเก็บดาบจากคนที่เพิ่งพิสูจน์ฝีมือจากเจ้าหญิงแห่งอเมซอนแล้วตอนนั้นเอง.....

            ท่านหญิงเรนอนกรีดเสียงแหลมลั่น เมื่อเห็นประกายดาบวาบเข้ามาทางด้านหลังของลูกชาย ทว่าคนไวกว่าและถือดาบเรียวไว้ในมือเสือกดาบออกไปได้ทัน คมดาบงามจึงจ้วงเข้าไปกลางอกคนพุ่งเข้ามาเป็นคนที่สองแล้วเมื่อร่างบางหมุนกลับมาในท่าเดิม เลือดสีสดก็พุ่งกระจายยิ่งกว่าน้ำพุกลางอุทยานเสียอีก

     

            ดาบนี่ค่อยคมหน่อย

     

            อย่างนี้ก็ค่อยมีศิลปะหน่อย

     

            คาร์ซาร์เอ่ยมาจากตำแหน่งที่ห่างจากตอนแรกเกือบห้าเมตร เพราะเขานั้นเกลียดการที่เลือดสาดถูกตัวเสียจริงๆ

     

            ดาบนั่นก็เลวพอกัน

     

            เซลด้าพยักเพยิดไปยังดาบในมือชายหนุ่ม

     

            การฆ่าที่ดี ทุกอย่างต้องกลายเป็นอาวุธสังหารได้

     

            จะสอนหลักสูตรเรียนลัดหรือไง

     

            งั้นมั้ง

     

            แล้วประกายดาบอีกนับสิบก็ถูกวาดเข้ามาในตอนนั้น มองดูระยิบระยับยังกับดาวบนฟากฟ้า พร้อมๆกับการเคลื่อนไหวตามทางดาบของทั้งเซลด้าและคาร์ซาร์ ที่ล้อมรอบท่านหญิงเรนอนเอาไว้ได้อย่างไม่มีจุดอ่อน แถมยังเผื่อแผ่รัศมีไปถึงม้าสองตัวที่เทียมรถด้วย

            ต่อให้ศพมากมายมากองอยู่ตรงหน้า ท่านหญิงเรนอนไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย เพียงแต่เป็นห่วงลูกชายและคนที่เห็นเหมือนลูกสาวเท่านั้น

            สองคนนั่นเวลาทะเลาะกันรุนแรงก็จริง แต่เวลาสู้ด้วยกันช่างเข้ากันดีราวกับเป็นคนๆเดียวกันโดยแท้

            คาร์ซาร์เฉื่อยชา แต่หนักแน่นรุนแรง

            เซลด้าอ่อนเบา แต่พลิ้วไหวรวดเร็ว

            ทดแทนกันได้สนิทนัก

     

     

            ศพมายมายกองเกลื่อนราวกับใบไม้ร่วง สองร่างยืนเคียงท่านหญิงเรนอนอย่างไม่เป็นอะไรสักกะผีกริ้น ติดแต่ว่าออกจะมอมแมมด้วยเลือดที่สาดไปรอบด้าน และแปดเปื้อนชุดสะอ้านสะอาดเป็นรอยด่างดวงเท่านั้น

            ลมแรงหยุดไปแล้ว.....กลิ่นเลือดโชยชายรอบด้าน

            แต่รังสีสังหารยังรุนแรงเท่าเดิม

            ใครบางคนที่เป็นเจ้าของสายลมนั้นยังคงอยู่ อยู่ที่ไหนสักแห่งในสายหมอกนั้น

            นัยน์ตาสีม่วงกวาดรอบด้าน สัญชาตญาณนักฆ่าที่ฝึกฝนมาแต่กำเนิด ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเคลื่อนไหวในสายหมอก สายตาของเขาต้องสามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอน

            แต่แล้ว ในพริบตานั้นเอง........

    เหมือนใครกดสวิตช์เปิดไฟในสมอง เหมือนมีแสงขาวๆวิ่งผ่านความมืดมน เหมือนเป็นประกายดาบแวบเข้ามาชั่วพริบตา

    คาร์ซาร์ตะโกนก้อง

     

    เซลด้า ขึ้นม้า

     

    เจ้าหญิงแห่งอเมซอนขมวดคิ้วยุ่ง ถือดาบชะงักในท่าทางบอกความงุนงงแหละไม่เข้าใจการกระทำของคนรัก ในขณะที่ท่านหญิงเรนอนปราดเข้าไปหาลูกชายอย่างเป็นกังวล

    แต่ชายหนุ่มกลับรั้งเอวบางของท่านแม่ แล้วยกร่างน่าทะนุถนอมนั้นขึ้นนั่งบนหลังม้า

     

    ลูกแม่....”

     

    ท่านแม่ไปก่อน ผมจะตามไปทีหลัง

     

    น้ำเสียงเฉื่อยชาอันเป็นบุคลิกประจำตัวของนักฆ่าหนุ่ม กลับกลายเป็นน้ำเสียงเย็นชา ฟังแล้วชวนให้รู้สึกหนาวเยือกไปถึงหัวใจ ขณะที่แววตาสีม่วงฉายประกายเด็ดเดี่ยวเหี้ยมเกรียม พร้อมๆกับใบหน้าก็เรียบสนิทราวกระดาษเนื้อดี

     

    เซลด้า ฉันฝากท่านแม่ด้วย

     

    เจ้าหญิงคนงามแห่งป้อมอัศวินจึงได้ทิ้งดาบลงกับพื้นอย่างหงุดหงิด ขณะมองหน้าคาร์ซาร์ราวกับคำถามมากมายจะพรั่งพรูออกมาทันทีที่อ้าปาก แต่แล้วก็อดใจไว้ ก่อนก้าวขาขึ้นเหยียบอานม้า เหวี่ยงตัวขึ้นนั่งคร่อมอาน พร้อมทั้งรับสายบังเหียนจากคนรักมาถือไว้

    นาทีนี้เธอพูดไม่ออกแม้แต่คำว่า

     

    รักษาตัวด้วยนะ

     

    ก็เท่าที่ดู ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเสียหน่อย ปกติคาร์ซาร์ก็จัดการทุกอย่างได้ดีนี่

    แต่ถ้าไม่มีอะไรจริง เขาจะสั่งให้เธอกับท่านแม่รีบขึ้นม้าหรือ?

     

    กลับคาโนวาล พอเจอคาเรนให้บอกเรื่องนี้ทันที

     

    โดยไม่ทันได้อำลาสักคำ ชายหนุ่มก็ตบสะโพกม้าเต็มแรง

    ม้าพ่วงพีชั้นดีที่เคยเทียมรถงามจึงโผนพุ่งออกจากจุดที่ยืนอยู่ แล้วแล่นออกนอกเขตหมอกหนามา เซลด้ายังได้เหลือบไปมองบ้าง และเห็นประกายดาบเกือบร้อยวาบไปวาบมาอยู่ในสีขาวอันรางเลือนนั้น

    นั่นเป็นฝีมือของคาร์ซาร์ที่เปิดทางให้เธอ

    ในสายหมอก มีคนปองร้ายนับร้อย.....ถือว่าอันตรายมาก

    คนอันตรายกว่าก็คือคนในวงล้อม

    ทว่าคนหนีออกมาได้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนัก เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเป้าหมาย

    คิดได้อย่างนั้น เซลด้าก็กระตุ้นบังเหียนม้า ใช้เท้ากระแทกท้องม้าให้เร่งฝีเท้ามากขึ้นอีก ขณะที่ท่านหญิงเรนอนซึ่งไม่ค่อยได้ขี่ม้าสักเท่าไหร่ ยังทุลักทุเลอยู่บ้าง แถมยังอุตส่าห์เหลียวตัวมองไปทางลูกชายบ่อยๆอีก

    ท่านหญิงบ่นอะไรด้วยความห่วงใยนั้นอยู่สองสามคำ แต่เซลด้าไม่มีทางได้ยิน เพราะตอนนี้เธอเร่งฝีเท้าม้าถึงขีดสุด ลมแรงพัดผ่านซอกคอ และตีกันจนสรรพเสียงต่างๆสับสน ภาพรอบด้านพร่าเลือน

    ฉับพลัน.....

    เซลด้ารู้สึกว่าความร้อนบางอย่างพุ่งพรวดเข้ามาในร่าง เสียงกรีดร้องของท่านหญิงเรนอน หรืออาจจะมีของเธอร่วมด้วย ดังแผดลั่นปนกับเสียงม้าร้องเพราะความตกใจ ก้องไปทั่วเขตชายแดนคาโนวาล มือบางที่กุมบังเหียนคล้ายกระตุกขึ้นอย่างแรง ความเจ็บปวดอย่างที่คาดไม่ถึงติดตามความชาวาบตรงบริเวณท้องมาเหมือนคลื่นหลายระลอก ก่อนจะชัดเจนในการรับรู้ตรงที่ว่าโลหิตสีเข้มกำลังทะลักล้นออกจากร่างกาย

    เกิดอะไรขึ้น........

    เป้าหมายอยู่ที่เธอหรือ?

    ท่านแม่....ท่านหญิงเรนอนล่ะ?

    หญิงสาวพยายามมองหา ทว่าสายตาก็เหมือนจะพร่าเลือนไปอย่างกะทันหัน ร่างบางบนหลังม้าเบาหวิวและโคลงเคลง จนน่ากลัวว่าแม้แต่สายลมก็อาจจะทำให้เธอตกลงมาก็ได้

    แล้วสติก็ดับวูบ ภาพทุกอย่างหายไปเหมือนมีฉากสีดำมาบัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×