คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : เป้าหมายที่แท้จริง
32
เป้าหมายที่แท้จริง
“คาโล”
เสียงนั้นดังมาจากบานพระทวารห้องทรงงาน เรียกให้เนตรสีฟ้างามเงยขึ้นมอง ก่อนจะขมวดขนงอย่างสงสัย เพราะแม้ทั้งเสียงและร่างของผู้มาเยือนนั้นจะแสนคุ้นนักหนา แต่คนที่ดำริไว้ในพระทัยก็อยู่ไกลถึงซาเรส ไม่น่าจะมาอยู่ที่คาโนวาลได้
แต่คนๆนั้นก็มาเยือนคาโนวาลจริงๆ
ร่างของนักฆ่าตระกูลซาเรส คิลมัส ฟีลมัส ก้าวเข้ามาในห้องทรงงานอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีม่วงที่พราวระริกอย่างรักสนุกตลอดเวลาไม่ว่าจะผ่านวัยเด็กไปนานแค่ไหน บัดนี้ขุ่นมัวและเต็มไปด้วยรอยความไม่พอใจ ท่าทางเอื่อยเฉื่อยเหมือนคนไม่มีแรง วันนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวหงุดหงิด ฟังแค่เสียงเรียกเพื่อนรักซึ่งเป็นถึงคิงคาโนวาลก็พอจะรู้แล้ว
มันโกรธอะไรของมัน......คาโลยังดำริในพระทัย แม้จะวางสีพักตร์เรียบเฉย
หรือว่าเรื่องเรนอน?
“นายสวนทางกับเรนอนพอดี เขาเพิ่งออกจากวังไปเมื่อเช้านี้เอง”
“คาโล” เสียงเรียกยังคงบังอาจดังเดิม แต่บ่งบอกความโกรธมากกว่าหลายเท่านัก “นายไม่รู้อะไรเลยรึไง”
คราวนี้เนตรสีฟ้าแฝงประกายเย็นชา ลางสังหรณ์ส่วนลึกบ่งบอกว่ากำลังเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“นายอยู่แต่ในห้องนี่ตั้งแต่เมื่อเช้าล่ะสิ” คิลถามขึ้นอย่างรู้ดีว่านี่เป็นช่วงทรงงาน ต่อให้มีเรื่องเร่งร้อนแค่ไหน คนจัดการไม่ให้มีใครเข้ามารบกวนได้ ก็คือพระราชินีเฟรินนั่นเอง “แล้วก็ยังไม่ได้รับรายงานบ้าบอคอแตกอะไรทั้งนั้นใช่ไหม”
คาโลไม่ทรงตอบ ทว่าขนงขมวดแทบเป็นโบว์
“ฟังนะ ฉันจะรับเรนอนกลับเดี๋ยวนี้ แล้วจะกลับมารับลูกชายกับลูกสาวฉัน เมื่อเซลด้าหายดีแล้ว”
ว่าแล้วนักฆ่าแห่งซาเรสก็หมุนตัวขวับ เสียงพระเก้าอี้เลื่อนออกเพราะคิงคาโล ทรงประทับยืนกะทันหันดังมาจากเบื้องหลัง ก่อนสุรเสียงเข้มจะดังขึ้น
“เดี๋ยว”
คิลหันไปมองอย่างเย็นชาพอๆกับคนทอดพระเนตรลงมา
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“พวกคาร์ซาร์ถูกลอบทำร้ายระหว่างเดินทางกลับ คาโล ยังไม่ทันพ้นเขตคาโนวาลด้วยซ้ำ เรนอนเป็นลมสลบไปจนเพิ่งฟื้นเมื่อกี้ แต่ที่แย่กว่าคือเซลด้าที่บาดเจ็บสาหัสและเสียดเลือดไปมาก ฉันมานี่ก็เพื่อจะมาขอให้หมอโอเดลเจ้าเก่าช่วย ไม่ได้จงใจรบกวนเวลาทรงงานฝ่าบาทแต่อย่างใด”
ประโยคสุดท้าย น่าจะจงใจกล่าวประชด ก่อนร่างสูง แข็งแรง จะจ้ำพรวดออกนอกบานพระทวารไป
“ลุงหมอว่าไงบ้าง”
ออเรียล ที่โผล่มาหลังสุด และเพิ่งได้ฟังเรื่องราวจากเจ้าหญิงคลาเอน่าถามขึ้น ขณะยื่นหน้าข้ามไหล่คาร์ซาร์ ไปมองร่างบางที่นอนนิ่งบนเตียงยาว ใบหน้างามของเพื่อนสาวเปลี่ยนเป็นสีซีดได้อย่างน่าตกใจ แต่อย่างน้อยจังหวะหายใจก็ยังปกติอยู่เหมือนคนนอนหลับไปเท่านั้นเอง
“เสียเลือดมาก ต้องพักหลายวัน”
คาร์ซาร์ตอบ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าคนรัก
“ยังดีที่ไม่เป็นไรมาก” เจ้าชายทริสทอร์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ก่อนถามถึงท่านหญิงเรนอน
“แม่ฟื้นแล้ว แต่ลุงหมอยังให้ยาอีก ก็เลยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา พ่อว่าพอฟื้นแล้วจะเดินทางกลับซาเรสทันที แล้วฉันกับเซลด้าค่อยตามไปทีหลัง”
“น่าเสียดาย คาเรนไม่อยู่ ไม่มีใครรู้เสียด้วยสิว่าไปไหน ไม่งั้นป่านนี้มันคงจัดการลากคอคนบังอาจลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งอเมซอนออกมาแล้ว”
“ว่าไงนะ?” คาร์ซาร์หันขวับ ถามเสียงดังอย่างลืมเกรงใจคนยังไม่ฟื้น “นายหมายความว่า คนที่ลอบทำร้ายครั้งนี้หมายตาที่เซลด้าตั้งแต่แรกงั้นหรือ”
ไม่เป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างไรได้
เซลด้าเพิ่งเคยเดินทางมาคาโนวาล อยู่ได้ไม่กี่วันก็มีกำหนดการไปซาเรส แต่ยังไม่ทันก้าวข้ามชายแดนคาโนวาลเสียด้วยซ้ำ เรื่องคอขาดบาดตายก็เริ่มขึ้นเสียแล้ว
อเมซอนต้องการคำตอบ และการจัดการที่น่าพึงพอใจ
คาโนวาลต้องตอบได้ จัดการได้
หาไม่....สัมพันธภาพระหว่างประเทศจะพังทลาย
ศึกนอกกำลังเริ่มต้น....พันธมิตรจะแยกตัวไม่ได้
การลอบปลงพระชนม์ครั้งนี้ แม้ไม่สำเร็จเด็ดขาด แต่ก็นำมาซึ่งความวุ่นวายอย่างคาดไม่ถึง
คาเรนจะทรงจัดการอย่างไร
ขณะนั้น คาเรนเพิ่งเสด็จกลับถึงเขตพระราชฐานชั้นนอก และย่างบาทเร็วผ่านทางเดินศิลามาด้วยพระอาการรีบร้อน หลังจากทรงสดับข่าวร้ายอันเหนือความคาดหมาย เกี่ยวกับความเป็นความตายของพระสหายร่วมป้อม ผู้เป็นถึงเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งอเมซอน
ซาฟา....มันทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ
แน่ล่ะ....ทรงรออยู่ว่ามันจะทำอะไรเพื่อแก้หน้าให้กับตนเอง ในคราวที่พระองค์เสด็จไปถึงเมืองชายแดนในครั้งนั้น และรออยู่ว่าเมื่อไหร่สิ่งที่มันบังอาจริเริ่มเพื่อทำลายคาโนวาล จะชัดแจ้งพอให้จับมาลงโทษได้อย่างไม่มีคำครหาเสียที
ไม่นึกเลยว่า หนทางทำลายคาโนวาลที่ซาฟาเลือก จะเป็นการเบนเป้าหมายไปที่เจ้าหญิงเซลด้า
หรือพูดให้ถูกก็คือ.....มุ่งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคาโนวาลกับอเมซอน
ทั้งที่ ทั้งสองประเทศต่างต้องรับมือกับศัตรูภายนอกในเร็วๆนี้
ศัตรูที่ได้ชื่อว่า ‘สงคราม’
ฝ่ายเดียวกันต้องมาแตกหักกันเอง คงได้ปิดประตูแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
งานของซาฟาครั้งนี้.....รุนแรงพอให้จัดการได้แน่
ไม่ต้องหาหลักฐานด้วยซ้ำ
แต่มันคุ้มกันหรือ กับการสูญเสียพระสหายสนิท
โอ ไม่คุ้มแน่นอน
คาเรนทรงกระทำเรื่องผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่แล้ว
เปรี้ยง....
คาเรนทรงสะบัดพักตร์อย่างมึนงง เพราะทันทีที่ย่างบาทเข้ามาในห้องรับรองที่จัดเป็นห้องส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงอเมซอน อะไรหนักๆก็พุ่งเข้ามาที่พระนาสิก จนต้องซวนองค์ถอยไป ก่อนจะเงยพักตร์ขึ้นเพื่อจะทรงทราบว่า
คาร์ซาร์นั่นเองที่ ‘ถวายหมัด’ แด่พระองค์
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา คาเรนไม่เคยคิดว่าองค์เองเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยคิดว่าองค์เองต้องเป็นผู้หญิง ดังนั้นเรื่องตัดสินกันด้วยกำลังกับคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆก็ถูกจัดเป็นเรื่องธรรมดา แบบที่ไม่ต้องเอาบรรดาศักดิ์มาเทียบ ไม่ต้องนับแม้แต่ความเป็นนายบ่าว หรือพี่น้องด้วยซ้ำ
“นายโกรธฉัน ฉันรู้”
ทรงพยายามควบคุมสุรเสียงให้เป็นปกติ ขณะปาดพระโลหิตที่ไหลลงจากมุมโอษฐ์ทิ้งไป
มันโกรธมาก.....ปกติหมัดไอ้หมอนี่เบาจะตาย
แต่ก็น่าอยู่....คาร์ซาร์มันไม่เคยทนได้ถ้าต้องเห็นเซลด้าบาดเจ็บ
“ออเรียลบอกฉันว่านายปล่อยพวกกบฏนั่นไปก็เพราะใจอ่อน” เสียงลอดไรฟันของคาร์ซาร์บ่งบอกถึงเพลิงโทสะที่แทบจะระเบิดออกมาได้ดี “มันรู้จักคาเรนดีกว่าใคร ฉันรู้ แต่ฉันรู้จักเจ้าชายคาเรนมากกว่า ฉันรู้ดีว่าความเป็นเจ้าชายรัชทายาทของนาย ความใจอ่อนเป็นเรื่องอันตราย และนายจะใจอ่อนกับใครได้บ้าง”
พักตร์คมคายตรงหน้าสงบนิ่ง เนตรงามมองตรง ดุจจะท้าทาย
“นายใจอ่อนกับศัตรูที่ฝีมือดีเสมอ ยกเว้นศัตรูบัลลังก์”
นั่นนับเป็นความจริง....เพราะศัตรูบัลลังก์ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ยิ่งเป็นภัยต่อบัลลังก์มากเท่านั้น
“แล้วทำไมนายถึงปล่อยไอ้บ้านั่นไป....”
ดูเถอะ...ขนาดศัตรูภายในอันดับหนึ่งของสหายรัก คาร์ซาร์ยังจดจำไม่ได้ แล้วคาเรนจะทรงปรึกษาได้อย่างไร ว่าความจริงที่พระองค์ไว้ชีวิตมันก็เพื่อให้มันกระทำการใหญ่ให้เป็นที่โจ่งแจ้งอีกสักเรื่อง แล้วจะได้จัดการให้มันถึงขั้นเด็ดขาดไปเลย
เพราะจู่ๆ....จะหาเรื่องไปประหารบุตรชายท่านเสนาบดีกระทรวงกลาโหมได้ไงล่ะ
อำนาจที่ถ่ายโอนมาอย่างนุ่มนวล มักต้องรอเวลาเสมอ
ใครจะรู้เล่า ว่า ‘กระทำการใหญ่’ ของมันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอเมซอน
“เพื่อคาโนวาล”
ทรงตอบได้สั้นเต็มทน....ตอบได้เท่านั้นจริงๆ
“ทั้งชีวิตนายมีแต่คาโนวาลหรือไง!!!”
เสียงถามเป็นเสียงตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อ ขณะที่เสียงตอบก็ตะคอกกลับอย่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเช่นกัน
“ฉันเป็นเจ้าชายรัชทายาท!!”
“แม้แต่เพื่อน เจ้าชายรัชทายาทก็ไม่เว้นหรือไง”
คราวนี้คนเป็นนักฆ่าถามเสียงกระด้าง ขณะเจ้าชายตรัสเย็นชา
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“นายก็ไม่เคยตั้งใจทำอะไรเพื่อใครเลยสักอย่าง นอกจากคาโนวาลของนาย นอกจากบัลลังก์พ่อนาย นอกจากการได้เป็นคิง”
“หุบปาก!!”
คราวนี้ได้เรื่อง เพราะคาเรนจะไม่ทรงกริ้วมากมายเลย หากเพื่อนักไม่สะกิดข้อสำคัญในพระทัยขึ้นมา
พระองค์ไม่ได้อยากเป็นคิง.....อย่างที่ใครๆมักเข้าใจผิดเสมอ
แต่ก็นั่นแหละ ใครที่ไม่เคยสัมผัสเหตุผลแห่งการกระทำของพระองค์ย่อมไม่รู้ และจะพูดอย่างไรก็ได้
คนอื่นอย่างไรก็ได้ แต่สำหรับพระสหายสนิทที่รู้จักกันมาหลายปี.....ต้องรู้
คนอื่นพระองค์ไม่สน เพราะใครบ้างกล้าเอ่ยต่อพระพักตร์ ได้ถูกสั่งลงโทษเสียเท่านั้น แต่กับคาร์ซาร์ ต่อให้มันบังอาจพูดถึงขนาดว่าเพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่อาจเป็นคิง คาเรนก็ไม่สามารถสั่งประหารมันได้ เนื่องจากมันเป็นเพื่อน
เพื่อนตาย.....เพราะสามารถตายแทนกันได้จริง และเคยเกือบตายมาพร้อมกันจริง
แต่ทำไม....แม้แต่มันเองก็เข้าใจผิด
“ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันทำให้ทรงเคืองพระทัย” เสียงของนักฆ่าเป็นฝ่ายเยือกเย็นลง แต่มีเค้ารอยความประชดจนน่ากลัว ทั้งยังถวายคำนับให้คาเรนอย่างที่เคยถวายให้คิงคาโล “หม่อมฉันสมควรขอพระราชทานอภัยโทษใช่มั้ยกระหม่อม”
นั่นเป็นการประชดประชันอย่างร้ายกาจทีเดียว เพราะมันบอกอยู่ชัดๆว่าเขาคิดอย่างไร
เขาคิดว่าคนเรนต้องการเป็นคิง จึงทำทุกอย่าง โดยไม่คิดว่ามันจะมีผลกับใคร แม้แต่กับเซลด้า
“คาร์ซาร์....”
“หม่อมฉันเข้าใจแล้วกระหม่อม ว่าฝ่าบาทมิได้ทรงทำเพื่อองค์เอง แต่ทำเพื่อคาโนวาล”
ปากบอกว่าเข้าใจ แต่ท่าทางและคำพูดกระทบกระทั่งนั่นมันอะไร
บาททั้งสองขยับถอยโดยไม่รู้องค์ พักตร์ซีดขาวชาเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น พร้อมๆกับความผิดหวังที่ถูกถ่ายทอดผ่านทางแววเนตรสีน้ำผึ้ง สีที่บ่งบอกถึงสองพระอารมณ์แห่งพระองค์ใหญ่
หนึ่ง.....อารมณ์อ่อนโยน
สอง......อารมณ์หมองเศร้า
‘คนอย่างคาเรนน่ะหรือจะวิ่งหนี’
สุรเสียงในอดีตของพระองค์ยามเป็นแค่เจ้าชายน้อยดังแทรกเข้ามาในความรำลึก พร้อมๆกับพักตร์ของท่านปู่ ท่านพ่อ และท่านแม่ ยามแสดงความพึงพระทัยเมื่อได้ฟังพระวาจาของพระองค์
ไม่เอาแล้ว.....เจ้าชายรัชทายาทบ้าบออะไรนี่
ใครเข้าใจสักคนยังไม่มี....กระทั่งคาร์ซาร์เอง
กระทั่งคนที่คิดว่าจะอยู่ข้างองค์ แม้ไม่เหลือใครอีกแล้ว ก็ยังมิอาจเข้าถึงพระทัยพระองค์ได้
บนยอดผา....ที่เป็น ‘จุด’ สูงสุด
มีพระองค์เพียงองค์เดียวหรือ
ไม่มีใครเลยหรือ?
แล้ววรองค์บางก็ถอยออกไปจากบานพระทวาร ทว่ากลับสะดุดพระธรณีประตูแทบผงะ ก่อนทรงหมุนองค์กลับหลัง วิ่งจากไปโดยไม่หันกลับมา
ความจริงแล้ว.....พระองค์อยากหนีเป็นที่สุด
พอลับองค์บาง คาร์ซาร์ก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ผิดจากคนละคนที่เถียงกับคาเรนเมื่อครู่นี้ จนเมื่อหางตานักฆ่าหนุ่มเห็นเงาใครบางคนโผล่ออกมาจากที่ซ่อนข้างเสา เขาก็ถามขึ้นลอยๆ
“แบบนี้น่ะดีแล้วหรือ”
“คาเรนค้ำบัลลังก์ ทั้งที่ยังไม่แข็งแกร่ง ไม่นานย่อมต้องล้มลง เหมือนคนที่เริ่มวิ่ง ทั้งที่ยังเดินไม่ตรงทางนั่นแหละ ปล่อยมันไปก่อนน่า บางอย่างที่เกิดขึ้นจากนี้ต่างหากที่น่าติดตาม”
“เออ ฉันเชื่อนาย ออเรียล”
ความคิดเห็น