ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #24 : กุ๊งกุ๊งที่ 21 : ชัยชนะ เก่งมากนะชัย!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27.09K
      2.56K
      21 มี.ค. 63

     

    สามหกสิบแปด 21

     

     

    เขาว่ากันว่าหากเราอยากให้เวลาผ่านไปไว

    ต้องไม่กาปฎิทิน เพราะนั่นจะทำให้เราคอยเร่งอยากจะกาวันต่อไปทำให้เวลาเหมือนเดินทางช้าลงกว่าที่มันเป็น ผมลองไม่ทำอยู่แค่หนึ่งอาทิตย์แรกแต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวยกปากกาขึ้นมาปฏิทินบนโต๊ะทำงานทิ้งไปทีละวันอยู่ดี

     

    ถ้านับจากวันสุดท้ายที่จูบกัน

    ผมห่างกับเนมาได้เดือนกว่าแล้ว

     

    เป็นการห่างที่ไม่ได้เจอหน้าและไม่ได้ติดต่อหากัน ไม่มีแอบเจอนอกรอบแม้แต่วันเดียว มีบ้างที่เนจะเหนื่อยแล้วไลน์มาบ่นแต่ผมก็แค่กดอ่านไม่ได้ไลน์ตอบไปเพราะกลัวว่าถ้าพ่อเนมารู้ทีหลังอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ เนเองก็รู้ถึงได้พิมพ์ระบายพิมพ์บ่นแล้วก็ตบท้ายด้วยคำว่าแต่เนก็โอเค ห้ามตอบนะ เดี๋ยวผิดกฏพ่อ


     ...เนใจแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ


     ตอนแรกคิดว่าก้อนดื้อนั่นคงงอแงแล้วก็แอบปีนรั้วมาหาที่ออฟฟิสแน่นอน ไม่มีทางที่จะห่างกันเด็ดขาด ที่ไหนได้ มีแต่ผมเองเนี่ยแหละที่คอยไปแอบส่งขนมส่งน้ำให้เด็กก่อนเข้าเรียนอยู่ทุกเช้าให้รู้ว่าต่อให้ไม่ได้คุย ไม่ได้เจอ ไม่ได้สื่อสารกันก็ผมก็คงเป็นกำลังใจให้อยู่ตลอด

     

     ‘ ห้ามติดต่อกันจนกว่าเนจะสอบติด ’

     

    พ่อของเนยื่นคำขาดไว้ที่บ้านวันนั้น เป็นข้อเสนอเดียวที่ยื่นมา ในหัวผมรันข้อต่อรองมากมายเพื่อเจรจาแต่พอเงยหน้าขึ้นเจอสีหน้าของคนเป็นพ่อที่มองลูกชายตัวเองด้วยแววตาเสียใจผ่านหน้ากากนิ่งขรึมนั่น ผมก็ได้แต่กลืนข้อต่อรองมากมายลงคอและยอมรับมันอย่างไร้ข้อโต้เถียง 

     

    ข้อเสนอของพ่อเนไม่ใช่ข้อบังคับเด็ดขาดอะไร ไม่ได้ซับซ้อนขนาดที่เนคิดแม้แต่นิดเดียว เนที่ยังมองทุกอย่างด้วยมุมของเด็กที่ค่อนข้างเอาแต่ใจยังค่อนข้างแคบนักถ้าเทียบกับผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาเยอะกว่า แท้จริงแล้วที่มาของข้อเสนอนั่นมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งง่ายๆ 

     

    พ่อของเนยังรับไม่ได้

    ...และเขาขอเวลาทำใจมากกว่านี้

     

    แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆ เนคงระเบิดลงอีกรอบ คนเป็นพ่อคงไม่อยากฟังลูกตัวเองพูดว่าอยากตายหรือไม่อยากเกิดมาซ้ำสองหรอก ต้องยอมรับว่าในอีกความหมายหนึ่งคือเขายอมให้มากที่สุดที่เขาจะทำได้แล้วสำหรับลูกชายคนเดียวของเขา หากทุกอย่างผ่านไปได้ตามกำหนดเวลานั่นหมายความว่าเขาจะยอมรับความรักที่ไม่ถูกต้องในครั้งนี้ แต่ถ้าเนไม่สามารถทนได้แล้วหมดรักผมไปในระยะเวลานี้ พ่อของเนคงได้แอบเปิดเหล้าฉลองแน่นอน 

     

    “ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ”

    “ให้กูเดาไหม น่าจะกำลังคิดว่าลุงแม่งจะทำงานทำการไหมน้า หรือว่าจะนั่งหงอยเป็นหมาซึมอยู่ในห้องทำงาน” 

     

    เฮ้อ...

    บนโลกมีเครื่องกรองฝุ่น pm 2.5 เมื่อไหร่จะมีเครื่องกรองเพื่อนน่ารำคาญออกจากชีวิตบ้าง เสี่ยวมี่มีแพลนจะทำไหมนะ 

     

    “...”

    “แหนนนนน เงียบแบบนี้ แอบด่ากูในใจแน่นอน ดูออก”

    “...”

    “ยังเงียบอยู่ รับบทพระเอกเย็นชา มึงคิดว่าตัวเองเป็นกงยูหรอเพื่อน” 

    “เก่ง”

    “จ๊ะ”

    “รู้ใช่ไหมว่ากูเซ็นไล่มึงออกง่ายนิดเดียว” ไอ้เก่งที่ควรจะสลดกลับยิ้มแฉ่งจนตาตี่ของมันปิดเป็นสระอิ ยิ้มอะไรของมันวะ จะไล่ออกนี่รู้ความหมายไหม

    “รู้โว้ย แต่มึงไม่ไล่กูหรอก”

    “โอเค กูบอกเลขาให้ทำเอกสารแป-

    “เพราะกูมีรูปน้องเนมาขายยยยยย ไล่กูลงหรอจ๊ะะะะะะะะ” มือผมที่กำลังจะหยิบมือถือภายในถึงกับชะงักกึ้กเมื่อได้ยินชื่อเนหลุดออกมา

    “...”

    “มีชะงักว่ะ โอโห้ เพื่อนกูมันหลงเด็กหัวปักจริงๆ “ ผมหันกลับมามองหน้ามันนิ่งๆ 

    “ไหนรูป” 

    “กูอุตส่าห์ให้หลานถ่ายมาให้เลยนะ เห็นใจ มึงแม่งโหมงานหนักไม่รู้จักพัก ระวังจะวูบนะสัด ที่วูบนอกเหนือจากมึงก็พนักงานด้วย อยู่ดีๆ บอสแม่งก็เนี้ยบเชคนู่นเชคนี่ขึ้นมา แผนกกูวุ่นไปหมดแล้ว” 


    ใช่ครับ เพื่อเป็นการดึงความสนใจ ช่วงนี้ผมเลยทำงานหนักกว่าเดิม ทั้งประชุมโครงการหลายโครงการ บางครั้งก็ออกไปคุยงานแทนพ่อ วันไหนหยุดก็เลือกจะมาออฟฟิสเพื่อเชคเอกสาร เชคข้อร้องเรียนของลูกค้า ทำนู่นนี่จนเริ่มมีเสียงบ่นของพนักงานมาให้ได้ยินว่าช่วงนี้หลายแผนกหัวหมุนกันไปหมดแล้ว

     

    ก็พอว่างทีไรมันก็อดใจโหวงไม่ได้ 

    เหมือนชีวิตขาดสีสัน ขาดสิ่งน่ารัก คิดถึงไอ้หัวหอมแชมพูนั่นจะแย่แล้ว

     

    “เอารูปมาดู” 

    “สัญญาก่อนว่าจะเลิกจู้จี้กับแผนกกู ไอ้ไม้ ไอ้เหี้ย หน้ากูจากยามะพีจะเป็นยาไหมพี่แล้ว” 

    “เออ เอารูปเนมาดู”

    “โวะ มันหลงเด็กจริงโว้ย” ไอ้เก่งส่ายหัวก่อนจะโยนมือถือตัวเองมาให้ผม ในมือถือของมันเป็นรูปก้อนดื้อที่ผมคิดถึงกำลังก้มอ่านหนังสือด้วยใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มผูกขมวดเป็นผมแน่น ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่สนามสอบมาติดกันรัวๆ การที่เนจะเครียดเป็นพิเศษนั่นไม่แปลกแต่สิ่งที่แปลกไปในรูปทำให้ผมขมวดคิ้ว

     

    เนใส่แว่น? 

     

    “แว่นสายตาหรือแฟชั่น” ผมเงยหน้าขึ้นถามไอ้เก่ง

    “หน้ากูดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญทางด้านดูแว่นเรอะ กูจะไปรู้ได้ไง” 

    “ถามหลานมึงมา” 

    “สั่งเก่ง”

    “ใช่”

    “กูไม่ได้ถึงชื่อกูนะ กูหมายถึงมึงอ่ะสั่งชาวบ้านเก่ง”

    “นั่นสิ กูว่างไปตรวจความเรียบร้อยแผนกมึงพรุ่งนี้พอดี” 

    “กูถามให้เดี๋ยวนี้เลยค้าบพ่อออ” มันรีบฉกโทรศัพท์ตัวเองกลับไปพิมพ์ ผ่านไปไม่กี่วิก็เงยหน้าขึ้น “ไอ้กันบอกแว่นแฟชั่น เด็กมึงใส่ไว้เป็นเครื่องราง”

    “เครื่องราง? “

    “เออ เด็กมึงบอกว่าถ้าใส่แว่นแล้วจะฉลาดขึ้น” 

    “หึ” โคตรจะเน อะไรแบบนี้เนี่ยขยันคิดจริงๆ 

    “โอ้ เด็กมึงบอกด้วยว่าใส่แล้วจะได้ดูใส่แว่นคู่กับมึง” ผมได้แต่ยกยิ้มเอ็นดู ไอ้แว่นทรงกลมนั่นไม่เห็นจะเข้าคู่กับแว่นสายตาของผมเลยสักนิด แต่ถ้าถามว่าเข้ากับเนไหมคงต้องตอบว่าเข้ามาก แก้มกลมๆ กับแว่นอันใหญ่ๆ 

     

    เฮ้อ โคตรแย่

    ผมทำตัวเหมือนพ่อกำลังเห่อลูกเลย 

     

    “อ๊ะ หลานกูส่งมาอีกรูป” ผมรีบคว้ามือถือในมือมันดู ปรากฏเป็นตึกของผมที่ถูกซูมจนภาพแตกไม่ใช่ภาพเนแต่อย่างใด

    “ตึก?”

    “โต๊ะมั้ง”

    “...”

    “เออ เด็กมึงซูมมา” 

    “...”

    “อ่อ มีไลน์มาต่อด้วย” ผมกดปิดรูปเพื่ออ่านข้อความ ทั้งๆ ที่ไลน์เป็นไลน์ของกันหลานเก่ง แต่ประโยคที่พิมพ์มานั้นทำให้ผมรู้เลยว่าคนที่พิมพ์นั้นเป็นใคร

     

    ห้ามโกง ก้อนลุง    

     

     

    หึ...

    โดนจับได้เสียแล้ว 

     

    “เกินเรื่องมาก ยิ้มหวานเหมือนเป็นสาวคอนแวนเปียคู่ ไม้... มึงเป็นลุงอายุสามหก เผื่อมึงลืม” 

    “หุบปากไป” 

    “โอ้โห กับเด็กยิ้มจนแก้มแตก กับเพื่อนหุบปาก”

    “ส่งรูปมาให้ด้วย” 

    “ใช้งานเหมือนกูเป็นพนักงานเลยเนาะ”

    “แล้วมึงเป็นอะไร”

    “... เป็นพนักงานจ้ะ ส่งเดี๋ยวนี้เลยครับคุณบอส” ผมเมินความกวนตีนของเก่งแล้วกลับมาก้มลงมองรูปที่มันเพิ่งส่งมา ไอ้เด็กแว่นหน้าดื้ัอ 

    “โอ๊ะ เด็กมึงส่งข้อความมาอีกแล้ว” ไอ้เก่งยื่นจอมาให้ผมอ่าน ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปอ่าน

     

    อย่าโกง ก้อนลุง ส่งรูปตัวเองกลับมาด้วย

     

    หึ...

    ต่างคนต่างโกง ผมถอยหัวออกมาเพื่อคิดว่าจะโพสรูปอะไรส่งกลับไปดี นั่งเซ็นเอกสารให้ดูเหมือนทำงานดีไหม ไม่สิ  เครียดเกินไปหน่อย เอาเป็นเท้าคางหล่อๆ ดีกว่า เอ๊ะ มันจะดูตั้งใจไปไหมวะ หรือเอาเป็นปลดเนคไทด์เซ็กซี่ๆ ดี 

     

    แชะ...

     

    “เห้ย” ผมหันไปถลึงตาใส่เสียงถ่ายรูปนั่นทันที

    “มึงอย่าเยอะ รูปน้องมันก็แอบถ่าย มึงจะมาคิดท่าโพสทำห่าอะไร” 

    “มึงส่งมาให้กูดูก่อน” 

    “ส่งไปแล้ว” ไอ้เก่งหันโทรศัพท์มาให้ผมดู มันเป็นรูปผมขมวดคิ้วมือซ้ายเท้าคางตัวเองมือขวาดึงเนคไทด์ เหมือนจะดูดีแต่ไม่มีอะไรไปด้วยกันเลย “น้องมึงถล่มเลขห้ามาเต็มเลย โอ๊ะ หลานกูบอกว่าติวเตอร์จะสอนแล้วไว้ค่อยคุยทีหลัง” 

    ผมโบกมือเป็นสัญญาณว่าช่างมัน ไม่ได้กะจะคุยอะไรยืดยาวตั้งแต่แรก แค่พอให้ได้เห็นหน้านิดๆ หน่อยๆ ก็พอใจแล้ว พอหมดประโยชน์ผมก็เปลี่ยนจากโบกมือเป็นสัญญาณว่าช่างมันเป็นสัญญาณไล่มันออกจากห้องแทน แน่นอนไอ้เก่งไม่ยอมออกง่ายๆ มันกางแขนกางขากอดเก้าอี้จะไม่ยอมลุกไปไหนเหมือนเลียนแบบใครแถวๆ นี้มา สุดท้ายเลยต้องยอมสัญญากับมันว่าจะลดเรื่องทำงานเกินเวลาลงมันถึงยอมถอนทัพออกไป 

     

    ผมถอนหายใจยาวเหยียด

    เฮ้อ...

    เมื่อไหร่จะสอบติดสักที คิดถึงจนจะบ้าตายแล้วนะ

     

    .

    .

    .

     

     

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าโดยเฉพาะผมผู้ซึ่งเปิดเวปไซต์แอดมิชชั่นของเนดูอัพเดทข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่สอบ ยื่นคะแนนเลือกอันดับ เวลาคลานไปอย่างช้าๆ แต่ผ่านมาจนเข้าเดือนพฤษภา

    ระยะทางสามเดือนกว่าเกือบสี่เดือนนี่ไม่ง่ายเลย

    ถ้าพูดกันตรงๆ แล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นระยะห่างที่ผมค่อนข้างจะตกใจ ผมห่างกับเนช่วงหลังปีใหม่มาไม่กี่อาทิตย์  จำได้ว่าไอ้เก่งมาบ่นๆ อยู่ว่าน้องโฟกัสกับการเตรียมสอบที่เรียกว่าแกทแพท ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ในระหว่างที่เปิดเวปเพื่อที่จะทำความเข้าใจก็ดันมีสนามสอบใหม่อย่างโอเนท เก้าวิชาสามัญเข้ามาให้ต้องหาข้อมูลเพิ่ม 

    เด็กสมัยนี้ดูเหมือนจะเจอสนามสอบค่อนข้างซับซ้อนแล้วก็หลายขั้นตอน สมัยผมสอบเข้ามหาลัยตอนนั้นยังใช้คำว่าเอ็นทรานส์อยู่เลย ไม่ใช่แอตมิชชั่นเหมือนสมัยนี้ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดผมใช้เกรดกับคะแนนสอบของระบบ เป็นครั้งแรกที่ต้องลงเรียนพิเศษเพราะกลัวไปสอบไม่ทันเนื่องจากการสอบเกิดขึ้นระหว่างเทอม จะว่าไปแล้วตอนนั้นถึงครอบครัวจะไม่ได้กดดันอะไรแต่ผมก็รู้สึกเครียดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน สำหรับสมัยนี้ที่การแข่งขันสูงขึ้นก็คงจะต้องเครียดกว่าสมัยผมอยู่แล้ว 

    ผมทำความเข้าใจอยู่พักใหญ่ถึงรู้ว่า นอกจากสนามสอบที่มีหลายสนามแล้วนั้น ยังซับซ้อนยิ่งกว่าด้วยการมีการยื่นมหาลัยทั้งหมดห้ารอบ แบบยื่นพอร์ต โควตา รับตรง แอตมิชชั่นแล้วก็รับตรงอีกรอบ


    ครับ แล้วปัญหามันก็อยู่ตรงนี้

    ผมไม่รู้ว่าเนจะยื่นรอบไหน... 


    เป้าหมายการรอของผมคือรอเนสอบติดมหาลัย แต่ถ้าเนยื่นไอ้รับตรงรอบสุดท้ายนั่นเท่ากับว่าผมต้องรอไปอย่างต่ำเลยก็ห้าเดือน ถึงอย่างนั้นผมเดาจากภาพรวมแล้วเนน่าจะตรงไปที่รอบแอตมิชชั่นมากกว่า  เลยปักธงรอไว้ในใจแค่พอประกาศผลรอบแอตซึ่งก็ปลายเดือนมิถุนา รอต่อไปอีกเดือนกว่าไม่ต่างจากรอบรับตรงสุดท้ายเท่าไหร่ 


    ...อย่างน้อยก็ต้นเดือนวะ 


    ผมถอนหายใจยาวเหยียด ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ผมก็ยังคงแบกร่างตัวเองมาเข้าออฟฟิสเชคเอกสารนู่นนี่ เป็นอีกวันที่ผมทำงานล่วงเวลาโดยไม่จำเป็น แค่ไม่อยากกลับห้องไปคิดถึงบรรยากาศห้องที่เคยมีก้อนดื้อนอนกลิ้งแต่ตอนนี้เหลือแต่ความจืดชืดของผู้ชายวัยกลางคนแสนจะน่าเบื่อ


     ป่านนี้ไอ้ก้อนดื้อคงใช้ชีวิตปิดเทอม นอนตีพุงตุ๊บๆ รอยื่นคะแนนอยู่บ้าน ถ้าเป็นเปิดเทอมปกติผมก็จะได้รูปแอบถ่ายเล็กๆ น้อยๆ จากหลานไอ้เก่งบ้าง พอปิดเทอมแบบนี้ก็ได้แต่นั่งเฉาคาห้องทำงาน

     

    เออ ตอนพ่อเนบอกเรื่องข้อตกลงก็ใจดีสู้เสือเพราะคิดว่าน้องจะแหกกฏมาเจอกันแต่ที่ไหนได้ เฮ้อ

    พอมาห่างจริงๆ ใจแม่งฟีบเป็นลูกเกดเลย

    ป่านนี้จะแอบไปปิ๊งสาวที่ไหนไหมนะ จูบเป็นแล้วด้วย เจอกันอีกทีจากลูกแมวจะกลายเป็นเสือร้ายไปแล้วหรือเปล่า เฮ้อ คิดถึงหัวฟูกับกลิ่นแชมพูหอมๆ ชะมัด ผมลองใช้ตามน้องก็รู้สึกไม่ชินกลิ่นจนต้องเปลี่ยนกลับไปใช้ฟอร์เมนตามเดิม 

     

    ก๊อกๆ 

     

    หืม? 

    ผมเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องทำงานแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว วันนี้เป็นวันหยุด ไม่น่าจะมีพนักงานเข้ามาทำงานที่บริษัท ถ้ามีก็เป็นแผนกที่ไม่น่าจะต้องติดต่อกับผมโดยตรง

     

    ก๊อกๆ

     

    “ใครครับ” 

     

    ไร้เสียงตอบกลับ 

    ถ้าไม่ใช่พนักงานก็คงจะเหลืออย่างเดียว

     

    ...ผี? 

    แต่กลางวันแสกๆ เนี่ยนะ บ่ายสามครึ่ง? ผีทำงานได้แล้วหรอ?...

     

    พอจะได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้างจากไอ้เก่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอด้วยตัวเอง แย่หน่อยที่ผมนับถือศาสนาคริสต์ ถ้าเป็นผีไทยขึ้นมาก็หมดปัญญาจะเจรจาด้วย ยังไม่ทันจะเปิดมือถือไล่หาบทสวด ประตูห้องทำงานผมก็เปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กผู้ชายแก้มกลมหัวฟูใส่เสื้อสกรีนลายไอเลิฟหัวหินยืนยิ้มแป้นอยู่

     

     “ลุงงงง เนสอบติดแล้วววววววววววววว” 

     

    ยังไม่ทันได้ประมวลผลอะไรเนก็วิ่งพรวดเข้ามากระโดดขึ้นโต๊ะทำงานทำเอาเอกสารกับข้าวของหลายอย่างตกลงพื้นไปหมด ผมปลายตามองเอกสารที่นั่งกุมขมับจัดการอยู่เป็นอาทิตย์แต่สุดท้ายก็หันกลับมาสนใจหัวฟูในอ้อมกอดก่อน

    “ติด... เอ๊ะ เราติดรับตรงรอบแรกหรอ” ผมกระชับตัวดื้อในอ้อมกอดแล้วพยายามดึงน้องลงจากโต๊ะอย่างทุกลักทุเล กลัวพวกคลิปหนีบกระดาษจะบาดขาเอา

    “รู้ได้ไงอ่ะว่ามีหลายรอบ”

    “...”

    “รับแค่ไม่กี่คน ตอนยื่นไม่คิดว่าจะติดด้วยซ้ำอ่ะลุง แต่ติดเฉย!!! เนี่ยๆ เนอ่ะนะเน เพิ่งสอบสัมภาษณ์เสร็จพ่อก็ขับพามาส่งที่นี่เลย!!!” 

    “เราผ่านสัมภาษณ์แล้วด้วยหรอ”

    “ไม่รู้ แต่รุ่นพี่บอกสัมภาษณ์ปกติผ่านหมด เนถามอาจารย์ในห้องสัมว่าตกลงคือเนผ่านไหม อาจารย์ก็บอกผ่านชัวร์ เวลคัมๆ เนสัมเป็นภาษาอังกฤษนะลุง ตื่นเต้นมากกกกกกก แต่พยายามทำใจเย็นสู้กระต่าย”


     ... เขามีแต่สู้เสือ

     แต่เห็นว่ากำลังตื่นเต้นเลยยังไม่ขัดก็ได้


     “ไม่รู้อ่ะ แต่เนว่าเนผ่านเนเลยบอกพ่อว่าเนผ่านแล้วถ้าพ่อไม่พามาหาลุง เนจะไปสละสิทธิ์วันพรุ่งนี้ วู้วววววว” แสบเหมือนเดิม ผมมองก้อนดื้อในอ้อมกอดด้วยความคิดถึง อยากกระชับกอดให้แน่นขึ้นแต่ก็กลัวน้องอึดอัด 

    “เก่งจัง”

    “อื้อ”

    “เก่งมากๆ” 

    “ฮึก...”

    “คนเก่งของพี่” 

    “ฮึก ลุง ลุง เนคิดถึงลุงมากกกกกก คิดถึงจนเหนื่อย คิดถึงจนอยากหนีออกจากบ้าน คิดถึงจนคิดว่าทำไม่ได้หรอก ไม่มีลุงก็ทำไม่ได้หรอก ฮึก” ใจเหลวไปอีกครั้ง ให้มันได้แบบนี้ 

    “แต่ก็ทำได้นี่” 

    “อื้อ!! เหนื่อยมากด้วย!!! เรียนพิเศษเนตามไม่ค่อยทันพอกลับมาอ่านที่จดบางจุดมันก็งงอ่ะ ดีนะที่รุ่นพี่มาช่วยติวให้ที่โรงเรียนติวยันดึกเกือบทุกวัน วันไหนไม่มีติวเนก็กลับมาทำแต่ข้อสอบเก่าวนไปวนมา เนอ่ะนะเน ติวแค่ไทยกับอิ้งจะยื่นรอบรับตรง เสี่ยงมากเลยลุง เพราะวิชาอื่นคะแนนมันกลางๆ คณิตเนเลวร้ายมาก สอบแพทหนึ่งเนได้ไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำดีที่ไม่ต้องใช้ ดีอีกอย่างคือเกรดที่โรงเรียนเน เนว่าเขาแอบปล่อยนิดหนึ่งอ่ะ แต่มันก็เพิ่มคะแนนให้เนอยู่แหละ ว่าไม่ได้ ก็นะ ทำได้... แต่ไม่เอาแล้ว อยู่ด้วยตัวเองได้ ทำได้ แต่อยากมีลุงด้วยมากกว่า” บ่นเสร็จเนก็เงยหน้าขึ้นยิ้มจนตาปิด แก้มใสนั่นชื้นไปด้วยน้ำตา ผมก้มลงหอมเหม่งล่อตาล่อใจนั่นไปหนึ่งที

    “คิดถึง” เป็นคำพูดที่ไม่ได้พูดเล่นๆ แม้มันจะสั้นแต่ก็แทนความรู้สึกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาได้ในคำเดียว

     

    คิดถึง...

    แค่รู้ว่าได้กอดอยู่ก็อุ่นไปทั้งใจแล้ว...

     

    “ลุงแอบมีสาวป่ะ สารภาพมาตอนนี้แล้วเนจะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง”

    “หึ มีสายไม่ใช่หรอ”

    “โห่ ก็สายเป็นเพื่อนลุงทั้งคู่อ่ะ พี่เก่งกับพี่พามอาจจะช่วยกันก็ได้ป่ะ”

    “อ้อ ตกลงสายคือเก่งกับพามหรอ”

    “เห้ยยยยย โป๊ะแตกเฉยยยยยย” ไว้ค่อยคิดบัญชีทีหลัง ผมยิ้มให้กับหน้าดื้อในอ้อมกอด  

    “เอาเวลาที่ไหนไปหา”

    “เยอะ พี่เก่งบอกลุงว่างมาก ป่วนพนักงานแผนกพี่เก่งจนหัวหมุน”

    “เรียกมันพี่แต่เรียกพี่ลุงเนี่ยนะ” 

    “ลุงก็คือลุงไง”

    “...” คำอธิบายโลกไหนเนี่ย ฟังแล้วไม่ได้ไขอะไรให้กระจ่างเลย 

    “เนี่ย พี่เก่งยังบอกด้วยว่าลุงมีลูกค้าสาวเยอะ” 

    “อ้อ มันบอกหรอ”

    “ลุง!!!!” เนขมวดคิ้วฟาดไหล่ผมดังปั้ก ตัวเป็นลูกแมว ทำขู่หางพอง คิดว่าตัวเองน่ากลัวมากเลยมั้ง 

    “มันได้บอกไหมผู้หญิงคนไหนก็ไม่น่ารักเท่าเรา” 

    “เปล่า พี่เก่งบอกนมตู้มทุกคน” 

    “...” 

    “พี่เก่งบอกอีกว่ามีลูกค้าผู้ชายตี๋ขาวน่ารักมาเยอะเหมือนกัน ลุงก็ทำตาเยิ้มใส่เขา” ผมได้แต่ขมวดคิ้ว ตายงตาเยิ้มอะไรของมัน 

    “แล้วมันได้บอกไหมว่ามันกำลังจะโดนไล่ออก” 

    “ไม่ได้บอกอ่ะ”

    “อืม งั้นพี่บอกตอนนี้เลย” เดี๋ยวค่อยไลน์ไปบอกเจ้าตัว ผมส่ายหัวสลัดความไร้สาระออกแล้วกลับมาโฟกัสเน “เพ้อเจ้อ พี่ดูเหมือนคนเจ้าชู้นักหรอ” 

    “หึ ดูเหมือนลุงแก่ๆ ”

    “...” ไอ้เด็กเวรนี่

    “ล้อเล่นน่า แต่เรื่องจริงคือเนไม่มีใครเลยนะ ถามไอ้กันได้เลยนะลุง เนอ่ะนะเน เนอ่ะไปเรียนพิเศษที่สยามมีสาวมาขอไลน์เนยังไม่ให้เลย”

    “...”

    “เนคิดได้แล้วว่าเนไม่ได้อยากดูแลใคร เหนื่อยอ่ะ เนอยากมีคนดูแล แล้วคนที่ดูแลเนได้ดีที่สุดก็คือลุง อยู่กับลุงเนสบายใจ สบายตัว สบายพุง แต่ไม่ต้องห่วงถ้าวันหนึ่งลุงแก่มากเดี๋ยวเนจะเป็นฝ่ายดูแลลุงกลับเอง”

    “...” 

    “นี่ เนสอบติดแล้วนะลุง เนจะค่อยๆ โตขึ้น จนวันหนึ่งเรื่องอายุห่างกันจะได้เลิกวุ่นวายสักที เบื่อ” ผมก้มกดจมูกลงบนกลุ่มผมหอมแชมพูผลไม้นั่นไปหนึ่งที  

    “พี่คิดถึงเรา...” 

    “ลุง” 

    “หืม?”

    “เดี๋ยวลุงขับพาเนไปส่งบ้านด้วยนะ”

    “ได้ ว่าแต่พ่อเราล่ะ”

    “พ่อกลับไปแล้ว มาส่งแล้วก็กลับบ้าน”

    “อ้อ” 

     

    ค่อยโล่งไปอีก แสดงว่าพ่อเนพอจะยอมรับได้แล้ว ถึงอนุญาตให้เนมาอยู่กับผม ส่วนทางพ่อกับแม่ผมท่านก็ไม่ได้พูดอะไรมาก มีกล่าวตักเตือนเรื่องวัยตามที่คาดไว้ แต่สุดท้ายท่านก็บอกแค่ถ้าไม่ได้ผิดกฎหมายและเป็นการยินยอมทั้งคู่ ท่านก็ไม่ขัดข้องอะไร ขอแค่ทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก็พอ 

     

    “เออลุง คณะเนอ่ะ ตอนปีหนึ่งต้องไปเรียนที่นครนายก บังคับอยู่หอในด้วย”

    “นครนายกเลยหรอ”

     “อื้อ แล้วปีสองถึงปีสี่ค่อยกลับมาเรียนกรุงเทพ”

    “...” ผมขมวดคิ้วกับข้อมูลใหม่ทันที 

    ... เท่ากับว่าเราก็ต้องห่างกันอีกปีหนึ่งงั้นสิ

    “แต่เนวางแผนไว้แล้วว่าเสาร์อาทิตย์เนจะกลับมาอยู่กับลุง  เพราะงั้นลุงต้องไปรับเนทุกวันศุกร์นะ เสาร์อาทิตย์จะเป็นลุงเนส์เดย์ เออๆ เนอยู่หอชายล้วน ลุงต้องหึงมากแน่เลย ไม่ต้องหึงนะเดี๋ยวไอ้กันก็ตามเนมา มันยื่นวิศวะรอบนี้ไม่ติดมันจะไปยื่นอีกรอบ มันบอกว่าเนติดเพราะปาฏิหาริย์ ไม่เถียง เนก็ว่างั้น ติดได้ไงไม่รู้ งงมาก” พูดเองเออเองอะไรเสร็จศัพท์แล้วก็มายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนตัวเองรอบรู้วางแผนไว้ดีมาก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวจนต้องก้มลงงับแก้มนุ่ม 

    “คิดถึง”

    “ลุงอย่าเพิ่งวุ่นวายกับแก้มเน ฟังก่อนๆ พ่อบอกให้เนจัดการเรื่องชุดนิสิตเอง ลุงต้องพาเนไปซื้อที่ม.ด้วยนะ”

    “ได้” 

    “แล้วก็วันนี้พาไปกินชาบูด้วย เนอยากกินมาหลายวันแล้วววว”

    “ได้”

    “อ่ะ มองอยู่ได้ จะจูบก็จูบ”     

     

    ผมกระตุกยิ้มให้กับความน่ารักของเนก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มแบบที่จมูกจมเข้าไปในแก้ม รู้สึกเหมือนช่องว่างถูกเติมเต็ม พอได้กอดกันแบบนี้ก็รู้สึกถูกเติมเต็มจนเหมือนหลายเดือนที่ผ่านมากินเวลาแค่วันเดียว  

     

    ให้ตายเถอะ 

    ผมรักเนมากกว่าที่ตัวเองคิดเยอะเลย



    ------


    TALK


    เก่งจริงๆ เลยนะเจ้าชัย!!!!

    แงดราม่ามาได้แค่นี้จริงๆ ค่ะ กลับเข้าที่จั่วหัวไว้แต่แรกว่าเป็นฟีลกู๊ด 

    และ และ และะะะ


    ทุกคนคะะะะ น้องเนเปิดขายแล้วนะคะะะ วันนี้วันแรกเลยยยยย 

    สำหรับลงร้านหนังสือจะเป็นช่วงหลังงานหนังสือออนไลน์นะคะ ใครรอซื้อที่ร้านก็อาจจะต้องรอนิดนุงง




    ซื้อได้แล้ววันนี้ที่ http://www.hermitbookshop.com 

    ส่วนอีบุ๊ครอหลังงานหนังสือออนไลน์นะคะ แล้วก็ในอีบุ๊คไม่มีแก็กแถมนะคะ จะมีแถมแค่หนังสือค่า 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×