เสียงร้องครวญครางดังลอดผ่านผนังห้องบางเฉียบ เคลื่อนเข้าสู่ใบหูที่ถูกมือเล็กๆใช้ปิดไว้อย่างรำคาญ
    นารีนอนเปิดหูดินอยู่บนเตียงไปมา พยายามข่มตาให้หลับ แต่เสียงแห่งความสุข ระหว่างชายและหญิงยังคงรบลกวนจนเธอต้องลุกขึ้นเปิดไฟ หยิบหนังสือบนหัวเตียงมาอ่านฆ่าเวลาไปพลางๆ
    สมโชคและจันทร์แรมเป็นคู่สามีภรรยา ข้างห้องที่ดูเหมือนรักกันดี แม้ทั้งคู่จะเคยทะเลาะตบตีกันจนบ้านแตกหลายครั้ง แต่พอตกดึกก็ลืมความขุ่นข้องหมองใจ ลุกมาทำกิจวัตรยามดึกกันอยู่เป็นนิจ โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเสียงของตัวเองดังรบกวนเวลานอนของนารีมากแค่ไหน
    ความจริงนารีเคยคิดอยากจะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ติดตรงที่ห้องเช่าแห่งนี้ราคาถูกและอยู่ใกล้ที่ทำงานเธอมาก ถ้าหากออกไปหาที่อยู่ใหม่ตอนนี้ ค่าใช้จ่ายเธอต้องมากขึ้น ไหนจะค่ารถ ค่าเช่าห้อง อีกทั้งภาระที่ต้องส่งเงินไปให้แม่ทุกเดือน ขนาดแค่นี้ยังต้องกระเบียดกระเสียรใช้จ่ายให้พอในแต่ละเดือนเลย นับประสาอะไรกับการหาที่อยู่ใหม่
    เสียงร้องค่อยๆเบาลง นารีปิดหนังสือ ดับไฟตรงหัวเตียง ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้  หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบวอล์กแมนที่อยู่ข้างๆ ใส่สายหูฟัง เปิดระดับเสียงให้ดังที่สุดแล้วจึงผลุบเปลือกตาลง
    ที่เธอทำอย่างนี้เพราะรู้ดีว่าแม้เสียงร้องของข้างห้องจะเงียบแล้ว แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เธอมั่นใจว่าเกมรักของคนข้างห้องจะยังไม่จบเพราะอยู่แค่เพียงยกแรกแน่นอน
..............................................................
    “วันนี้ไม่ไปทำงานหรอนารี” ป้าอ้นที่อยู่ห้องข้างล่างทักขึ้นเมื่อเจอกับนารีตรงบันไดหน้าตึก
    “จ้ะ ฉันไม่ค่อยสบายนิดหน่อยเลยลางาน นี่ก็เพิ่งไปหาหมอมา”
    “แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าล่ะ” ป้าอ้นแสดงความเป็นห่วง นารียิ้มขอบคุณ
    “หมอบอกว่าฉันพักผ่อนไม่พอน่ะ ก็เลยไม่สบาย”
    “เออ เอ็งก็อย่าโหมงานมากนักนะพักผ่อนให้เยอะล่ะ”
    “ขอบคุณค่ะป้า”
    สารีแยกจากป้าอ้นเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสาม ด้วยความที่ห้องเช่าของนารีอยู่ไม่สูงมากนัก เธอจึงมักขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ จะได้เป็นการออกกำลังกายไปในตัว
    เมื่อขึ้นมาถึง นารีได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน บริเวณทางเดินมีคนมายืนออรอดูเหตุการณ์ข้างในกันพอสมควร แต่ได้ยินเสียงนารีก็รู้โดยอัตโนมัติว่าเหตุเกิดขึ้นที่ห้องไหน
    “บอกมาซะดีๆ นะไอ้โชค ว่ารอบปากที่อยู่บนเสื้อตัวนี้เป็นของใคร นังนิดหรือนังอ้อย” จันทร์แรมถามเอาเรื่อง ในมือถือเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีรอยลิปสติกติดอยู่
    “ข้าไม่รู้ เสื้อตัวนี้ข้าไม่ได้ใส่นานแล้ว เอ็งอย่ามาหาเรื่อง” สมโชคนั่งตอบหน้าตาแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “แล้วก็เลิกทำเสียงดังด้วย ข้าหนวกหู”
    “เอ็งไม่ต้องทำเป็นเปลี่ยนเรื่องเลยนะ เสื้อตัวนี้ข้าจำได้ เอ็งเพิ่งใส่เมื่อวาน บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเอ็งไปเที่ยวผู้หญิงมาใช่มั้ย” จันทร์แรมปาเสื้อใส่สมโชคอย่างโมโหจัด “ทำไม ของในบ้านมีให้เอ็งไม่พอหรือไง ถึงต้องออกไปหาข้างนอกอีก ช้าไม่น่ามีผัวเลวๆอย่างเอ็งเลย มีเงินเท่าไหร่ไม่เอาไปกินเหล้าก็เอาไปให้Eหนูหมด”
    “โอ้ย รำคาญโว้ย” สมโชคตะโกนขึ้นมา “ก็เพราะในบ้านมีเมียจู้จี้แบบเอ็งไง ข้าถึงต้องออกไปหาเศษหาเลยข้างนอก รู้ตัวไว้เลยว่าเอ็งน่ะปลาร้าค้างปี ไม่มีรสชาติ ที่ข้าทนอยู่ทุกวันนี้เพราะว่าเอ็งมีเงิน ไม่อย่างนั้นข้าไม่สนเอ็งหรอกEแก่” สมโชคที่เมาพูดใส่หน้าจันทร์แรม หยิบขวดเหล้าจะลุกเดินออกไปนอกห้อง
    ช่วงวินาทีที่เขาหันหลังนั่นเอง จันทร์แรกคว้ามีดหั่นของที่อยู่บนโต๊ะใกล้ตัวเสียบเข้าไปกลางหลังของสมโชคอย่างสุดแค้น ร่างสมโชคล้มลง เหลือไหลเจิ่งนองไปทั่วบริเวณพื้นเพียงพริบตา มีดในมือจันทร์แรมตกลงพื้น ในหน้าสาวใหญ่ตกใจสุดขีด พอรู้สึกตัวก็เข้าไปกอดศพสมโชคร้องไห้เหมือนจะขาดใจตายตาม
    เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ร่างสมโชคถูกนำออกไปตามด้วยจันทร์แรมที่ถูกใส่กุญแจมือ ใบหน้าสามใหญ่บวมเป่งอย่างคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นัยน์ตาเลื่อนลอยคล้ายจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
    นารีมองตาม รู้สึกหดหู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าคู่สามีภรรยาที่เคยเห็นแสดงความรักกันมากมาย สุดท้ายชีวิตของทั้งคู่จะลงเอยด้วยความเศร้าเช่นนี้
.......................................................
    เวลาผ่านไปสามอาทิตย์ ห้องของสมโชคกับจันทร์แรมยังไม่มีใครมาเช่าต่อ นารียอมรับว่านับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเธอเองรู้สึกเหงาไปเยอะ จากที่เคยนึกรำคาญเสียงที่ได้ยิน  และคิดว่าหากไม่มีเสียงนั้นเธอจะนอนอย่างมีความสุขแค่ไหน แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับนอนไม่หลับ ในใจเฝ้าคิดแต่เรื่องของสมโชคกับจันทร์แรม หรือนั่นอาจเป็นเพราะเธอหวาดกลัว กลัวจะได้ยินเสียงบางอย่างที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้
    หลังเลิกงานนารีแวะซื้ออาหารเย็นเดินถือถุงขึ้นไปบนห้องตามปกติ แต่ต้องหยุดนั่งตรงหัวบันไดด้วยความสงสัยเมื่อเห็นห้องสมโชคและจันทร์แรมมีข้าวของมากมายกองอยู่
    เธอเดินตรงเข้าไป สายตาสอดส่องผู้มาใหม่อย่าสำรวจ เมื่อใกล้ถึงหน้าห้อง นารีแกล้งทำเป็นเดินช้าๆ แอบเหล่เข้าไปในห้องด้วยความอยากรู้ประจวบกันชายคนหนึ่งกำลังออกมาขนของพอดี
    “สวัสดีครับ”หนุ่มหน้าตี๋ยิ้มทัก
    “เอ่อ...พวกคุณจะย้ายมาอยู่ห้องนี้เหรอค่ะ” นารีถาม อดปลื้มกับรอยยิ้มที่น่ารักของชายที่เดินออกมาไม่ได้
    “ครับ ยังไงพวกผมก็ต้องขอฝากตัวด้วย” เขายิ้มให้อีก “ผมชื่อนัทครับ แล้วนั่นแมน”
    นารีเอี้ยวตัวเข้าไปมองผู้ชายอีกคนที่จัดของอยู่ในห้อง เขาดูดีและหล่อไม่แพ้คนข้างนอกเลยสักนิด แมนเมื่อถูกนัทเรียกก็เงยหน้ามายิ้มให้
    “เอ่อ...ฉันชื่อนารีค่ะ อยู่ห้องข้างๆนี่” นารีชี้นิ้วไปที่ห้องของตัว “มีอะไรให้ฉันช่วย บอกได้นะค่ะ” เธอแสดงความมีน้ำใจอย่างคนที่อยู่มาก่อน
    “ขอบคุณครับ พวกผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่คงต้องรบกวนคุณอีกเยอะเลย”
    “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าช่วยได้ฉันก็เต็มใจ ขอตัวก่อนนะค่ะ”
    นารีไขกุญแจห้อง ยิ้มให้นัทอีกครั้งก่อนปิดประตู ค่ำนั้นเธอนั่งทานอาหารอย่างอารมณ์ดี รู้สึกชีวิตตัวเองมีสีสันมากขึ้นเมื่อได้สองหนุ่มหล่อมาอยู่ข้างห้อง หวังว่าคืนนี้เธอคงหลับฝันดี แต่ถ้าในฝันจะมีชายหนุ่มสองคนนั้น นารีคิดว่ามันไม่น่าเสียหายอะไร
    เวลาห้าทุ่ม นารีเข้านอน แต่ก่อนที่จะดับไฟ เธอได้ยินเสียงผู้ชายคล้ายๆกับเสียงนัทดังขึ้นมา เธอหยุดสิ่งที่คิดจะทำนั่งฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจ
    “แมน จะนอนแล้วหรอ อย่าเพิ่งหลับสิ ลุกมาคุยกันก่อน”
    “ไม่เอา ง่วง วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ”
    “รู้ว่าเหนื่อย แต่คนมันกลัวนี่ ได้ยินว่าห้องนี้มีคนตายด้วย กลัวผีจะแย่”
    “ผีมีจริงที่ไหนล่ะ นอนได้แล้ว”
    “แมนอะ เอะอะก็จะนอนอยู่ได้ ไมคิดจะทำอะไรเพื่อเป็นการฉลองห้องใหม่ของเราหรอ”
    “ทำอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าเรื่องนั้น”
    “ก็ใช่นะสิ สนใจมั้ยล่ะ”
    “ดีเหมือนกัน เผื่อจะหายง่วงขึ้นมาบ้าง ใครเริ่มก่อนล่ะ”
    “แมนก่อนแล้วกัน เริ่มเลยนะ”
    เสียงสนทนาจบลงแค่นั้น นารีนั่งงง ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องอะไร พยายามคิดแค่ก็คิดไม่ออก เธอจึงตัดสินใจล้มตัวนอน
    โคมไฟบนหัวเตียงดับลง นารีค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา เพียงพักใหญ่ความรู้สึกเดิมๆ ก็กลับมาในความคิดเธออีกครั้ง พร้อมกับเสียงแห่งความสุข ที่ดังลอดผ่อนผนังห้องเข้ามา เหมือนมีการฉายหนังซ้ำต่างกันเพียงแค่ตัวแสดงเท่านั้น
    นารีเริ่มเข้าใจว่าเรื่องที่นัทและแมนสองหนุ่มข้างห้องกำลังทำมันคือเรื่องอะไร เธอเอื้อมมือไปหยิบวอล์กแมนข้างตัว ใส่สายหูฟัง เปิดระดับเสียงให้ดังที่สุด ไม่บอกก็รู้ว่าคืนนี้เกมรักของคนข้างห้องคงจะดำเนินไปอีกยาวนาน.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น