คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 อิจฉา???
6:30 น.
‘Aha! Listen boy. My First Love Story….’
เสียงเพลง Gee ที่ถูกตั้งให้เป็นเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของยุนอาดังขึ้น เธอเอื้อมมือไปปิดมันก่อนจะค่อยๆยันตัวเองให้ลุกจากเตียงด้วยความงัวเงีย
‘ทำไมอากาศร้อนจัง’
เธอคิด ก็จะไม่ให้ร้อนได้ยังไงในเมื่อชุดนอนของเธอมันเหมือนกับหมีขั้วโลก ยุนอาสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีขาวที่มีเฟอร์นุ่มๆ แถมยังพันผ้าพันคอผืนใหญ่ไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อจะได้มิดชิดและปลอดภัยจากเด็กๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าแต่ละคนไม่ได้มีนิสัยลามกทะลึ่งหรือไม่เป็นสุภาพบุรุษแต่ก็ตาม แต่ก็กันไว้ก่อนเพราะเธอเองก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับเด็กพวกนี้มาก รอให้สนิทใจกว่านี้ถึงจะใส่ชุดนอนแบบปกติเห็นจะดีกว่า ยุนอาเดินออกมาข้างนอกเพื่อจะดูว่ามีใครตื่นแล้วบ้างแต่ก็ไม่เจอใคร
“ยังไม่มีใครตื่นเลยซักคนเหรอเนี่ย”
เธอเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นและเก็บข้าวของที่เมื่อวานเหล่าลิงสร้างสรรค์ไว้ ถึงแม้ว่าพวกเค้าจะช่วยกันเก็บแล้วก็ตามแต่มันก็ยังไม่เรียบร้อยมากเท่าไหร่ เธอจัดหนังสือ แผ่นเกมส์ และเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่นที่วางกองอยู่กับพื้นให้เข้าที่ เมื่อเคลียร์ตรงส่วนห้องนั่งเล่นเสร็จแล้วเธอก็เดินไปที่ครัวและเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรที่พอจะทำเป็นอาหารเช้าได้บ้าง แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ทั้งที่เมื่อวานพวกเขาก็ไปซูเปอร์มาร์เก็ตมา แต่ทำไมของสดถึงหมดเร็วจัง
“ให้ตายสิ พวกเขาไม่มีของสดเก็บไว้เลยเหรอเนี่ย”
ยุนอาปิดตู้เย็นก่อนจะเดินเข้าห้องไปเพื่อเตรียมของอาบน้ำ เธอจะออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเช้าให้เด็กๆ จริงๆแล้วเธอตั้งใจจะแปรงฟันอย่างเดียวแล้วค่อยออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แต่สภาพหมีขั้วโลกของเธอมันก็น่าอายเกินกว่าจะออกไปข้างนอกได้ หลังจากที่เธอจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็มุ่งหน้าไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตทันที โชคดีที่ระหว่างนั่งรถมาที่หอเธอจำทางและร้านขายของต่างๆได้เป็นอย่างดี นี่แหล่ะความช่างสังเกตที่นักสร้างสรรค์ต้องมี...
“ฮ้าวววว ง่วงนอนจริงๆเพราะขนของเมื่อวานแน่เลยทำให้หลับเป็นตายขนาดนี้”
เสียงของชานยอล เปิดประตูห้องนอนออกมาพร้อมกับแบคฮยอนที่ยืนงัวเงียอยู่ด้านหลังของเขา แต่แล้วแบคฮยอนก็ต้องเอะใจเมื่อเค้าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากในครัว เค้าเดินไปดูหลังจากที่ชานยอลเข้าไปอาบน้ำ เค้าเห็นยุนอากำลังขะมักเขม้นทำอาหารเช้าอยู่ในครัว
“นูน่าทำอะไรเหรอฮะ”
“อ้าว ตื่นกันแล้วเหรอ แล้วคนอื่นๆล่ะจ้ะ”
“อ่อ นี่ยังไม่ใช่เวลาตื่นของพวกเค้านะฮะ ถ้าซ้อม 10 โมง พวกเค้าจะตื่นกัน 8 โมงครึ่งแต่นี่เพิ่ง 7 โมงครึ่งเองฮะ ฮ้าววว”
แบคฮยอนตอบและหาวออกมาด้วยความง่วงก่อนจะหยิบขวดน้ำในตู้เย็นออกมา
“อ่อ เหรอจ๊ะ แล้วชั่วโมงครึ่งอาบน้ำแต่งตัวกันทันเหรอ ไหนจะต้องเผื่อเวลาทานอาหารเช้าแล้วก็เวลาเดินทางอีกด้วย”
“ทันสิฮะ ปกติพวกเราแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปซ้อมเลย ไม่ได้ทานอาหารเช้านะฮะอีกอย่างบริษัทก็อยู่แค่นี้เอง”
ยุนอาพยักหน้ารับรู้ เพราะอย่างนี้นี่เองในตู้เย็นถึงไม่มีวัตถุดิบในการทำอาหารเลย
“งั้นพี่ฝากแบคฮยอนปลุกคนอื่นๆด้วยนะ ตอนนี้เลย”
“อ่อ ได้ครับ ว่าแต่นูน่ามีอะไรรึเปล่าฮะ”
“มีสิ ก็ตอนนี้ห้องน้ำที่พวกเธอจะใช้มีแค่ห้องเดียวนะ อีกอย่างพวกเธอก็ควรจะทานอาหารเช้าด้วยเพราะมันสำคัญมากๆ เข้าใจมั๊ยจ๊ะ แล้ววันนี้พี่ก็ทำอาหารเช้าให้พวกเธอแล้วด้วย แทแด่นน...อเมริกันเบรกฟาสต์”
ยุนอาหันมาตอบแบคฮยอนพลางตักเบค่อนใส่ในจานที่มีไข่ดาวและไส้กรอกอยู่ก่อนแล้วทั้ง 6 ใบ
“โว้วว สุดยอดเลยฮะนูน่า เดี๋ยวผมรีบไปปลุกทุกคนให้นะฮะ”
แบคฮยอนตอบก่อนจะวิ่งออกไปพร้อมกับชานยอลที่เดินงัวเงียเข้ามาในครัว
“นูน่าทำอะไรนะฮะ ฮ้าววววว ทำไมอาบน้ำแล้วยังไม่สดชื่นเลยนะ”
ยุนอายิ้มก่อนจะส่งแก้วน้ำส้มคั้นให้ชานยอล
“ดื่มนี่ก่อนสิจ๊ะ จะได้สดชื่น พี่คั้นเองกับมือเลยนะ เวลาตื่นมาเช้าๆแบบนี้น่ะ นายควรจะดื่มน้ำเย็นๆหรือไม่ก็น้ำผลไม้ซักแก้ว จากนั้นก็ออกไปเดินยืดเส้นยืดสายซักนิด เหยียบไปบนสนามหญ้าก็ได้นะไม่ต้องใส่รองเท้าหรอก ให้เท้าได้สัมผัสกับน้ำค้างแล้วนายจะสดชื่นมากๆ ออกไปรับวิตามินดีจากแสงแดดยามเช้าก็ช่วยให้นายสดชื่นได้เหมือนกัน”
“ว้าวว จริงเหรอฮะนูน่า งั้นพรุ่งนี้เราตื่นมาเดินที่สนามหญ้าด้วยกันนะฮะ”
ชานยอลรับแก้วจากยุนอาและดื่มน้ำส้มคั้นในแก้วอึ่กใหญ่
“โหยย สุดยอดไปเลยฮะนูน่า อร่อยมากๆ ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีเลย”
ชานยอลกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที นอกจากน้ำส้มจะอร่อยแล้ว คนคั้นยังน่ารักอีกด้วย เค้าชูนิ้วโป้งให้ยุนอาก่อนจะฉีกยิ้มโชว์ฟัน 32 ซี่อีกตามเคย
“ดีแล้วล่ะจ้ะ เดี๋ยวนายช่วยพี่ยกอาหารพวกนี้ไปไว้ที่โต๊ะรับแขกหน่อยนะ ที่นี่น่าจะมีโต๊ะทานอาหาร เวลาทานอะไรจะได้ไม่ลำบาก”
“เพราะปกติพวกเราไม่ค่อยทานอาหารกันที่หอนะฮะ ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีทำไม แต่หลังจากนี้คงต้องมีแล้ว ถ้านูน่าตื่นมาทำอาหารให้พวกเราทานทุกวัน ฮ่าๆๆๆ”
ชานยอลตอบและยกจานอาหารออกไปในขณะที่ยุนอาจัดแจงหยิบขนมปังเข้าเครื่องปิ้ง ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่ทุกคนออกมาจากห้อง เธอหันไปมองเด็กๆ ให้ตายสิ แม้กระทั่งเพิ่งตื่นนอน พวกเค้าก็ยังดูดี จุนมยอนในชุดนอนช่างดูเป็นเด็กขัดกับบุคลิกของลีดเดอร์เวลาปกตินัก ส่วนเซฮุน ถึงแม้ว่าจะงัวเงียแต่เค้าก็ยังน่ารัก คยองซูช่างดูดีในชุดนอนลายการ์ตูน ส่วนจงอินก็ยังเหมือนเดิม นี่เค้าไม่เคยทำสีหน้าอย่างอื่นนอกบ้างเลยเหรอ ยุนอาคิด เธอไล่พวกเด็กๆให้รีบไปอาบน้ำเพื่อจะได้ออกมาทานอาหารเช้ากัน
ทุกคนรู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะปกติพวกเค้าไม่ค่อยมีเวลามานั่งทานอาหารเช้า(จริงๆมันก็มีเวลาแหล่ะนะ ถ้าพวกแกตื่นเช้ากันซักนิด : ไรเตอร์) เพราะส่วนใหญ่ตื่นเสร็จอาบน้ำแต่งตัวไปซ้อมเลยแต่วันนี้ยุนอากลับมาทำอาหารให้พวกเค้าทานซึ่งมันก็ทำให้พวกเค้าประทับใจมาก ทั้งไข่ดาว เบค่อน ไส้กรอก ขนมปังปิ้งกับแยมและน้ำส้มคั้น มันช่างเป็นอาหารที่พิเศษสำหรับพวกเค้าจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยกินนะ แต่อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่เค้าได้ทานจากฝีมือของคนที่ดูแลเป็นครั้งแรก เพราะคนดูแลคนก่อนๆ ไม่มีใครเคยทำอาหารแบบนี้ให้พวกเค้าเลยซักครั้งแม้กระทั่งคริสเอง ส่วนใหญ่คริสจะซื้อเข้าไปให้ที่บริษัทมากกว่าและถึงตอนนั้นมันก็กลายเป็นอาหารกลางวันไปซะแล้ว
“ทานเยอะๆนะจ๊ะทุกคน อาหารเช้าสำคัญกว่าอาหารมื้ออื่นๆ ยังไงทานให้หมดนะ”
“คร้าบบ งั้นพวกเราลงมือเลยนะครับ”
ทุกคนลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยมากๆเลยฮะ นูน่า ผมไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”
แบคฮยอนชมยุนอา
“เธอก็พูดเกินไป จริงๆมันอร่อยเพราะว่าซอสมากกว่า ที่พี่ทำมันก็แค่อาหารง่ายๆ ใครๆก็ทำได้”
“ไม่จริงหรอกฮะ มันอร่อยเพราะว่านูน่าเป็นคนทำต่างหาก นี่ๆน้ำส้มที่นูน่าคั้นน่ะ อร่อยมากๆ พวกนายลองชิมสิแล้วนายจะพบกับความสดชื่นที่ไม่เคยเจอมาก่อน”
ชานยอลคะยั้นคะยอให้ทุกคนดื่มมีเพียงแค่จงอินที่ยังนั่งเฉย จนคยองซูต้องหันมามองและบอกให้เค้าทาน
“ทานสิจงอิน อร่อยนะ”
“ใช่ๆ นูน่าทำอาหารอร่อยไม่แพ้คยองซูของเราเลย”
จุนมยอนพูดก่อนจะจิ้มไส้กรอกยื่นให้จงอิน ยุนอาเองก็ลุ้นว่าจงอินจะทำยังไงเหมือนกัน จงอินมองไส้กรอกที่จุนมยอนยื่นมาก่อนจะหันหน้าหนีและลุกออกจากห้องนั่งเล่นไป
“พอดีกระเพาะอาหารของผมไม่ชินกับอาหารเช้าซักเท่าไหร่ ยังไงผมไปรอที่บริษัทนะฮะ”
เค้าพูดพลางสวมรองเท้าและเดินออกไป
“เฮ้ออ”
ยุนอาถอนหายใจออกมา เธอไม่รู้จะทำยังไงให้จงอินยอมรับในตัวเธอได้ ทั้งๆที่เธอก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เค้าเลยแต่ทำไมเค้าต้องทำแบบนี้กับเธอด้วยนะ เด็กๆในห้องต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมามองยุนอาที่ทำหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“สงสัยเจ้านั่นจะหงุดหงิด ปกติไม่เคยตื่นเช้า นูน่าอย่าสนใจเลยนะฮะ ถ้าเจ้านั่นง่วงเค้าก็จะเป็นแบบนี้แหล่ะฮะ ทานกันต่อเถอะครับ”
คยองซูพูดเพื่อให้ยุนอาสบายใจขึ้น
“งั้นเค้าก็คงจะง่วงตลอดเวลาเลยสินะ”
ยุนอาพึมพำกับตัวเอง
จงอินเดินออกมาจากหอพักด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
“เหอะ ชีวิตฉันจะวุ่นวายก็เพราะเธอ อิมยุนอา”
เค้าบ่นออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาแค่ 1 วันเค้าก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะต้องยกห้องนอนให้ยุนอาหรือแม้กระทั่งตารางเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งๆที่เค้าคุ้นชินกับมันมาตลอด นี่ไงแค่นี่มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่ายัยนี่เข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงพวกเขา
“อีกหน่อยเธอก็คงทำเหมือนกับที่คนดูแลคนก่อนๆทำกับฉัน พวกพี่ๆก็เป็นไปกับเค้าด้วย แค่ยัยนั่นตื่นมาทำอาหารเช้าให้ ไม่รู้จะชมอะไรกันนักหนา เหอะ น่าเบื่อชะมัด ให้ตายสิ แล้วฉันจะบ่นทำไมเนี่ย”(นี่มันออกแนวขี้อิจฉานะจงอิน : ไรเตอร์)
เค้าพูดออกมาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฟังเพลงและเดินตามถนนมุ่งหน้าไปยังบริษัท
สนามบินอินชอน เกาหลีใต้
หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งกำลังวิ่งอย่างเหนื่อยหอบหลังจากที่เธอได้ผลักผู้ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งล้มลง รองเท้าผ้าใบสีดำพาดลายสีแดงภายใต้แบรนด์ดังนั่นทำให้เธอวิ่งได้อย่างรวดเร็ว คิดถูกแล้วที่เธอไม่สวมรองเท้าส้นสูงมาจากอเมริกา เพราะมันคงจะลำบากมากในสถานการณ์นี้
“เจ้าพวกนี้นี่ จะตามฉันไปถึงไหนนะ แฮ่กๆ”
เธอบ่นหลังจากที่หันไปเจอกลุ่มชายชุดดำประมาณ 4 คนวิ่งตามเธอมา
“คุณหนู กลับไปกับพวกเราเถอะครับ หยุดวิ่งเถอะพวกเราเหนื่อยแล้วนะคร้าบคุณหนู โอย แฮ่กๆ”
หนึ่งในชายชุดดำตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเพื่อบอกให้คุณหนูของพวกเค้าหยุดวิ่งหนี หลังจากที่เธอผลักพวกเขาล้ม
“ถ้าเหนื่อยก็เลิก...แฮ่กๆๆ...ตามฉันได้แล้ว กลับไปซะ ถ้าพวกนายไม่อยากซวย”
“ถ้าคุณหนูไม่ไปกับพวกเรา พวกเราจะซวยเพราะโดนคุณท่านเล่นงานแน่นอนครับ แฮ่กๆๆ”
“แต่ถ้าพวกนายไม่หยุด...แฮ่กๆ ฉันบอกไว้ก่อนเลย..วะ..ว่าพวกนายจะซวยชนิดไม่ได้ผุดได้เกิดแน่นอน”
เธอมองหาทางออกและรถแท็กซี่พร้อมกับหันมองพวกเขาอยู่ตลอดเวลาในขณะที่วิ่ง ที่เธอต้องวิ่งหนีแบบนี้ก็เพราะว่าเธอไม่อยากอยู่ที่เกาหลี อยู่ๆจะให้คนที่เกิดและโตในประเทศแห่งเสรีภาพอย่างอเมริกากลับมาใช้ชีวิตในประเทศที่เธอไม่คุ้นเคยถึงแม้ว่าประเทศนั้นจะเป็นต้นกำเนิดแท้ๆของตระกูลงั้นเหรอ อเมริกากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหญิงสาวอย่าง “จองซูจอง” ไปซะแล้ว และถ้าพ่อของเธอไม่บินไปรับเธอกลับมาจากอเมริกาเธอก็คงไม่ต้องวิ่งหนีแบบนี้ เธอคิดเอาไว้ว่าเธอจะหนีจากพ่อและเหล่าบอดี้การ์ดของเธอหลังจากที่ออกจากสนามบิน ถ้าเธอหนีพ้น เธอจะได้กลับไปอเมริกาอีกครั้งหลังจากที่ซื้อตั๋วเครื่องบินได้แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเมื่อเหล่าบอดี้การ์ดที่มารอรับเธอนั้นล้อมรอบตัวเธอจนกระดุกดิกไม่ได้ เธอเลยจำเป็นต้องอ้างว่าจะไปห้องน้ำและวิ่งหนีออกมา เธอวิ่งมาจนถึงทางออกพร้อมกับรถยนต์คันหนึ่งที่กำลังแล่นเข้ามาจอด เธอรีบเปิดประตูรถคันนั้นและขึ้นนั่งก่อนจะสั่งให้คนขับขับออกไป
“ไปไหนก็ได้ ด่วนจี๋เลย”
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยจะงงเล็กน้อย ที่อยู่ๆก็มีสาววัยรุ่นมารัวภาษาเกาหลีเหน่อๆใส่เขา
“เฮ้ ฉันบอกให้ขับออกไปไง นายไม่เข้าใจภาษาคนเหรอ”
ซูจองชักโมโห เพราะบอดี้การ์ดของเธอกำลังจะมาถึงรถแล้ว
“ผมเข้าใจภาษาคนครับแต่ว่าคุณน่ะเป็นใครถึงมาสั่งให้ผมขับรถออกไปแบบนี้”
“ฉันก็เป็นลูกค้านายไง ให้ตายสิแท๊กซี่เกาหลีเค้าบริการกันแบบนี้เหรอเนี่ย”
เธอบ่นก่อนจะควักเงินในกระเป๋าออกมา
“10,000 วอน ออกรถเดี๋ยวนี่!!! เร็วๆสิ อ๊ายย มาถึงแล้ว”
ซูจองว่าก่อนจะหันไปล็อครถเพื่อให้บอดี้การ์ดเปิดประตูไม่ได้ ส่วนชายหนุ่มก็แค่นหัวเราะออกมา ให้ตายสิยัยเด็กนี่เป็นใครกันถึงได้มาสั่งเค้า อีกอย่างท่าจะไม่เคยขึ้นแท็กซี่ที่เกาหลี ถึงได้ไม่รู้และเนียนมาขึ้นรถคนอื่นมั่วแบบนี้
“ผมคงออกรถให้คุณไม่ได้หรอกครับ”
ชายหนุ่มพูดและหัวเราะเบาๆ ทำให้ซูจองถึงกับอึ้งก่อนจะหยิบแบงก์ 10,000 วอนออกมาอีกใบและยัดใส่มือเค้าด้วยความโกรธ นี่มันเงินวอนใบสุดท้ายที่เธอมีนะ ที่เหลือก็เป็นดอลลาร์หมดแล้ว
“20,000 วอน ถ้านายไม่ออกฉันจะฆ่านาย”
ซูจองพูดกับชายหนุ่มและหันไปแลบลิ้นให้กับบอดี้การ์ดที่กำลังรัวเคาะกระจกให้เธอเปิดประตู เธอรอดแล้ว!!
“อ่า จริงๆเลย ให้ตายสิ คุณคงจะใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่างเลยใช่มั๊ย ต่อให้เอามาแสนวอนผมก็ไม่ออกเพราะผมไม่ใช่แท็กซี่และคุณก็ไม่ใช่ลูกค้าของผม!!”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้ซูจองถึงกับตาค้างด้วยความตกใจ
“อ๊ายยยยยย แล้วทำไมนายไม่บอกฉันว่านายไม่ใช่แท็กซี่ บ้าจริง ปากน่ะมีมั๊ย”
“อ้าวๆๆๆมาว่าผมก็ไม่ถูกนะ แล้วทำไมคุณไม่ดูให้ดีก่อนจะขึ้นรถล่ะ รถแท็กซี่จอดอยู่ฝั่งโน้น ฝั่งนี้เป็นที่จอดรถสำหรับผู้มาใช้บริการสนามบิน ตาน่ะมีมั๊ย”
ซูจองหันไปมองอีกฝั่งของถนนซึ่งมีแท็กซี่จอดอยู่เต็มไปหมด จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี ตอนนี้บอดี้การ์ดทั้ง 4 ยืนล้อมรถไว้แล้ว
“แล้วคนพวกนี้เป็นใครเนี่ย มายืนล้อมรถทำไม ต้องลงไปเคลียร์ซะหน่อยแล้ว”
ชายหนุ่มว่าและกำลังจะเอื้อมมือไปกดปลดล็อกรถ แต่ซูจองก็กรี๊ดขึ้นมาก่อน
“อ๊ายยยยยยยยยย อย่าเปิดนะ ขอร้อง ฉันให้นายหมดกระเป๋าเลย แต่ขอร้อง อย่าเปิดประตู”
ชายหนุ่มหันมามองเธอที่กำลังยกมืออ้อนวอน ดูไปดูมายัยนี่ก็น่ารักไม่เบา ใบหน้ารูปไข่กับดวงตาที่มีเสน่ห์ทำให้ชายหนุ่มถึงกับอึ้งในความน่ารัก ท่าทางการขอร้องนั้นมันเกือบจะทำให้เค้าใจอ่อนแต่ก็...
‘คลิ๊ก’
ไม่เป็นผล...ชายหนุ่มปลดล็อกรถ ก่อนจะเปิดประตูลงไป
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย เจ้าบ้านี่ ฉันบอกว่าอย่าเปิด”
ไม่ทันขาดคำ เหล่าบอดี้การ์ดก็ลากตัวซูจองลงมาจากรถ เธอพยายามดิ้นเพื่อสะบัดให้ตัวเองหลุดจากการถูกล๊อกตัวแต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตแค้นมายังชายหนุ่มที่ยืนยิ้มให้เธออย่างกวนๆ
“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม ไม่เห็นเหรอว่าฉันเดือดร้อน อย่าให้ฉันเจอนายอีกครั้งนะ อ๊ายยยยย”
เธอกรี๊ดสุดเสียงด้วยความโมโห ถ้าไม่ใช่เพราะตานี่เปิดประตูรถ เธอก็คงไม่โดนจับ
“ใจจริงผมก็อยากจะช่วยคุณนะ แต่เปลี่ยนใจแล้ว อีกอย่าง หน้าอย่างผมเนี่ยนะเป็นคนขับแท็กซี่ เหอะ ขอโทษครับคุณผู้หญิง ผมยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย โอ๊ะ ลืมไปว่ามีธุระขอตัวก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มฉีกยิ้มให้เธอ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความสะใจเล็กๆ ซูจองถูกพาตัวไปจากที่จอดรถ จริงๆเรียกว่าถูกลากจะเหมาะกว่าเพราะเธอดิ้นและกรี๊ดด่าชายหนุ่มไปตลอดทาง
“ไอ้บ้า ไอ้นักศึกษาไร้มนุษยธรรม อนาคตของเกาหลีต้องแย่แน่ๆที่มีนายเป็นเยาวชนของชาติ ไอ้บ้า อ๊ายยย ชาตินี้อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย ไม่งั้นฉันจะฆ่านายยยยยย”
ชายหนุ่มมองเธอด้วยความขำ เกาหลีก็คงจะแย่เหมือนกันถ้ามีคนที่เอะอะก็กรี๊ดๆแบบนี้ เค้านึกก่อนจะตะโกนบอกซูจอง
“เอาไว้ถ้าเจอกันครั้งหน้าช่วยบอกด้วยนะว่ามนุษยธรรมคืออะไร พอดีผมไม่รู้จักจริงๆ โชคดีนะคร้าบบบ”
ชายหนุ่มโบกมือบ๊ายบายให้เธอ ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาและรีบหยิบของหลังรถ
“ให้ตายสิ ช้าไป 10 นาที คุณแม่บ่นแน่เลย”
เค้าบ่นและรีบวิ่งเข้าไปในสนามบิน
ภายในสนามบินคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากที่อื่นและเหล่าผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแม่ของเค้าที่กำลังจะเดินทางไปคุยธุรกิจแต่ลืมของสำคัญไว้ที่บ้าน หน้าที่นี้จึงตกเป็นของชายหนุ่มที่จะต้องไปเอาของมาให้ทันขึ้นเครื่อง
“มินโฮ ทางนี้ลูก แม่อยู่นี่”
ชายหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกของผู้ที่เป็นแม่ก่อนจะรีบวิ่งเพื่อเอาของไปให้แม่ของเค้าที่รออยู่
“ทำไมช้านักล่ะลูก รถติดเหรอ”
“เปล่าครับคุณแม่ พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วฮะ”
“อ่อ โอเคๆ ยังไงแม่ต้องรีบไปแล้วนะจ๊ะ อยู่บ้านคนเดียวดูแลตัวเองด้วยนะลูก แม่โอนเงินเข้าบัญชีลูกแล้วสองเดือน สองล้านวอนพอมั๊ยลูก ให้ตายสิ...ทำไมอาจารย์ต้องมาสั่งงานลูกตอนปิดเทอมด้วยนะ ไม้งั้นเราจะได้ไปด้วยกัน ลูกจะได้ไปพักผ่อนด้วย”
แม่ของมินโฮบ่นเล็กน้อย เพราะมินโฮติดทำโปรเจคต์จึงทำให้ไม่สามารถไปกับเธอได้
“ฮ่าๆๆ รีบไปเถอะฮะคุณแม่ ครั้งหน้าเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ฮะ”
ชายหนุ่มพูดและดันแม่ของเค้าให้รีบไป เค้าโบกมือให้กับแม่ ส่วนผู้เป็นแม่รีบวิ่งไปที่ห้องพักผู้โดยสารอย่างเร่งรีบ มินโฮมองตามจนผู้เป็นแม่เดินลับสายตาไป
แม่ของเค้าทำธุรกิจส่วนตัวต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเค้ามากเท่าไหร่ ส่วนพ่อของเค้าก็แยกทางกับแม่ไปตั้งแต่เค้ายังเด็กและแม่เองก็ไม่คิดจะเล่าให้เค้าฟังด้วยซ้ำว่าพ่อเค้าเป็นใคร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เค้าอยากรู้เลย เค้าค่อนข้างชินกับการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเค้าอยากที่ใช้ชีวิตกับคนที่เค้ารัก เค้าอยากอยู่กับแม่มากกว่าอยู่กับเงินในในธนาคารที่แม่โอนให้ เค้าอยากทานข้าวกับแม่มากกว่ากินภายในร้านใหญ่ๆที่มองไปทางไหนก็ไม่มีคนที่เค้ารู้จัก อยากพูดคุยกับแม่ทุกวันแทนที่จะคุยกับข้อความทางโทรศัพท์ที่ฝากไว้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว สื่งที่เค้าจะทำได้ก็คือไม่ทำให้แม่เป็นห่วงก็เท่านั้น
มินโฮเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอนกุก คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ชั้นปีสาม เค้าใฝ่ฝันว่าอยากทำงานเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์จะได้มีเงินเก็บเยอะๆ แม่ของเค้าจะได้หยุดทำงานและมีเวลาอยู่กับเค้ามากขึ้น
มินโฮเดินกลับมายังรถ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เค้ายิ้มออกมา เค้ารู้สึกขำกับหญิงสาวที่มากรี๊ดๆและพูดภาษาเกาหลีเหน่อๆใส่เขา เค้าเปิดประตูรถพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าตังใบสีน้ำตาลที่ตกอยู่เบาะหลังรถ เค้าเอื้อมไปหยิบมัน ทันทีที่เปิดเค้าก็เจอกับพาสปอร์ตและเงินจำนวนหนึ่ง เค้าเปิดดูพาสปอร์ตและก็พบว่าเจ้าของกระเป๋าใบนี้คือหญิงสาวที่มากรี๊ดๆใส่เค้านั่นเอง ดูเหมือนเธอจะทำหล่นตอนที่ถูกชายชุดดำพาตัวไป ชายหนุ่มคิดและต้องกุมขมับ
“จองซูจอง ฉันจะหาตัวเธอได้ที่ไหนล่ะเนี่ย บ้าจริง”
มินโฮปิดพาสปอร์ตและเก็บมันลงในกระเป๋าเธออย่างเซ็งๆ ท่าทางเค้าคงต้องออกตามหาเจ้าของใบหน้าที่แสนจะน่ารักอย่างจองซูจองซะแล้วล่ะ...
สนุกมั๊ยคะเพื่อนๆ ไรเตอร์แต่งไปเขินไป คู่นี้จะเป็นอีกคู่ที่สร้างสีสันให้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน วันนี้ทำวอลเปเปอร์มาไม่รู้จะถูกใจกันรึเปล่า แต่ก็อยากเอามาให้ดูกัน ว่าแล้วก็ไปแต่งต่อเลยดีกว่า แล้วพบกันตอนหน้านะคะ^^
ความคิดเห็น