คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 Intro
บริษัท SM Production
ตึ่ก ตึ่ก ตึ่ก ตึ่ก
เสียงรองเท้าส้นสูงคู่สีแดงที่ถูกสวมใส่โดยประธานผู้บริหารสาวพราวเสน่ห์คนใหม่ของ SM Production ทำให้ผู้คนที่อยู่ในบริษัทต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว บ้างก็ชื่นชมในความสง่าของเจ้านายคนใหม่ บ้างก็นินทาถึงความที่เธออายุน้อย ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานผู้บริหารเลยซักนิด แต่คนอย่าง “จองซูยอน” ก็ไม่ได่สนใจ เธอยังคงเดินอย่างมั่นใจเพื่อเข้าสู่ห้องทำงานของเธอ
“วันนี้มีประชุมโปรเจคต์กี่โมงเหรอ...”
น้ำเสียงที่เย็นชาของเธอทำให้เลขาสาวอย่าง ควอนยูริ ถึงกับสะดุ้งจนทำให้แฟ้มงานทั้งหมดตกลงไปที่พื้น
“เออ ขอโทษค่ะท่านประธาน...วันนี้มีประชุมตอนสิบโมงค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงคาดว่าหัวหน้าฝ่ายต่างๆคงพร้อมที่ห้องประชุมค่ะ”
ยูริรีบก้มลงเก็บแฟ้มงานที่กระจัดกระจายลงบนพื้นอย่างเร่งรีบก่อนที่จะนำไปวางบนโต๊ะของท่านประธานอย่างเบามือ
“ตอนนี้เพิ่งจะ 9.15 ถ้าได้เวลาแล้วยังไงโทรมาบอกฉันด้วยนะ ตอนนี้ออกไปได้แล้ว หลังจากเลิกประชุมช่วยหาลาเต้เย็นๆให้ฉันซักแก้ว แล้วก็ขอแซนด์วิชแฮมชีส ขนมปังขอเป็นโฮลวีตนะ”
ท่านประธานสาวสั่งกับเลขาด้วยมาดที่นิ่งราวกับเจ้าหญิงน้ำแข็ง เสียงพูดอันเย็นชาและสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรทำให้เลขาสาวต้องรีบแจ้นออกมาหน้าห้องทันทีทันใด โดยที่คนในห้องนั้นลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฟู่ว...ให้ตายสิฉันจะบ้าตาย ทำไมต้องมาวางมาดอะไรแบบนี้ด้วยนะ”
เธอบ่นออกมาก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือกดเบอร์โทรที่คุ้นเคย....
(Im yoona Part)
RrrRrr
“ฮัลโหล พี่ซูยอน”
“ยุนอาอ่า เธออยู่ไหนน่ะ รู้มั๊ยพี่จะบ้าตายอยู่แล้ว ทำไมป๊าต้องมาให้พี่ทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ…บลาๆๆๆ”
เสียงพี่ใหญ่บ่นออกมาทำให้ฉันตกใจอยู่ไม่น้อย ก็แน่ล่ะสิเพิ่งเข้าทำงาน ไม่เคยผ่านการฝึกงานมาก่อน แต่มาวันแรกได้เป็นประธานผู้บริหาร พี่สาวฉันสุดยอดเลยใช่มั๊ยล่ะ 555
“555 ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ใจเย็นนะคะออนนี่ ฉันเชื่อว่าที่คุณลุงให้พี่มานั่งตำแหน่งผู้บริหารเนี่ยต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน วางมาดไว้นะคะพี่ให้ทุกคนเกรงใจ ส่วนเรื่องการทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในฝีมืออ่ะไว้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่สะดวกคุยเอาไว้คุยกันตอนประชุมวันนี้นะคะ อย่าลืมที่ฉันบอกนะคะ ในบริษัทเราจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเราเป็นอะไรกัน แล้วฉันจะทำให้คนทั้งบริษัทวางใจในฝีมือของออนนี่ให้ได้ เชื่อฝีมืออิมยุนอาสิคะ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่กับ story board เอ็มวีใหม่ของ Super Junior ไว้คุยกันนะคะ บ๊ายบายยยย”
“เดี๋ยวสิ ยุนอา....”
ฉันกดตัดสายของพี่ใหญ่ไป ขอโทษจริงๆนะคะ ก็ตอนนี้ฉันยุ่งจริงๆนี่นา ทำไงได้ล่ะครีเอทีฟสาวรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างอิมยุนอา งานก็เยอะเป็นธรรมดา โอ๊ะ คุยเพลินจนลืมแนะนำตัวเลยค่ะ ฉันชื่ออิมยุนอาค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นครีเอทีฟให้กับบริษัท SM Production ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SM Ent. อีกที บริษัทนี้เป็นของคุณลุงฉันเอง หลังจากพ่อแม่ของฉันเสียชีวิตก็ได้คุณลุงนี่แหล่ะค่ะที่คอยอุปการะฉันมาตลอด และยิ่งได้พี่สาวอย่างพี่ซูยอนที่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่อย่างใด แต่เราก็รักกันยิ่งกว่าพี่น้องจริงๆเสียอีก นอกจากนี้ฉันยังมีน้องสาวด้วยนะคะ เธอชื่อ ซูจอง 55 เรียนอยู่ที่อเมริกา น้องสาวของพี่ซูยอนแหล่ะค่ะ เรามีกัน 3 คนพี่น้องถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกับพวกเธอก็ตาม แต่คุณลุงก็รักและเลี้ยงดูฉันอย่างดี ท่านส่งให้ฉันเรียนจนจบ แถมยังจะให้ฉันมาดูแลบริษัทอีกแต่ฉันยังอยากทำงานในสายที่ฉันเรียนมาฉันก็เลยขอเข้ามาเป็นครีเอทีฟในบริษัทแทน ทุกคนคงจะงงว่าทั้งๆที่ฉันมีโอกาส ทำไมฉันถึงไม่รับไว้ ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ ก็ตำแหน่งนี้มันควรจะเป็นของพี่ซูยอนน่ะสิ และตอนนี้มันก็เป็นของเธอเรียบร้อยแล้วด้วย พี่ซูยอนของฉันน่ารักและนิสัยดีมากๆ เธอค่อนข้างขี้อายน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยแสดงออก คนส่วนใหญ่จึงมองว่าเธอหยิ่งและเข้าถึงยาก แต่ถ้ารู้จักกับเธอจริงๆ เธอคือนางฟ้าดีๆนี่เองค่ะ
โอ๊ย ตายแล้ว นี่ฉันโม้อะไรนักหนาเนี่ย มัวแต่โม้จนลืมเวลา เดี๋ยวฉันต้องเข้าไปบริษัทแล้วล่ะค่ะ วันนี้รู้สึกสังหรณ์อะไรบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก คาดว่าน่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง เอาเถอะ ยังไงเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะคะ ^^ สู้ตาย อิมยุนอา
(Ending Im yoona part)
SM Production 10:00 ห้องประชุม
“ตอนนี้ทางเรากำลังฝึกเด็กกลุ่มหนึ่งอยู่ เชื่อเลยว่าถ้าได้เปิดตัวแล้วไม่มีบอยแบนด์หน้าไหนจะสามารถมาเทียบรัศมีของเด็กกลุ่มนี้ได้แน่นอน พวกเราทุ่มเทการฝึกให้เด็กกลุ่มนี้มากว่า 5 ปีและที่สำคัญแต่ละคนมีพรสวรรค์ที่สุดยอดมากๆ หน้าตาไม่เป็นรองใครและเพลงที่ทางโปรดิวเซอร์ได้เตรียมไว้เราก็ได้มีการฝึกกับเด็กกลุ่มนี้เรียบร้อยและผลออกมาเป็นที่น่าพอใจมากๆ คาดว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งตัวมิวสิควิดิโอและแผนการโปรโมท ปลายปีนี้ก็น่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ค่ะ…”
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของคิมแทยอน หัวหน้าเทรนเนอร์ของ SM Ent. กำลังพรีเซนต์ถึงผลงานการฝึกว่าที่ศิลปินกลุ่มใหม่ของเธอให้กับคนในห้องประชุมฟัง ซูยอนตั้งใจฟังเธอนำเสนอเพราะนี่คือโปรเจคต์แรกที่เธอต้องแสดงฝีมือให้คนในบริษัทเห็น ในขณะที่กำลังตั้งใจฟังและเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเธอกำลังเกร็ง เธอจึงจำเป็นต้องตีหน้าขรึมและหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นหยิบแก้วน้ำมาดื่ม เปิดดูเอกสารที่แต่ละฝ่ายมานำเสนอ จดบันทึกข้อมูลต่างๆทั้งๆที่หน้าที่นี้ก็มียูริเป็นคนทำอยู่แล้ว ก็ทำไงได้ล่ะ ในห้องนี้ดันมีผู้ชายอยู่คนนึงมองเธอตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในห้องประชุมแถมยังมองไม่เลิก ไม่เขินไม่เกร็งก็บ้าแล้ว - -
“อืม...เท่าที่ฉันดูคุณแทยอนนำเสนอมา...โปรเจคต์นี้ถือว่าใช้ได้ เอ่อ...ก็คงเหลือแต่การเปิดตัวและการดูแลว่าที่ศิลปินก่อนจะเดบิวท์และนี่คือสิ่งที่เราทุกคน...เอ่อ...จะต้องช่วยกัน ยังไงก็ตอบขอบคุณคุณแทยอนมากนะคะ....ที่ช่วยเล่าถึงเด็กกลุ่มใหม่ให้พวกเราฟัง...อืม..ยังไงถ้าหากมีอะไรสงสัยฉันจะให้ทาง SM Production ติดต่อไปอีกทีนะคะ ยังไงรบกวนคุณยูริส่งคุณแทยอนด้วยนะคะ”
หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบแต่ก็ยังติดๆขัดๆราวกับท่องบทละคร ก่อนที่ยูริจะเดินไปส่งแทยอนหน้าห้องประชุม ซูยอนรู้สึกประหม่ามากที่ต้องมาตีหน้าขรึมตลอดเวลา ทั้งที่ความจริงเธอแทบจะมุดลงใต้โต๊ะเพราะความเขิน ตอนนี้ในห้องประชุมบรรยากาศอึมครึมมาก ทั้งท่านประธานคนใหม่ที่กำลังเกร็งแต่ต้องเก็ก อีกทั้งหัวหน้าฝ่ายต่างๆที่ต่างเกร็งไม่แพ้ซูยอน ด้วยความกลัวในมาดนิ่งของซูยอน ทำให้ไม่มีใครกล้าปริปากพูดซักคนแต่มีผู้ชายอยู่หนึ่งคนที่ทำลายบรรยากาศนั้นด้วยการลองภูมิท่านประธานสาวคนใหม่
“แล้วตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำคืออะไรเหรอครับ แล้วหลังจากที่ท่านประธานได้ฟังคุณแทยอนแล้วมีความเห็นยังไงบ้างครับ”
ชายหนุ่มคนนั้นที่ดูแล้วอายุอานามก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับซูยอน พูดขึ้นมา ซูยอนมองหน้าเขาก่อนที่จะหลบสายตาลง ไม่หลบไม่ไหวแล้ว จ้องกันซะขนาดนั้น เธอรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกกับผู้ชายคนนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการวาดรูปลงในกระดาษและพูดขึ้นมาอย่างเกร็งๆ
“เอ่อ...ก็อย่างที่ฉันพูดไปตั้งแต่แรกน่ะค่ะ ว่าถ้าโปรเจคต์นี้ประสบ...ความสำเร็จ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการที่เราลงทุนไป นี่อาจจะเป็นงานแรกของฉัน..เอิ่ม..ที่ต้องทำงานร่วมกับทุกคน ฉันเชื่อว่าพลังทีมนั้นค่อนข้างสำคัญและ...ฉัน..เอง..ก็..มั่นใจเป็นอย่างมากว่า...เราทุกคนจะสามารถ..เอ่อ..สร้างโปรเจคต์นี้ให้สำเร็จได้อย่างแน่นอนค่ะ...ซึ่งตอนนี้ทางด้านของเราก็คงเหลือแต่การหาคนดูแลเด็กฝึกหัดแล้วก็สร้างให้เด็กกลุ่มนั้นเป็นที่สนใจต่อกลุ่มเป้าหมายก่อนเดบิวท์ ในส่วนนี้คนที่ต้องรับผิดชอบคือคุณเอ่อ...คริส...”
เธอแปลกใจกับชื่อที่เธอเห็นในกระดาษเล็กน้อย ก่อนที่จะมองหาเจ้าของชื่อ
‘ชื่อไม่เหมือนคนเกาหลี เป็นลูกครึ่งเหรอ แต่ทำไมในห้องนี้ไม่มีลูกครึ่งหรือฝรั่งเลยซักคนล่ะ’
แต่แล้วสิ่งที่ทำให้จองซูยอนถึงกับตกใจก็คือ
“ผมเองครับ”
ผู้ชายคนนั้น คนที่นั่งจ้องเธอมาตลอด เค้าคือคนที่ชื่อ ‘คริส’ เมื่อคำตอบออกมาเป็นแบบนี้ ซูยอนถึงกับอึ้ง ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน อายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่ทำไมถึงได้รับผิดชอบงานนี้ได้แถมยังจ้องเธอตลอดเวลา(แหม เค้าแค่รับผิดชอบงานแต่เธออ่ะรับผิดชอบทั้งบริษัทเลยนะซูยอน: ไรเตอร์)
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้แนะนำตัว ผมชื่อคริสเป็นคนดูแลกลุ่มเด็กที่กำลังจะเดบิวท์กลุ่มนี้ ยังไงก็ตามหวังว่าท่านประธานคนใหม่จะเมตตาผมและทีมงานทุกคนนะครับ ในส่วนของหน้าที่ผมคือดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในระหว่างการฝึกหัด แต่สิ่งที่วันนี้ผมจะต้องมาเสนอในที่ประชุมคือระหว่างการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวเดบิวท์ ควรจะมีตัวแทนจากฝ่ายครีเอทีฟเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลเด็กกลุ่มนี้ ไม่ทราบว่าทุกคนมีความเห็นยังไงบ้างครับ”
เขาพูดและปรายตามาทางซูยอน หวังจะให้เธอแสดงความเห็นเป็นคนแรก
“ผมคิดว่า หน้าที่การดูแลควรจะให้เทรนเนอร์เป็นคนดูแล ส่วนครีเอทีฟก็ควรจะมาดูแลในเรื่องของการเตรียมสร้างทีเซอร์หรือรูปแบบการเปิดตัวที่เหมาะสมกับว่าที่ศิลปินมากกว่านะครับ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินกลุ่มไหน ทางฝ่ายผลิตต่างใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น เราไม่ควรทำอะไรที่มันแตกต่างจากเดิมผมเข้าใจว่าคุณกำลังไฟแรงจากการเข้ามารับการดูแลเด็กฝึกหัดกลุ่มนี้แต่การที่เราทำอะไรแตกต่างไปจากเดิมมันอาจจะไม่เป็นผลดีต่อตัวศิลปินและบริษัทนะครับ ทุกคนเห็นด้วยใช่มั๊ยครับ”
หนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมค้านและหลายๆเสียงที่จะค้านก็กำลังจะตามมา ภายในห้องต่างถกเถียงกันถึงประเด็นนี้ ที่หลายๆคนไม่พอใจข้อเสนอของคริสอาจเป็นเพราะว่าเค้ายังอายุน้อยแต่สามารถรับผิดชอบโปรเจคต์ที่จะเปลี่ยนแปลงหน้าตาวงการบอยแบนด์ของเกาหลีจนทำให้เกิดความหมั่นไส้ปนอิจฉาเล็กๆน้อย ทางด้านซูยอนก็กำลังใช้ความคิดในสิ่งที่คริสเสนอและเธอก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ทั้งๆที่ตอนแรกเธอจะขอค้านความคิดที่คนๆนี้เสนอมา โทษฐานที่ทำให้เธอประหม่า แต่ความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะลักษณะการพูดจาของคริสที่ดูมีเสน่ห์และความมั่นใจในการนำเสนอความเห็นบวกกับสายตาที่ใครได้มองเป็นต้องละลายและรอยยิ้มที่พิฆาตใจนั้น ทำให้ความรู้สึกไม่ถูกชะตากลับกลายเป็นสนใจขึ้นมาทันที....
“แล้วท่านประธานล่ะครับ คิดยังไงบ้าง”
คริสหันมาถามซูยอนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ เธอนั่งมองใบหน้าของชายหนุ่มจนยูริถึงกับต้องสะกิด
“ท่านประธานคะ..ท่านประธานคะ!!”
‘เพล้ง’
ยูริสะกิดซูยอนให้ตื่นจากภวังค์ จนทำให้มือของเธอปัดไปโดนแก้วน้ำตกแตก ยูริรีบก้มลงเก็บเศษแก้วที่เจ้านายเธอเพิ่งสร้างสรรค์ผลงานไว้เมื่อซักครู่นี้
“ฮะ เอ่อ..คือ ขอโทษทีค่ะ ฉันตั้งใจฟังมากไปหน่อย อุ๊ย ตายแล้ว! ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ ดูสิแก้วแตกหมดเลย อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้นะคุณยูริ เดี๋ยวจะโดนเศษแก้วบาดเอา”
ด้วยความตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ซูยอนลืมวางมาดไปซะหมด เธอค่อยๆเผยมุมที่ทุกคนในห้องต่างต้องแปลกใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งคริส
“เออ..คือ อ่ะแฮ่ม...เดี๋ยวช่วยเรียกแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดด้วยนะ ยังไงเรามาประชุมกันต่อเถอะค่ะ”
เมื่อซูยอนรู้ตัวว่าตัวเองลืมวางมาดขรึม เธอก็รีบจูนตัวเองกลับมาอยู่ในโหมดเย็นชาทันที ดูเหมือนทุกคนในห้องจะไม่สงสัย เธอคิดอย่างนั้น แต่หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนกำลังอมยิ้มในการเก๊กโหดของเธออยู่
“ในความคิดที่คุณคริสเสนอมานั้น ฉันค่อนข้างเห็นด้วยค่ะ...”
คำตอบของเธอทำให้ทุกคนในห้องหันมามองเธอ ผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนรู้สึกไม่พอใจเพราะตัวเธอเองก็ยังเด็ก คงไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมากพอแต่ทำไมเธอถึงได้ค้านความเห็นส่วนใหญ่
“ฉันเข้าใจทุกคนนะคะเรื่องของการทำงาน แต่ว่าสิ่งที่คุณคริสพูดมาฉันอยากจะขอเสริมให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า การที่เราจะนำเสนอตัวตนและสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวศิลปินนั้น ส่วนหนึ่งต้องเกิดจากนิสัยของเด็กกลุ่มนั้นซึ่งถ้าจะทำให้ออกมาได้เป็นตัวตนของเขาจริงๆ เราก็ควรมีการเข้าไปคลุกคลีและดึงเอาจุดเด่นของแต่ละคนออกมาเพื่อสร้างเป็นจุดขาย ซึ่งส่วนนี้ผู้ดูแลจะรู้ดีมากกว่าใคร แต่การที่เราให้ครีเอทีฟเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแล ฉันคิดว่ามันจะทำให้ตัวครีเอทีฟสามารถเข้าถึงตัวศิลปินและคิดรูปแบบการนำเสนอจุดเด่นของเด็กกลุ่มนั้นได้ดีมากกว่าที่จะรอติดต่อผ่านทางผู้ดูแลว่าใครเป็นยังไง ที่ฉันพูดมาเหมือนกับสิ่งที่คุณคริสต้องการจะบอกหรือเปล่าคะ”
เธอพูดและหันไปมองหน้าชายหนุ่มซึ่งตอนนี้กำลังมองเธอด้วยความรู้สึกชื่นชมในความคิดของเธอ
“ใช่ครับ...ในความคิดนี้ผมไม่ได้หมายความว่า การทำงานรูปแบบเก่าไม่ดี แต่ผมคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างเป็นการแข่งขันไปหมดและเราก็ใช้วิธีเก่ามานานแล้ว เราควรจะลองเปิดรับอะไรใหม่ๆดูนะครับ ผมคิดว่าวิธีที่ผมเสนอนั้นยังไม่มีบริษัทไหนที่ใช้วิธีนี้อย่างแน่นอน โลกมันหมุนเร็วกว่าที่เราคิด ถ้าเรายังมัวใช้วิธีการเดิมๆ เราก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมจริงมั๊ยครับ”
คำพูดของคริสทำให้หลายคนในห้องถึงกับสะอึก ในขณะที่ซูยอนก็ตกลงไปในภวังค์..อีกครั้ง…
‘ผู้ชายอะไร พูดจาน่าฟังชะมัด.....บ้าไปแล้วซูยอน เลิกคิดอะไรบ้าๆนะ’
เธอสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนที่ถามอะไรบางอย่างกับชายหนุ่ม
“แล้วคุณคริสคิดไว้รึยังคะ ว่าจะเป็นใครได้บ้างที่จะเข้ามาทำหน้าที่นี้”
“เท่าที่ผมคิดไว้ตอนนี้มีคนเดียวครับ ไม่ทราบว่าท่านประธานรู้จักคุณ อิมยุนอา รึเปล่า”
‘อิมยุนอา’ นั่นมันน้องสาวฉันนี่
“อ่อ...ค่ะ ฉันพอจะได้ยินมาว่าเธอคนนี้ค่อนข้างครีเอทในการนำเสนอตัวบุคคลและยังเป็นคนคิดวีทีอาร์เปิดตัวศิลปินในคอนเสิร์ตของบริษัทด้วย ใช่มั๊ยคะ”
“ใช่ครับ”
คริสตอบแต่ก็ไม่วายมีเสียงค้าน(อีกแล้ว)
“ไม่ได้นะครับ เด็กนั่นชอบทำอะไรพิเรนทร์ๆ ชอบคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าจะใช้วิธีการให้ครีเอทีฟไปดูแลเด็กฝึกหัด ลองหาคนอื่นดีกว่า”
‘หนอย ตาแก่นี่เป็นใครบังอาจมาว่าน้องสาวฉัน’
“แต่ผมคิดว่าทุกงานที่คุณยุนอาทำ เธอก็ทำออกมาได้ดีไม่ใช่เหรอครับ ไม่ว่าใครๆต่างก็ชื่นชมในผลงานของเธอทั้งนั้น”
“ที่คุณคริสพูดมันก็ถูก ผลงานของเธอดีมาก แต่งานนี้ไม่ใช่งานเล็กๆนะ นี่มันหมายถึงชื่อเสียงและหน้าตาของบริษัท จะมาทำเป็นเด็กขายข้าวแกงไม่ได้หรอกนา”
“พอเถอะค่ะ”
ซูยอนพูดขึ้นมาก่อนที่จะหันไปมองหน้าชายคนดังกล่าวที่เพิ่งจะว่าน้องสาวเธอไปแหม่บๆ
“คุณคิมคะ คุณเอาอะไรมาวัด ว่าเธอไม่เหมาะสมกับงานนี้เหรอคะ ถ้ายกเหตุผลที่ฟังขึ้นมาซัก 3 ข้อ ฉันจะให้คุณคริสเปลี่ยนตัวครีเอทีฟทันที”
มิสเตอร์คิม กำลังเหวอในท่าทีของประธานคนใหม่ที่เค้าเองก็ไม่ได้สนใจเธอมากเพราะคิดว่าเธอก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นที่กำลังเล่นขายข้าวแกงไม่ต่างอะไรกับคริสและยุนอา
“1.เธอเด็กเกินกว่าจะมารับโปรเจคต์นี้ 2.เธอมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป...เอ่อ ผมนึกออกเท่านี้ล่ะครับ”
ซูยอนฟังเหตุผลของมิสเตอร์คิมและตอบเขาอย่างช้าๆชัดๆ
“1.ไม่มีใครบอกว่าเด็กไม่สามารถทำงานนี้ได้ อะไรคือตัวชี้วัดว่าเธอยังเด็ก...ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่ความคิดที่เป็นอคติมากกว่า 2.เธอมีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไป..ฉันคิดว่าคนที่จะเป็นครีเอทีฟที่ดีได้นั้นจะต้องมีความคิดที่เป็นตัวของตัวเองและริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ และนี่คือสิ่งที่โปรเจคต์เราต้องการไม่ใช่เหรอคะ”
คำพูดของซูยอนทำให้มิสเตอร์คิมถึงกับเงียบไป จริงๆแล้วไม่ใช่แค่มิสเตอร์คิมหรอกแต่เป็นทุกคนในห้องมากกว่า
“งั้นก็ตามใจท่านประธานเถอะครับ ผมคงแนะนำได้แค่ว่าบางทีท่านประธานควรจะเตรียมทำหนังสือรายงานกับท่านประธานใหญ่ด้วยนะครับ เผื่อสิ่งที่ท่านประธานหวังไว้จะพังไม่เป็นท่า ฮ่าๆๆ”
มิสเตอร์คิมพูดก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไปส่งผลให้คนอื่นๆต่างลุกออกไปด้วย มีเพียงแค่คริสที่ยังนั่งอยู่อย่างนั้น ซูยอนถึงกับหน้าเสียเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ เธอเริมรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยกับโปรเจคต์แรกที่เธอต้องทำ ไหนจะเจอกับคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ งานนี้เธอคงต้องทำเพียงคนเดียวสินะ
“ท่านประธานไม่เป็นอะไรนะครับ”
คริสพูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นแววตาและสีหน้าของเธอ เขาจับความรู้สึกไม่มั่นใจของเธอได้
“ฉันโอเคค่ะ เรื่องแค่นี้สบายมาก แล้วเรื่องที่จะติดต่อให้คุณยุนอามาดูแลว่าที่ศิลปิน ฉันฝากคุณคริสประสานงานด้วยนะคะ”
ซูยอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ชายหนุ่มสังเกตท่าทางของเธอและรู้ว่าไม่ดีแน่หากฝืนประชุมต่อไปทั้งๆที่ในห้องเหลือคนเพียง 3 คน คือเขา ซูยอนและยูริ
“ผมคิดว่าวันนี้เราพอแค่นี้เถอะครับ ส่วนเรื่องโปรเจคต์นี้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะกลับไปจัดการติดต่อเอง ถ้าท่านประธานจะกรุณาให้ผมยังดำเนินงานในส่วนของผมต่อ ส่วนเรื่องอื่นเราไว้ว่ากันทีหลังเถอะครับ”
“ค่ะ ไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ฉันเห็นด้วยกับคุณคริส ยังไงถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องช่วยแจ้งมาที่เลขาควอน แล้วฉันจะช่วยอย่างสุดความสามารถของฉันค่ะ ขอบคุณที่ไม่เดินออกจากห้องไปนะคะ”
ซูยอน ส่งยิ้มก่อนจะก้มหัวให้และเดินออกจากห้องประชุม ตอนนี้สมองเธอว่างเปล่าไปหมด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังทำอะไรลงไป...หวังเพียงแค่ว่า เธอจะสามารถทำให้โปรเจคต์นี้สำเร็จได้ด้วยดี....
ความคิดเห็น