[SF EXO] Breath - Hunmin [2/2]
Sehun x Minseok
ผู้เข้าชมรวม
1,216
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Breath
Sehun x Minseok
“นายมันไม่มีหัวใจ โอเซฮุน ฉันเกลียดนาย”
จงฮยอนดึงร่างโปร่งของเซฮุนเข้ามาหาตัว เมื่อเห็นท่าทางของอีกคนเหมือนจะล้มลงเพราะประโยคเมื่อครู่
“ไหวรึเปล่า เรากลับกันได้แล้วนะ” จงฮยอนประคองร่างที่หมดเรี่ยวแรงของเซฮุนไปยังรถของเขาที่จอดหลบไว้ในซอยข้างๆ แต่ขาที่ไร้เรี่ยวแรงของเซฮุนดูเหมือนจะเดินต่อไม่ไหว สุดท้ายจงฮยอนเลยตัดสินใจแบกเซฮุนขึ้นหลังของเขาไปแทน
ร่างที่อ่อนปวกเปียกกับน้ำหนักตัวที่เบาจนเขาใจหายบนหลังทำให้จงฮยอนได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกอัดอั้นที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ แล้วเอ่ยถามคนบนหลัง
“ไหวรึเปล่า เซฮุน จะถึงรถแล้วนะ”
“..” ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงลมหายใจฟืดฟาดที่ดังอยู่ข้างหูของเขา เซฮุนซบใบหน้าลงกับไหล่ของเขา น้ำตาอุ่นๆซึมผ่านเนื้อผ้าลงมาจนเขารู้สึกได้
“ทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองนะ เชื่อพี่นะ”
แทยอนดึงผ้าม่านสีขาวเข้าหากันเพื่อกั้นแสงแดดยามบ่ายที่ส่องเข้ามาในห้อง ก่อนจะหันกลับไปมองร่างที่นอนสงบนิ่งบนเตียง เสียงเครื่องช่วยหายใจที่ดังเป็นจังหวะเบาๆเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบภายในห้อง
ก้าวเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่ง ก่อนจะยกมือลูบไปบนเส้นผมที่หยาบกระด้างนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนมันเคยอ่อนนุ่ม เพราะผลข้างเคียงจากยาที่เซฮุนต้องกินเพื่อรักษาอาการที่เป็นอยู่
แพขนตายาวกระพริบช้าๆ ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจะจ้องมองมาที่เธอ
“ฉันทำนายตื่นเหรอ” เอ่ยถามอย่างรู้สึกผิด เมื่อคิดว่าเธอเป็นสาเหตุที่รบกวนการพักผ่อนของเขา
“เปล่า” เสียงแหบๆของเซฮุนดังขึ้นเบาๆ ยกมือด้วยเรี่ยวแรงที่พอมีอยู่ของตัวเองมาปัดเครื่องช่วยหายใจที่มันเกะกะอยู่บนหน้าของเขาด้วยความรำคาญ
“อย่าดื้อสิ” แทยอนคว้าข้อมือที่บอบบางนั้นไว้ แล้วจับไปวางข้างลำตัว ด้วยสายตาดุๆ
“รำคาญ” เสียงแผ่วๆ กับใบหน้างองุ้มเป็นเด็กของเซฮุนทำให้แทยอนยิ้มออกมา “กระดาษ....” เซฮุนชี้ไปยังปลายเตียงที่มีสมุดกับดินสอวางทิ้งเอาไว้ แทยอนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินไปหยิบสมุดนั้นขึ้นมา ปรับเตียงให้เซฮุนลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะวางสมุดเอาไว้ที่หน้าตักของเซอุน แล้วช่วยประคองมือนั้นให้จับดินสอ ก่อนจะปล่อยให้เซฮุนฝึกออกกำลังแขนอยู่ตามลำพัง
หลังจากที่กลับมากับคุณหมอคิมวันนั้น สภาพร่างกายของเซฮุนก็ทรุดเอาๆ ช่วงสองสามอาทิตย์หลังจากนั้นแขนขาของเซฮุนก็เริ่มอ่อนแรง จนวันหนึ่งที่เธอเห็นเซฮุนล้มอยู่ข้างเตียง ขาของเซฮุนก็ใช้การไม่ได้แล้ว
แขนทั้งสองข้างก็ค่อยๆหมดแรงไปทีละนิด อาการจากภาวะระบบหายใจล้มเหลวเรื้อรังทำให้เซฮุนต้องทุกข์ทรมานอยู่ทุกค่ำคืน หลายครั้งที่เธอเห็นเซฮุนแอบร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว แล้วมองออกไปข้างนอกราวกับรอคอยใครสักคน
ตั้งแต่ที่เซฮุนเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแทยอนไม่เคยเห็นญาติของเซฮุนมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง ที่เธอรู้จากคุณหมอคิมก็พียงแค่ว่าพ่อกับแม่ของเซฮุนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เซฮุนยังเด็ก ทิ้งไว้เพียงมรดกก้อนโต ที่บรรดาญาติพี่น้องต่างหวังจะช่วงชิงไปจากเซฮุน แต่เซฮุนก็ยังโชคดีที่ลูกพี่ลูกน้องอย่างคุณหมอคิมเคยช่วยปกป้องและรักษาสิทธิ์ในมรดกไว้ให้เขา
เซฮุนไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวตัวเอง มีเพียงชื่อ คิมมินซอก เท่านั้นที่เธอมักได้ยินจากปากของเซฮุนบ่อยๆ พูดถึงความน่ารัก ของคนที่เซฮุนบอกว่าเหมือนกับมนุษย์หิมะ แทยอนได้แต่ยิ้มตามคำพูดนั้นทุกครั้ง แววตาเศร้าสร้อยของเซฮุนเป็นประกายทุกเสมอเมื่อพูดถึงมินซอก
เพราะเธอจินตนาการถึงรอยยิ้มของเด็กน้อยตัวเล็กที่เซฮุนเปรียบเทียบให้ฟัง เลยทำให้เธอยอมช่วยให้เซฮุนได้กลับไปมองรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง
แกร๊ก!!!!
แทยอนหันมองตามเสียง แล้วก็ต้องรีบถลาเข้าไปหาเซฮุนที่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด สวมกอดร่างที่สั่นเทาของเขาเอาไว้ “ไม่เป็นไรนะเซฮุน ไม่เป็นไรนะ”
“มะ มือ ... มือ ผม” เสียงร้องไห้ของคนในอ้อมกอดทำให้น้ำตาที่คลออยู่ที่เบ้าตาของแทยอนหยดลงจากดวงตาทั้งสองข้าง
“ไม่เป็นไรนะเซฮุน เดี๋ยวทำกายภาพบำบัดมันก็จะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม”
“ผม ไม่ อยาก ..ยัง . ไม่อยาก ตะ...ตา ย ช่วย ผมนะ”
“อย่าคิดมากสิเซอุน นายอย่าเป็นแบบนี้เลย”
จงฮยอนจับลูกบิดค้างไว้แบบนั้น เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังลอดออกมาจากในห้องคนไข้ เขาไม่เคยเห็นเซฮุนอ่อนแอแบบนี้มาก่อน
แม้จะรู้ว่าตลอดมามันก็แค่เกราะที่เซฮุนสร้างขึ้นมาว่าเขาเข้มแข็ง
เข้มแข็งพอที่จะยอมปล่อยมือจากคนที่ตัวเองรัก
ยอมปล่อยมือทั้งๆที่ยังรัก
มินซอกยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ตื่นเช้าไปทำงานแล้วก็หอบงานกลับมาทำที่บ้านจนหามรุ่งหามค่ำ แม้ชานยอลจะคอยห้ามปรามเรื่องที่เขาหักโหมทำงานหนัก แต่มินซอกก็ไม่เคยยอมฟัง งานคือสิ่งเดียวที่เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับมัน เพื่อที่จะได้ไม่มีเวลาเหลือให้เขาคิดฟุ้งซ่านกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แต่ก็ ไม่เคยจะมีสักวันที่เขาไม่คิดถึงคนๆนั้น คนที่จากไปพร้อมความทรงจำมากมายที่เหลือทิ้งไว้ให้เขาจดจำ
แม้เวลาจะไม่ช่วยให้ลืมเลือน แต่เวลาก็ช่วยรักษาใจเขาให้เข้มแข็งพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง
“พี่มินซอก มีเอกสารมาให้เซ็นครับ” แบคฮยอนเดินยิ้มตาหยีเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ ก่อนจะวางแฟ้มนั้นลงตรงหน้าคนที่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานอยู่หน้าโน้ตบุ้ค
มินซอกขยับแว่นสายตาบนใบหน้า ก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับไปยังรุ่นน้องตัวเล็ก
“กลายเป็นเด็กเดินเอกสารไปแล้วเหรอเรา”
“ทำยังไงได้ล่ะครับ ก็เขาใช้มา” พูดพลางบุ้ยโบ้ยไปทางประตูห้องทำงานของชานยอล มินซอกมองตามก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วพลิกแฟ้มเปิดอ่านเอกสารที่เขาต้องเซ็น
แบคฮยอนขยับตัวขึ้นมานั่งบนโต๊ะที่มินซอกนั่งทำงาน ขาเล็กๆในกางเกงแสลคสีดำแขว่งเล่นไปมาระหว่างที่รอมินซอก มือคู่นั้นก็อยู่ไม่สุขคว้าโน่นคว้านี่ของมินซอกขึ้นมาเล่น ก่อนจะคว้าเอามือถือที่วางหลบอยู่ในปฏิทินตั้งโต๊ะออกมา
“เปลี่ยนมือถือ เหรอครับ” มินซอกปรายตามองแบคฮยอนที่พลิกมือถือในมือไปมาก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารต่อ
“เปล่า เก็บได้มาน่ะ”
“มันเปิดไม่ติดนี่” ทำปากยู่ เมื่อเขาพยายามลองเปิดเครื่องแต่กลับไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง “โอ๊ะ!”
มินซอกไม่ได้ใส่ใจกับเสียงร้องของแบคฮยอนไปกว่าเนื้อหาของเอกสารตรงหน้า จนรู้สึกถึงเงาของใครสักคนที่ทาบทับลงมาเหนือกระดาษที่เขาตั้งใจอ่านอยู่ จนต้องเงยหน้าขึ้นไป เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของชานยอลที่มองตรงมา เขาก็ต้องขมวดคิ้ว แล้วก็ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกเมื่อชานยอลเอาแต่เม้มปากแน่น ไม่ใช่เพียงแค่เขาที่สงสัยในอากัปกิริยานั้น แต่แบคฮยอนก็เอาแต่มองไปที่ชานยอลเพราะท่าทางแปลกๆนั้น
“มินซอก”มินซอกเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อชานยอลเอาแต่จ้องหน้าเขาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ทำใจดีๆไว้นะมินซอก”
"มินซอก กลับมา" ชานยอลตะโกนเรียกชื่อเพื่อนตัวเล็กของเขาที่เปิดประตูลงจากรถไปทั้งๆที่รถยังจอดติดไฟแดงอยู่กลางถนน
เสียงบีบแตร เสียงล้อรถบดกับถนน ตามมาด้วยเสียงสบถด่าเมื่อมินซอกวิ่งตัดหน้ารถข้ามไปที่อีกฝั่งของถนนเหมือนคนไร้สติดังขึ้น
ขาทั้งสองพาร่างเล็กวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาล เขาแทบจะไม่สนใจว่าจะชนใครบ้าง เสียงกล่นด่าที่ดังตามมาแทบจะไม่ได้เข้าหูของเขาเลยด้วยซ้ำเมื่อในหัวของเขามีแต่เสียงของชานยอลดังซ้ำไปซ้ำมา
ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าเซฮุนมีไข้สูง ต้องแอดมิทเข้าห้องไอซียูด่วน
เขาไม่รู้ว่าทำไมแค่มีไข้ เซฮุนถึงต้องแอดมิทเข้าห้องไอซียู
แล้วทำไมชานยอลต้องทำหน้าเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายอย่างนั้น
มินซอกรู้แค่ตอนนี้เขารู้สึกใจคอไม่ดีเอาซะเลย
มันเจ็บในอกเหมือนเขากำลังจะสูญเสียเซฮุนไป
ขาที่วิ่งด้วยความเร็วค่อยๆผ่อนแรงลงจนกลายเป็นก้าวเดินช้าๆทีละก้าวเมื่อเห็นป้ายห้องไอซียู ปรากฏต่อสายตา มือเล็กยกขึ้นมากุมที่หน้าอกตัวเองไว้ เมื่อรู้สึกถึงอาการปวดหนึบที่หัวใจ
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศจนทำให้เขาอึกอัด เมื่อก้าวเข้ามาใกล้บานประตูบานใหญ่ มินซอกได้แต่ยกมือขึ้นแตะช่องกระจกบานเล็ก
“ความดันก๊าซออกซิเจนในเลือดของคนไข้เหลือ 50 มิลลิเมตรปรอทค่ะ” จงฮยอนหันมองตัวเลขจากเครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วของเซฮุน ค่าที่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชวนให้เขาใจหาย ได้แต่มองเซฮุนที่มีอาการหอบหายใจลำบากอย่างทรมาน ดวงตาคู่นั้นของเซอุนช่างดูอ่อนแรงเหลือเกินในความรู้สึกของเขา
“ผมจะเจาะหลอดลมคอ ทำ bypass ออกซิเจน เตรียมเครื่องมือด้วย” จงฮยอนหันกลับไปสั่งแทยอนที่พยักหน้ารับช้าๆก่อนที่อีกฝ่ายจะผละไปเตรียมเครื่องมือสำหรับการทำ bypass ที่เขาสั่ง
“ไม่เป็นไรนะเซฮุน มันไม่เจ็บหรอก” พูดพลางลูบไปบนเส้นผมสีน้ำตาลเข้มช้าๆ เซฮุนกลอกตาไปมาช้าๆ ดวงตาทั้งคู่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ก่อนที่เขาจะหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อคลอค่อยๆไหลลงจากหางตาทั้งสองข้าง จงฮยอนมองอากัปกิริยานั้นของเซฮุนด้วยใจที่ปวดร้าว
“สัญญากับผมนะ ถ้าถึงเวลานั้นของผม พี่จะไม่ยื้อผมไว้”
คำสัญญาที่เขาเคยรับปากกับเซฮุนผุดขึ้นมาในสมอง ทำเอาเขารู้สึกชาไปทั้งตัว
“พี่เคยรับปากนายไปแล้ว เซฮุน พี่รับปากนายไปแล้ว” จงฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อเซฮุนกระพริบตารับ ร่างที่เคยเกร็งจากอาการหายใจลำบากของเซอุนก็ดูสงบลง
เซฮุนค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ เขาอยากจะพักเต็มทีแล้ว เวลายาวนานที่เขาต้องต่อสู้กับร่างกายตัวเอง ถึงเวลานี้มันสิ้นสุดลงแล้วการเดินทางที่ยาวนาน
ฉันขอโทษนะ มินซอก ที่ดูแลนายไม่ได้
เสียงเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจดังยาวต่อเนื่องเป็นสัญญาณว่าอีกหนึ่งชีวิตได้จากไปแล้ว
จงฮยอนก้มลงจูบกระหม่อมของคนที่มีศักดิ์เป็นน้องชายทั้งน้ำตา ก่อนจะหันหลังเดินจากมาช้าๆ
“คุณหมอคิมคะ คุณหมอ”
เขาได้แต่เงยหน้ามองเพดาน เพื่อกั้นไม่ให้น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล เอื้อมมือไปสัมผัสบานประตูเย็นๆตรงหน้าก่อนจะผลักมันออกไป แสงสว่างภายนอกทำให้เขาต้องหรี่ตาลงช้าๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงที่พุ่งเข้ามาปะทะ
เสื้อกาวน์ที่เขาสวมอยู่ถูกขยุ้มด้วยสองมือเล็กๆ จงฮยอนมองใบหน้ากลมๆที่ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาของมินซอกช้าๆก่อนจะมองเลยไปที่ด้านหลัง ถ้าเขาจำไม่ผิดเด็กตัวสูงที่เดินตามมาจับแขนมินซอกให้ปล่อยมือจากเสื้อของเขาน่าจะเป็นชานยอล
“พี่จงฮยอน เซฮุนล่ะครับ เซฮุนเป็นอะไรทำไมต้องเข้าห้องไอซียู มันเกิดอะไรขึ้น ฮึก มันเกิดอะไร....”
“มินซอก อย่าทำแบบนี้สิ” ชานยอลคว้ามือเล็กๆของมินซอกเอาไว้เมื่อมือคู่นั้นเปลี่ยนไปรั้งเสื้อกาวน์ของจงฮยอน
“พี่พูดอะไรบ้างสิครับ เซฮุนเป็นยังไงบ้าง” มินซอกออกแรงกระชากเสื้อในมือ แล้วเงยหน้าสบตากับจงฮยอนที่มองตอบกลับมา แม้ดวงตาของเขาจะพล่ามัวเพราะมันเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เขาก็มองเห็นหยดน้ำตาที่ไหลรินจากใบหน้าของคุณหมอตรงหน้า
จงฮยอนหลับตาแน่น ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ แทบจะในทันทีที่มินซอกปล่อยมือจากเสื้อของเขาก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะเซไปปะทะกับอกของชานยอล ขณะที่เหม่อมองบานประตูสีขาวหน้า
“ไม่จริง ไม่จริง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” มินซอกตะโกนเสียงดัง ก่อนจะสะบัดแขนออกจากมือของชานยอล และไม่ทันที่ชานยอลจะได้คว้าตัวเขาไว้ มินซอกก็วิ่งเข้าไปในห้องไอซียู เสียงพยาบาลที่อยู่ภายในห้องร้องห้ามเสียงดัง จงฮยอนรีบหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับชานยอลที่เดินตามมาติดๆกัน
ภาพที่เห็นทำเอาจงฮยอนต้องเบือนหน้าหนี มินซอกที่เกาะขอบเตียงร้องไห้ปานจะขาดใจซบหน้าลงกับอกของเซฮุน
“เซฮุน ไม่นะเซฮุน อย่าจากฉันไปนะ เซฮุนอย่าไปนะ” มือเล็กเอื้อมคว้าไปในอากาศราวกับจะไขว่คว้าอะไรสักอย่าง จนเมื่อฝ่ามือแกร่งของใครบางคนเอื้อมมาจับมือคู่นั้นเอาไว้ เรียกสติของคนที่กำลังหลับฝันให้สะดุ้งตื่น
มินซอกมองใบหน้าของคนตรงหน้าราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง แล้วไล่มองดูมือที่ถูกเกาะกุมเอาไว้ สัมผัสอบอุ่นที่ปลายนิ้ว กับแรงบีบเบาๆที่เขารู้สึกได้ทำให้น้ำตาขึ้นมาเอ่อคลอที่ดวงตาทั้งสองข้าง
"เซฮุน" มินซอกผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะโผลเข้ากอดเจ้าของชื่อไว้แน่น ซบใบหน้าลงกับไหล่กว้างเพื่อหาที่พักพิง ปล่อยให้น้ำตาอุ่นๆไหลรินจากดวงตาทั้งสอง
เซฮุนยิ้มรับกับแรงสะอื้นน้อยๆของคนในอ้อมกอด ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวทุยๆนั้นเพื่อปลอบโยน
"ฝันร้ายเหรอ?" เอ่ยถามด้วยเสียงนุ่ม ขณะที่ค่อยๆดันตัวอีกคนให้ออกห่างเพื่อจะได้มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นช้าๆ ค่อยๆไล้ปลายนิ้วไปตามรอยน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าเนียน แต่ยิ่งเช็ดก็ดูเหมือนมันจะยิ่งไหลมากขึ้น
"นายอย่าไปจากฉันนะเซฮุน อย่าทิ้งฉันไป ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนายนะเซฮุน" มือเล็กเอื้อมคว้าข้อมือของคนที่กำลังเช็ดน้ำตาให้กับเขาไว้มั่นราวกับกลัวคนตรงหน้าจะหายไปจากเขา
"ฉันจะทิ้งนายไปไหนล่ะมินซอก ในเมื่อฉันก็อยู่ตรงนี้" เซฮุนยิ้มบางๆให้คนที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง
"ฉันกลัวเซฮุน มะ มันน่ากลัวจริงๆนะ ฮืออออ ฉันไม่อยากเสียนายไป"
"มันก็แค่ฝันน่ะมินซอก ไม่มีอะไรแล้วนะ"
"เซฮุน ฉันกลัวจริงๆนะ ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่มันเหมือนจริงจนฉันกลัว"
มินซอกซบหน้าลงกับอกของเซฮุนอีกครั้งปล่อยให้น้ำตาไหลรินช้าๆ
"นายร้องไห้เพราะฉันอีกแล้ว ฉันขอโทษนะมินซอก ขอโทษที่ฉันมันไม่ดีเอง อย่าร้องไห้เพราะฉันอีกเลย มินซอก"
มินซอกเงยหน้ามองใบหน้าของอีกคน ใบหน้าที่แสนเศร้าของเซฮุนทำให้เขาต้องกระชับมือที่กอดร่างโปร่งเอาไว้แน่น แต่กลับกอดได้เพียงอากาศเมื่อภาพของเซฮุนตรงหน้าค่อยๆพล่าเลือนไป
"เซฮุน" มินซอกร้องเรียกพร้อมกับไขว่คว้าหาร่างที่ค่อยๆหายไปจากตรงหน้า
ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อของเซฮุนอยู่อย่างนั้นเหมือนกับคนไร้สติ
"เซฮุน"
“มินซอก” คนที่นั่งสัปหงกสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องผู้ป่วยพิเศษ เมื่อได้สติร่างสูงก็ถลาไปยังเตียงคนไข้ที่ร่างเล็กของอีกคนนอนกระสับกระส่ายไปมา คว้ามือที่เอื้อมออกไปในอากาศมาไว้ในอุ้งมือก่อนจะเขย่าตัวปลุกอีกคนในตื่นจากฝัน
“มินซอก มินซอก”
แพขนตาที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตากระพริบช้าๆก่อนจะลืมขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีดำสนิทที่มีน้ำตาเอ่อคลอ
“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้” มินซอกเอ่ยถามเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆห้องก่อนจะก้มมองหลังมือของตัวเองที่มีสายน้ำเกลือต่ออยู่
“นายเป็นลมไป หมอเลยให้นาย...”
“เซฮุนล่ะชานยอล เซฮุนอยู่ไหน เค้าไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม เซฮุนอยู่ไหน ชานยอล”
แทนคำตอบ สมุดสีดำเล่มหนาถูกยื่นมาตรงหน้าของเขา มินซอกได้แต่มองมันอย่างไม่เข้าใจ “คุณหมอบอกว่า เซฮุนเริ่มเขียนมันตั้งแต่ที่เขาเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาล บางทีนายอาจจะอยากเก็บไว้”
ช่อดอกกุหลาบสีขาวถูกบรรจงวางลงบนเนินหญ้าสีเขียวขจีที่ถูกจัดแต่งไว้เป็นอย่างดี ป้ายหลุมศพสีขาวบริสุทธ์สลักตัวอักษรเป็นชื่อของเจ้าของร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ใต้พื้นดินตรงนั้น
มินซอกเผยรอยยิ้มบางๆเมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสตัวอักษรสีทองนั้น ทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
“หลับให้สบายนะเซฮุน”
แรงแตะเบาๆที่ไหล่ทำให้มินซอกต้องรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่นเป็นเส้นตรงเมื่อหันไปสบตาคนที่ยืนคอยเขาอยู่
“ฉันขอเวลาอีกสิบนาทีนะชานยอล” มินซอกเอ่ยบอก ก่อนจะยื่นมืออกไปรับสมุดไดอารี่สีดำจากมือของชานยอล สัมผัสเย็นๆจากปกหนังที่ห่อหุ้มเอาไว้ มันเย็นไปจนถึงขั้วหัวใจของเขา มินซอกกำสมุดในมือไว้แน่น เมื่อรู้สึกว่ามือตัวเองเริ่มสั่น
“ฉันรอที่รถนะ” มินซอกยืนมองชานยอลที่เดินกลับออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ ก่อนที่ตัวเองจะหันหลังเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพ ทิ้งตัวลงนั่นใต้โคนต้นไม้ที่แผ่กิ่งใบให้ร่มเงา ก่อนจะวางไดอารี่ที่เขาได้รับมาจากจงฮยอนในวันนั้นลงบนตัก
ปลายนิ้วลากผ่านปกหนังสีดำช้าๆ จู่ๆดวงตาของเขาก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตาทั้งคู่ มินซอกเงยหน้าขึ้นเพื่อกันไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“คุณหมอบอกว่า เซฮุนเริ่มเขียนมันตั้งแต่ที่เขาเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาล บางทีนายอาจจะอยากเก็บไว้”
มินซอกค่อยๆเปิดสมุดไดอารี่ออกช้าๆ ลายมือที่คุ้นตาของเซฮุนปรากฏขึ้นในหน้าแรก
“แด่ชีวิตที่เหลืออยู่”
“ฉันคิดถึงนายเหลือเกินมินซอก ฉันอยากอยู่กับนายมากที่สุดในตอนนี้ แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันยอมให้นายเสียใจในวันนี้ ดีกว่าต้องมาเสียใจไปตลอดเพราะฉัน
หวังว่าสักวัน นายจะรักใครสักคนที่ดีพร้อมสำหรับนาย คนที่จะสามารถเช็ดน้ำตาให้กับนาย กอดนายเพื่อปลอบโยนเวลาที่นายท้อแท้
ในตอนนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้แม้แต่การหายใจ มันยังยากเกินไปสำหรับฉัน ฉันเลยต้องปล่อยมือ ลืมฉันไปเถอะนะมินซอก นายจะต้องเข้มแข็งและมีวันที่สดใสกับใครสักคนที่ดูแลนายได้”
มินซอกกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ป้ายหลุมศพสีขาวปรากฏอยู่ในมุมมองสายตา เขามองมันด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ก่อนจะพลิกอ่านลายมือที่ขีดเขียนอยู่บนกระดาษในหน้าถัดไป
“เมื่อก่อนเวลาแต่ละวินาทีมันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน
แต่ตอนนี้
ในเวลาที่ผมเหลือเวลาอีกแค่ 10 เดือน
มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
เวลา
ได้โปรดหยุดอยู่ตรงนี้ได้ไหม”
“คุณลุงที่เคยเจอกันในสวน จากไปแล้ว ตอนที่พ่อกับแม่จากผมไป
ผมเสียใจมากและร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร
แต่ในตอนนี้ ผมโตแล้ว เลยได้แต่แอบร้องไห้อยู่คนเดียว
ผมไม่อยากให้ใครเห็นผมอ่อนแอ
รอผมนะครับ พ่อ แม่ ”
“วันนี้ขาเริ่มไม่มีแรงแล้ว เดินไปได้สองสามก้าวก็รู้สึกว่ามันจะยืนไม่อยู่
หลายครั้งที่จู่ๆขาก็หมดแรงไปซะเฉยๆ จนล้มลง แม้จะล้มแรงแค่ไหนแต่มันก็แค่ชา
ผมลุกขึ้นด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง
ทุกวันที่ยังลืมตาตื่นขึ้นมา ผมต้องคอยทุบคอยหยิกมัน เพื่อให้รู้ว่ามันยังมีความรู้สึก
ได้โปรดเถอะ พระผู้เป็นเจ้า ช่วยประทานความเข้มแข็งให้กับผมด้วย”
“ทำไมกันนะมินซอก ทั้งที่ฉันบอกว่าฉันมีคนใหม่ไปแล้ว นายควรจะเกลียดฉันแล้วเลิกติดต่อฉันไปซะสิ แต่ทำไมนายยังโทรมา รู้ไหมฉันกลัวทุกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง กลัวว่าจะเผลอกดรับสายของนาย จนฉันต้องปิดเสียงมันไว้ ฉันอยากฟังเสียงของนาย อยากได้ยินเสียงหัวเราะของนาย เสียงนายที่เรียกชื่อฉัน
ในตอนนี้แค่ฉันยังได้มองนายจากที่ไกลๆ
สักวันนายจะลืมฉันได้ มินซอก
สักวัน นายจะเจอคนที่นายรักมากกว่าฉัน”
“ผมมองเห็นมินซอกจากที่ไกลๆ ได้เดินไปส่งเขากลับบ้านเหมือนที่เคยทำ แต่เขาเอาแต่เดินหนี จนผมตามไม่ทัน
ฉันอยากจะรู้จัง มินซอก ถ้านายรู้ว่าคนที่เดินตามนายทุกวันเป็นฉัน นายจะทำยังไง”
“วันนี้มินซอกโทรเข้ามาอีกแล้ว
ทำไมนายไม่ลืมฉันไปซะ
ฉันในตอนนี้ที่ไม่สามารถแม้แต่จะเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้นายได้
ลืมฉันไป แล้วมีชีวิตที่ดีเถอะนะ”
“ร่างกายของผมมันเริ่มไม่เชื่อฟังอีกแล้ว หายใจก็ลำบาก
บางที ผมก็อยากจะตายไปซะตอนนี้
คงดีกว่าต้องทนทรมานอยู่ในสภาพนี้”
“สุขสันต์วันเกิดนะมินซอก
ตอนนี้นายคงเกลียดฉันแล้วสินะ
มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้มองเห็นนาย ทั้งที่อยากเห็นนายมีรอยยิ้ม
แต่ฉันก็เป็นคนที่ทำให้นายร้องไห้อีกแล้ว
ฉันอยากซับน้ำตาให้นาย แต่ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะให้นายเห็นฉันในสภาพนี้
ฉัยขอโทษ มินซอก ฉันเสียใจที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้
ใจฉันมันเจ็บปวดเหลือเกิน”
มินซอกมองคราบหน้าตาบนกระดาษที่ทำให้ตัวหนังสือจางหายไป ใช้นิ้วลูบไปบนหน้ากระดาษ ที่เซฮุนเคยสัมผัส
ช่วงเวลาที่เขาทำได้แค่ร้องไห้ เซฮุนเองก็ไม่ต่างกัน
เขาค่อยๆเปิดหน้ากระดาษเปล่าไปเรื่อยๆ เกือบจะคิดว่าบันทึกของเซฮุนหมดแล้ว จนกระทั่งเจอลายมือที่ถูกเขียนด้วยดินสอ ลายมือที่เขาไม่คิดว่าเป็นของเซฮุน เพราะมันเหมือนกับลายมือเด็กที่เพิ่งหัดเขียน
“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการหายใจมันจะยากลำบากแบบนี้
โปรดอย่าให้ผมต้องทรมานต่อไปอีกเลย ผมขอร้อง”
“ขาของผม มันจะไม่สามารถเดินได้อีกแล้ว ผมขยับมันไม่ได้ ทั้งทุบทั้งตีมันแต่มันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
ผมกลัว”
“มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มินซอก
มิ...”
มินซอกลูบไปบนตัวอักษรโย้เย้ที่เขียนชื่อของเขาอยู่เต็มหน้ากระดาษช้าๆ จนมาถึงชื่อของเขาคำสุดท้ายที่มีเส้นยาวๆของดินสอลากไปจนสุดหน้ากระดาษ ทั้งที่คำๆนั้นยังเขียนไม่เสร็จด้วยซ้ำ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เซฮุนที่พยายามจะฝืนตัวเอง เขียนชื่อของเขาในทุกวันที่เหลืออยู่ แต่สุดท้ายมือของเขาก็ไร้เรี่ยวแรงไปเหมือนกับขาทั้งสองข้าง
มินซอกดึงปากกาออกมาจากกระเป๋าสูทที่สวมอยู่ก่อนจะจรดเติมคำสุดท้ายที่เซฮุนเขียนทิ้งเอาไว้ให้สมบูรณ์
“มินซอก
คิมมินซอกรักโอเซฮุน
และจะรักตลอดไป”
THE END
ออกตัวก่อนเลยว่าเรื่องการแพทย์ คนแต่งก็ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ พยายามหาข้อมูลแล้วแต่ก็เป็นแบบนี้
พยายามอ่านข้ามๆมันไปเนอะ อย่าใส่ใจ
จบแล้วค่ะ ฮุนหมินกับเพลงธีมเศร้าๆ
ยังไงฝากเม้นกันด้วยนะเออ ไม่ใช่ว่าจบเศร้าแล้วหนีหมด คนแต่งเสียใจนะคะ 5555
Jyploy
cinna
mon
ผลงานอื่นๆ ของ Certainly_enough ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Certainly_enough
"เศร้าา"
(แจ้งลบ)เป็น sf ที่เศร้าชะมัด จบได้บีบหัวใจมากก ยิ่งฟังเพลงไปด้วย เพลงนี้ก็นะ TT-TT ทำเอาน้ำหู น้ำตา ขี้มูก ไหลพรั่งพรู ฮุนนนนนนนนนนนนนนนน แงงงงงงงงงง้ สงสารทั้งคู่เลยยอ๊ะ ไรท์แต่งได้ดีเลยยยยล่ะ พาคนอ่านอินซะขนาดนี้ 5555555 ขอบคุณนะ ปล. ไม่ได้เขียนให้ตอนพาร์ทแรก อยากเม้นแบบรวมๆ เสียดายน่าจะอยู่อันเดียวกัน ... อ่านเพิ่มเติม
เป็น sf ที่เศร้าชะมัด จบได้บีบหัวใจมากก ยิ่งฟังเพลงไปด้วย เพลงนี้ก็นะ TT-TT ทำเอาน้ำหู น้ำตา ขี้มูก ไหลพรั่งพรู ฮุนนนนนนนนนนนนนนนน แงงงงงงงงงง้ สงสารทั้งคู่เลยยอ๊ะ ไรท์แต่งได้ดีเลยยยยล่ะ พาคนอ่านอินซะขนาดนี้ 5555555 ขอบคุณนะ ปล. ไม่ได้เขียนให้ตอนพาร์ทแรก อยากเม้นแบบรวมๆ เสียดายน่าจะอยู่อันเดียวกัน อ่านน้อยลง
Dalbit | 2 มี.ค. 57
2
0
"เศร้าา"
(แจ้งลบ)เป็น sf ที่เศร้าชะมัด จบได้บีบหัวใจมากก ยิ่งฟังเพลงไปด้วย เพลงนี้ก็นะ TT-TT ทำเอาน้ำหู น้ำตา ขี้มูก ไหลพรั่งพรู ฮุนนนนนนนนนนนนนนนน แงงงงงงงงงง้ สงสารทั้งคู่เลยยอ๊ะ ไรท์แต่งได้ดีเลยยยยล่ะ พาคนอ่านอินซะขนาดนี้ 5555555 ขอบคุณนะ ปล. ไม่ได้เขียนให้ตอนพาร์ทแรก อยากเม้นแบบรวมๆ เสียดายน่าจะอยู่อันเดียวกัน ... อ่านเพิ่มเติม
เป็น sf ที่เศร้าชะมัด จบได้บีบหัวใจมากก ยิ่งฟังเพลงไปด้วย เพลงนี้ก็นะ TT-TT ทำเอาน้ำหู น้ำตา ขี้มูก ไหลพรั่งพรู ฮุนนนนนนนนนนนนนนนน แงงงงงงงงงง้ สงสารทั้งคู่เลยยอ๊ะ ไรท์แต่งได้ดีเลยยยยล่ะ พาคนอ่านอินซะขนาดนี้ 5555555 ขอบคุณนะ ปล. ไม่ได้เขียนให้ตอนพาร์ทแรก อยากเม้นแบบรวมๆ เสียดายน่าจะอยู่อันเดียวกัน อ่านน้อยลง
Dalbit | 2 มี.ค. 57
2
0
ความคิดเห็น