[OS] He's mine (lumin)
Luhan x Minseok
ผู้เข้าชมรวม
2,342
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลู่หานเป็นคนขี้หวง
ข้อนี้ใครๆก็รู้ดี ของรักของหวงของลู่หาน
แน่นอนว่าสมาชิกในวงย่อมไม่มีใครกล้ามายุ่งวุ่นวาย
แต่ของหวงที่สุดของลู่หาน
กลับชอบไปวุ่นวายกับคนอื่นซะจริง
ดวงตาหวานใสที่ใครๆก็ว่าเหมือนกับลูกกวางจับจ้องร่างเล็กๆของอีกคนที่นั่งโปรยยิ้มหวานไปทั่ว
แดดที่ร้อนทำให้แก้มใสๆแดงระเรื่อ เส้นผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อลู่ลงมาปรกใบหน้าหวานไว้
ดวงตากลมโตกลายเป็นเส้นขีดเล็กๆ เมื่อเจ้าของใบหน้าน่ารักนั้นยิ้ม
ถ้าเป็นเวลาปกติลู่หานคงยิ้มรับรอยยิ้มนั้น
แต่มันไม่ใช่เวลานี้
แขนเรียวเล็กกอดเข่าเอาไว้หลวมๆในขณะที่มือทั้งสองก็ดึงต้นหญ้าในสนามฟุตบอลไปมาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ใช่เขาคงยิ้มรับรอยยิ้มนั่น
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขากลายเป็นส่วนเกิน ของบทสนทนา จนต้องหลบออกมานั่งไกลๆ
ไม่รู้จะคุยอะไรกันนัก
ลู่หานตวัดสายตาไปมองอีกคนที่นั่งภายใต้ร่มคันเดียวกันกับของหวงของเขา
จางดงอูคนนั้น
ก็รู้ว่าเป็นเพื่อนเก่ากัน
ก็รู้ว่าคงอยากคุยเรื่องอดีต
ก็รู้ว่าไม่เจอกันนานคงคิดถึง
ก็รู้นะ
แต่
ทำใจไม่ได้สักที
ลู่หานไม่คุ้นเคยกับการเป็นคนไม่มีตัวตนในสายตาของมินซอก
ไม่ว่าจะทำอะไร มินซอก ต้องตามใจเขาเสมอ
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลู่หานต้องการไม่มีครั้งไหนที่มินซอกจะปฏิเสธ
แต่วันนี้ ลู่หานกลับเป็นแค่ส่วนเกินของความสัมพันธ์ของเพื่อนเก่ากับมินซอก
ลู่หานแค่อยากงอแง อยากเอาแต่ใจให้มินซอกสนใจ
แต่มินซอกก็เอาแต่สนใจเพื่อนเก่าคนนั้นแถมยังคุยกันแต่เรื่องที่ลู่หานไม่เข้าใจ
ในตอนนี้ แดดที่ร้อนยังร้อนไม่เท่าหัวใจของลู่หาเมื่อดงอูยื่นมือไปปัดเส้นผมของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกัน
อีกคนก็เอาแต่พูดไม่หยุด แถมยังไม่สนใจมือที่วางอยู่บนไหล่ตัวเองด้วยซ้ำ
ลู่หานอยากจะเดินไปกระชากมินซอกของเขาออกมาซะจริงๆ แต่ที่ทำได้คือ
"นายจะขุดดิน หาอะไรกินรึไงลู่หาน" คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนชาวปักกิ่งนั่งถอนหญ้าในสยามขึ้นมากำใหญ่ ไหนจะท่าทางที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงนั่นอีก ไม่ต้องเดาก็รู้ คนขี้หวงอย่างลู่หานกำลังของขึ้น
"ยุ่ง" คำเดียวสั้นๆของลู่หาน เรียกรอยยิ้มจากหัวหน้าวงฝั่งเอ็ม ขณะที่นอนกลางร่มหลบแดดอยู่ เหลือบมองคนเป็นพี่ใหญ่ของวงที่นั่งคุยกับเพื่อนเก่าอย่างสนุกสนาน ก่อนจะหันกลับมามองหน้าลู่หานที่จ้องทั้งคู่ตาไม่กระพริบ
"ไม่รู้จะคุยอะไรกันนัก" เสียงลู่หานพึมพำเบาๆเป็นภาษาจีน ทำเอาคริสแอบหัวเราะเบาๆ
"อยากรู้ก็ไปนั่งฟังเค้าสิ" คริสเอ่ยตอบเป็นภาษาจีน แล้วก็ได้รับสายตาดุๆกลับมา
"ฉันเป็นคนมีทารยาทหรอกนะ" ลู่หานตอบกลับอีกคนอย่างรำคาญก็จะทำตาโต เมื่อหันไปเจอช็อตที่มินซอกยื่นหน้าไปกระซิบที่ใบหูของคู่สนทนา
ไม่ทนแล้วนะ
แทบจะผุดลุกขึ้นทันที มือคว้าเอาผ้าขนหนูที่พาดไว้บนบ่าตัวเองมาถือก่อนจะวิ่งตรงไปหามินซอกและดงอูที่นั่งอยู่ด้วยกัน
คริสได้แต่ส่ายหัวกับคนที่บอกว่า ตัวเองมีมารยาท
คนมีมารยาทแบบไหนกันทำแบบนี้
ผ้าขนหนูสีขาวที่ตกลงมาคลุมใบหน้าทำเอาคนที่กำลังหัวเราะอยู่ถึงกับชะงัก กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคย ติดอยู่ที่ปลายจมูก
ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงเบียดจากด้านข้างเมื่ออีกคนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา
ยังไม่ทันจะได้ดึงผ้าขนหนูที่คลุมหัวของเขาออก มือของคนที่มาใหม่ก็คว้าเข้าที่ผ้าขนหนูบนหัวของเขาก่อนจะขยี้มันมันกับเส้นผมของเขา
“เสี่ยวลู่หาน ผมยุ่งหมดแล้วนะ” เสียงแหวเบาๆที่ดังขึ้นเรียกรอยยิ้มจากคนขี้หวงได้ทันที ขณะที่อีกมือก็คว้าข้อมือเล็กๆของอีกคนที่พยายามหยุดเขาเอาไว้
“อยู่นิ่งๆสิ เปาจื่อ” น้ำเสียงที่แสนอบอุ่นดังขึ้นให้ได้ยินกันสองคน มินซอกเลยได้แต่นั่งนิ่งๆให้อีกคนเช็ดผมที่เปียกเหงื่อให้
แอบอมยิ้มกับตัวเอง ที่ตอนแรกคิดว่าเจ้ากวางดื้อของเขาจะมาแกล้งกัน แต่สุดท้ายกลับมาเช็ดผมให้แบบนี้
จะว่าไปมันก็ดูผิดปกติเอามากๆเลยนะ แต่ใครจะสนล่ะ เพราะกลิ่นหอมๆจากผ้าขนหนู ที่เป็นกลิ่นเฉพาะของเจ้ากวางดื้อ กับมือที่เช็ดผมให้เขาอยู่กำลังทำให้เขาง่วงเอามากๆเลย
แค่รู้สึก แต่ปากกลมก็หาวออกมา
“อะไร ง่วงแล้วเหรอซอกกี้”
“หือ” เสียงถามจากดงอู ทำให้ลู่หานหยุดมือแล้วหันมามองหน้าคนแก้มกลม ไม่ใช่สงสัยว่าอีกคนง่วงหรอก แต่เป็นชื่อเล่นที่เรียกกันต่างหาก
ซอกกี้งั้นเหรอ ชื่องี่เง่าอะไรเนี่ย
มินซอกคือเปาจื่อของเขาต่างหาก
กำลังจะอารมณ์ดีๆอยู่แล้วเชียว
ลู่หานดึงผ้าขนหนูมาวางบนตัก ก่อนจะควักมือถือกับหูฟังขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เพื่อฟังเพลงดับอารมณ์
“ขยับเข้ามานั่งร่มๆสิ” เสียงเรียกพร้อมแรงกระตุกที่แขนเสื้อทำให้ลู่หานต้องเงยหน้าจากหน้าจอมือถือขึ้นมามองพร้อมดึงหูฟังข้างหนึ่งออกเพื่อฟังสิ่งที่อีกคนพูด
“มานั่งร่มๆสิ” มินซอกพูดย้ำ พลางขยับตัวให้ลู่หานได้เข้ามาในเงาร่ม ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามินซอกยิ่งเบียดเขาใกล้ดงอูมาขึ้นไปอีก
และลู่หานก็คงไม่ยอมแน่ๆ
เพราะช่วงตัวที่ยาวกว่า เลยเอื้อมไปคว้าร่มคันใหญ่จากมือดงอูที่ทำหน้างง แต่ก็ยอมปล่อยร่มให้เขาแต่โดยดี แล้วส่งต่อให้คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆเขา พลางดึงอีกคนให้ขยับมาทางเขา
ทั้งที่ใจจริงอยากจะเข้าไปนั่งแทรกตรงกลางระหว่างสองคนนั้นซะด้วยซ้ำ
แต่ลู่หานว่ามันคงจะน่าเกลียดเกินไป
ลู่หานเป็นคนขี้หึง
ยิ่งเวลามีคนมาเข้าใกล้คนของเขา
ลู่หานก็จะแสดงอาการออกมาจนคนรอบข้างรู้ตัว
“อูหมิน” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ทั้งมินซอกและลู่หานต้องหันไปมองต้นเสียงในชุดกีฬาสีฟ้าที่เดินยิ้มมาแต่ไกล เมื่อมาถึงก็คว้ามือมินซอกไปกุมไว้
ความสนใจของมินซอกถูกดึงดูดไปยังผู้มาใหม่นามว่าจางฮีชอลทันที
รอยยิ้มที่แจกจ่ายให้คนอื่นไปทั่วยิ่งทำให้ลู่หานหงุดหงิด
อะไรจะมนุษย์สัมพันธ์ดีขนาดนั้น
“ลู่หาน เป็นไงบ้าง อูหมินเตะบอลเข้าประตูตัวเอง” บทสนทนาที่ดูจะเผื่อแผ่มาถึงเขาทำให้ลู่หานต้องปั้นหน้ายิ้มกลับไป
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร มือของผู้มาใหม่ก็เอื้อมไปจัดเสื้อคลุมให้มินซอก
ลู่หานได้แต่มองการกระทำนั้นอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหันไปสบตากับคริสที่ดูเหมือนจะยืนมองมาทางพวกเขาสักพักแล้ว
จู่ๆคนที่ยิ้มและหัวเราะอยู่เมื่อคู่ก็หน้าตึงขึ้นมาทันทีจนมินซอกสังเกตได้ รอยยิ้มฝืนๆของลู่หานทำให้มินซอกต้องเหลือบมองดูอยู่เป็นระยะ
อีกครั้งที่ข้อมือของมินซอกของมินซอกถูกจับไว้ โดยใครอีกคนที่ไม่ใช่เขา
ลู่หานเลยได้แต่แอบกำมือตัวเองไว้ ในขณะที่ปากฉีกยิ้มกว้าง แทบจะไม่เหลือบมองมือที่กอบกุมกันไว้นั้นเลย
ใช่ลู่หานพยายามเก็บอารมณ์ แต่ถึงยังไงมินซอกที่รู้ใจลู่หานดีกว่าใครก็มองออก
ลู่หานกำลังหึง หรืออาจจะกำลังโกรธ
คนตัวเล็กค่อยๆบิดข้อมือของตัวเองออก ก่อนจะเลื่อนมันไปไขว้หลังเอาไว้
“ลู่หานเป็นอะไร” เสียงมินซอกที่ร้องถามเพื่อนรุ่นเดียวกันดังขึ้น เรียกสายตาน้องๆให้หันไปมองพี่ใหญ่ของวงทั้งสองคน
“เปล่า” คำตอบสั้นๆจากลู่หาน เป็นอันรู้กันว่า คู่พี่ใหญ่สองคนต้องทะเลาะกันอยู่แน่ บรรดามักเน่ไลน์เลยได้แต่มองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“เปล่า แล้วทำไมไม่หันมาพูดกันดีๆล่ะ” ถามอย่างหงุดหงิด เมื่อคนที่พูดด้วยเอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ ไม่ยอมหันมาสนใจเขา แก้มกลมๆ พองลมเข้าไปเต็มปาก ก่อนจะทำหน้าบึ้ง เมื่ออีกคนยังไม่ยอมเงยหน้ามามอง แถมฮัมเพลงเล่นโดยไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ
“เสี่ยวลู่หาน” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้คริสเงยหน้าขึ้นจาก สมุดวาดภาพของตัวเองที่พกติดตัวมาด้วย ก่อนจะมองพี่ใหญ่ของวงที่กำลังทะเลาะกัน
ก็ไม่อยากจะสนใจอะไรนักหรอกนะ เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในพี่ใหญ่ที่ถูกหลงลืมอยู่ประจำ เลยได้แต่นั่งมอง กวางขี้หึงที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ไอ้กวางบ้า” มินซอกตะโกนเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตัดสนาม เพื่อกลับไปยังห้องแต่งตัว
เขาไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย แต่ต้องมาโดนโกรธแบบนี้ ก็อารมณ์เสียเป็นเหมือนกัน
“ฮยอง” เซฮุนลุกจากที่นั่งลงมานั่งข้างๆ ลู่หานที่ยังคงก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ เหมือนไม่แคร์อะไร แต่ริมฝีปากแดงๆที่เม้มแน่น เซฮุนดูก็พอจะรู้แล้วว่าลู่หานน่ะ โคตรจะแคร์เลย “ไม่ตามไปง้อมินซอกฮยองหน่อยเหรอ”
“ทำไมต้องง้อ” ตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ ทำให้พี่ใหญ่อีกคนเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาทันที
“ทำเป็นเล่นตัวไปเหอะ ก็รู้ๆอยู่ว่ามีคนคอยจะเคลมมินซอก กันทั้งสนาม”
ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองคนพูดตาขวาง ผิดกับคริสที่เผยรอยยิ้มกว้างจนคนมองยิ่งหมั่นไส้
"ฉันทำอะไรผิดกันล่ะ นายไม่เห็นเหรอวันนี้ทั้งวันเดี๋ยวคนนั้นโอบคนนี้จับ เป็นนายลองมีคนอื่นมาทำแบบนี้กับอี้ชิงบ้างนายจะรู้สึกยังไงล่ะ"
"ก็ไม่รู้สึกยังไง เพราะไม่ได้เป็นอะไรกัน" คริสตอบ "นายทำตัวไม่ชัดเจนเองต่างหากลู่หาน นายถามตัวเองบ้างรึเปล่าว่ามีสิทธิอะไรไปหึงหวงมินซอก นายเป็นแฟนเค้าเหรอ ก็เปล่า เป็นญาติก็ไม่ใช่ นายเป็นแค่เพื่อนร่วมวงนะอย่าลืม"
"แต่ฉันไม่ได้คิดกับมินซอกแค่เพื่อนนี่" ลู่หานเอ่ยตอบ ตอนนี้เขารู้สึกราวกับถูกค้อนหนักๆตีเข้าที่หัว จริงสินะเขาชอบสำคัญตัวเองผิด
ตลอดมาที่มินซอกมาสนิทกับเขา มันเพราะพวกเขาอายุไล่เลี่ยกัน
ที่มินซอกคอยเอาใจ
เพราะเขาก็ยังอยู่ในฐานะน้องคนนึงของมินซอก
"แล้วทำไมนายไม่พูดให้มันชัดเจนล่ะ"คริสสบตากับลู่หานก่อนจะลุกเดินไปรวมกับสมาชิกทีมบีคนอื่นๆที่ยืนเข้าแถวรอมอบรางวัลและพิธีปิดงาน
มือขาวๆถูกยื่นมาตรงหน้าของเขา ลู่หานเงยหน้ามองสบตากับเจ้าของมือนั้น ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
"ฮยองน่ะ ยิ้มแล้วน่ารักที่สุดเลยนะ" เสียงทุ้มๆเอ่ยชม
"ฉันรู้หรอกน่า" เอ่ยตอบมักเน่ของวงไปก่อนจะคว้ามืออีกคนเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น
"อย่าคิดมากล่ะฮยอง" เซฮุนตบบ่าเขาเบาๆก็จะวิ่งนำหน้าไปรวมกับคนอื่นๆ
ลู่หานมองตามก่อนจะก้าวไปยืนข้างๆคริส
"ขอบใจนะเพื่อนที่เตือนสติ" ลู่หานพูดขึ้นให้พอได้ยินกันสองคน เป็นภาษาจีน
คริสเพียงแต่ก้มลงมามองเพื่อนตัวเล็กแล้วยิ้มให้บางๆ
ก่อนจะต้องหันกลับไปสนใจอีกคนที่วิ่งมายืนทางด้านซ้ายของเขา
มินซอกฉีกยิ้มกว้าง คงอารมณ์ดีแล้วสินะ คริสแอบยิ้มกับคนตัวเล็ก ถ้าจมูกเขาไม่ทำหน้าที่บกพร่อง เขาคิดว่าได้กลิ่นหอมขนมออกมาจากคนตัวเล็กข้างๆ
แอบไปกินขนมมาล่ะสิ ถึงได้อารมณ์ดีแบบนี้
"มินซอก" เสียงเรียกของลู่หานทำให้เจ้าของแก้มกลมหันไปมอง รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปจากใบหน้า แต่มินซอกก็ยังไม่คิดจะพูดอะไร เขารอให้อีกฝ่ายพูด
"ขอโทษนะที่ทำตัวงี่เง่าใส่นาย"
"รู้ตัวก็ดีนี่" รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนหน้าของมินซอกอีกครั้ง ลู่หานมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาบ้าง
คิมมินซอก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเหมือนเดิม
ลู่หานขยับตัวออกมายืนที่เดิมก่อนจะคุยเล่นกับลีดเดอร์ตัวขาวจากฝั่งเค
จนไม่ได้รู้สึกเลยว่ามินซอกของเขากำลังโดนใครบางคนลากแขนมายืนทางด้านหลังเขา
จนเมื่อมีแรงสะกิดที่ข้อศอก ลู่หานถึงได้หันกลับมามองหน้าคริสที่สะกิดเขา
คริสพยักเพยิดไปทางด้านหลัง ลู่หานถึงได้หันตามไป
จางฮีชอล
คนสกุลจางนี่ทำไมต้องมาวุ่นวายกับมินซอกไม่จบไม่สิ้นกันสักทีนะ
ลู่หานหันกลับมาสนใจการประกาศปิดงานต่อ
เขาไม่มีสิทธิหวงไม่มีสิทธิหึง
แล้วก็ไม่อยากสนใจแล้วด้วยว่ามินซอกจะคุยอะไรกับฮีชอลคนนี้แต่เสียงที่ไม่ได้ตั้งใจฟังกลับชัดเจนซะเหลือเกิน
"อูหมิน หายไปไหนมาอ่ะ โทรหาก็ไม่รับสาย"
"ไปห้องแต่งตัวมาครับ แล้วรุ่นพี่โทรหาผมมีอะไรรึเปล่าครับ" เสียงมินซอกตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ลู่หานได้แต่ขยับออกไปยืนให้ไกลกว่าเดิม
"เห็นหายไปไง นึกว่ากลับไปก่อนซะอีก"
"นั่นมือรุ่นพี่ไปโดนอะไรมาทำไมเลือดออกล่ะ" น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงเป็นใยทำเอาลู่หานต้องหันกลับไปมอง
มือเล็กที่จับมือของอีกคนไว้ พลางก้มหน้าลงไปมองสำรวจบาดแผลที่มีเลือดซึม ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋า
กางเกง หยิบพาสเตอร์ยาสีขาวออกมาแล้วบรรจงแปะลงไปที่มือของอีกคน
ทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของลู่หานตลอด
เพียงแต่คราวนี้ลู่หานไม่ได้โกรธมินซอกเลย
************************************
"ลู่หานช่วยถือของหน่อยสิ" มินซอกฉีกยิ้มหวานพลางพยักเพยิดไปทางกระเป๋าใบโตของตัวเอง
อีกคนก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะสะพายมันขึ้นหลังแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ทันที
ปล่อยให้พี่ใหญ่ของวงฉีกยิ้มค้าง
แปลก
ลู่หานไม่บ่นเขาสักคำ
จะว่าไปแค่พูดลู่หานยังไม่ยอมพูดเลย
มินซอกมองตามแผ่นหลังของอีกคน จนได้สังเกตถึงความผิดปกติของอีกคน
ลู่หานเดินขาลากๆ
หรือตอนนั้นที่ลู่หานล้มในสนามตอนเล่นฟุตซอล
มินซอกขมวดคิ้วก่อนจะวิ่งตามหลังลู่หานไป
ลู่หานเป็นคนที่มักจะจริงจังกับทุกสิ่งที่ทำ และทุ่มเทกับสิ่งนั้นเต็มร้อย
มินซอกรู้เรื่องนี้ดี แต่ไม่คิดว่าลู่หานที่เจ็บอยู่จะทนเล่นต่อทั้งๆที่เจ็บ ไหนจะมาลงวิ่งผลัดอีก
ต้องแสดงว่าไม่เจ็บมาทั้งวันจนงานเสร็จ คิดแบบนี้แล้วมินซอกก็ยิ่งรู้สึกผิด
ตลอดเวลาที่อยู่บนรถมินซอกพยายามจะคุยกับลู่หาน แต่ลู่หานที่หนีไปนั่งเบาะหลังสุดก็เอาแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์
สุดท้ายมินซอกเลยเลิกปีนเบาะคุยกับกวางขี้งอนและลงมานั่งที่เบาะดีๆ ก่อนจะกดฟังเพลงของตัวเองบ้าง
เอาไว้ถึงหอค่อยคุยละกัน
"ลู่หาน" มินซอกที่ยืนรออยู่ในห้องนั่งเล่นร้องเรียกชื่ออีกคนที่กำลังจะเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในห้อง มือก็รั้งแขนอีกคนเอาไว้ด้วย
ลู่หานหันกลับมามองมือที่ฉุดแขนเขาไว้ก่อนจะเงยสบตากับอีกคน
"เป็นอะไรไปอีกล่ะ"มินซอกเอ่ยถามแล้วดึงแขนของอีกคนให้นั่งลง
"เปล่านี่" ลู่หานตอบ
"แล้วทำไมไม่บอกล่ะว่านายเจ็บขา ตอนนี้นายก็ไม่ยอมเงยหน้ามามองฉันด้วย" มินซอกถามเสียงดัง ตอนนี้ในห้องมีแต่พวกเขาสองคน เพราะสมาชิกที่ไม่มีตารางงานวันนี้ต่างหลับกันไปหมดแล้ว ส่วนพวกที่มาถึงก็รีบเข้าไปนอนกันทันที เขาเลยนั่งรอลู่หานอาบน้ำอยู่ในห้องนั่งเล่นเงียบๆคนเดียว
"เปล่านี่"
"เปล่าอะไร? ไม่เจ็บขา หรือไม่โกรธ" มินซอกถามคนที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
"ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ มินซอกไม่ต้องมาห่วงอะไรหรอก ฉันดูแลตัวเองได้น่า เอาเวลาของมินซอกห่วงคนที่ควรห่วงเถอะ" เอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องแต่แรงดึงเสื้อของเขาจากด้านหลังทำให้ต้องหยุด
"แต่คนที่มินซอกห่วงมีแค่ลู่หานนะ" เสียงแผ่วๆที่ดังขึ้นทำเอาใจของลู่หานกระตุก
"เปาจื่อห่วงเสี่ยวลู่นะ" เมื่อเห็นอีกคนไม่ยอมพูดอะไร คนตัวเล็กกว่าเลยเดินเข้าไปใกล้อีกคนแล้วกระซิบบอก มือเล็กๆเอื้อมไปแตะไหล่อีกคนเอาไว้
"ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันดูแลตัวเองได้ เปาจื่อไปนอนได้แล้วไป" หันกลับมาบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"ทำไมจะห่วงไม่ได้ล่ะ ลู่หานหึงที่เปาจื่อคุยกับคนอื่นเหรอ" ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจคนตรงหน้า
"ลู่หานจะหึงเปาจื่อทำไมล่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย ไม่มีสิทธิไปหึงเปาจื่อหรอก"
เสียงที่ฟังดูตัดพ้ออยู่ในตัวทำเอามินซอกยิ่งร้อนรน
"หึงได้สิ ลู่หานสำคัญกับเปาจื่อนะ" รอยยิ้มหวานจากคนตัวสูงกว่าปรากฏขึ้นที่ใบหน้า มินซอกเลยยิ้มตามก่อนจะโผเข้ากอด และซุกใบหน้ากับอกอุ่นๆ "เปาจื่อชอบลู่หานที่สุดเลย" เสียงพึมพำอู้อี้อยู่กับอกกว้าง ลู่หานพยายามยิ้มถึงแม้จะดูอ่อนแรงเต็มทีออกมา
"ลู่หานเองก็ชอบเปาจื่อนะ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่"
มินซอกผละตัวออกจากอกก่อนจะเงยหน้ามองลู่หานตาแป๋ว
"ไม่ใช่สิ หมายถึงรักอ่ะ" ลู่หานจ้องเข้าไปในดวงตาของมินซอกก่อนจะเอ่ยคำพูดที่เขาเองก็ไม่ต้องการจะพูด
"ลู่หานก็รักมินซอกนะ แต่ความรักของเรามันไม่เหมือนกัน"
"เหมือนสิ ทำไมจะไม่เหมือน ลู่หานคิดยังไงกับเปาจื่อ เปาจื่อก็คิดแบบนั้นกับลู่หาน" น้ำตาหยดเล็กไหลลงจากขอบตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา
"รู้ไหม ว่ารักมาตั้งนานแล้ว รักก่อนที่ลู่หานจะเห็นว่าคิมมินซอกมีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ รักมาตลอด ยิ่งได้มาสนิทกัน ยิ่งได้ดูแลลู่หาน ก็ยิ่งรัก
แต่...
แต่ไม่รู้เลยว่าลู่หานรู้สึกยังไงกับฉันแน่ บางครั้งเหมือนลู่หานรักกัน
บางครั้งก็แสดงออกว่าหึง ทั้งๆที่ลู่หานก็ยังไปสนิทสนมกับคนอื่นๆในวง เหมือนลู่หานจะให้ความสำคัญกับฉัน แต่ลู่หานก็ดีกับทุกคนในวงเหมือนๆกัน" คนตัวเล็กสะอื้นตัวโยนจนอีกคนต้องดึงคนตัวเล็กมากอดและกระชับอ้อมกอดไว้แน่น
"มินซอก"
"ลู่หานทำเหมือนเราเป็นคนรักกัน แต่ลู่หานไม่เคยพูดคำว่ารัก ไม่เคยพูดอะไรให้ชัดเจนเลย"
"มินซอก .."
"ลู่หานน่ะใจร้าย คิดอะไรก็ไม่ยอม.." เสียงหวานจากปากคนที่ร้องไห้น้ำตานองหายไปพร้อมริมฝีปากอุ่นๆ ที่ประกบลงมา สัมผัสอ่อนโยนจนทำให้หัวใจดวงน้อยโบยบิน
ราวกับเวลาหยุดเดิน ความหวานที่ได้รับ กับลมหายใจที่ถูกช่วงชิงไป ทำให้คนตัวเล็กกว่าแทบจะไม่มีแรงยืน จนต้องกำชายเสื้ออีกคนไว้แน่น
ลู่หานถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของอีกคน พลางโน้มตัวไปกระซิบคำพูดที่ทำให้อีกคนต้องเขินจนหน้าแดง
"หนี่ ซื่อ หว่อเตอ"
บอกแล้วว่าคนอย่างลู่หานขี้หวง
โดยเฉพาะของของเขา
และอีกอย่างที่ต้องรู้ไว้ ลู่หานจอมเผด็จการ
คิมมินซอกคนนี้ไปเป็นของของลู่หานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
The End
มันจะสนุกไหมนะ 5555
ความจริงถ้าใครดูแฟนแคมงานกีฬาสีไอดอลแล้ว
จะรู้ว่าที่แต่งนี่มาจากแฟนแคมเกือบ 70%
เพราะความน่ารักของคู่ลู่หมิน
แม่ยกลู่หมิน จงฟิน
ผลงานอื่นๆ ของ Certainly_enough ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Certainly_enough
ความคิดเห็น