คารีน อัญมณีแห่งพลังในตำนาน - นิยาย คารีน อัญมณีแห่งพลังในตำนาน : Dek-D.com - Writer
×

    คารีน อัญมณีแห่งพลังในตำนาน

    เวเนรา เด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่ง วันหนึ่งเธอพบว่าเธอได้ครอบครองพลังบางอย่างที่สามารถล้างโลกได้ง่ายกว่าขยับมือเสียอีก!!เธอจะทำอย่างไรกับโลกและพลังของเธอกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    324

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    324

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    4
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 56 / 10:44 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

            
          "คุณแม่จะไปไหนพรุ่งนี้หรือเปล่าคะ" เสียงหวานๆดังออกจากริมฝีปากของคุณหนูคนเล็กอย่างเวเนรา มินเดรส
                  "พรุ่งนี้หรอจ๊ะ ไม่มีหรอก พรุ่งนี้เรามีนัดกับเพื่อนของแม่คนหนึ่งนะจ๊ะ ดังนั้นรีบๆนอนซะแม่ตัวยุ่ง" เสียงตอบของคุณแม่คนสวยให้เวเนรายิ้มแป้นแล้วหลับตาลง นัยน์ตาสีทับทิมอ่อนฉาบไปด้วยความเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า
     ก่อน จะดีดนิ้งดัง เป๊าะ! ไฟในห้องดับลงอย่างรู้งาน แล้วคุณแม่คนสวยก็เดินออกจากห้องลูกสาวไปยังห้องลูกชายเพื่อตรวจสอบความ เรียบร้อยทันทีที่ประตูห้องลูกชายปิดลงความอบอุ่นจากด้านหลังทำให้เธอต้อง หันไปมองเมือ่รู้ว่าเป็นใครใบหน้าหวานก็ขึ้นสีชมพูจางๆอย่างช่วยไม่ได้
                   "คุณนี่ก็ เล่นเป็นเด็กๆไปได้นะคะ" เสียงใสๆต่อว่าอย่างอายๆแต่แล้วก็ต้องดิ้นออกจากอ้อมกอดของสามีแทบไม่ทัน เมื่อจมูกโด่งคมสัมผัสแก้มนวล
                   "เอาละไปนอนกันเถอะค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายเอานะคะ" เมื่ออีกฝ่ายเงียบเธอก็สรุปว่าคุณสามีของเธอไม่คัดค้านจึงพา(ลาก)ชายหนุ่มไป ด้วยกันตามประสาคนเอาแต่ใจ เมื่อประตูห้องนอนใหญ่ของบ้านปิดลง ไฟทุกดวงดับลงอย่างเงียบเชียบแล้วทุกคนก็เข้าสู้ห้วงนิทราอย่างมีความสุข
     
    เช้าวันต่อมา
                "เช้าแล้วค่ะคุณหนูเนร่า เดี๋ยวลงไปทานข้าวสาย คุณท่านดุเอาไม่รู้ด้วยนะคะ" หญิงสาวร่างท้วมที่มีศักดิ์เป็นพี่เลี้ยงกลายๆของคุณหนูเล็กเดินเข้ามาในห้อง เมื่อปลุกไม่ตื่นเธอจึงใช้มาตราการขู่โดยใช้นายหญิงหรือคุณย่าของเนร่า ซึ่งเข้มงวดกับเรื่องเวลามากๆมาอ้าง ทำเอาเด็กสาวขี้เซากระเด้งลุกออกจากเตียงแต่ปากยังคงโวยวาย
                 "ป้าลีอ่ะ อย่าขู่สิคะ คุณย่ายิ่งโหดๆ เดี๋ยววันนี้หนูก็โชคร้ายหรอก เล่นคุณย่าแต่เช้าเลย" เมื่อบ่นเสร็จก็ลุกออกจากเตียงแล้วเดินโซซัดโซเซไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะเปิด มันออก เลือกเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป 
                 "เฮ้อ!! ปลุกยากปลุกเย็นจริงๆทำไมไม่เหมือนคุณโวลด้านะ รายนั้นปลุกง่ายกว่าเยอะ" เสียงพึมพำบ่นของแม่บ้านรุ่นใหญ่ทำให้คนที่ถูกนินทาตะโกนออกมาจากห้องน้ำว่า
                 "ก็เพราะหนูไม่ใช้โวลน่ะสิ แล้วถ้าเป็นโวลขี้เซาป้าคงถีบหนูตกเตียงเพื่อปลุกหนูแล้วมั้งคะ" พูดจบคุณเธอก็โผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำแล้วแลบลิ้นพร้อมขยิบตาให้ทำเอาลีนา ผงะถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อเห็นดังนั้นเธอก็ผลุบกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้ว อาบน้ำต่อ ทางพี่เลี้ยง(ที่ถูกแกล้ง)ก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอากับอาการแสบได้อีกของ คุณหนูของเธอ หลังจากยืนอยู่ตรงนั้นอีกเล็กน้อยเธอก็เดินมาที่เตียงเพื่อจะจัดและเก็บกวาด ให้เรียบร้อย แล้วก็เดินออกจากประตูไป


    15 นาทีต่อมา
                ร่างบางที่เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำก็ก้าวออกมา ดวงตาสีนิลดูสดชื่นและอาจจะสดชื่นมากกว่านี้ถ้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่เดินเข้ามา  
                "มีธุระอะไรไม่ทราบยะ ถึงเข้าห้องของคนอื่นโดยไม่เคาะประตูแบบนี้น่ะ ถ้าฉันลืมเอาเสือผ้าเข้าไปแล้วออกมาเอานายจะทำยังไงยะ โวลด้า" โวลดานาแค่ยักไหล่น้อยๆอย่างไมใส่ใจก่อนจะพูดขึ้นว่า
                "ฉันวิ่งเข้าออกห้องเธอมาตั้งแต่เด็กจะกลัวอะไรฮะ อีอย่างคุณป้าลีก็อนุญาติแล้วด้วย" คำบอกเล่าของแฝดตัวดีอาจจะเข้าท่ากว่านี้ถ้าไม่เพราะคิ้งได้รูปของอีกฝ่าย ยักขึ้นอย่างกวนๆเล่นเอาเด็กสาวแทบร้องกรี๊ดในใจก็จดบัญชีแค้นสะสมเอาไว้แต่ เท้าก็ยังเดินตามแฝดหนุ่มไปที่ห้องอาหารอย่างไม่เกี่ยงงอน ทันทีที่เท้าเล็กก้าวพ้นขั้นสุดท้ายของบันได้ขั้นล่างสุด มารดาก็ทักขึ้น  
                 "อรุณสวัสดิ์จ้ะเนร่า ทำไมหน้าตาบูดบึ้งอย่างนั้นล่ะ ยิ้มหน่อยสิเดี๋ยวไม่สวย" ไม่พูดเปล่าคุณแม่ที่กลัวลูกสาวไม่สวยเดินเข้ามาฉีกแก้มเนร่าให้กว้างเหมือน กำลังยิ้มอยู่ เมื่อใบหน้าได้รับอิสระ เธอก็หันไปแจกค้องวงใหญ่ให้พ่อที่กำลังกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์ ก่อนจะกระแทกตัวลงบนเก้าอี้ตัวที่เหลืออยู่อย่างงอนๆ ทำให้คุณย่าที่นั่งเงียบมาตลอดหันมาพูดกับเธอ
                   "เนร่าหลานลงมาช้าจนย่าต้องส่งโวลไปตามไหนบอกย่าซิว่าทำอะไรอยู่น่ะเรา" เด็กสาวหันไปปรับสีหน้าแล้วจึงตอบผู้เป็นย่าอย่างกล้าๆกลัวๆว่า "อาบน้ำค่ะ หลานสระผมแล้วก็เป่าผมจึงทำให้ลงมาช้าน่ะค่ะ" เมื่อได้ฟังคำตอบแล้วเห็นว่าสีหน้าของย่ายังไม่ลดความน่่ากลัวลงหลานสาวผู้มีความผิดจึงแจ้นไปโอบเอวผู้เป็นย่าแล้วช้อนตาขึ้นอ้อน เสต็ปการอ้อของคุณหนูเล็กแห่งตระกูลมินเดรสทำให้ย่าผู้เข้มงวดถอนหายใจอย่าง เอ็นดู แล้วพาเธอกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง เมื่อประมุขของบ้านชำระความเรีบยร้อย ท่านหญิงวาเคนน่าจึงพยักหน้าให้นำอาหารมาจัดเรียงได้
                     "อาหารอร่อยจังเลยค่ะคุณย่า" เมื่อกินข้าวไปได้ซักพักแม่จอมยุ่งก็เริ่มออกปากคุย
                     "หลานจะชมย่าทำไมไปชมแม่หลานดีกว่าไหม รายนั้นน่ะเขาทำเองกับมือเลยนะ" หลังจากได้ยินคำชมจากหลายสาวก็อดไม่ได้ที่จะยกความดีความชอบแก่ลูกสะใภ้ อย่างท่านหญิงฟาเนลล่า มินเดรส  
                     "คุณแม่ทำเองจริงหรอคะ มิน่ารสชาติถึงไม่เหมือนทุกวันที่กิน" เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็ถามต่อ                      "แล้วดีหรือไม่ดีล่ะจ๊ะ" "ก็ต้องดีสิคะคุณแม่ทำอาหารอร่อยจะตายไป" ว่าแล้วลูกสาวไม่พูดเปล่่า เพิ่มความเร็วในการกินขึ้นจนคนเห็นพ่อต้องร้องเตือน  
                     "ใจเย็นๆลูก เดี๋ยวติดคอพ่อจะไปหาหมอที่ไหน" เนร่มที่ได้ยินคำเปรยก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแห้งๆ เมื่อทานข้าวกันเสร็จเนลล่าก็พูดขึ้น
                     "เนร่าเดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดนะลูก วันนี้เราจะไปหาคนคนหนึ่ง แม่เตรียมชุดไว้ให้ที่ราวในห้องน้ำแล้วล่ะจ้ะ" เนร่าเอียงคอเล็กๆแต่ก็ยอมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับมารดา ทันทีที่คุณหนูเล็กเห็นชุดที่ต้องใส่เสียงอันโหยหวนก็ดังมาจากด้านบนตามด้วย เสียงหัวเราะของผู้เป็นแม่
                      "เอาจริงหรอคะแม่ แน่ใจนะว่าเราไม่ได้ไปงานแต่งงานน่ะค่ะ แค่ไปพบคนรู้จักต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วยหรอคะ" ชุดที่เด็กสาวสวมอยู่คือกระโปรงสีขาวสะอาดยาวถึงเข่าที่เนลล่ากำลังผูกเชือก คาดเอวให้ด้วยใบหน้ามีความสุข
                      "จริงแท้แน่นอนจ้ะ ในเมื่อคนคนนี้เป็นหญิงสาวชั้นสูง ลูกควรทำตัวดีๆนะจ๊ะ ไหนๆวันนี้ก็วันสุดท้ายของปิดเทอม ตามใจแม่หน่อยไม่ได้หรือจ๊ะเนร่าชะงักปากที่โวยวายเมื่อเห็นแววตาวิงวอนของมารดา ใบหน้าหวานจึงพยักหน้าตกลงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเธอใส่ชุด(เครื่องแต่งองค์)เรียบร้อยก็เดินลงไปข้างล่าง แล้วออกจากบ้านไป
      30 นาทีต่อมา
                       "ว้าว นี่น่ะหรอ คฤหาสน์ของเพื่อนคุณแม่น่ะ ใหญ่มากๆเลยค่ะ"เนร่าที่เริ่มสนอกสนใจกับบ้านของเพื่อนคุณแม่อุทานขึ้น มารดาเห็นก็อดไม่ได้ที่จะตอบลูกสาวอย่างภูมิใจ
                       ''แน่นอน นี่เพื่อนแม่นะจ๊ะ'' ยังไม่มีใครได้พูดอะไรต่อประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมเจ้าของบ้านที่โผล่ออกมาทักทาย
                       "อ้าว เนลล่ามาถึงแล้วหรอ ป็นไงบ้างเดินทางเหนื่อยกันมากไหม"
                       "ไม่เท่าไหร่หรอกจ้ะ ขอแนะนำหน่อยนะ นี่โวลดานากับเวเนรา ทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน โวล เนร่านี่น้าเอมี่ ท่านหญิงเอมมารีน คาร์นา ธิดาขุนพลของเฮเลนจ้ะ" เนลล่าตอบเพื่อนอย่างคนที่สนิทกัน
                       "เวเนรา มินเดรส ยินดีที่ได้รู้จักท่านหญิงเอมมารีนค่ะ เรียกหนูว่าเนร่าก็ได้นะคะ" เด็กสาวที่ชิงแนะนำตัวเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริงเรียกความเอ็นดูจากหญิงสาวเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี เอมมารีนยังไม่ทันตอบเสียงนุ่มจากข้างหลังเด็กสาวก็ดังขึ้น
                       "โวลดานา มินเดรส ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านหญิง"
                       "แหม ท่านหญิงอะไรกันล่ะ คนกันเองทั้งนั้น เรียกน้าดีกว่าจ้ะ เรียกท่านหญิงมันฟังดูแก่ยังไงไม่รู้" ว่าแล้วคนที่(ไม่อยาก)ถูกเรียกท่านหญิงก็กระซิบพร้อมขยิบตาให้อย่างรู้กัน ทำเอาเด็กทั้งสองเหวอไปตามๆกัน เมื่อเนลล่าเห็นดังนั้นจึงรีบแนะนำต่อ
                       "นี่คือเคนนาโด จ้ะ ส่วนท่านหญิงท่านนี้คือ ท่านหญิงวาเคนนา มินเดรส" จบปนะโยคท่านหญิงแห่งเฮเลนก็ย่อกายลงทำความเคารพครอบครัวของเพื่อนอย่างอ่อนหวานแล้วพูดขึ้น
                       "เอมมารีน คาร์นา เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านหญิงวาเคนนา มินเดรส และ ท่านชายเคนนาโด มินเดรส ท่านชายรองแห่งมินเดรส" ความอ่อนหวานของเธอทำให้ท่านหญิงวาเคนนาต้องเอ่ยปากชม
                       "อ่อนหวาน น่ารักแบบนี้ สมแล้วที่เป็นท่านหญิงแห่งคาร์นา จริงไหมจ๊ะ" คำชม(ปนแซว)เล่นเอาท่านหญิงแห่งคาร์นาของท่านย่าหน้าแดงระเรื่อและยิ่งแดงเข้าไปใหญ่เมื่อยัยเพื่อนตัวดีส่งเสียงหัวเราะแบบไม่เกรงใจใครชนิดไม่เหลือคราบท่านหญิงแห่งมินเดรสอยู่เลย
                       "เอาละ เข้าบ้านกันเถอะ ฉันให้เด็กเตรียมของว่างเอาไว้ให้แล้วล่ะจ้ะ กินก่ออนแล้วค่อยกลับนะ" คำขอร้องที่ไม่สามารถคัดค้านได้ของเพื่อนสาวทำให้เนลล่าต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้.....เมื่อคณะผู้มาเยือนกลับไป เสียงทุ้มจากด้านหลังก็เรียกความสนใจจากท่านหญิงของบ้านได้
                       "คุณว่าเด็กคนนั้นเป็นไงคะ" เสียงหวานถามโดยมีเสียงนุ่มตอบกลับ
                       "คนไหนครับ"
                       "อย่าทำเป็นไม่รู้นะคะ ฉันรู้ว่านะคุณสนใจเด็กคนนั้นน่ะ"
                       "นั่นสินะครับ เด็กคนนั้นน่าสงสาร ต้องมาโดนชะตากรรมต้องสาป ที่หลายพันปีไม่เคยเกิดขึ้น"
                       "เราพอช่วยแกได้บ้างไหมคะ"
                       "ผมขอโทษแต่เราทำอะไรไม่ได้ เราได้แต่หวังว่าเขาคนนั้นจะรู้ตัวและมีพลังพอจะถ่วงดุลอำนาจกับเธอ เราได้แต่หวังเท่านั้น" เสียงพูดคุยที่ค่อยๆเบาลงและหายไปพร้อมกับตะวันที่ค่อยๆลับฟ้าไปอย่างเงียบสงบ
    กงล้อแห่งชะตากรรมจงหมุนไปหมุนไปเรื่อยจนกว่าจะมีอีกหนึ่งชะตากรรมมาบรรจบกับเจ้าและจงเป็นเช่นนี้ตลอดกาล



     
    ทักทายกันหน่อยน้า

    สวัสดีค่ารีดเดอร์ทุกท่าน ไรท์ชื่อจุ๊ยซ์ค่า (น้ำผลไม้นิ) เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรท์เขียนดังนั้นมีอะไรก็ติชมกันได้นะค้าา ไรท์ไม่กัดและยินดีรับคำติชมนั้นไว้ทั้งหมด ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเลยค่ะรับรอง ^^

    สุดท้ายก็ขอให้รีดเดอร์ทุกท่านสนุกกับเรื่องของไรท์นะคะ
    รักเสมอ
    ไรท์
    :)  Shalunla

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น