[Fic B.A.P] Never forget U {uplo} - [Fic B.A.P] Never forget U {uplo} นิยาย [Fic B.A.P] Never forget U {uplo} : Dek-D.com - Writer

    [Fic B.A.P] Never forget U {uplo}

    คุณเคยโดนทิ้งมั้ย ? ผมว่าก็น่าจะเคยแหละแต่ผมนี่สิโดนทิ้งมาตั้ง 3 ปีเชียวนะ! แล้วจู่ ๆคนนั้นก็กลับมาจะให้ผมยกโทษให้ง่าย ๆได้ยังไงกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    428

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    428

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 56 / 19:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                      
    บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายและไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินเสียหาย
    หากไม่ชอบกรุณากด x 

     
    สวัสดีค่ะ -/\- นามปากา mushroom แหล่ะตัวเอง อายุ 15 ล่ะ
    ฟิคเรื่องนี้ความจริงวางเป็นพล็อตยาวแต่อยากให้มันจบเร็ว ๆ เลยรวบรัดตัดตอนเลย 55555
    เรื่องนี้เคยเอาลงในบ้าน b.a.p thailand นะคะ แอบงอนคนไม่ดิทTT
    อ่านแล้วก็เม้นกันหน่อยเนอะ TT




    ขอบคุณธีมสวย ๆจาก ©Tenpoints! นะคะ
    จิ้มเบาๆ
    © Tenpoints!
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




       

          “จุนฮงอ่า จุนฮงเปิดประตูให้พี่หน่อยสิ” ลำแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อออกแรงเคาะประตูตรงหน้านี่มานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว  แต่เคาะจนแทบจะพังประตูเข้าไปก็ไม่มีคนมาเปิดหรือแม้แต่เสียงตอบรับก็ยังไม่มีเพราะคนในห้องเอาแต่นอนขดร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่ม



             “ถ้าไม่มาเปิดพี่ก็เข้าไปไม่ได้นะ  งั้นรอให้เราใจเย็นลงก่อนละกัน” เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆห่างออกไปทำให้ร่างใต้ผ้าห่มมุดหัวออกมาด้วยความไม่พอใจ



      … จงออบคนบ้า!! การมาง้อแค่สองชั่วโมงกับทิ้งให้ผมรอตั้งสามปีมันแทนกันได้ที่ไหนเล่า! …



             ร่างบนเตียงคิดก่อนจะลุกเดินไปยังประตูอย่างหงุดหงิด  ทันทีที่มือขาวเปิดประตูชะโงกหน้าออกไปเพื่อมองว่าคนๆนั้นไปถึงไหนแล้วก็ถูกรั้งเอวจากด้านหลังให้กลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วและตามมาด้วยเสียงล็อคกลอนดังคลิ๊ก  คนถูกดึงเข้ามารีบหันไปด้านหลังก็พบว่าคนที่ดึงเขาเข้ามาคือ



      “พี่จงออบ!”


       

       

                ร่างสูงนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา ใบหน้าบูดบึ้งบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธได้เป็นอย่างดี แก้มขาวๆพองลมออกมาเล็กน้อย แทนที่จะเหมือนคนโกรธมันจะดูน่ารักมากกว่าอีกซะละมั้ง

               “พี่ขอโทษนะจุนฮงอ่า ยกโทษให้พี่เถอะ” น้ำเสียงออดอ้อนจากคนที่นั่งด้านล่างมันพาลจะทำให้ใจอ่อนเอาเสียดื้อ ๆ ‘ ไม่ได้! เราต้องใจแข็งเข้าไว้สิชเวจุนฮง ’ ใบหน้าขาวหันหนีไปอีกทางส่งผลให้คนง้อต้องลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ

                “มันกระทันมากพี่เลยไม่ได้มาบอกเราว่าพี่จะไปต่างประเทศเข้าใจหน่อยนะ” คำอธิบายของคนพี่ไม่ได้ทำให้คนที่นั่งข้างๆมีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรเลย

                “อ่าจะให้พี่ทำอะไรก็ยอม ขอแค่หายโกรธพี่เถอะนะ” ได้ผล! ประโยคนี้ทำให้คนหน้าบูดเปลี่ยนเป็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ทันที ‘ควรจะดีใจมั้ย’

                “จริงเหรอ” น้ำเสียงและท่าทางแบบนี้เป็นลางสังหรณ์ว่ามุน จงออบคนนี้งานเข้าแล้วหล่ะ

       

       

       

       

                อากาศหนาวเย็นข้างนอกที่อุณหภูมิ 3 องศาทำให้คนยืนรอตรงที่โล่งๆแบบนี้สั่นได้ไม่น้อยเลย แต่รอมาชั่วโมงกว่าเขาก็ยังไม่ย้ายไปไหนด้วยคำพูดของเด็กน้อยอารมณ์เสียเมื่อวาน

      “อยากไปเดินเที่ยวในเมือง”

       


      “ที่ไหนเมื่อไหร่ครับ บอกมาเลย” คนถามแอบคิดในใจว่าแค่เดินเที่ยวในเมืองมันจะง่ายไปมั้ยสำหรับเด็กคนนี้

       


      “พรุ่งนี้พี่ไปรอผมที่หน้าร้านเดิมสิบโมงเจอกัน อย่าหายไปไหนก่อนหล่ะ” ก็ไอ่ประโยคหลังนั่นแหละที่ทำให้เขายืนรอตรงนี้จนสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วยังไม่เห็นวี่แววของเด็กนั่นเลย

       


                ตู้ดด ตู้ดด กดโทรหาจนสายโทรศัพท์แทบไหม้ก็ยังไม่มีคนรับ หรือว่าออกมาแล้วแต่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่หอถ้างั้นอีกครึ่งชั่วโมงก็คงถึงมั้ง คิดได้อย่างงั้นจึงยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกง แต่รอมามากกว่าครึ่งชั่วโมงก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกปวดจี๊ดที่หัวเพราะอากาศหนาว ลองไปตามที่หอดีกว่า

       


                ก๊อก ๆๆ ประตูนี่เวลาเคาะจะเคยมีคนมาเปิดให้มั้ยฮ่ะ คนในเสื้อกันหนาวตัวหนาสีดำเริ่มรู้สึกหัวเสียกับการตามหาเจ้าเด็กยักษ์จุนฮงแล้วหล่ะ จงออบกลับมายังที่นัดกลับมายังสถานที่ที่นัดกันอีกครั้งด้วยท่าทางเหนื่อยหอบจากการวิ่งตามหาจุนฮงไปทั่ว

       


                ก๊อก! ๆ เคาะประตูอีกแล้วแต่แค่ครั้งนี้ไม่ใช่ห้องเดิมเท่านั้นแหละ ลมหายใจเหนื่อยหอบพ่นแรงจนกระทบบานประตูสะท้อนกลับมาที่ใบหน้าขาวซีดของจงออบ แกร๊ก! พอบานประตูเปิดออกคนรอก็พุ่งคำถามใส่เจ้าของห้องทันที

       


      “พี่แดฮยอนจุนฮงมาที่นี่มั้ย!” คนถามที่หน้าตาตื่นแตกต่างกับคนถูกถามที่หน้าตางัวเงียมาก

       


      “จะบ้าเหรอ จุนฮงแฟนนายจะมาอยู่กับฉันได้ยังไง” แดฮยอนตอบทั้งๆที่ยังขยี้ตาอยู่
       

       

      “ผมตามหาจุนฮงไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับที่หอก็ไม่มี” ท่างทางร้อนรนของจงออบไม่ได้ทำให้แดฮยอนที่ห่วงแต่การหลับสนใจขึ้นมาได้
       

       

      “เมียแกหาเองดิ่ ไม่มีไรแล้วใช่ป่ะฉันจะไปนอนต่อ” พอคนในห้องทำท่าจะปิดประตู ร่างของจงออบก็ร่วงลงไปกองกับพื้นต่อหน้าแดฮยอน
       

       

      “เฮ้ย! จงออบ”
       

       

       

                เมื่อร่างบนเตียงเริ่มรู้สึกตัวก็สัมผัสได้ถึงศีรษะที่หนักอึ้ง เปลือกตามันหนักจนยกขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างกายมันร้อนไปหมดแต่กลับรู้สึกหนาวเหน็บเข้ากระดูกทั้งที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มหนา

       


      “จงออบ” เสียงหนึ่งเรียกชื่อเขาแต่ก้ไม่สามารถลืมตามองภาพคนตรงหน้าได้ชัด ๆ

       


      “โห ไข้ขึ้นสูงมากนายไปทำอีท่าไหนถึงได้เป็นขนาดนี้เนี่ย” เสียงเดิมกล่าวขึ้นแต่คราวนี้เหมือนจะไม่ได้คุยกับเขาซะมากกว่า ดวงตาเริ่มพร่ามัวก่อนที่สติจะดับวูบลงไปอีกครั้ง

       

       

       

       

                ร่างใต้ผ้าห่มขยับยุกยิกไปมาเพราะรู้สึกตัวแล้ว จงออบที่ฟื้นขึ้นมามองไปรอบๆก็พบว่าเป็นห้องที่คุ้นเคยแต่ไม่ใช่ห้องของเขาหรอกนาฬิการูปกบบนหัวเตียงบอกเวลาห้าโมงกว่าแล้ว นี่เขาหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ  คนบนเตียงลุกเดินออกไปยังนอกห้องก็พบกับคนที่ตามหามากว่าครึ่งวันกำลังง่วนอยู่กับเตาแก๊สในครัว แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้จุนฮงตกใจได้ไม่น้อย

      “นายหายไปไหนมารู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงมากแค่ไหน อุตส่าห์ตามหาแทบแย่” แทบแย่จริง ๆ ถึงกับเป็นลมไปเพราะพิษไข้เนี่ย น้ำเสียงเป็นห่วงจากคนด้านหลังไม่ได้ทำให้เด็กดื้อในอ้อมกอดรู้สึกผิดเลยซักนิดเดียว แต่มันกลับทำให้คนตรงหน้านิ่งไป

       


      “ทีนี้รู้รึยังหล่ะว่าผมรู้สึกยังไง” น้ำเสียงนิ่งจนน่ากลัวของเด็กตรงหน้าทำให้จงออบถึงกับสะอึกกับคำพูดนั่น จุนฮงผละออกมายืนประจันหน้ากับจงออบทำให้เขามองเห็นน้ำใสๆในดวงตาแดงก่ำนั่นที่พร้อมจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อ

       


      “ผมหายไปแค่นี้พี่ยังเป็นห่วงขนาดนี้ แล้วลองคิดถึงคนที่หายไปตั้งสามปีแบบพี่สิ!!” หลังจากตะคอกใส่คนตรงหน้าแล้วก็รีบสาวขายาวๆเดินเข้าห้อง แต่ก็ถูกแขนแกร่งรั้งเข้ามากอดแน่นกว่าเดิม จุนฮงพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดนี้แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงกล้ามแขนของจงออบได้ ไอ่แขนข้าวต้มมัดเอ้ยแน่นเป็นบ้า!! จุนฮงได้แต่สบถในใจเมื่อสู้อะไรไม่ได้

       

       

      “พี่รู้แต่จะให้พี่ทำไงได้หล่ะ พี่ขอโทษ”

       


      “แต่ผมไม่อยากได้ยินมัน” จุนฮงกระทืบเท้าใส่จงออบอย่างแรงทำให้เขาเผลอจึงสบโอกาสให้จุนฮงผลักเขาออกแล้วรีบวิ่งเข้าห้องไป คลิ๊ก! เสียงล็อคกลอนอย่างดีทำให้จงออบได้แต่ถอนหายใจและทรุดลงหน้าประตู พิษไข้ที่ยังไม่หายดีทำให้เขาเผลอหลับไปทั้งที่ยังคิดว่าจะทำยังไงให้คนในห้องหายโกรธเขาซักที

       


                เสียงท้องร้องเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเที่ยง มันบังคับให้คนในห้องเปิดประตูออกมาเพื่อหาอะไรลงท้องก่อนที่มันจะร้องดังไปมากกว่านี้ แต่พอเปิดออกมาก็ต้องผงะเพราะร่างที่นอนอิงประตูดันหงายมาพอดี


      “อ้ะ มานอนทำไมตรงนี้เนี่ย” คนตัวสูงเปล่งประโยคที่ไม่น่าถามออกมา ทั้งๆที่ในห้องนั่นก็มีอยู่คนเดียวที่ให้รอ ถึงแม้จะตัวสูงแต่การลากคนที่มีแต่กล้ามทั้งตัวมายังโซฟาก็ลำบากใช่ย่อย เมื่อวางจงออบลงบนโซฟาแล้วก็ไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้กันหนาวเพราะจากที่สัมผัสมาตัวยังรุ่มๆอยู่

       


                จุนฮงนั่งลงข้างๆโซฟาที่คนพี่นอนอยู่หลังจากหาอะไรกินแล้วเรียบร้อย ดวงตาใสจ้องมองใบหน้าคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องบนโซฟาจะว่าไปก็รู้สึกสงสารขึ้นมาที่ต้องมาป่วยเพราะเขา แต่ว่าคนๆนี้ใจร้ายมากนะ!ที่ทิ้งเขาไปเรียนต่อต่างประเทศโดยไม่บอกกันก่อนเลย

       


                จุนฮงเดินไปหยิบผ้าขนหนูพร้อมกะละมังใส่น้ำมาวางลงข้างโซฟาแล้วลงมือเช็ดตัวคนป่วย เหมือนที่จงออบเคยทำให้เขาตอนเด็ก ทำยังไงนะเอาผ้าจุ่มน้ำแล้วบิดหมาดๆรึเปล่าแล้วก็เช็ดไปตามตัวสินะ น่าจะใช่แล้วหล่ะ ก็ตั้งแต่เกิดมาชเวจุนฮงคนนี้ยังไม่เคยเช็ดให้ใครเลยนี่นา!
       

       

      “อืม จุนฮงอา จะ จุนฮงพี่ขอโทษ” เสียงละเมอจากคนที่ถูกเช็ดตัวเอ่ยขึ้นเบาๆ เรียกความสนใจจากเด็กตัวสูงให้หันไปมองใบหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้นั่น

       


      “พ พี่ขอโทษ ขอโทษ จุนฮง” คนป่วยยังคงละเมอพ่นคำขอโทษออกมาไม่หยุด เด็กตัวสูงรีบเข้าไปประคองใบหน้าที่ส่ายไปมาและใช้ผ้าเช็ดเหงื่อที่ไหลเต็มใบหน้า

       


      “พ พี่จงออบอย่าเป็นอะไรนะ ใจเย็นๆผะ ผมไม่โกรธพี่แล้วก็ได้ ผมไม่โกรธแล้ว” ประโยคที่เอ่ยออกไปด้วยความตกใจทำให้ร่างที่ละเมอค่อยๆสงบลง ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินประโยคนั่นหรืออะไรแต่มันก็ดีแล้ว ดีแล้วหล่ะ

       

       

       

                การปล่อยให้คนป่วยนอนบนโซฟานอกห้องคงไม่ดีซักเท่าไหร่ จุนฮงจึงจำใจต้องลากจงออบเข้าไปนอนบนเตียงในห้อง อ่าวแล้วเขาหล่ะจะนอนไหน คนอย่างจุนฮงหน่ะไม่ยอมนอนบนโซฟาหรือบนพื้นหรอกนะ คืนนี้เด็กตัวสูงต้องนอนร่วมเตียงกับคนป่วยซะแล้ว

       


                ดวงตาใสไม่ยอมหลับลงซักทีเพราะมัวแต่จ้องมองใบหน้าคนที่นอนอยู่ข้างๆเอาเข้าจริงก็คิดถึงนั่นแหละ อยากกระโดดกอดอยากพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มันมีความโกรธแล่นเข้ามาแทนที่ก่อนหน่ะสิ โกรธที่ไปไม่ลากันซักคำทิ้งให้เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานมาก ถ้าเขาไม่มีพี่แดฮยอนให้พึ่งพาบ้างเล็กน้อยป่านนี้จะเป็นยังไง ยิ่งคิดยิ่งอารมณ์เสียเด็กน้อยจึงหัวตัวไปอีกอีกทางก่อนจะเผลอหลับไป

       

       

       

       

       


                ลืมตาขึ้นมาก็เจอตาตี่ๆมองแป๋วมาที่เขาพอตื่นเต็มตาแล้วก็รีบผละออกจากเตียงทันที อะไรกันมานอนมองหน้าเขาอย่างนี้ได้ยังไง แต่นึกไปนึกมาก็เขานั่นแหละที่ลากจงออบมานอนบนเตียงด้วย แต่ตื่นแล้วทำไมลุกไปเล่าทำแบบนี้มันเขินนะเฮ้ย!  เด็กตัวสูงชักสีหน้างอแล้วรีบเดินออกจากห้องไป ‘ยังโกรธอยู่เหรอแล้วเสียงที่ได้ยินเมื่อคืนว่าจะไม่โกรธแล้วมันคืออะไรอ่ะหรือว่าคิดมากจนฝันไป’ คนที่นั่งบนเตียงได้แต่คิดสงสัยแต่ก็ลุกตามร่างสูงออกห้องไป

       


                จงออบหยิบเสื้อกันหนาวสีดำตัวเดิมขึ้นมาใส่ทำท่าจะออกจากห้อง เด็กตัวสูงได้แต่เหล่มองด้วยหางตาพลางคิดในใจ ‘ฮึ! จะไปไหนอีกหล่ะคอยดูเถอะจะงอนไม่ลืมหูลืมตาเลย’ ทั้งที่รับรู้ถึงการจะไปของจงออบแต่จุนฮงก็ยังทำเป็นไม่สนใจ คุณได้รับสิทธินั้นเพราะจงออบก็ออกไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรเช่นกัน

       


      ‘จงออบคนบ้าๆๆ ฮึ่ย! ทั้งโกรธทั้งงอนไม่ต้องกลับมาเลยนะ!’ พอเขามาง้อก็ทำเป็นไม่สนใจแต่พอเขาไปก็โกรธ คนเรา…

       


                ทั้งที่วันนี้เป็นวันสำคัญแท้ๆแต่เขาก็ทำเหมือนจำไม่ได้ จุนฮงได้แต่นั่งหงอกอดเข่าอยู่บนโซฟาตัวเดิมตัวที่จงออบมานอนเพ้อเพราะพิษไข้เมื่อคืน ทำไมมันเจ็บปวดในใจขนาดนี้เนี่ย หายไปไม่ลากลับมาไม่บอกแถมยังไม่สนใจเราอีกวันสำคัญยังจำไม่ได้ ทำไมต้องมารักคนแบบนี้ด้วยนะ!


                เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนบนโซฟาให้รีบหันไปหยิบหน้าตาตื่นเพราะคิดว่าจะเป็นคนๆนั้นโทรมา แต่ใบหน้านั่นก็กลับมาทำหน้าเซ็งอีกครั้งเมื่อชื่อที่ปรากฏเป็นชื่ออื่น

      “ยอบอเซโย”

       


      “จุนฮงนี่วันนี้วันเกิดนายใช่มั้ยล่า สุขสันต์วันเกิดนะนายมาหาฉันที่หอสิฉันเตรียมของไว้เลี้ยงนายเยอะแยะเลย” เสียงสดใสจากปลายสายของแดฮยอนดังขึ้น ถึงประโยคนี้จะอยากให้มาจากคนที่เพิ่งออกห้องไปก็ตามแต่มันก็ทำให้คนรับโทรศัพท์ยิ้มเล็ก ๆ ออก อย่างน้อยก็ยังมีคนสนใจเค้าละนะถึงจะเป็นคนเดียวและคนเดิมในทุกๆปีก็เถอะ

       

       

       


              วันนี้จุนฮงทั้งร้องทั้งเต้นเต็มที่แถมยังได้ของขวัญกลับมาเป็นหอบเลย จะไม่ให้เยอะได้ไงก็แดฮยอนเล่นไปไล่บอกเพื่อนของจุนฮงแทบทุกคนว่าวันเกิดให้เตรียมของขวัญมาให้เขาด้วย ไม่ได้ขอขนาดนั้นซะหน่อยแต่เพื่อนๆทุกคนก็บอกว่าเต็มใจจะให้อยู่แล้ว มันทำให้เขารู้สึกขอบคุณมากแต่ก็เหมือนยังขาดของขวัญบางอย่างไปในปีนี้อยู่ดี

       


              พอขายาวก้าวเข้ามาในห้องก็พยายามใช้มือที่ถือของน้อยที่สุดเอื้อมไปเปิดไฟแต่ห้องก็ยังมืดเหมือนเดิม ไฟดับรึไงกันทำไมห้องอื่นยังติดเลย ร่างสูงหอบของพะรุงพะรังเข้ามาวางในห้องแต่เท้าดันเตะเข้ากับอะไรบางอย่างเสียก่อน แต่มืดอย่างนี้ใครมันจะไปมองเห็นกันคิดว่าคงเป็นข้าวของที่เขาเขวี้ยงเพื่อระบายอารมณ์เมื่อเช้าแล้วยังไม่ได้เก็บละมั้ง คนตัวสูงได้แต่ทำปากจิ๊จ๊ะแล้วพยายามก้าวข้ามของพวกนั้นไป
        

       

      “เซงิลชุกคาฮัมนีดา~” เสียงร้องเพลงวันเกิดที่คุ้นเคยดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง เสียงเทียนค่อยๆลอยมาทางเขา ความจริงมันก็ไม่ได้ลอยมาหรอกมันถูกถือมาโดยคนบางคนต่างหาก

       


      “สุขสันต์วันเกิดนะครับจุนฮงของพี่” ใบหน้าของคนถือเค้กยิ้มจนตาปิดเขายื่นเค้กในมือมาให้จุนฮงที่ตอนนี้ยืนนิ่งไปแล้วเรียบร้อย

       


      “อธิษฐานแล้วเป่าสิ” เด็กน้อยตัวสูงหลับตาพึมพำอะไรบางอย่างแล้วพ่นลมเป่าเทียนตรงหน้าให้ดับจนหมดก่อนห้องทั้งห้องจะสว่างพรึ่บขึ้นมาเผยให้เห็นสายรุ้งที่ห้อยเต็มกำแพง กล่องของขวัญมากมายกองอยู่ข้างต้นไม้สวย บนโต๊ะอาหารถูกจัดอย่างสวยงามและถูกประดับด้วยเชิงเทียนสีนวลที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง

       


      “โตขึ้นอีกปีแล้วนะจุนฮงอา” พูดพลางยกมือลูบหัวเด็กตรงหน้าอย่างเอ็นดู จนเหลือมือถือเค้กแค่ข้างเดียว

       


      “ทำแบบนั้นเดี๋ยวเค้กก็หล่นซะหรอก” พูดกลั้นยิ้มพร้อมเดินสวนจงออบไปยังโต๊ะที่มีอาหารเรียงรายน่ากิน ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะตามมาด้วยจงออบที่ถือเค้กมาวางบนโต๊ะ หน้าเค้กมีข้อความว่า ‘สุขสันต์วันเกิดชเวจุนฮงคนเก่ง ต้องเป็นเด็กดีนะ!’ มันคือข้อความเดียวกับบนหน้าเค้กเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว เขายังจำมันได้

       


      “ปีนี่นายไม่ได้บอกพี่ว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ยพี่เลยไม่ได้เตรียมอะไรพิเศษให้” จงออบที่กำลังบรรจงตัดเค้กเอ่ยขึ้น
       

       

      “แต่พี่มีของขวัญอย่างนึงที่เตรียมไว้ให้นายนะ” แขนแกร่งนั่นวางมีดตัดเค้กลงแล้วเดินมาหาจุนฮงที่นั่งบนเก้าอี้ ไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกไปริมฝีปากของจงออบก็ประกบลงมาบนริมฝีปากจุนฮงอย่างแผ่วเบา จูบที่แสนอ่อนหวานของจงออบทำให้คนบนเก้าอี้รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า จงออบค่อยๆผละใบหน้าออกแต่จุนฮงยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
       

       

      “เมื่อสี่ปีที่แล้วใครเป็นคนขอของขวัญชิ้นนี้กันหล่ะ ฮ่าๆ” คนยืนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูคนตรงหน้าอีกครั้ง
       

       

      “หายโกรธพี่รึยังครับคนดี ถ้ายังพี่จะเอาของขวัญให้อีกนะ” เอาหล่ะสิถ้าอยากได้ของขวัญต้องโกรธต่อใช่มั้ย… เฮ้ย!
       

       

      “อ่ะอะไรกันจงออบคนบ้า มะไม่โกรธแล้วก็ได้” เด็กตัวสูงบนเก้ารีบตอบก่อนที่จะได้รับของขวัญอีกชิ้นด้วยที่ใบหน้าแดงก่ำจนถึงหู ' โอ๊ย! จุนฮงคนนี้หายโกรธง่ายเพราะจูบผู้ชายครับผม!! '
       

       

      “ก็แค่น้อยใจที่หายไปหลายปีเสียใจที่พี่ไม่อยู่ตรงนี้กับผม” เอาแล้วไงเด็กคนนี้เข้าโหมดดราม่าอีกแล้วจงออบดึงจุนฮงขึ้นมาสวมกอดอย่างอบอุ่น กอดที่สองสามวันนี้เอาแต่ดิ้นออกทั้งๆที่คิดถึงใจแทบขาด

       


      “แต่ตอนนี้พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ อยู่กับจุนฮงไงจะไม่ไปไหนอีกแล้วสัญญา” เหมือนพูดปลอบใจร่างในเด็กตรงหน้าที่กำลังจะร้องไห้อีกแล้วแต่ไม่ใช่นี่คือคำสัญญาที่หนักแน่นของมุนจงออบ

       


      “จริงนะ” ขนตาเปียกเป็นแพทำให้ใบหน้าขาวนั่นดูหวานขึ้นมากกว่าเดิม

       


      “ครับพี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”

       


      “ผมรักพี่มากนะฮะห้ามไปไหนอีกนะ”

       


      “แน่นอนครับที่รักของผม” มือหนาลูบผมนิ่มของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ทั้งสองกอดกันนานเท่าไหร่ไม่รู้อยากให้นานเท่าช่วงเวลาที่จากกันไปเผื่อมันจะทดแทนความเหงาในหัวใจทั้งสองให้น้อยลง แต่ตอนนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วจะไม่แยกจากไปไหนอีกแล้วหล่ะ ขอแค่มีคนตรงหน้าก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
       

       



      “ย่าห์ พี่จงออบทำอะไรเนี่ย” คนโวยที่ตอนนี้หน้าแดงจัดเพราะถูกขโมยหอมแก้มอย่างไม่ทันตั้งตัว

       


      “ฮะๆ ก็แก้มเรามันนิ่มดีนี่นาพี่ชอบอ่ะ” คำตอบจากจงออบมันทำให้เด็กยักษ์แทบจะเอาหัวมุดลงดินไปซะเดี๋ยวนี้เลยเชียว ตอบมาแบบนี้คนฟังมันเขิลนะเฮ้ย! แต่จงออบยังไม่หยุดเขายกมือสองข้างขึ้นมาบีบแก้มเด็กน้อยไปมา

       


      “อู้อี้องออบอ่าอูดดด”

       


      “ฮ่าๆๆ” ความน่ารักของเด็กตรงหน้ามันทำให้จงออบหลุดหัวเราะออกมา

       


      “จะไปได้รึยังเนี่ยฮะเดี๋ยวก็ไปช้าหรอก” เด็กน้อยหน้าแดงรีบท้วงถามก่อนจะโดนแกล้งไปมากกว่านี้

       


      “อ่าครับๆไปกันเถอะ” ตอบพร้อมรอยยิ้มสดใสที่มองเมื่อไหร่ก็มีความสุข

       


       

       

      รถเก๋งคันหรูสีขาวเคลื่อนเข้ามายังพื้นที่ชุมชนซึ่งห้างตัวเมืองมาก ทำให้บริเวณนี้มีแต่ไร่เกษตรปลูกพืชชนิดต่าง ๆ รวมถึงไม้ดอกนานาชนิด

       


      “ฮ้า~ คิดถึงอากาศสดชื่นแบบนี้ที่สุดเลย” เสียงสดใสของจุนฮงที่เปิดหน้าต่างออกไปรับลมจากข้างนอกทำให้คนขับได้แต่อมยิ้มมีกับการมีความสุขของเด็กข้างๆ
      รถคันหรูเคลื่อนมาหยุดบริเวณเนินสูงที่สามารถมองลงไปเห็นพื้นที่ด้านล่างโดยรอบ ทั้งสองคนเปิดประตูรถออกมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ที่คิดถึงมานาน ภาพดอกไม้เบื้องล่างมันทำให้อาการเหนื่อยล้าจากการขับรถเป็นระยะทางไกลหายเป็นปลิดทิ้ง

       


      “นานแล้วที่เราไม่ได้กลับมาที่บ้านเนอะพี่จงออบ” จุนฮงเอ่ยคุยกับคนข้าง ๆ ซึ่งเขาก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย จงออบเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ในบรรดาไม่กี่ต้นบนเนินแห่งนี้แล้วปีนขึ้นไปควานหาอะไรบางอย่างในซอกกิ่งไม้

       


      “อ้ะ ยังอยู่ด้วยแฮะ” มือหนาคว้ากล่องเล็กๆสีฟ้าลงมาแล้วปีนกลับลงมาข้างล่าง พอเปิดออกก็พบว่ามีแหวนเงินวงเล็กๆอยู่ข้างใน จงออบหยิบมันขึ้นมาตรงหน้า

       


      “ยังจำได้มั้ย?” เด็กตัวสูงได้แต่มองตามการกระทำของพี่ชาย เขาพยักหน้าอายๆเล้กน้อยด้วยความเขิน ก็จะไม่ให้เขินได้ไงในเมื่อแหวนนี่จุนฮงเป็นคนบอกว่าถ้าโตมาแล้วจะให้จงออบใส่ให้

       


      “แต่ว่าตอนนี้คงใส่ไม่ได้แล้วหล่ะฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไร” มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแหวนล้วงเข้าไปหาของบางอย่างที่เตรียมมาในกระเป๋ากางเกง

       


      “อ่ะนี่ไง” สร้อยเส้นบางสีเงินถูกดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่จงออบจะเอาหวนสอดเข้าไปแล้วบรรจงสวมคอให้คน

      ตรงหน้า

       

       

      “แบบนี้ก็พกติดตัวได้เหมือนกัน” รอยยิ้มพึงพอใจของจงออบทำให้จุนฮงได้แต่จับสร้อยพลิกไปมาแก้เขิน

       


      “ขอบคุณนะครับที่พี่ยังจำได้” รอยยิ้มน่ารักของจุนฮงปรากฎขึ้นมาทำเอาจงออบที่ยิ้มอยู่แล้วยิ้มกว้างกว่าเดิมจนตาเป็นเส้นตรง

       


      “พี่ไม่เคยลืมเรื่องของเราซักเรื่องเลยนะรู้มั้ย” มือหนาลูบหัวหยองของจุนฮงอย่างอ่อนโยน

       


      “ผมก็คิดถึงพี่ตลอดเวลาเหมือนกัน”

       


      “ถ้างั้นอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ”

       


      “ฮ่ะมะ หมายความว่าไงเหรอครับ”

       


      “แหวนนั่นถือว่าเป็นแหวนหมั้นไว้ละกันนายหน่ะมีเจ้าของแล้วนะห้ามยุ่งกับใครเด็ดขาดเลย” คำพูดของจงออบทำให้จุนฮงดี

      ใจจนเก็บอาการไม่อยู่พุ่งเข้ากอดคนพี่อย่างเต็มแรง

       

       

      “รอผมนะ รอผมเรียนจบอีกนิดเดียวนะครับ” ใบหน้าขาวเอ่ยออกมาด้วยความสุขจนหัวใจพองโต

       

       

      “นายอุตส่าห์รอพี่มาตั้งสามปีให้พี่รอแค่นี้สบายมาก”

       

       

      “ผมรักพี่จงออบที่สุดเลย!”
       

       

      “พี่ก็รักนายมากเหมือนกันจุนฮง”

               

               สายลมเย็นพัดผ่านทั้งคู่ไปแต่เหมือนมันกลับพัดพาความสุขมายังเนินแห่งนี้ซะมากกว่า กลิ่นดอกไม้เบื้องล่างผสมกับกลิ่นไอของความรักทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่ดีที่สุด

         

       


      ‘ขอบคุณนะครับ’

       

       

       

      Talk

      โล่ : ผมขอถามไรหน่อยดิ่

      ออบ : อะไรครับ ?

      โล่ : ตอนที่พี่เซอร์ไพรซ์วันเกิดผมอ่ะพี่เป็นคนถือเค้ก แล้วใครเปิดไฟให้ ?

      ออบ : แฮ่ ๆ งานพี่มีคนช่วยหน่ะ

      โล่ : ฮะ แสดงว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยดิ่

      ออบ : เอ่อ ครับ -///-

      โล่ : เห้ยยย งั้นเค้าก็เห็นตอนที่พี่จูบผมอ่ะดิ่ ม่ายยย ToT

      ออบ : เอ่อพี่ก็อายครับ TT

       

      จบเถอะ. . .

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×