*WARNING*
ใครลืมเนื้อเรื่องก่อนหน้ารบกวนอ่านทวนนิดนึงนะคะ ไม่งั้นตามอารมณ์ไม่ทันแน่นอน
PART 25 : Confession- act of admitting that you have done something wrong -
ส่วนสูง 180 เซนติเมตรกับแผ่นไหล่กว้างเป็นสิ่งแรกที่องซองอูมองเห็นจากประตูลิฟต์ ร่างบางก้าวออกไปหาคนที่มานั่งรอเขาตั้งแต่สิบนาทีก่อน คิ้วขมวดมุ่นเหมือนเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ริมฝีปากหนาเม้มเป็นเส้นตรงก่อนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองมาด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวลกว่าทุกที
ดาเนียลไปเจออะไรมาหรือเปล่านะ ?
"มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ผมไม่รู้ตัวเลยแฮะ"
ซองอูมองท่าทีเลิ่กลั่กของคนเด็กกว่าที่พยายามปกปิดอาการวิตกกังวล ใบหน้าเรียวยังคงส่งยิ้มมาให้เขาเช่นเคย
"คิดอะไรอยู่ หืม?"
เอ่ยถามในขณะเดินตามไปยังที่จอดรถ ร่างสูงเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าไปก่อนจับแขนเขาเอาไว้แน่น แรงจับที่มากเกินพอดีทำให้ซองอูเจ็บจนเผลออุทานออกมา อีกฝ่ายหันมามองด้วยความตกใจก่อนปล่อยแขนข้างนั้นให้เป็นอิสระ
"เอ่อ ผ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ"
ร่างสูงหยุดนิ่งพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
กี่ครั้งแล้วที่ความกังวลของเขามันไปทำร้ายคนอื่น
"...."
"...."
"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมนายถึงได้ดูเครียดขนาดนี้"
ซองอูเริ่มทำลายความเงียบก่อน หากดาเนียลไม่พูดเขาเองก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ อย่างน้อยการที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
"พี่ซองอู..."
"...."
"ผมจับคนที่ขับรถชนพี่ได้แล้วนะ เราไปหาเขากันเถอะ"
__________________________________________
ความเงียบก่อตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความรู้สึกหนักอึ้ง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกได้ถึงความกังวลใจไม่ต่างกัน
ดาเนียลเหยียบคันเร่งจนแทบจะมิด มุ่งหน้าไปในที่ที่ซองอูเองก็ไม่ทราบว่าคือที่ไหน
ล้อทั้งสี่พายานพาหนะและผู้โดยสารทั้งสองคนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เพื่อที่จะทำให้ซองอูตระหนักได้ว่า... เขากลับมาที่บ้านของตัวเอง
"ไหนนายบอกว่าจะพาฉันไปหาคนๆนั้นไง"
เสียงนุ่มเริ่มสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวท่วมอก กังวลไปต่างๆนานาว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร
กลัวว่าจะเป็นคนที่เขารู้จัก
หรือเป็นคนใกล้ตัวที่เขาเองก็คาดไม่ถึง
หรือบางที....
"ไม่ต้องคิดมากนะ ผมเชื่อว่ามันจะไม่มีอะไร"
มือหนาประสานเข้าที่ฝ่ามือเรียว กระชับเบาๆเพื่อให้องซองอูตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนอย่างที่เคย
ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกที่ไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจกันได้ดี
__________________________________________
"ดงฮัน ?"
"ครับ ผมเอง เห็นผมเป็นคนอื่นหรือไง"
ร่างโปร่งในชุดอยู่บ้านสบายๆเอ่ยกลับอย่างยียวน ก่อนจะเดินนำพี่ทั้งสองคนไปยังโถงที่มีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ รวมไปถึงคนอื่นมากมายเต็มไปหมด
รวมไปถึง
"ค คุณลุง ?"
ดาเนียลมีสีหน้าที่แปลกไปเมื่อหันไปเห็นพี่ชายแท้ๆของพ่อตัวเองกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ข้างๆกันเป็นคุณพ่อและคุณแม่ รวมไปถึงคุณน้าทั้งสองของเขา
สถานการณ์แย่กว่าที่เขาคิด
แถมยังแปลกที่คุณลุงของเขามานั่งอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย
"มานั่งนี่สิ ซองอู.."
องซองอุคกวักมือเรียกลูกชายคนเดียวให้เดินเข้าไปหา น้ำเสียงเรียบที่เคยอบอุ่นบัดนี้ดูเย็นชาเสียจนดาเนียลรู้สึกไม่ชิน เขากวาดสายตามองทุกคนที่นั่งอยู่ในโถงก่อนจะพบว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขา
"เป็นไงหลานลุง มานั่งกับลุงมา!"
ชายสูงวัยหัวเราะหยันก่อนตบที่ว่างข้างๆกาย
ร่างสูงก้าวเข้าไปหาโดยอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พบหน้าลุงนานแล้วแต่ก็ยังจำครั้งที่เคยพูดคุยกันได้ ตอนเด็กๆคุณลุงมักจะเป็นคนที่พาเขาไปส่งโรงเรียน จนกระทั่งพ่อกับแม่ของเราหย่ากันตามกฏหมาย เขาและแม่จึงไม่ได้ติดต่อครอบครัวทางฝั่งพ่อไป
"ลูกรู้ใช่มั้ยว่าที่พ่อเรียกมามีเรื่องอะไร"
องซองอูพยักหน้ารับ หันไปมองดาเนียลที่แสดงท่าทีออกมาไม่ต่างกัน
"พ่อมีเรื่องจะบอก ทั้งเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูก รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เราสามคนจำเป็นต้องรู้"
"สาม?"
ดงฮันทวนคำพูดคุณลุงด้วยความสับสน
"ใช่ ฉันหมายถึง ซองอู ดาเนียล และดงฮัน"
"ผมเนี่ยนะ ? ผมเกี่ยวอะไ-"
"อยู่เงียบๆน่า"
น้องสาวของซองอุคผู้เป็นแม่ของดงฮันเอ็ดลูกชายให้เงียบเพราะบรรยากาศตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ลูกของเธอควรจะพูดเท่าไรนัก
"....."
"......"
ดาเนียลสังเกตได้ว่าผู้ใหญ่ที่นั่งกันอยู่ในที่นี้ลอบมองกันไปมา ทว่าไม่มีใครพูดอะไร
เหมือนสงครามประสาทกำลังก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อย
"......"
"ผมไม่ขออ้อมค้อมและไม่ประวิงเวลาเลยแล้วกันนะครับคุณองซองอุค"
"...."
"ซองอู...."
ชายในชุดสูทสีดำจ้องมองใบหน้าคมที่ขาวซีด แขนขวาข้างที่ถนัดกำลังเข้าเฝือกและเจ้าตัวดูไม่ค่อยแข็งแรงนัก
เขาแค่นยิ้มที่มุมปาก
"ครับ?"
ซองอูขานรับด้วยความฉงน ทำไมอยู่ดีๆถึงได้เรียกเขากันล่ะ
"เธอจำฉันได้มั้ย ฉันเป็นลุงแท้ๆของคังดาเนียล พี่ชายของคังดงซูน่ะ"
ใบหน้าของชายคนนี้ดูเผินๆแล้วก็ไม่ต่างจากดาเนียลมากนัก มีเพียงแค่ร่องรอยแห่งวัยที่เพิ่มขึ้น
แต่สายตาที่มองมากลับทำให้เขารู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว
"เอ่อ ..."
"ไม่ ไม่เป็นไร บางทีนายอาจจะลืมไปเพราะว่านานมากแล้วที่เราไม่ได้พบกัน"
ริมฝีปากบางยกยิ้มให้เขาจางๆ ทว่าภายใต้กรอบแว่นนั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่ส่งมาถึงเขา
มันคือความชิงชัง
ความโกรธแค้น
หรือไม่ เขาอาจจะคิดไปเอง
"อ่า"
"ถ้านายมีเวลาว่าง ลองดูประวัติบอร์ดบริหารของครอบครัวนายอาจจะเจอรูปฉันอยู่ก็ได้ ว่ามั้ยคุณซองอุค ?"
เจ้าของเสียงทุ้มหันไปถามผู้เป็นพ่อของเขาที่หลบสายตาคู่สนทนา มือทั้งสองประสานเข้าหากันแน่น พลางเอื้อมมาจับมือของเขาเอาไว้แน่น ความชื้นจากเหงื่อบ่งบอกได้ว่าคุณพ่อของเขากำลังเป็นกังวล
กังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"...."
"ที่ฉันมาวันนี้ ฉันต้องการแค่สองสิ่ง"
"คะ ครับคุณลุง"
"ก่อนอื่น ขอโทษที่เสียมารยาทนะคุณซองอู ผมไม่ได้ถืออะไรติดไม้ติดมือเข้ามาให้คุณ รวมไปถึงให้คนป่วยอย่างซองอูลูกชายคุณด้วย"
"....."
"ผมอาจจะใจร้อนไปเสียหน่อย แต่มันถึงเวลาที่ผู้ใหญ่อย่างเราควรจะพูดความจริงกับเด็กๆได้แล้ว"
"อ อย่า"
"ขอโทษนะองซองอู ที่ลุงสั่งให้ลูกน้องของลุงสะกดรอยตามเราจนเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้"
"....ค คุณทำ"
ร่างบางตกใจจนพูดอะไรไม่ออก สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้คือน้ำหนักจากฝ่ามือของผู้เป็นพ่อที่บีบมือเขาไว้แน่นกว่าเดิม
"คุณลุง คุณทำแบบนี้กับพี่ซองอูได้ยังไง!!!"
ดาเนียลลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ฟังจบ เขายกกำปั้นขึ้นมาหวังจะชกคนตรงหน้าโดยไม่แคร์แล้วด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร หรืออาวุโสมากกว่าแค่ไหน รู้เพียงแค่ไม่มีเหตุผลไหนจะมารองรับการกระทำบ้าๆนี้ได้
ให้ตายเถอะ ทำไมเรื่องมันจะต้องเป็นแบบนี้กันด้วย
"คังดาเนียล นั่งลงเดี๋ยวนี้!"
"....."
"ดาเนียล แม่....บอกให้นั่ง"
เยบินปรามลูกชายด้วยเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้เต็มที
คนที่รับรู้เหตุการณ์ทุกอย่างแต่ไม่สามารถบอกใครได้อย่างเธอต้องทนเก็บมันไว้เพียงคนเดียวมานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้
"หลานรัก ....ลุงไม่โกรธหรอกนะถ้าเราจะชกหน้าลุงในตอนนี้น่ะ แต่เชื่อเถอะ ผู้มีพระคุณต่อเราอย่างคุณองซองอุคคงมีอะไรมากมายอยากจะบอกเราเหมือนกัน"
"......."
ทุกคนต่างหันไปมองผู้ที่ถูกกล่าวถึง องซองอุคเพียงแค่มองกลับไปยังเจ้าของเสียงที่ดูจะสะใจกับคำพูดของตัวเอง
"บอกเขาไปสิว่าคุณทำอะไรกับครอบครัวของผมบ้าง"
"คะ คุณพ่อ"
"...."
"ซองอู .....ฟังพ่อนะ"
"อ อะไรครับพ่อ"
"บอกลูกคุณไปสิ ว่าครอบครัวคุณโกงกิจการของน้องชายผมไปยังไง!!!"
เขาตวาดเสียงดังลั่น
"แต่ก่อน.... พ่อกับดงซูเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก"
"...."
"กิจการที่เราช่วยกันสร้างขึ้นมากำลังพัฒนาไปในทางที่ดี จนพ่อมีความคิดที่อยากจะให้ดงซูลาออกจากบอร์ดบริหารไป อำนาจในการตัดสินใจจะได้เป็นของพ่อแค่คนเดียว"
"แต่แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่วันสองวัน พ่อทำให้คนในบอร์ดคิดว่าดงซูยักยอกเงินบริษัท ทุจริตจนทำให้ผลประกอบการแทบจะติดลบ ทั้งที่ในความเป็นจริงเราได้กำไรมากกว่า 50% ของที่คาดการณ์ไว้"
"ตอนนั้นดงซูแต่งงานกับเยบิน กำลังตั้งท้องลูกซึ่งก็คือดาเนียล ในขณะที่มินอาก็คลอดเราออกมาแล้ว"
"มันยิ่งทำให้พ่อโลภ อยากเอาทุกอย่างมาไว้เป็นของตัวเอง เพราะคิดว่าในอนาคตลูกของพ่อจะได้เป็นเจ้าของทุกๆอย่างในบริษัท"
"ทำไม ....ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้"
ไม่ใช่ซองอู แต่เป็นเสียงแหบพร่าของดาเนียลที่เอ่ยถามเขาพร้อมกับแววตาที่ส่งมาด้วยความผิดหวัง
"พ่อ พ่อขอโทษ ถ้าพ่อย้อนเวลากลับไปได้พ่อจะไม่ทำแบบนี้"
"ยัง .....มันยังไม่จบนี่คุณซองอุค บอกเขาไปอีกสิ"
"จนดงซูโดนแบนโดยบอร์ดบริหาร เจ้าตัวจึงตัดสินใจถอนหุ้นและหันไปเปิดกิจการเล็กๆของตัวเอง ที่เป็นคู่แข่งกับพ่อ แรกๆพ่อก็คิดว่าดงซูไม่น่าจะทำได้เพราะทุนจดทะเบียนน้อยกว่าของเราหลายสิบเท่า"
"แต่ด้วยความสามารถ บอร์ดบริหารของเราจึงได้ย้ายตามดงซูไปเกินครึ่ง พ่อเลย...."
"...."
"พ่อเลยให้ซอนเยเข้าไปทำให้ครอบครัวของดงซูต้องมีปัญหา ... จนกระทั่งเกิดมาเป็นเจ้าดงฮันอีกคน"
"หืม ..... หมายความว่ายังไง"
"ใช่ ดาเนียลกับดงฮันเป็นพี่น้องต่างมารดากัน"
"นะ นาย... นายรู้อยู่แล้วหรอ"
ซองอูที่เริ่มจะตาพร่าด้วยหยดน้ำตาหันไปถามคนตรงข้ามที่พยักหน้ารับอย่างช้าๆ
"ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดดีไหมเพราะพี่อาจจะเกลียดผมกว่าเดิมก็ได้"
"พ่อขอโทษนะดาเนียล พ่อขอโทษที่พ่อทำให้ครอบครัวของเราต้องพังลง ความโลภของพ่อไม่ได้ทำให้ชีวิตใครดีขึ้นเลย"
"ท้ายที่สุด ดงซูตัดสินใจหย่ากับแม่ของเราเพื่อที่จะไปใช้ชีวิตต่อในต่างประเทศ ซอนเยกับแม่ของเราเลยต้องมาลำบากเพราะสิ่งที่พ่อคิดขึ้นมา พ่อจึงตัดสินใจชวนคุณเยบินมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของเรา นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พ่อจะไถ่โทษให้ได้"
"งั้น ..แสดงว่าพ่อกับคุณน้าก็ไม่ได้-"
"ใช่ เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบชู้สาวและแม่ของเราก็รู้ดี ใช่มั้ยมินอา"
เขามองไปยังผู้เป็นแม่แท้ๆของตัวเองที่หันมามองเขาด้วยความรู้สึกผิด
"ฮ ฮึก"
ยกมือซ้ายขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นแทบขาดใจ ความรู้สึกมากมายปะปนอยู่ในหัวและแน่นอนว่ามันมากเกินกว่าที่คนคนนึงจะรับไหว
ท้ายที่สุด คำพูดมากมายก็ยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่เคยรู้อะไรเลย
ไม่เคยมีใครคิดจะบอกเขา แม้กระทั่งพ่อแท้ๆ หรือแม้แต่ดาเนียลก็ไม่เคยเห็นความสำคัญของเขา
หรือบางที การเป็นคนร้ายกาจ นึกถึงแต่ตัวเองอย่างเขาต่างหากล่ะที่ทำให้เขามองข้ามความจริงหลายๆข้อไป
ไม่สิ ไม่มีใครผิดในเรื่องนี้ ยกเว้นเขา
เขามันเห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดจะฟังใครทั้งนั้น
สมควรแล้วแหละที่จะอยู่ตัวคนเดียว
"พ่อ พะ พ่อขอโทษ" เขายกมือขึ้นลูบหัวทุยๆของลูกชายที่สั่นระริก
"ทำไมไม่มีใครเล่าอะไรให้ผมฟังบ้าง ...ในขณะที่ทุกคนรู้เรื่องกันหมด"
"........"
ไม่มีใครตอบกลับคำถามของเขา ทุกคนตกอยู่ในความเงียบที่กระอักกระอ่วนเกินกว่าจะอธิบายอะไร
"ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนที่ควรจะไปให้ไกลจากที่นี่คือผมเอง"
50% is loading
"ผมฝากดูแลมินกุกก่อนนะครับ"
ร่างสูงเอ่ยกับผู้เป็นแม่พลางยื่นของใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กน้อยตรงหน้า ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองเขาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดขาเอาไว้แน่น
"มินกุกอยากไปด้วย มินกุกอยากไปด้วย ฮืออ"
เจ้าตัวเล็กเริ่มลงไปกองกับพื้นพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณ
"มินกุกอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะมารับ สัญญาเลย"
ก็อยากให้ไปด้วยกันนั่นแหละ แต่ยังไม่ถึงเวลา
"ไม่เอา มินกุกอยากไปอยู่กับพี่ดาเนียล ฮะ ฮึก มินกุก คะ คิดถึงพี่ซองอูด้วย"
มือป้อมๆยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลนองทั่วหน้า สะอื้นหนักจนไหล่ทั้งสองสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
คิดถึงเหมือนกัน
"นะครับ เชื่อพี่ก่อนนะ สัญญาว่าพี่จะพาเราไปเที่ยวที่สวนสนุกเลยเอ้า"
ก้มลงไปเกี่ยวก้อยกับเจ้าตัวเล็กแล้วรีบเดินออกมาก่อนจะใจอ่อนพาเด็กน้อยอีกคนกลับไปด้วย ลอบมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้วก็ได้แต่รีบจ้ำอ้าวไปยังรถยนต์คันเดิม
หนัก ... เหมือนแบกมินกุกสามคนไว้บนไหล่กว้างๆ
"เฮ้อ"
ถอนหายใจกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าในตอนที่สัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง
ป่านนี้พี่ซองอูจะไปอยู่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้
พลันภาพในหัวก็ย้อนไปถึงช่วงเย็น หลังจากที่ทุกคนรู้ความจริงทั้งหมดร่างบางก็เป็นคนแรกที่หายไป ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เลือกปฏิบัติต่อซองอูนั้นมันผิดมหันต์ การพยายามรักษาน้ำใจโดยการปิดบังความจริงท้ายที่สุดความจริงนั้นจะกลับมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ข้อนี้ดาเนียลเองก็พึ่งจะเข้าใจหลังจากได้มองแววตาคมคู่นั้น ....ที่กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
เขาไม่กล้าหาญพอที่จะรั้งพี่ซองอูไว้
ความละอายใจมีอยู่เต็มอก
รวมไปถึงปมที่กลัวว่าจะถูกเกลียดจากคนที่เขาเป็นห่วงจนหมดใจ
ร่างสูงทำได้แค่มองขาคู่เรียวก้าวออกจากตัวบ้านไปจนลับสายตา เป็นแบบนี้น่ะแย่กว่าตอนที่เราเถียงกันทะเลาะกันเสียอีก เพราะครั้งนี้ซองอูเลือกที่จะเงียบและปลีกตัวออกไป ทุกคนในบ้านเลือกที่จะปล่อยให้ซองอูได้คิดทบทวนอะไรบางอย่างคนเดียวมากกว่าจะขอร้องให้เขาอยู่ที่นั่น
พลันเสียงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารก็ดังขัดขึ้นมาพอดี
"พ่อโทรหาซองอูไม่ติด ...เราโทรติดบ้างไหม"
น้ำเสียงเป็นกังวลเอ่ยถามคนหนุ่มกว่า องซองอุคถอนหายใจยาว
เขาเป็นพ่อที่แย่เสียจริง
"ไม่เลยครับพ่อ"
"อืม... คงต้องให้เวลาเขาพักใหญ่เลยล่ะ"
"พ่อพักผ่อนเถอะครับ วันนี้เหนื่อยกันมามากแล้ว ยิ่งคิดมากสุขภาพจะยิ่งเสียเอานะครับ"
"แล้วนี่เราถึงไหนแล้ว"
"ผมกำลังจะถึงเพนท์เฮ้าส์แล้วครับ"
"โอเค ขับรถดีๆนะ พ่อวางแล้ว"
_________________________________________
ร่างสูงยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ขนกลับมาจากคอนโดขึ้นลิฟต์อย่างทุลักทุเล ควานหาคียการ์ดในกระเป๋าแล้วแตะมันเพื่อเปิดประตูเข้าไป
ก่อนจะพบว่ามีใครอีกคนกลับเข้ามาก่อนแล้ว
กลิ่นมินต์จากเทียนหอมและความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้าร่างยิ่งทำให้ผู้มาใหม่รู้สึกหนาวกว่าเดิมหลายเท่าตัว ก้าวเท้ายาวผ่านห้องโถงไปยังครัวแบบแพนทรี่ที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ ความเงียบเข้าปกคลุมในทันทีที่ดวงตาสีดำขลับจ้องมองมายังเขา คังดาเนียลประหม่าเกินกว่าจะเริ่มบทสนทนาในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้
"..."
"..."
มีเพียงสายตาสองคู่ที่สบกันอย่างหวาดกลัว กลัวว่าหากพูดอะไรออกไป คำพูดเหล่านั้นอาจทำร้ายความรู้สึกของคนตรงหน้าก็เป็นได้
ซองอูเหมือนแก้ว เปราะบางและกำลังแตกร้าว
ในขณะที่เขาก็เป็นเหมือนกับแก้ว แม้จะไม่เปราะบางเท่าแต่ทว่าภายในกลับเกิดรอยร้าวจนสังเกตเห็นได้ชัด
"เป็นอะไร"
"ปะ เปล่านะ"
"ถ้าจะขอโทษเรื่องเมื่อเย็น ฉันบอกไว้เลยว่าไม่ต้อง"
ซองอูก็ยังเป็นคนที่น่าชื่นชมสำหรับเขา
ซ่อนความรู้สึกไว้ได้เก่งกาจจนประหลาดใจ
"..."
"เบื่อจะฟังแล้ว"
"..."
องซองอูไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากันเลยด้วยซ้ำ ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืน
"ขอตัวก่อนนะ"
"......."
"......"
"พี่ซองอู"
เจ้าของชื่อหันกลับมาตามเสียงเรียก
นั่นทำให้เขารู้ว่านัยน์ตาคู่สวยได้เปลี่ยนไปแล้วตลอดกาล
คงเป็นความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้
"...."
ร่างบางชะงักนิ่งไปเมื่อคนที่เรียกชื่อเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ทว่ากลับเดินตรงเข้ามาหาเขา ลมหายใจขาดห้วงในทันทีที่วงแขนแกร่งโอบกอดเขาไว้แน่น ฝ่ามือหนาเอื้อมลูบผมปลอบคนแก่กว่าอย่างไม่กลัวจะโดนติติงว่าไร้มารยาท เขามองลึกเข้าไปในดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ
องซองอูใกล้จะร้องไห้เต็มที
และเขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายพยายามกลั้นไว้มากเพียงใด
"อยู่กับผม พี่ไม่ต้องซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้หรอกนะ"
"....."
"ผมอยากให้พี่แสดงออกมาบ้าง ไม่ต้องไว้ใจผม ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นบ้านของพี่"
"....."
"แต่เป็นคนที่พี่อนุญาตให้อยู่ด้วย อยู่ข้างๆในวันที่พี่เหนื่อยได้ไหม"
"ฮะ ฮึก"
"ไม่ใช่แค่วันที่แย่ๆนะ เมื่อไรที่พี่มีความสุขผมก็จะยิ้มไปกับพี่ ไม่อยากให้พี่ต้องรู้สึกอ้างว้างเหมือนเดิมอีกแล้ว"
"...."
"โอเค พี่คงไม่อยากฟังมันซ้ำๆ แต่ผมอยากพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่เคยบอก ไม่เคยทำให้พี่ไว้ใจผมได้เลย"
"...."
"ได้โปรดเถอะ ได้โปรดรู้ไว้ว่าหลังจากนี้พี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ ..ซองอู"
"นาย..."
"โอ๋ๆ ไม่ต้องรีบพูดนะ ไม่ต้องพูดแล้วครับเดี๋ยวหายใจไม่ทัน"
"ฮะ ฮึก ฉัน ฮือ"
ดาเนียลใช้นิ้วโป้งไล้เช็ดน้ำตาบนแก้มใสอย่างเบามือ เสียงสะอื้นของคนในวงแขนเริ่มเบาลงแล้ว ไหล่บางยังคงสั่นอยู่บ้างเล็กน้อยแต่ก็ยังดีที่มีแขนแกร่งคอยประคองเขาไว้ตลอดเวลา ร่างบางซบหน้าลงกับผืนไหล่กว้างที่เจ้าตัวเต็มใจ
"ออบใอ"
เสียงอู้อี้ดังขึ้นพลางผละออกจากไหล่เนื่องจากหายในไม่ออก และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของเขาอยู่ห่างกันไม่กี่คืบ
ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้
ริมฝีปากแดงเจ่อเพราะเจ้าตัวเผลอกัดปากกลั้นเสียงสะอื้น
ปลายจมูกขึ้นสีเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
คังดาเนียลได้แต่ห้ามใจเอาไว้ มันไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะคิดแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าองซองอูทำให้เขาต้องการมากกว่ากอดเสียแล้ว
"ไม่ร้องแล้วนะครับ ดูสิหน้าแดงไปหมดเลย"
"....อะ อืม"
"เก่งมากครับ จุ๊บ!"
ดาเนียลประทับริมฝีปากลงบนปลายจมูกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ถ้าขืนช้ากว่านี้มีหวังโดนพี่ซองอูตีแน่ๆ
"ทะ ทำอะไรน่ะ"
แต่แปลกแฮะ ที่รอบนี้เจ้าตัวดันเขินเอาซะได้
"ดูไม่ทันหรอ งั้นผมทำใหม่อีกรอบ"
เขาตั้งใจกดริมฝีปากลงบนปลายจมูกรั้นนั้นอีกครั้ง กดย้ำซ้ำๆก่อนเปลี่ยนตำแหน่งไปบนหน้าผากมน แก้มใสทั้งสองข้าง ย้ำซ้ำๆบนกลุ่มดาวสามดวงที่เขาเคยแอบมองมันบ่อยๆ ไล่ลงมาจนถึงริมฝีปากเรียวที่เม้มเข้าหากันแน่น ร่างสูงแตะเบาๆเป็นเชิงขออนุญาตและได้รับคำอนุญาตเมื่อดวงตาคู่โตหลับลงพร้อมกับแขนทั้งสองที่ยกขึ้นโอบรอบลำคอเขาเอาไว้
หอมหวาน แม้แลกมาด้วยหยดน้ำตา
รสจูบที่อ่อนโยนเริ่มขึ้นเหมือนดังเช่นทุกครั้ง ดาเนียลบรรจงมอบสัมผัสอันโอนอ่อนให้อีกฝ่าย ขบเม้มเบาๆที่เรียวปากก่อนดูดดึงจนเรียกเสียงครางในลำคอ
สัมผัสหนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เริ่มประทุ
จนมือเรียวตีเข้าที่แขนเพื่อประท้วง แม้จะไม่ได้มีผลมากนักแต่ก็ทำให้คังดาเนียลหยุดการกระทำนั้นได้
แฮ่ ปมเฉลยหมดแล้วน้าาาาาา ครึ่งตอนที่เหลือคือเป็นช่วงหลังจากที่พี่ซองอูรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว มาดูกันนะคะว่าแพลนเรียนต่อจะเขยิบมาเร็วขึ้นมั้ย แล้วจะรักกับดาเนียลได้ยังไง
ขอบคุณที่ตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ไม่น่าเชื่อว่านานมากแล้วที่เราเปิดเรื่องนี้มา♥
มันอาจจะมีช่วงที่ขัดมู้ดดิ่งๆของซองอูอยู่บ้างเพราะเราอยากชูคาแรคเตอร์ในส่วนที่น้องแดนเป็นคนขี้เล่นค่ะ ถึงในใจจะเครียดแทบตายแต่ก็ไม่อยากให้คนพี่เศร้าอีกแล้ว
ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ ติชมกันได้เสมอเลยนะคะ ☺
#เกลียดเนียลอง
Thank you for your attention
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
รอไรท์นะคะ
จริงๆแล้วคนที่โชคดีที่สุดที่ไม่ต้องรับรู้อะไรอาจจะเป็นพี่ซองอูก็ได้
ฮืออออ ขอบคุณมากนะคะ ติดตามมาตลอดเลย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ