The Invention
ณ หมู่บ้านหนึ่งในชนบทอันแสนเงียบสงบ มีชายหนุ่มสองคนกำลังเดินออกจากป่าอย่างสบายใจ คนแรก คือ จักรกฤทธิ์ หรือ จักร เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุด ผู้ที่ชอบทำหน้าเฉยชาเหมือนไม่สนใจใคร เขามาหมู่บ้านนี้เพราะต้องการมาหาสมุนไพรหายากที่จำเป็นในงานวิจัยของเขา และคนที่มาเป็นเพื่อนเขาคือ อัสนี หรือ เอ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติ ที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องน่าสนุกแน่นอนว่าที่ตามเพื่อนมาเก็บสมุนไพรก็เพราะอยากมาเล่นสนุกมากกว่าอยากจะมาช่วย ( ไม่รู้ 2 คนนี้คบกันได้ยังไง )
“ นี่ เดี๋ยวจะกลับเข้าเมืองเลยรึเปล่า “ เอ ถามเพื่อนที่เดินอยู่ข้างๆ
“ อือ เดี๋ยวออกจากที่นี่เย็นนี้ เดินตัดป่าไปแล้วค่อยไปเอารถตรงชานเมือง “ จักรตอบ
เย็นวันนั้น เมื่อฟ้าเริ่มมืด
“ นี่ เราอยู่ตรงไหนของป่าแล้วน่ะ “ เอถาม
“ ถ้าเดินไปแบบนี้ ประมาณ 30 นาทีก็ออกจากป่าแล้ว “ จักรตอบ
“ เหรอ....อ๊ะ นั่นอะไรน่ะ “ เอพูดพร้อมชี้มือไปตรงทีมีแสงไฟลอดออกมา ทั้งๆที่ในป่านี้ไม่น่าจะมีแสงไฟออกมาได้ ทั้ง 2 คนจึงค่อยๆเดินไปทางนั้นอย่างระมัดระวังไปทางที่มีแสงนั้น เมื่อไปถึงก็นั่งหลังพุ่มไม้แล้วก็แอบมอง แต่ภาพที่เห็นทำเอาทั้ง 2 อึ้งค้างไป เพราะที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นภาพยานบินลำหนึ่งลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 1 เมตร และไม่ห่างกันนักก็มีมนุษย์ต่างดาวที่หน้าตาคล้ายตัวอะมีบากำลังจะพาผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นยาน เอจึงคว้าท่อนไม้แถวนั้นมาถือไว้ เมื่อมันเข้ามาใกล้จึง วิ่งออกไปแล้วเอาท่อนไม้นั้นตีเจ้าอาบา ( ขอเรียกแบบย่อๆนะ ) แล้วจักรก็วิ่งออกมาคว้าตัวผู้หญิงไปหลบหลังต้นไม้ที่ห่างจากแถวๆนั้นพอสมควร เมื่อเอเห็นว่าเพื่อนพาตัวเหยื่อ ( ?? )ไปหลบแล้ว ตัวเองก็เอาท่อนไม้ฟาดอาบาอีกทีสองทีแล้ววิ่งไปหาเพื่อน ทิ้งศพ( เหรอ?? )ของเจ้าอาบาไว้ ( ทำไมตายง่ายจัง ) เมื่อเจอกันแล้วทั้งหมดก็พากันเดินอย่างเร็วออกจากป่าไป
“ คุณไม่เป็นไรนะ “ จักรถามผู้หญิงที่พวกเขาเพิ่งช่วยไว้
“ ค่ะ ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยไว้คงแย่.....” เธอพูดไปร้องไห้ไป
“ เดี๋ยวพอออกไปจากนี่ได้ เราจะไปส่งให้ที่บ้านนะ บ้านเธออยู่ไหนล่ะ “ เอถามเธอ
“ ฉัน...ไม่มีบ้านหรอกค่ะ “ เธอบอกพร้อมกับร้องไห้หนักขึ้น
“ เอ๋ ?? “ ทั้ง 2 คนงง เธอเห็นดังนั้นจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“ ฉันชื่อ นพรัตน์ ค่ะเรียก บี ก็ได้ ครอบรัวของฉันถูกไอ้พวกเมื่อกี้( อาบา )ฆ่าตายหมดแล้วค่ะ บ้านก็พังไปแล้ว ตอนนี้ฉันไม่เหลือใครแล้วและไม่มีที่ๆจะกลับไปด้วย...” บีบอกแล้วก็ร้องไห้ต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด ( เริ่มน่าหมั่นไส้นิดๆ )
ทั้ง 3 ไม่มีใครพูดอะไรจนออกจากป่า เมื่อเดินออกมาถึงชายป่าแล้ว จักรกับเอก็มองหน้ากันและมองไปทางบีเหมือนกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจได้แล้ว จักรจึงหันไปพูดกับบีว่า
“เรามีบ้านพักอยู่ที่ชานเมือง คืนนี้เธอพักกับเราก่อนละกัน “ จักรบอก
“เอ่อ.....จะดีหรือคะ “ บีถามด้วยความไม่มั่นใจปนเกรงใจ
“ อือ ไม่เป็นไรหรอก บ้านพักเรามีห้องเหลือน่ะ “ เอบอก
“แล้วบีจะทำไงต่อล่ะ “ เอถามต่อ
“ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ “ บีบอก
“ ถ้าเธอไม่รู้จะทำอะไรล่ะก็ มาเป็นผู้ช่วยทำวิจัยให้ผมไหม ขาดคนพอดี ไอ้หมอนี่ก็ช่วยไม่ค่อยได้ด้วย “ จักรบอกพลางชี้ไปที่เอ บีทำท่าคิดซักพักก็ตอบตกลง
ในกลางดึกคืนนั้นเอง หญิงสาวที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา ก็ลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกจากบ้านพักไปด้วยท่าทางคล้ายคนละเมอ โดยที่ไม่มีใครเห็น
วันรุ่งขึ้น เมื่อเอตื่นแล้วเขาก็เดินลงมาที่ห้องอาหารและพบกับจักรที่ทำอาหารและบีที่ยืนจัดจานอาหารอยู่ และเมื่อเธอสังเกตเห็นเขาจึงยิ้มแล้วบอกว่า
“ อรุณสวัสดิ์จ๊ะ เอ อาหารพร้อมแล้วนะ “
ระหว่างที่ทั้ง 3 คนกำลังทานอาหารเช้า
“ โอ้โห สุดยอด..........” เอพูดออกมา ตาก็จ้องที่หนังสือพิมพ์ไปด้วย
“ อะไร “ จักรถาม
“ ข่าวนี่น่ะสิ ฟังนะ พบชายหนุ่มตายอนาถ ทั่วทั้งร่างมีรอยกรงเล็บคล้ายของสัตว์ขนาดใหญ่กรีด อวัยวะภายในแหลกละเอียด ....” เออ่านข่าวให้ฟัง พร้อมส่งหนังสือพิมพ์ที่มีรูปจากข่าวนั้นให้ทั้งคู่ดู
“ โหดจัง “ บีพูดพร้อมกับเก็บจานอาหารของทุกคนไปล้าง จากนั้นทุกคนก็แยกกันไปทำงานของตัวเอง
หลายวันผ่านไป กลางดึกคืนหนึ่ง
ขณะที่จักรออกมาดื่มน้ำเขาก็เห็นบีเดินเหมือนคนละเมอออกจากบ้านพักไป เขารู้สึกสงสัยจึงเดินตามออกไปเงียบๆโดยไม่ให้เธอรู้ตัว เดินตามไปซักพัก เขาและบีก็พบกับโจรคนหนึ่งกำลังจะข่มขืนเหยื่อสาวแต่บีทำเหมือนมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเลย และเมื่อบีเดินเข้าไปใกล้ ผู้หญิงคนนั้นก็พยายามร้องให้เธอช่วยจักรที่แอบตามดูบีอยู่ก็กำลังจะออกไปช่วยแต่ก็เห็นตัวของบีมีอาการกระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตจากนั้นเธอก็แปลงร่างเป็น อาบา โจรคนนั้นตกใจมาก ( แต่จักรตกใจมากกว่า )พยายามจะหนีแต่ก็สายไปเสียแล้ว อาบาบีได้เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ที่มือของมันก็มีกรงเล็บขนาดใหญ่โผล่ออกมาและฆ่าเขาตาย หญิงสาวที่เกือบถูกข่มขืนพยายามคลานหนีแต่ก็ไม่พ้นเช่นกัน สภาพศพทั้งสองคนช่างคล้ายกับที่เคยมีรูปในข่าวเลย จักรตกใจมากกว่าเดิมกำลังจะถอยหนีแต่อาบาบีก็หันมาเห็นซะก่อน ทั้ง2สบตากันซักพักด้วยความตกใจ ( ??? ) แล้วจักรก็รีบวิ่งกลับบ้านพักทันที
ที่บ้านพัก
“ เฮ้ยยยย ตื่นเดี๋ยวนี้เลย เอ ตื่นเร็ว “ จักรปลุกเพื่อน
“ อะไร (วะ ) “ เอถามเมื่อถูกขัดเวลาพักผ่อน
“ เมื่อกี้นะ บีเดินออกจากบ้านไปแล้วก็............” จักรเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังอย่างรวดเร็วพร้อมกับเร่งเพื่อนให้แต่งตัวให้เสร็จอย่างรีบร้อน
“ จริงเหรอ “ เอยังไม่ค่อยเชื่อ
กึง กึง กึง เสียงเหมือนมีใครพยายามเปิด( ทำลาย )ประตูเข้ามา ทั้ง 2 คนจึงมองออกไปทางหน้าต่าง แล้วก็เห็น อาบาบีกำลังพยายามจะพังประตูอยู่
“ เออ เชื่อแล้ว “ เอรีบบอกพร้อมจับแขนเพื่อนไว้แล้วกระโดดออกทางหน้าต่างทันที เมื่ออาบาบีหันมาเห็นเข้าจึงวิ่ง ( ?? ) ตามทันที ทั้งคู่รีบวิ่งให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าอาบาบีนั้น วิ่ง ( ???) ตามมา ใกล้แล้ว เอจำได้ว่า เมื่อเลี้ยวขวาตรงซอยข้างหน้าจะมีโครงตึกที่อยู่ในระหว่างการสร้างอยู่ จึงสะกิดจักรที่วิ่งอยู่ข้างๆ แล้วทั้งคู่ก็ วิ่งเข้าไปทันที เมื่ออาบาบีตามมาถึง ทั้งคู่ก็ขึ้นไปอยู่บนโครงตึกซะแล้ว ( เร็วจัง ) ในตอนแรกอาบาบีนั้นใช้กรงเล็บกรีดไปที่ฐานของตึกทำให้ตัวตึกเกิดสั่นอย่างรุนแรงแต่ทั้ง 2 คนก็ไม่ตกลงมา เมื่อมันเห็นว่าไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนมาส่งคลื่นความถี่สูง หมายจะให้โครงตึกพังแต่เหมือนเป็นความโชคดีในโชคร้ายของทั้งคู่ เพราะก่อนที่ตึกจะทนไม่ไหวและพังลงมาจริงๆ ลวดสลิงที่ห้อยคานเหล็กไว้เกิดขาดและคานเหล็กทั้งหมดก็ตกลงไปทับอาบาบีตาย ร่างที่เหมือนอะมีบานั้นแหลกเละเป็นวุ้นแต่เหมือนมันยังไม่สิ้นฤทธิ์ เศษซากเล็กๆของมันค่อยๆคืบไปลงท่อระบายน้ำ
“ อ๊ะ..............ตกใจหมดฝันไปเหรอเนี่ย เหมือนจริงชะมัด “ เอสะดุ้งตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งที่อากาศสดใส และเมื่อเขาเดินลงมาที่ห้องอาหาร ก็เห็น........
“ อรุณสวัสดิ์จ๊ะ เอ... “ บียืนส่งรอยยิ้มมาให้เขา
“ เอ๊ะ!!....!!!......”
ท่านผู้อ่านล่ะคะ คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ?
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น