!Keep Out+ ห้องซุย! เขตพระราชฐานเเห่งเเมงสาป +Keep out!
เฉพาะเจ้าหน้าที่...//โดนต่อย
ผู้เข้าชมรวม
104
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
‘ก็มีแต่เจ้าคนเดียวนั่นแหละที่ไม่รู้...’ ปากกาขนนกจุ่มลงขวดหมึกก่อนจะตวัดลายเส้นสีแดงสดลงบนบันทึกเก่าแก่คร่ำครึที่กรอบแล้วกรอบอีกจนเกรงว่าเพียงจรดปากกาลงสะกิดเบาๆ ก็จะสลายกลายเป็นผุยผงไปกับตา
ถ้ากลัวว่าเจ้าของบันทึกเก่าๆ ขาดๆ เล่มนี้จะมาต่อว่าผมล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป...ดูจากสภาพที่เก่าจนสมควรที่จะเอาไปหมักใส่ไหเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์มีมากรำไร อายุไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ปี ถ้ามีคนมาพบเห็นอาจอยากจะนำไปส่งพิพิธภัณฑ์จริงๆ...แต่ถ้าเขาได้เปิดอ่านก่อนสักนิดล่ะก็ มันคงถูกวางกลับไปที่เดิมแล้วคนที่พบคนนั้นก็จะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเดินผ่านมันไปอย่างไม่ใยดี
อย่างน้อยผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากจะทำอย่างนั้นน่ะนะ...
แต่ถึงอยากจะทำก็ใช่ว่าจะทำได้ ถ้าเอาตามความจริง ตอนแรกผมขว้างมันทิ้งลงเหวไปแล้วด้วยซ้ำ แต่มันกลับมาหาผม...ใช่ ‘มันกลับมา’ ผมไม่ได้พูดผิด เกิดจิตหลอน หรือคิดไปเอง แต่หลังจากผมขว้างมันทิ้งลงเหว ขณะที่กำลังสวมวิญาณเด็กแว๊นปั่นจักรยานคู่ใจมุ่งหน้ากลับบ้าน ‘มัน’ ก็แหวกอากาศพุ่งชนเข้ากลางกระบาลของผมเต็มๆ...ไม่ได้อยากจะหยาบคายหรอกนะ แต่ผมอุตส่าห์ลงทุนลงแรงขว้างมันจมเหวที่เรียกได้ว่าลึกเป็นอันดับ 3 ของโลก!
โอเค ผมทำใจอยู่หลายนาที ก่อนจะแวะลงข้างทางแล้วขุดหลุมฝังกลบมันลงเสียตรงนั้น! ก่อนจะแว๊นกลับบ้านต่ออย่างสะใจเป็นที่สุด ผมนึกว่าผมจะรอดแล้วซะอีกหลังจากผ่านไป 2 ชม. แต่ผมก็รู้ทันทีว่าตัวเองคิดผิด...
แสงเทียนบางเบาสาดส่องของเหลวข้นกลิ่นไม่น่าพิสมัยในแก้วไวน์ใส ที่ถูกตั้งไว้บนหนังสือปกหนังสีเข้มดูเก่าคร่ำครึ น้ำตาเทียนไหลย้อยลงตามฐานของเชิงเทียนจนแทบจะจรดพื้นโต๊ะที่เป็นโต๊ะเตี้ยทำจากกระจกใส ราวกับว่าเทียนเล่มหนานี้ถูกตั้งทิ้งไว้เป็นเวลานาน โซฟาเดี่ยวบุผ้ากำมะหยี่สีแดงหม่นตั้งอยู่ข้างเคียง
ฝุ่นหนาเตอะบนผิวโต๊ะถูกแสงเทียนสะท้อนรำไร ทำให้เห็นตัวหนังสือที่ถูกเขียนอย่างสวยงามด้วยสีแดงข้นๆ จากของเหลวในแก้ว
‘ดวงตาน้อยลอยละล่อง~ ผิวธารใสสั่นคลอน~ จมลงสู่ห้วงลึกสุดในมหานที~
กลับมาซะสิเจ้าแกะน้อย~ รีบวิ่งเข้าโรงนา~ ถ้าเจ้าไม่รีบมา เจ้าหมาป่าจะตามทัน~’
ดวงตาสีทองอร่ามสะท้อนแสงเทียนรำไร จดๆ จ้องๆ อ่านข้อความบนโต๊ะอย่างฉงนสงสัย
ใครปิดไฟฟระ!
‘...’
เชิงเทียนถูกยกขึ้นใช้ส่องทาง ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีทองคู่นั้นจะเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์ ไฟทำให้ห้องสว่างขึ้นมาทันตาบทที่ 1
พระเจ้าคือผู้บันดาลชีวิตใหม่ให้เหล่าสรรพสัตว์ บ้างก็กล่าวว่าพระองค์นั้นเป็นผู้สร้างโลก บ้างก็ว่าพระองค์คือบรรพบุรุษของเหล่ามนุษย์ บ้างก็ว่าพระองค์ทรงคอยดูแลช่วยเหลือเหล่ามนุษย์อยู่ห่างๆ
หากว่าพระองค์ทรงโปรดปรานการเล่นเกมเป็นที่สุด พร 1 ประการจะบันดาลดลแก่ผู้ชนะให้สมดังปรารถนา...ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม
แต่หากเจ้าแพ้...ก็ต้องมีสิ่งตอบแทนเช่นกัน
วันหนึ่งแกะน้อยสีดำชวนพระเจ้าเล่นเกมแสนสนุก เกมกระดานน้อยที่แต่ละตาผู้เล่นจะผลัดกันทอยเต๋า พระเจ้านั้นทรงสุดจะโปรดปรานการเล่นเกมแสนชำนาญเช่นนี้ รอยยิ้มได้ใจที่ปรากฏมุมปากตั้งแต่ครั้งเริ่มแรกที่ลูกเต๋าออกแต้ม...เธอนั้นพลาดเสียแล้ว
‘มงกุฎจากทองขาวตีด้วยฝีมือของช่างที่ประณีตที่สุด...เนื้อทองถูกชุบด้วยเวทมนต์จากบ่อน้ำที่อาบแสงจันทร์ไม่ห่างแม้เพียงวินาที...พลอยประดับจากหยาดน้ำตาสีเลือดของนางเงือก...มันคงงดงามหากข้าได้สวมใส่’ กีบเท้าก้าวขึ้นเหยียบบัลลังก์จากขนสีดำขลับก็กลายเป็นเส้นผมสยายนุ่มดุจแพรไหมที่ขาวดั่งหยาดหิมะ ผิวพันธุ์ผุดผ่องที่ถูกขับออกมา
หน้าตาที่ราวกับถอดแบบที่ปรากฏขึ้น
สิ่งที่แกะดำตัวน้อยนั้นกระทำทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงโกรธมาก ‘ลงมาเสีย! แกะดำ แล้วอย่าหาว่าข้าผู้นี้นั้นไม่เตือน’
‘ยินดีด้วยกับผู้ชนะ’ สามเสียงประสานดังมาจากร่างเล็กที่เดินเรียงรายเข้ามา
‘ดีมาก พวกเจ้ามาก็ดี ลากเจ้าแกะไม่เจียมตัวนั่นลงมาจากบัลลังก์ของข้าเสีย’ พระเจ้าบัดนี้ทรงมีพระพักดุดันและโกรธเกรี้ยว เสียงที่แทบจะเป็นการตวาดดังก้องไปทั่วโถงกว้าง แต่สามร่างเล็กกลับเฉยเมยต่อคำสั่งนั้นและพูดกับเจ้าแกะน้อยต่อ
‘จงกล่าวความปรารถนาของเจ้า’ ร่างแรกพูดขึ้น ‘ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด’ ร่างที่สองพูดต่อแบบไม่เว้นจังหวะให้หายใจ ‘ทุกสิ่งนั้นจะเป็นจริง’ ร่างที่สามกล่าวต่อพลางยื่นมือเล็กเอื้อมส่งพาชนะบรรจุน้ำสีสดส่งให้ ‘กล่าวคำปรารถนาของเจ้ามาสิ’ สามเสียงประสานทำให้เกิดแสงสีฟ้ารางๆ ขึ้นมารองตัวของเจ้าแกะที่นั่งบนบัลลังก์นั้น
‘...พรจากพระเจ้า’
ดวงตาสีทับทิมลืมขึ้น มันทอดมองไปยังร่างของพระเจ้าที่จ้องมันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากบางๆ ‘สิ่งที่ข้าต้องการ...’ มือทั้งคู่ไล้ไปมาบนที่ท้าวแขนของบัลลังก์
‘ตำแหน่งของพระผู้เป็นเจ้าไงล่ะ’
ผมวางหนังสือที่อ่านอยู่ลงก่อนจะสำรวจสภาพของมัน ปกหุ้มด้วยหนังสีดำด้านเรียบๆ เชือกที่ยึดกระดาษทำจากเถาวัลย์ที่แห้งกรอบจนผมแทบจะไม่กล้าจะสะกิดโดน ตัวหนังสือสีเงินบางๆ ที่เลือนรางจนอ่านไม่ออกอันที่จริง นี่เหมือนจะเป็นนิยายหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งครั้งแรกที่ผมพบมันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จนครั้งที่สอง ครั้งที่สาม...จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นชักทะแม่งหนักข้อขึ้น แสงประหลาดสีฟ้ารอบๆ หนังสือเล่มนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจน...จนน่าหวั่นใจ เพราะไม่มีใครสังเกตเห็นมันแม้แต่คนเดียว
ผลงานอื่นๆ ของ QuestionE ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ QuestionE
ความคิดเห็น