วัตถุมงคลของหลวงพ่อ
เป็นแนวเสียดสีสังคม พร้อมรับทุกคำติชมครับ หมายเหตุ:ขออภัยล่วงหน้าหากเรื่องนี้ไปสะกิดหัวใจใคร
ผู้เข้าชมรวม
211
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ครืน ...ครืน
เสียงฟ้าร้อง ดังสั่นไปทั่วบริเวณโบสถ์ เคล้าคลอไปพร้อมๆกับเสียงของสายฝนที่เทลงมาอย่างไม่ขาดสาย
แต่เสียงภายนอก ก็มิได้สร้างความตระหนกแก่จิตใจอันสงบนิ่งเป็นสมาธิของภิกษุชรารูปหนึ่ง
ซึ่งกำลังเจริญกัมมัฏฐานอยู่ภายในโบสถ์เลยแม้แต่น้อย
แก่นแท้ของพระธรรมคำสั่งสอน ได้กำจัดกิเลสภายในจิตใจของภิกษุรูปนี้ไปจนหมดสิ้น
ความวุ่นวายของชีวิตฆราวาสได้เป็นใบเบิกทางสำหรับจิตใจที่ไขว่คว้าหาทางพ้นทุกข์
จนเมื่อได้พบกับพระธรรม ที่ได้ส่องสว่างกลางใจ เสมือนแสงเทียนที่ส่องแสงในยามมืดมิด
ให้ผู้คนได้มองเห็นหนทาง
และท่านผู้นั้นก็ได้เห็นแล้ว จุดหมายปลายทางที่เป็นอนัตตา...สว่าง สงบ เกิดเป็นปัญญาที่บริสุทธิ์
บัดนี้ ผู้ทรงศีลได้ออกจากสมาธิ เพราะท่านทราบมาด้วยญาณว่า จะมีคนมาขอพบ
เสียงสายฝนโหมกระหน่ำหนักขึ้น หริ่งหรีดเรไรต่างส่งเสียงประชันกันก้องโสต
ชั่วอึดใจเดียว เด็กวัดอายุประมาณ 13 ปี ค่อยๆคลานเข้ามาหาหลวงตาที่นั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิหน้าพระพุทธรูป
“หลวงตาครับ มีคนมาหาครับ แต่ผมบอกไปว่า หลวงตากำลังอาพาธ เขาเลยจะขอหลบฝนอยู่ก่อน”
“อาตมาไม่ได้ป่วยหนักอะไร ไปตามเขามาเถิดนะ” หลวงตาพูดพลาง ยิ้มอย่างใจดี
เพราะท่านเองก็ทราบดีอยู่แล้วว่า อีกไม่นานท่านก็จะละสังขารนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีก
สิ้นสุดวัฏสงสารแห่งบ่วงกรรมแต่เพียงชาตินี้ หากท่านจะสามารถชี้นำแสงสว่างแก่จิตใจของชาวบ้านได้อีก
แม้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายแห่งลมหายใจที่ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ท่านก็ยินดี
ชายวัยกลางคน รูปร่างอ้วนท้วน ที่คอ มีสร้อยทองเส้นใหญ่หนึ่งเส้น คาดนาฬิกายี่ห้อดัง
มากับรองเท้าหนังมีระดับ ค่อยๆเดินขึ้นบันไดโบสถ์อย่างช้าๆ พลางประคองภรรยาที่แต่งตัวด้วยผ้าไหมสีตองอ่อนๆกับกระเป๋าถือแบรนด์เนม สองสามีภรรยาต่างเดินเข้าไปในโบสถ์ด้วยกิริยาสำรวม
หลังจากกราบเบญจางคประดิษฐ์และปราศรัยกันสักพักหนึ่ง ได้ความว่า
ชายผู้นี้ เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ ซึ่งขยายกิจการไปทั่วประเทศ แต่ช่วงนี้ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ข้าวยากหมากแพง น้ำมันก็แพง ธุรกิจจึงไปได้ไม่ค่อยสวยนัก เขาได้ยินกิตติศัพท์มาว่า
ใครก็ตามที่มาหาหลวงพ่อ จะได้รับ “ของดี” กลับบ้านไป และจะมีชีวิตที่มีความสุข
ประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ด้วยเหตุนี้นี่เอง
เขาจึงได้มาหาหลวงพ่อ เพื่อหวังพึ่ง “ของดี” ที่เข้าใจว่าคงเป็น “วัตถุมงคล” ตามสมัยนิยม
เมื่อได้ฟัง ภิกษุชราถอนหายใจช้าๆ ก่อนเอ่ยขึ้นแข่งกับเสียงฝนว่า
“ของดีที่ชาวบ้านแถบนี้ลือกัน หาใช่วัตถุที่จับต้องได้แต่อย่างใด หากไม่ใช่วัตถุที่สามารถนำไปขึ้นหิ้งบูชาได้
โยมยังจะอยากรับของดีที่หลวงพ่อมีอยู่อีกหรือไม่?” ภิกษุชราถาม
“อยากรับสิครับหลวงพ่อ หากสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจของผมได้กำไรมากขึ้น
ผมจ่ายค่าเช่าไม่อั้นเลยครับ”
ชายผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“สิ่งที่หลวงพ่อจะมอบให้ มิใช่สิ่งที่แลกมาด้วยเงินตรา แต่สิ่งนั้นจะทำให้ทั้งการงาน
และครอบครัวของโยมดีขึ้น โยมจะกังวลเรื่องลูกไปทำไม ในเมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของโยมที่เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดี ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใจให้พวกโยมแต่ประการใดเลย”ท่านกล่าวเนิบๆ
ภายในโบสถ์ เงียบสงัดจนได้ยินเสียงฝนกระทบหลังคาอย่างไม่มีทางว่าจะหยุดประสานเสียงกับเหล่าจักจั่น
ฝ่ายสองสามีภรรยาตกใจมากเมื่อท่านเอ่ยถึงลูก
“ทะ...ท่านทราบเรื่องลูกของดิฉันได้อย่างไรคะ ในเมื่อเราไม่ได้พูดเรื่องลูกให้ท่านฟังเลย”ฝ่ายภรรยาถาม
ภิกษุชรายิ้มอย่างใจดี โดยไม่ตอบว่ากระไร ก่อนจะกล่าวต่อไป
“วัตถุมงคลน่ะ เป็นเพียงสิ่งภายนอกที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ถ้าหากคนเราไม่มีศีลธรรมอยู่ในใจแล้ว
วัตถุมงคลเหล่านั้นก็ไม่ช่วยเหลือคนที่ไม่มีศีลธรรมหรอกนะโยม สิ่งที่จะช่วยได้มากที่สุด ก็คือพระธรรม
ถ้าถามเรื่องการงาน หากโยมมีความเพียรอยู่เสมอ ควบคู่ไปกับปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีความเมตตาต่อลูกน้อง มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน โดยไม่หวังกอบโกยจนเกินตัว เพียงเท่านี้ ชีวิตโยมก็จะอยู่ได้อย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง
ส่วนเรื่องครอบครัวนั้น ให้โยมหมั่นทำบุญเป็นดี...”
“ถ้าผมจะขอบริจาคให้วัดสัก สิบล้าน จะได้บุญเยอะใช่ไหมครับ”
“มันไม่ใช่การทำบุญอย่างที่อาตมากำลังจะบอกหรอกนะ”
“งั้น ต้องทำอย่างไรล่ะคะ”
“การให้โลกุตตรปัญญา เป็นอานิสงส์สูงสุด การให้อภัยเป็นอภัยทานนั้นเป็นรอง ส่วนการให้วัตถุนั้นก็เพื่อกำจัดความตระหนี่ จงให้คนที่เขาพร่อง คนที่เขาต้องการ คนที่เขาเต็มแล้ว เขาก็ไม่อยากได้อะไร
ให้ไปก็เป็นส่วนเกิน เกิดเป็นความรำคาญ แต่สำหรับโยม อาตมาคิดว่า ควรทำบุญอีกแบบหนึ่งเพิ่มด้วย” ท่านกล่าวอย่างสุขุม
“อะไรหรือครับ”
“ความกตัญญูไงโยม บิดามารดาของโยมเปรียบเสมือนพระอรหันต์ในบ้าน
ต่อให้โยมมีคฤหาสน์หลังงามให้อยู่ มีบริวารมากมายคอยรับใช้ แต่มันก็ไม่ดีเท่ากับที่โยมได้ไปดูแลท่านด้วยตนเองหรอกนะ งานน่ะ ทำเมื่อไหร่ก็ได้
แต่พ่อแม่ ไม่ได้อยู่ให้เราดูแลเมื่อไหร่ก็ได้นะโยม ลองคิดดีๆ”
ภิกษุชราทอดเสียงลงต่ำ มองคู่สามีภรรยา ที่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ว่าพระรูปนี้ทราบเรื่องราวส่วนตัว
ของทางบ้านเขาได้อย่างไร?
“อะ...เอ่อ แล้ว ของดีที่หลวงพ่อจะให้ผมคือ...?”
“ไม่ได้จะให้ แต่ให้ไปแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับว่า โยมจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์หรือเปล่า”เมื่อพูดจบ
ท่านก็ยิ้มด้วยความเมตตา
.......
เสียงฝนซาลงไปแล้ว หากแต่ เสียงธรรมะที่เพิ่งได้ฟังยังคงก้องกังวานอยู่ภายในหัวใจของสองสามีภรรยา
ทั้งสองลากลับไปโดยไม่ลืมที่จะขอบคุณหลวงพ่อ ผู้ชี้แนะเรื่องดีๆให้เป็นมงคลแก่ชีวิต
แต่ท่านผู้นั้นกลับถ่อมตัวกล่าวว่า
ไม่ใช่คุณความดีอะไรของอาตมาเลย แต่เป็นพระคุณของพระพุทธเจ้า ที่ได้ตรัสรู้พระธรรม
ธรรมะ ก็คือธรรมชาติ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ปุถุชนกลับมองข้ามไป
“จริงด้วยสินะ หากไม่ได้ท่านสอนในวันนี้ ผมคงไม่นึกถึงเรื่องใกล้ตัวที่สุดที่ท่านบอกเลยด้วยซ้ำ”
“ใช่ค่ะคุณ ฉันว่า เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามที่หลวงพ่อแนะนำดีกว่าค่ะ”
“ผมก็คิดแบบนั้น”
***************
ปัจจุบัน ภาพชาวบ้านมากมายแห่แหนกันไปบูชาวัตถุมงคลตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตามโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ ฯลฯ
บ้างเป็นลม บ้างเหยียบกันตายก็มี ล้วนแสดงให้เห็นถึงการขาดที่พึ่งทางใจของผู้คนในยุคแห่งเทคโนโลยี
ในเมื่อวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า แล้วทำไมจิตใจถึงได้ถอยหลัง
บัดนี้ ธุรกิจของผมเจริญเติบโตไปในทิศทางที่ดี ลูกชายเรียนได้เกียรตินิยม ส่วนพ่อกับแม่ผมนั้น
ผมดูแลเอาใจใส่พวกท่านเป็นอย่างดี จนวาระสุดท้ายของชีวิต ครอบครัวผมอบอุ่น และมีความสุข
ต้องขอบคุณพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้และโปรดเวไนยสัตว์ ขอบคุณธรรมะที่หลวงพ่อมอบให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
ดำเนินชีวิตอยู่บนทางแห่งมัชฌิมา แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ คุณกำลังเดินอยู่บนทางสายไหน?
ผลงานอื่นๆ ของ อธิวาสนะ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อธิวาสนะ
ความคิดเห็น