ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC infinite] T A K E B A C K MY 'SECRET' DIARY!

    ลำดับตอนที่ #3 : S t a r t w i t h p l a n A ! | 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 187
      0
      11 ม.ค. 56

    T a k e b a c k my ‘secret’ diary!

     : start with plan A!

    Pairing: woohyun x sunggyu (feat.infinite,eunji/apink)
    Words:  3,341 (full of dialog)
    Author: jun9chop | chapter 2  100%
    Rated: PG | Genre : comedy/AU 
     

     

     

     เปร้ง

    จองอึนจีคาดว่าได้ยินเสียงวัตถุตกลงกระทบอีกแล้ว เพียงแต่คราวนี้วัตถุสิ่งนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเจ้านกกระสา น้ำหนักมากกว่าค่อนข้างมาก แถมเสียงก็ค่อนข้างใสและกังวานกว่าด้วย แต่ที่ไม่เข้าใจ

     คิมซองกยูจะวางจานกระแทกใส่หน้าเขาทำไมเนี่ย..ไหนบอกเรียกมากินไก่..

    ความจริงเรียกว่าวางกระแทกหน้าก็ไม่ถูกไปเสียหมด เจ้าตัวเล่นเดินกระแทกส้นเท้าดังลั่นบ้านไปที่ตู้เก็บจานชาม หยิบจานแบนสีขาวเรียบๆมาสองใบ ก่อนจะนำมาวางลงบนเคาน์เตอร์ที่เขานั่งอยู่ด้วยความแรงทั้งหมดที่เจ้าตัวพึงมี ใบหน้านั่นก็มึนตึง ถามอะไรก็ไม่ยอมพูดไม่ยอมจาตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน หญิงสาวยกจานสีขาวนั้นขึ้นมาส่องข้างใต้ดู แล้วก็พบกับความโล่งใจที่จานทั้งสองยังโชคดีอยู่รอดปลอดภัย

    เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่ส่องลงมาจากข้างบนราวกับจะส่องให้ทะลุทะลวงเนื้อเข้าไปถึงลำไส้ จนทำให้เสียวสันหลังวาบๆ เป็นผลให้อึนจีต้องเงยหน้าจากที่ส่องดูจานไปเรื่อย มามองคนเป็นพี่ที่ยืนโดยมือทั้งสองข้างยันขอบเคาน์เตอร์อยู่ สายตาของคิมซองกยูในเวลานี้ช่างโหดยิ่งกว่าฆาตกรโรคจิตเป็นยิ่งนัก

    “อะไร .. ก็พี่ชวนฉันมากินไก่ ..”

    “นี่ไม่ได้รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าสร้างปัญหาอะไรบ้าง”

    “เอ้า ก็อยู่ที่โรงเรียนเห็นพี่เล่าแค่ว่าคุณอูฮยอนของพี่เอาของมาให้ ก็ไม่เห็นเล่าต่อสักที”

    ซองกยูหรี่สายตามองคนอายุน้อยกว่าด้วยสายตาประเมิน เขาล้วงมือข้างขวาลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบสิ่งของที่ได้รับจากนัมอูฮยอนเมื่อเช้านี้วางลงบนจานสีขาวที่ถูกวางไว้

    “งืม ก็แค่รูปในกระเป๋าตังค์ฉัน ทำไมอ่ะ?”

    หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบรูปภาพขนาดเท่าบัตรประจำตัวที่เริ่มจะซีดเหลืองไปตามกาลเวลา เด็กน้อยสองคนที่กำลังยืนกอดคอกันอยู่ในรูปส่ง คนหนึ่งยิ้มจนตาหายเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์โค้งให้กับกล้องชุดกางเกงฮิปฮอปที่ใส่อยู่ก็ทำให้ดูน่ารักขึ้นอีกเท่าตัว ผมสั้นประบ่าที่ถูกคุณแม่จับตัดนั่นก็ถูกเข้าไปในหมวกแก๊ปสีแดงสดที่เจ้าตัวชอบนักชอบหนา ข้างๆตัวอีกฝั่งที่ว่างไว้นั่นถูกเขียนด้วยลายมือขนาดเล็กน่ารักๆตามประสาเด็กว่าจองอึนจี

    ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนที่หน้าบึงตึง ริมฝีปากแดงๆนั่นก็เบะออกจนน่าหมั่นเขี้ยว แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดงจางๆจากเครื่องแต่งหน้า ผมที่หน้าม้าไว้มาตั้งแต่เล็กๆก็ถูกมัดขึ้นด้วยโบสีแดงสด มือทั้งสองข้างนั้นกำไว้ที่ชายกระโปรงลายเจ้าหญิงในนิทานยอดฮิต ข้างๆมีตัวอักษรเขียนไว้ว่าคิมซองกยู

    จองอึนจีจำได้ขึ้นใจว่าวันนั้นเป็นวันปาร์ตี้จัดงานวันเกิดครบรอบหกขวบของเธอ ของขวัญที่เธอได้มาจากพี่ซองกยูก็เป็นขอให้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง (เพราะตอนนั้นซองกยูกำลังเพียรพยายาม จะเก็บเงินไปซื้อเรือบังคับ)  ด้วยความแค้นที่อัดอั้นมาเนิ่นนานเนื่องจากโดนหลอกล่อใช้งานมาตลอดสี่ปี ความคิดอันบรรเจิดก็เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีเดวิลที่ไหนมาช่วย เหมือนดั่งสวรรค์จุดเทียนท่ามกลางความมืดมิด เธอจึงเสนอให้ซองกยูแต่งตัวเป็นผู้หญิงในงานปาร์ตี้ ส่วนตัวเธอนั้นจะแต่งตัวเป็นผู้ชายเอง

    เอ .. ก็แค่รูปเด็กสองคนกอดคอกัน แล้วคิมซองกยูจะหงุดหงิดเหมือนประจำเดือนมาทำไมเนี่ย

    “ใช่ มันอาจจะเป็นแค่รูปในกระเป่าตังค์เธอตลอดไปก็ได้ ถ้าเธอไม่ทำตกลงตรงหน้าห้องอูฮยอน

    พูดประโยคนั้นจบผมเองก็แอบตบโต๊ะเสียงดังไปเล็กน้อย เป็นการเพิ่มความกดดันให้ตัวก่อเหตุที่ตอนนี้หน้าตาออกนอกโลกไปเรียบร้อย ความจริงตัวผมเองก็แอบเอะใจเล็กน้อยที่ทำไมนัมอูฮยอนถึงเอาแต่ยิ้มตลอดเวลาที่เห็นหน้า แถมน้ำเสียงก็ดูเป็นมิตรพิลึก คงเป็นเพราะเห็นรูปตัวผมเองเมื่อตอนสมัยเด็กแล้วเก็บอาการขำไว้ไม่อยู่สินะ แล้วจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ จะเอารูปภาพนั้นไปเผาก็เสียดายความทรงจำดีๆ เป็นของขวัญวันเกิดของน้องคนสนิท ครั้นจะเก็บไว้กับตัวก็สร้างปัญหาแบบวันนี้อีก

     คิดแล้วก็แค้น แค้นที่จองอึนจีวิ่งไปซื้อน้ำก่อนหน้าอูฮยอนจะมา แถมยังปล่อยให้ผมต้องมายืนคุยคนเดียวกับอูฮยอนเป็นครั้งแรกอีกตั้งหาก อุตส่าห์เก๊กหน้าสุดขีดให้อูฮยอนเห็นมุมมองดีๆของตัวเองบ้างในการพบกันครั้งแรก ถึงแม้หัวจะด่างไปนิดหน่อย แต่ก็พยายามกลั่นกรองคำพูดให้ออกมาดูเป็นผู้เป็นคนมากที่สุด ภาพพจน์ที่เคยสั่งสมมาก็พังทลายเพราะรูปบ้าๆรูปนั่นรูปเดียว

    ประเทศชาติเข้าใจไหม คิมซองกยูอยากตายยยยยยยยย T__T

    “อ่อ จะบอกว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุว่างั้น อ้าว ไหนล่ะไก่?”

    หญิงสาวเลื่อนมือซ้ายขึ้นมาเท้าคาง ส่วนมือขวาก็เคาะเป็นจังหวะบนพื้นไม้ของเคาน์เตอร์ ส่วนสายตาก็ส่งไปให้พี่ชายคนสนิท ความสงสัยเรื่องที่อารมณ์คิมซองกยูขึ้นๆลงๆก็หมดไป ตัวเธอเองก็เข้าใจว่าช่วงนี้คิมซองกยูอาจจะประจำเดือนมาบ้างไม่มาบ้าง เลยแปรปรวนนิดๆ เอาเถอะ ยังไงเธอก็ไม่ถือสา

    คิมซองกยูจ้องหน้าน้องสาวอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ขนาดเขาขู่แม่นางไปขนาดนี้ ทำไมถึงไม่สะทกสะท้านบ้างเลยนะ อยากรู้จริงๆว่าจิตใจเธอทำด้วยอะไร ทำไมถึงช่างด้านชากับเขาเช่นนี้ ขนาดทำตัวให้คล้ายกับคุณพ่อดุลูกสาวแล้วนะ ทำไมถึงไม่เชื่อฟังกันบ้าง ทำไมถึงห่วงไก่ทอดมากกว่าความรู้สึกพี่ ..

    ชายหนุ่มถอนหายใจทิ้งหนัก ก่อนจะกลับหลังหันไปเตรียมอุปกรณ์ในครัว วันนี้เขาเองก็กะว่าจะเรียกเจ้าอึนจีมาคุยกันให้เคลียร์ๆเรื่องแผนเอที่กำลังจะเริ่มวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะเอาลูกอม ขนม หรืออะไรต่างๆนาๆมาล่อ แม่นางก็ไม่ยอมมา สุดท้ายก็มาใจอ่อนลงที่ไก่ทอดสูตรเด็ดของแม่คิมซองกยู ..

    หญิงสาวนั่งเขี่ยมดที่เดินตัดผ่านไปมาไปเรื่อย โดยสายตาก็ไม่ละไปจากพี่ชายที่กำลังทำไก่ทอดอยู่ในครัว ความจริงเธอเองก็ใจอ่อนตั้งแต่ขนมชิ้นแรกๆถูกพูดออกมา แต่ก็แสร้งทำเป็นเล่นตัวไปงั้น สุดท้ายซองกยูก็งัดไม่เด็ดเอาไก่ทอดของคุณป้ามาใช้ต่อกร อีกอย่างเขาเองก็อยากพิสูจน์ฝีมือในหารเข้าครัวเห่ยๆของซองกยูอีกด้วย คนอายุน้อยกว่านั่งมองพี่ชายที่วิ่งวุ่นอยู่ในครัวเพราะไม่เคยจับต้องส่วนผสมอย่างเป็นจริงเป็นจัง แถมทุกครั้งที่แม่ทำคิมซองกยูก็มีหน้าที่แค่ล้างไก่ ... เอ้ แล้วมันทำยังไงกันเนี่ย..

    ปากแดงๆของคิมซองกยูกำลังขยับขึ้นลงไม่มีหยุด จากที่เคยคิดว่าการทำไก่จะเป็นเรื่องง่ายของซองกยูและใช้เวลาเพียงไม่นาน กลับกลายเป็นว่าการผสมส่วนผสมให้สำเร็จนั้นใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงเศษๆ อึนจีเหล่ตามองพี่ชายที่ทำหน้าที่คล้ายกับหุ่นยนต์ขี้บ่นประจำบ้าน ซองกยูบ่นมาตั้งแต่ยังไม่ได้เตรียมส่วนผสม จนส่วนผสมเสร็จพร้อมรอทอดแล้วพ่อคุณก็ยังไม่หยุดบ่น  คนอายุน้อยกว่าก็ได้แต่นั่งขยับสายตาไปตามร่างอวบๆนั่นในห้องครัว ความรู้สึกชาที่ต้นขาเริ่มลามไปทั่ว

    คิมซองกยูนี่อืดอาดยืดยาดจริงๆเลย !

     

     

    หญิงสาวลืมตาขึ้นเมื่อได้กลิ่นความหอมลอยมาแตะจมูก กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับระดับแสงสว่างก่อนจะก้มมองจานสีขาวที่ตอนนี้มีน่องไก่ชิ้นใหญ่วางอยู่ รอบๆข้างนั้นประดับประดาไปด้วยซอสพริกและซอสมะเขือเทศ หันไปด้านข้างก็พบกับแพนกวิ้นข้างบ้านที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายมาให้  อึนจียิ้มตาหยีก่อนจะคว้ามีดและซ้อมที่อยู่ข้างๆตัวมาเตรียมหั่นไก่

    เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ทำไมไก่มันหั่นยากและเหลวๆอย่างนี้ ..

    อึนจีพยายามหันไก่ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เธอใช้ส้อมคีบอีกชิ้นหนึ่งแยกออกมา แล้วก็พบว่าชิ้นส่วนตรงกลางของไก่ทอดนั้น ยังมีความสดบรรจุอยู่ข้างใน เธอรีบหันขวับไปหาพี่ชายที่ดูเหมือนตอนนี้จะเตือนไม่ทันเสียแล้ว ... ไก่ทอดชิ้นนั้นถูกเคี้ยวอย่างละเอียดและกลืนลงคอไปเรียบร้อย

    “พี่ .. พี่กินไก่ไม่สุกอ่ะ”

    “หะ...เห้ย .. จริงป่ะเนี่ย”

    “ฉันโกหกแล้วฉันจะได้ไอโฟนไหมเล่า กินเข้าไปคำโต้งๆ อี๋แหวะ”

    “แล้วทำไมไม่เตือนให้เร็วกว่านี้ โอ้ย พ่อแก้วแม่แก้วช่วยซองกยูด้วย”

     

     

     

     เช้าวันนี้จองอึนจีโดนโทษหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วยการโดนปาทั้งหมอนปาทั้งหมอนข้าง ที่สำคัญเมื่อเธออาสาเป็นคนไปปลุกซองกยูเองถึงบนห้องนอน ยังได้รับบาทางามๆมาประทับที่ขาอีกด้วย

     ถามเหตุผลว่าทำไม คิมซองกยูบอกได้เลยว่า หมั่นไส้จากเหตุการณ์เมื่อวาน!

     หญิงสาวพยายามทรงตัวให้ได้มากที่สุด แขนข้างขวาเต็มไปด้วยกระเป๋าสัมภาระของซองกยู ส่วนแขนข้างซ้ายก็ห้อยกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมาสำหรับแผนเอโดยเฉพาะ ด้านหลังก็เต็มไปด้วยกระเป๋าเป้ที่มีหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ เธอหันซ้ายหันขวากเพื่อจะมองหาพี่ชายข้างบ้าน แต่พอรู้ตัวอีกทีพี่ชายตัวดีก็เกินละลิ่วล้วงกระเป๋านำหน้าเธอไปแล้วตั้งเกือบเมตร

    “พี่ซองกยู!”

    ชายหนุ่มหันกลับหลังมามองหน้าน้องสาวที่กำลังแบกสัมภาระต่างๆนาๆ ส่วนขาของเขาก็ยังไม่หยุดเดิน เขาเดินถอยหลังไปเรื่อยๆโดยที่หันหน้าประจันกับคนอายุน้อยกว่า

    “มีอะไรหรอ~

    “กระเป๋ามันหนักทำไมไม่ช่วยน้องถือเนี่ย?”

    “ในบอกเป็นเบ้? เบ้ก็ทำหน้าที่เบ้ไปดิ”

    “โห้ย ถ้าไม่ใช่อัลบั้มพี่โทนี่ฉันไม่ยอมจริงๆนะ”

     

     ซองกยูแลบลิ้นปลิ้นตาใส่น้องสาว ก่อนจะหันหลังกลับไปเดินแบบเดิมอีกครั้ง เลี้ยวเข้าประตูโรงเรียนตามปกติโดยไม่ลืมที่จะทำความเคารพคุณครูและภารโรงที่เดินสวนกันด้วย เสียงบ่นทางด้านหลังทำให้เขาต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่อีกครั้งพร้อมกับขู่ให้เงียบ เท้าทั้งสองเดินเตาะแตะไปเรื่อยจนถึงจุดหมายปลายทาง เขายืนหยุดรออึนจีที่หน้าห้องของอูฮยอน เขาชะโงกหน้าไปสอดส่องตรวจดูสภาพข้างในเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะไม่มีใครอยู่ในนั้น

    “วันนี้ลืมเอาน้ำส้มมา เอานมไปแทนล่ะกันเนอะ”

    “แต่พี่ไม่อยากให้นมอ่ะ”

    ซองกยูเบะปากอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะกระทืบเท้าไปมาราวๆกับเด็ก แตกต่างกับคนที่อายุน้อยกว่าทำได้แค่เพียงใช้มือทั้งสองข้างอุดหูไว้ คิดจะโวยวายนักก็ไมได้เดี๋ยวจะโดนโกงอัลบั้มพี่โทนี่เสียได้

    “นมมีประโยชน์กว่าน้ำส้มเยอะ ทำไมไม่เอา หยุดกระทืบเท้าได้ล่ะหมั่นไส้”

    ก็ถ้าพี่ให้นมใช่ป่ะ อูฮยอนเขาจะคิดว่าพี่หาว่าเขาเตี้ยอ่ะ เพราะว่านมมันทำให้สูงอ่ะ แค่นี้เขาก็เตี้ยพออยู่แล้ว พี่ไม่อยากให้เขาคิดมากอ่ะ เอาน้ำส้มมาเลยนะ

     

    “โอเคๆ งั้นไปซื้อน้ำส้มที่- เห้ย อูฮยอนมา!

     

     

    สิ้นคำพูดของอึนจี ซองกยูก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนวนไปหมด เขาถูกแรงกระบือของอึนจีผลักล้มไปกองอยู่หลังพุ่มไม้ฝั่งตรงข้ามกับห้องของอูฮยอน พอจะลุกขึ้นยืนก็โดนฉุดให้นั่งลงหลบหลังพุ่มไม้อีก

     หัวใจเต้นตุ๋มๆต๋อมๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ๆ เสียงพูดคุยที่ดังโหวกเหวกโวยวายเพราะสมาชิกในกลุ่มทำให้คิมซองกยูอดไม่ได้ที่จะแหวกพุ่มไม้แอบส่องดูนัมอูฮยอน

     โห้ย ถึงเตี้ยที่สุดในกลุ่ม สูงเท่าไหล่ของซองยอล แต่ยังไงวันนี้ก็วิ้งค์จริงๆนะ ซองกยูทนไม่ได้..

    “โห้ยเตี้ยว่ะ นี่พูดเลยนะพี่ซองกยู พี่แอลพี่ซองยอลงี้ทำไมไม่ชอบ”

    ซองกยูตวัดสายตามองอึนจีที่หลบอยู่ข้างหลัง สายตานั้นร้อนรุ่มราวกับเพลิงไฟพร้อมจะเผาอึนจีทุกเมื่อ

     

    อย่าอย่ามาว่านัมอูฮยอน ถ้าว่าอีกพ่อจะสาปให้พี่โทนี่เป็นกระเทย! ใครก็ไม่มีสิทธิ์มองอูฮยอนเตี้ยทั้งนั้น!

     

    “ลองพูดอีกรอบสิ เผาพริกเผาเกลือพี่โทนี่แน่”

    “โห้ย แค่นี้ทำเป็นหวงขึ้นหิ้ง งั้นฉันเริ่มแผนเลยล่ะกันขี้เกียจรอล่ะ พี่ก็ไปค้นที่ไหนก็ไปๆ”

    หญิงสาวทำท่าโบกมือไล่กลายๆก่อนจะหันไปหยิบอุปกรณ์เสริมที่นั่งตระเตรียมมาครึ่งค่อนคืน ป้ายฟิวเจอร์บอร์ดสีดำขนาดกลางๆถูกประดับประดาด้วยกระดาษสติ๊กเกอร์สีสันต่างๆ เป็นคำว่า

    현니오빠 ♥ 널 사랑해

     

    (คำพูดพวกนี้ซองกยูบังคับให้เขียนลงไป.. ความจริงในจิตใจเขาไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน)

     เธอจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมเล็กๆน้อยก่อนจะแสร้งร้องโอ้ยแล้วทำเป็นยืนขึ้น หันไปขยิบตาเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้ซองกยูรีบวิ่งไปหาไดอารี่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กลุ่มของอูฮยอนแล้ววิ่งตรงเข้าไป

     ส่วนฝ่ายของซองกยูก็ดูท่าว่าจะไม่มีทางยอมง่ายๆ เขาเองก็อยากจะรู้ปฏิกิริยาของอูฮยอนว่าเป็นยังไงเวลามีแฟนเกิร์ลมาหาถึงที่ขนาดนี้ และสิ่งที่ซองกยูเลือกที่จะทำก็คือ .. นั่งแอบดูอยู่ตรงพุ่มไม้ต่อไป

     

    “พี่ค่ะ~ ฉันเป็นแฟนเกิร์ลตัวยงของพี่เลยนะค่ะ นี่ค่ะนมสด ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเช้าวันใหม่นะค่ะ

    เสียงที่ถูกดัดให้แหลมขึ้นของจองอึนจีทำให้ซองกยูต้องแอบเบ้ปาก เขาเองก็บอกว่าให้พยายามแอ๊บ เสียงเข้าไว้ แต่ไม่ใช่ให้มาทำตัวเป็นเด็กผู้หญิงแอ๊บแบ๊วจริงๆสักหน่อย

    “เอ่อ ขอบคุณนะครับ ... รีบๆไปเรียนเถอะครับคุณครูจะได้ไม่ว่า”

    พูดเสร็จแล้วก็แถมด้วยรอยยิ้มหวานๆให้อีกตลบ ซองกยูที่แอบดูอยู่ก็ได้แต่ขยุ้มใบไม้น่าสงสารที่อยู่แถวนั้นไป ส่วนเจ้าเด็กน้อยที่เขาใช้งานก็เล่นละครเสียดีเยี่ยม บิดตัวเขินไปมาโดยไม่สนว่าคนตรงหน้าคือคนที่ตัวเองหลอกด่าอยู่แถบทุกวัน .. ถ้าแสดงละครเก่งขนาดนี้ก็ไปเป็นนักแสดงเถอะ ...

    คิมซองกยูมีแต่คำว่าหมั่นไส้ลอยเต็มหัวไปหมดแล้วเว้ย ! ทำไมทำไมทำไมไม่เป็นซองกยูที่อยู่ตรงนั้น..

     

    “อ้าวอูฮยอน น้ำส้มไม่มีแล้วหรอว่ะ”

     ซองยอลเด็กประถมประจำกลุ่มที่อยู่ดีๆก็ส่งเสียงดังขึ้นทำให้ซองกยูที่แอบอยู่หลังพุ่มไม้เริ่มมีสีเลือดซับฝาดๆที่ใบหน้า แก้มทั้งสองลูกตอนนี้ได้ขึ้นสีเลือดฝาด อากาศก็เย็น ทำไมคิมซองกยูรู้สึกร้อนหน้าจัง

    “น้ำส้มอะไรหรอค่ะ?”

    หญิงสาวที่รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งโดนเมินความสนใจไปชั่วขณะรีบร้องทักขึ้น เพราะเมื่อกี๊เมื่อเธอเหล่มองด้วยหางตา ร่างกลมๆหัวด่างๆก็ยังคงอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

    ก็ไหนบอกจะทำให้แผนสำเร็จว่ะ แล้วตัวเองก็ไม่ไปหาไดอารี่งี้อ่ะหรอ!

     

    “อ่อ ก็น้ำส้มคนแอบรักนัมอูฮยอนอ่ะสิครับ มันอ่ะได้ทุกวันเลย แต่วันนี้แปลกทำไมไม่มีก็ไม่รู้”

    กลายเป็นซองยอลเสียเองที่ชิงตอบคำถามของเด็กสาว สายตาเขาเองก็สอดส่องผ่านกระจกตรงประตูของห้องนัมอูฮยอน ถ้าวันนี้ไม่มีน้ำส้ม แล้วซองยอลจะกินอะไรล่ะครับ ..

    คิมซองกยูที่ได้แต่นั่งเขินบิดตัวไปมาก็เริ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสแรงๆที่ต้นแขน เขาพยามปัดออกหลายทีแล้วก็ไม่เป็นผล แรงจิ้มที่ต้นแขนนั้นก็ยังคงถี่ขึ้นเรื่อยๆ

     

     “อ้าวหนู มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวมดก็กัดหมดหรอก”

    เสียงทักที่ดังขึ้นพร้อมแรงจิ้มที่แขนหายไปทำให้ซองกยูต้องหันขวับไปหาต้นเสียง ภาพตรงหน้าคือชายแก่อายุราวๆห้าสิบต้นๆที่แต่งตัวคล้ายกันตัดต้นไม้ สายตาที่มองลงมาหาเขาก็เพิ่งทำให้คิมซองกยูระลึกอะไรได้บางอย่าง  เขารีบยกมือไหว้ลุงพร้อมกับสะบัดหน้าไปอีกทางเป็นสัญญาณให้คุณลุงเดินไป

    เมื่อกี๊ลุงคนนี้ทักเขาเสียงดังลั่นเลย นัมอูฮยอนต้องรู้แล้วแน่ๆ พระเจ้าไม่สงสารผมจริงๆเลยครับ

     

    “อ้าวไหว้ลุงทำไมลูก”

    แต่ลุงคนนั้นก็ยังไม่ยอมลดล่ะ ยังคงใช้ไม้กวาดที่พกติดตัวมาจิ้มไปที่แขนข้างเดิมซ้ำๆ ซองกยูอยากรู้สึกหายไปจากโลกนี้ทันที ทำไมอะไรอะไรมันถึงยากแบบนี้นะ

     

    “ลุงครับ คุยกับใครหรอครับ”

    เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้น ทำให้ซองกยูต้องรีบหันกลับไปทางเดิม เขาแหวกพุ่มไม้ก็พบกับสายตาของทั้งกลุ่มมองมาที่ทางที่เขาแอบอยู่ ข้างๆนัมอูฮยอนเป็นเจ้าเด็กน้อยอึนจีที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ปากก็ขยับหมุบหมิบไปมาว่า อย่าจับได้เลยเถอะ .. ใช่ อย่าจับได้เลยเถอะ โฮ่

     

    ใจของซองกยูเต้นแรงเร็วราวกับจังหวะสามช่า ... อย่าเลย ซองกยูยังไม่พร้อม

    ซองกยูหันไปมองหน้าลุงอีกครั้งพร้อมกับยกมือไหว้หลายๆรอบ ลุงคนนั้นยิ้มเห็นฟันครบยี่สิบแปดซี่(ที่เหลือหักหมดแล้ว)อย่างจริงใจ พร้อมกับหันไปบอกทางกลุ่มนัมอูฮยอนด้วยเสียงดังฟังชัด

     

    “ก็พ่อหนุ่มหัวด่างคนนี้น่ะสิ มาแอบทำอะไรอยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ สงสัยมาหาคุณนัมอูฮยอนแน่เลย”

     

    .

    .

    .

    .

    ลุงครับ ... ลุงอ่านสีหน้าผมไม่ออกเลยใช่ไหมครับ ... หรือลุงแค้นที่ผมทำลายพุ่มไม้ ...

    ทำไมลุงต้องประจานผมด้วยครับ คิมซองกยูไม่เข้าใจ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ



    /แต่งเสร็จลงบอร์ดไปตั้งแต่วันที่หกแล้วค่ะ ... เพียงแค่ไม่ได้โพสต์ลงในเด็กดี ...


     

     

     
     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×