ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC infinite] T A K E B A C K MY 'SECRET' DIARY!

    ลำดับตอนที่ #2 : S t a r t a p l a n ? | 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 213
      0
      5 ม.ค. 56

    T a k e b a c k my ‘secret’ diary! 
     : Start a plan? 
     
    Pairing: woohyun x sunggyu (feat.infinite,eunji/apink)
    Words:  3,737 (but it’s all nonsense lol)
    Author: jun9chop | chapter 1  100%
    Rated: PG | Genre : comedy/AU 
    Note: แอบช็อคเบาๆกับคำที่เยอะมากขนาดนี้ /นับจากโปรแกรมในเวิร์ดดูค่ะไม่มั่นใจว่าเชื่อถือได้ไหม ฮ่า แต่ทุกอย่างล้วนไปด้วย dialog ที่ไร้สาระ(มาก) บรรยายได้เกรียนๆและอาจทำเสียอารมณ์ฮ่า ข่าวดีคือนัมอูฮยอนโผล่มาแล้ว แถมสร้างความตกใจให้มากๆด้วย >w< นั่งปั่นทั้งหมดสามชั่วโมงค่ะ ... เขียนแล้วลบอยู่หลายรอบมาก ขออนุญาตซ่อนเนื้อหาบางส่วนนะค่ะจะได้เป็นประโยชน์กับคนที่เม้นจริงๆ <3แต่งไปนี่ก็สงสัยตัวเองไปเรื่อยว่าเมนซองกยูหรือเปล่า หรือแอนตี้แฟนแฝงอยู่ในร่างจริงๆ .. ตอนนี้แต่งแล้วรูสึกสงสารอึนจีเบาๆค่ะ โดนใช้แรงงาน(?) แถมตอนนี้อาจจะทำหลายคนหมั่นไส้ .. คือเตือนอีกครั้งนะค่ะ คิมซองกยูในฟิคเรื่องนี้ไม่เคยฉลาดจริงๆ ฉลาดแต่เรื่องที่แปลกๆ คือไม่ทันโลกมากอะไรมาก คิดเยอะด้วย ... สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกเม้นและกำลังใจอีกครั้งค่ะ แม้ตอนนี้อาจจะไม่มาก แต่ก็พยายามทำให้ชอบกันมากที่สุดนะค่ะ ^-^
     
     
     
      ปั้ก.
    เสียงสิ่งของที่กระทบกับหน้าต่างตรงระเบียงทำให้หญิงสาวต้องชะโงกหน้าออกไปดู เจ้านกกระสาที่ถูกพับตามสไตล์ของเจ้าตัวเต็มไปด้วยตัวหนังสือเขียนขยุกขยิกไปหมด เธอขมวดคิ้วแน่นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหยิบเจ้าโอริงามิที่บินโฉบเข้ามาที่ระเบียงห้องเธอ สายตาไล่อ่านมองตัวหนังสือที่เขียนเด่นหราบนตัวเจ้านกกระสาที่น่าสงสาร โถ่ คิมซองกยูคิดจะทำอะไรอีกล่ะ  

    ‘ถึง สมาชิกผู้ร่วมแผนการจองอึนจี’

    ลายมือหวัดๆบนตัวกระดาษพับเขียนไว้ว่าอย่างนั้น หญิงสาวเงยหน้ามองหน้าต่างฝั่งตรงข้าม ก็พบกับชายหนุ่มผิวขาวหัวด่างเป็นแถบๆที่ทำหน้าประหนึ่งเด็กน้อยรอรับขนมจากนางฟ้าผู้แสนใจดี 
    เห็นทรงผมแล้วจองอึนจีก็อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง แก้มทั้งสองข้างยกยิ้มอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ปล่อยก๊ากขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจใครดังลั่นไปทั่วห้อง เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นมาหมาด ๆ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่อึนจีผู้นี้จะไม่มีทางลืมเล่าให้ลูกๆหลานๆฟังแน่นอน

    ว่าแล้วก็ขอย้อนหลับไปเล่าเรื่องเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นให้ฟังหน่อยเถอะ
     
     หลังจากเลิกเรียนได้ไม่กี่นาที คิมซองกยูที่ดูร้อนรนจนต้องวิ่งมาเร่งเร้าถึงที่ห้องตอนเย็นก็ทำเอาหญิงสาวสงสัย ตั้งแต่กลับบ้านด้วยกันไม่เคยมีครั้งไหนคิมซองกยูมาเร่งเร้าเป็นพิเศษ แถมยังชวนไปเดินห้างอีกด้วย นับว่าเป็นอีกวันที่แปลกใหม่สำหรับชีวิตของเธอจริงๆ 
     
     หลังจากเข้ามาในอาณาเขตของห้างสรรพสินค้าอันคุ้นตาได้เรียบร้อยแล้ว จองอึนจีก็ต้องพบกับความมึนงงเข้าไปอีก เมื่อแขนข้างขวาถูกรั้งให้ไปเข้าร้านทำผม ร้านเจ้าประจำของทั้งคู่ อาการที่แปลกๆไปของคนเป็นพี่ทำให้เธอคิดจะเอ่ยปากถาม แต่ไม่ทันไรก็โดนตัดบทโดยการถูกดันให้นั่งจุ้มปุกอยู่ที่โซฟารับแขกของทางร้าน ส่วนเข้าตัวต้นคิดก็ย้ายฐานตัวเองไปนั่งแหมะรออยู่ตรงเก้าอี้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว
     
    ‘หลับไปเลย ถ้าเสร็จแล้วพี่จะปลุก ลากมาให้นั่งเฝ้าเฉยๆ’

    ‘ฉันมีอาชีพเป็นนักเรียน ไม่ใช่ซิเคียวริตี้’

    ‘อย่างเธอเรียกยามก็หรูล่ะ ถ้าเสร็จแล้วทำตัวดี ไม่บ่นหงุงหงิงจะพาไปซื้ออัลบั้ม’

    ‘ผิดสัญญาขอให้นัมอูฮยอนได้สมุดไดอารี่…’
     
    คิมซองกยูหันกลับมามองน้องสาวที่นั่งกอดอกสบายใจเฉิบด้วยตาเขียวปั๊ด หลังจากได้ยินคำพูดข้อต่อรองของเจ้าหล่อนไปเรียบร้อย ความจริงตัวเขาเองก็แอบคิดอยู่ในใจว่าหลังจากเสร็จภารกิจนี้แล้วเรียบร้อย จะรีบลากแม่นางนี้กลับบ้านโดยทำเนียนลืมๆเรื่องที่เคยต่อรองกันไว้ แต่ไม่คิดว่าน้องสาวข้างบ้านจะกล้าถึงขนาดเอานัมอูฮยอนมาอ้างแบบนี้ คำพูดบนบานของจองอึนจีก็ดูจะได้ผลทุกรอบเสียจริงด้วย คิมซองกยูไม่น่าเอาตัวและ
    กระเป๋าเงินตัวเองไปเกี่ยวข้องกับจองอึนจีเลยจริงๆ ให้ตายสิ 

    ‘เอาไง สรุปจะนั่งฟังฉันบ่นต่อหรือจะซื้ออัลบั้มให้? ’

    ‘เอาเถอะ เงียบๆไปล่ะกัน ฉันจะซื้อให้’ 

    หญิงสาวยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นเส้นทางแห่งชัยชนะ ตั้งแต่อายุเริ่มย่างเข้าสิบสี่ เธอก็เริ่มรู้สึกถึงพลังอำนาจที่สามารถใช้ต่อกรกับคิมซองกยูคนนี้ได้ ยอมรับอยู่เหมือนกันว่าช่วงเด็กๆเคยหลงผิดทำตามคำสั่งของคิมซองกยูทุกอย่าง เคยถูกหลอกล่อให้ไปเต้นหมีสามตัวต่อหน้าเด็กวัยเดียวกันนับร้อยที่หน้าสนามเด็กเล่นด้วยลูกอมเม็ดเดียวจากคำสัญญาของซองกยู หลังจากทนเต้นได้จนจบเพลงก็พบว่าคิมซองกยูรีบเผ่นกลับบ้านไปตั้งแต่เต้นจบใหม่ๆ แถมยังโดนแบล็กเมล์ต่อด้วยการถูกอัดคลิปไว้ตลอดทั้งเพลง นับจากนั้นจองอึนจีไม่เคยเชื่อถือคำสัญญาของคิมซองกยูได้อีก ต่อให้เจ้าพี่แกจะสาบานโชว์ต่อหน้าก็ตามทีเถอะ จองอึนจีฉลาดแล้วนะค่ะ ไม่ได้เชื่อคนง่ายเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว


    หญิงสาวลืมตาขึ้นหลังจากรู้สึกถึงสัมผัสยุกๆยิกๆที่ต้นแขน เธอหันไปมองก็พบกับพนักงานของร้านส่งยิ้มหวานมาให้ มือของเธอผายไปยังบุคคลใหม่ที่ย้อมผมเป็นสีแดงเชอร์รี่ จองอึนจีกระพริบตาถี่ๆด้วยความตกตะลึง ความอดทนที่กลั้นไม่ไหวถูกปล่อยโฮออกมาขึ้น หญิงสาวหัวเราะก๊ากทันทีที่ได้เห็นลุคใหม่ของคิมซองกยู 

    ซองกยูตวัดสายตามองยามจำเป็นที่ตอนนี้ลงไปกองลงกับพื้นเรียบร้อย ทำไมจะต้องขำกับลุคใหม่ของเขาด้วยไม่เข้าใจ แค่ย้อมผมจากสีน้ำตาลคาราเมลอ่อนให้กลายเป็นสีแดงเชอร์รี่ให้นัมอูฮยอนจำไม่ได้เท่านั้น ผมเองก็คิดว่าใบหน้าและสีผิวของผมก็ออกจะเข้ากับสีนี้ ทำไมหรอครับ มันแปลกตรงไหน

    ‘โอ้ย- ถามจริง พี่เปลี่ยนสีผมทำไมหน่ะ?’

    ‘นัมอูฮยอนจะได้จำไม่ได้ไง’

    ‘พี่เข้าใจคำว่าอยากหลบหน้าต้องทำตัวให้กลมกลืนไหม? ฉันล่ะเหนื่อยใจจริงๆ หยุดขำไม่ได้เลย โอ้ย’

    ชายหนุ่มพินิจมองใบหน้าตัวเองอีกครั้งในกระจก สมองเขากำลังประมวลว่าทั้งหมดที่เขาคิดมาตลอดทั้งวันมันผิดไหม จริงๆแล้วเขาตัดสินใจถูกอยู่แล้วแต่เจ้าเด็กบ้านั่นทำให้เขวหรือเปล่า ...



    และสายตาที่มองมาจากเจ้าของร้านก็เป็นคำตอบได้ดี คุณป้าในอายุสี่สิบกว่าๆนั่งกลั้นขำอยู่ที่โซฟาตัวข้างๆ พนักงานในร้านพากันมองหน้าของเขากันเป็นแถว แถมเจ้าน้องสาวตัวดีที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ที่ด้านหลังนี่ก็ด้วย ตกลง คิมซองกยูคิดผิดจริงๆใช่ไหมครับ ...

    ‘พี่ค่ะ มีสีดำไหมค่ะ? ช่วยย้อมให้เป็นสีดำด้วยค่ะ’

    หญิงสาวหันไปบอกพนักงานสาวที่กำลังเดินผ่านมาพอดี พนักงานคนสวยหันมามองหน้าชายหนุ่มผมสีแดงที่นั่งอยู่หน้ากระจกอย่างเกรงใจ ก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่ตอนนี้คล้ายจะเป็นช่างแต่งผมประจำตัวของคิมซองกยูไปเสียแล้ว  ชายหนุ่มถอนหายใจหน่ายๆก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง 

    จองอึนจีเดินเตาะแตะกลับไปนั่งแหมะลงบนโซฟาตัวเดิม เธอเองก็พอจะรู้ว่าเวลาที่มีอยู่คงไม่มาก อย่างน้อยก็คงย้อมผมของคิมซองกยูได้เพียงไม่เท่าไหร่ แต่ก็พอทำให้คิมซองกยูแฝงตัวไปกับฝูงชนได้บ้าง ไม่ใช่ให้พี่แกคงสภาพผมสีแดงเชอร์รี่สดนี่ไว้ .. เผลอๆจากที่อูฮยอนไม่เคยสนใจ เขาจะมาสนใจเพราะนึกว่าคิมซองกยูบ้าก็อาจจะเป็นไปได้นะ และอึนจีก็ไม่เคยคิดอยากให้ภาพพจน์พี่ชายตัวเองถูกทำลายขนาดนั้น เธอยังคงมีความรักในตัวพี่ชายคนนี้อยู่(ถึงแม้การกระทำจะตรงข้ามกัน หยวนๆไปเนอะ)


    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารในมือ เมื่อพี่พนักงานคนเดิมเดินมาสะกิดอีกครั้ง หันไปมาตรงหน้ากระจกที่เดิมก็พบกับผู้ชายหัวด่างที่มานั่งแทนที่ผู้ชายหัวแดงแทน ... บางครั้งเธอเองก็รู้สึกว่ากลายเป็นฝ่ายทำร้ายซองกยูไปด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัวจริงๆ พี่พนักงานคนเดิมแอบกระซิบกระซาบบอกมาว่า สาเหตุที่หัวด่างก็เพราะสีดำของทางร้านหมดพอดี สภาพของคิมซองกยูจึงกลายเป็นแบบนี้ เธอหัวเราะก๊ากขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงพี่ชายของเขาก็ไม่เคยโชคดีได้เลยจริงๆ

    ‘จองอึนจี เธอบอกมาเถอะว่าเธอเกลียดขี้หน้าพี่’

    ‘เฮ้ ฉันเปล่านะ ก็สีของทางร้านมันหมด พี่โชคร้ายเองตั้งหาก’

    ‘อย่ามาโทษดวงพี่นะ ความจริงเองก็เป็นเธอใช่ไหมล่ะที่คิดจะทำตั้งแต่แรก ?’

    ‘ให้ฉันสารภาพตรงๆเลยป่ะล่ะ ? เอาความจริงจากใจล้วนๆเลยไหม?’

    ‘ไม่ต้อง ... พี่เกรงใจ’

    หญิงสาวยิ้มกว้างให้พี่ชายอีกครั้ง ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง เมื่อพบว่ามันใกล้จะถึงเวลาที่ร้านแผ่นซีดีปิดแล้ว เธอจึงรีบคว้าข้อมือรุ่นพี่ที่เพิ่งจ่ายค่าทำผมเสร็จเรียบร้อยตรงดิ่งไปที่ร้านทันที 

    สรุปแล้วคิมซองกยูได้เสียทั้งความมั่นใจและเงินในกระเป๋าตัวเองไปอีกเป็นเท่าตัว 
     
    ...โบสถ์แถวไหนรับสะเดาะเคราะห์บ้างครับ ผมเองรู้สึกว่ากรรมของผมมันชักจะเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว 

     
     ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน หญิงสาวก้มมองกระดาษพับในมือตนเองก่อนจะสลับมองใบหน้าของพี่ชายข้างบ้านด้วยความสงสัย เธอพอจะอ่านจากปากพี่ซองกยูที่ขยับขึ้นลงได้ลางๆว่า ‘เปิดสิ’

    เธอแกะเจ้านกตัวน้อยในมือด้วยความระมัดระวัง ตัวอักษรที่ปรากฏหลังจากกระดาษถูกคลายให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมนั่นค่อนข้างระเกะระกะและแลดูไม่เป็นระเบียบตามแบบฉบับที่เจ้าตัวชอบเขียน 
     



    จองอึนจีเอเย่นต์จีหน้าเหี่ยว 
     
    การที่เอเย่นต์เอสได้เขียนจดหมายนี้มาก็เพื่อจะเชิญใช้ให้เธอ เธอนั่นแหละปีนข้ามรั้วมาที่ห้องประชุมของฐานลับของเรา
    ก่อนเวลา 22:30 นาฬิกา ทำไมหน่ะหรอ? เอเย่นต์เอสก็จะบอกแผนการชิงไดอารี่ลับกลับมาน่ะสิ อ่านเสร็จแล้วอย่าบ่น รีบปีนเข้ามาไวๆ 


    ด้วยความเกลียดชังจากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น
    เอเย่นต์เอสหน้าเด็กแห่งหมู่บ้าน
     
     
     เคยรู้สึกอยากขยำกระดาษอะไรบางอย่างพร้อมเผาทิ้งไปด้วยเลยบ้างไหม ? จองอึนจีเองก็เพิ่งจะรู้สึกก็ตอนนี้แหละ ข้อความเนื้อหาในกระดาษช่างตรงข้ามกับความเป็นจริง ตั้งแต่เด็กยันแก่จนตีนกาขึ้นขนาดนี้ คิมซองกยูเองก็ไม่เคยจะยอมรับความจริงได้เลยสักที ว่าหน้าตาและนิสัยบวกอายุของตัวเองปาไปขนาดไหนแล้ว สงสัยเพราะอึนจีไม่เคยเล่าให้ฟังสินะ ว่าเวลาเดินขนาบข้างซองกยูทีไร เวลาพี่ชายข้างบ้านเผลอเด็กน้อยแถวนั้นมักจะเดินมาสะกิดแล้วถามกับอึนจีเสมอว่า ‘มาเดินกับพ่อหรอฮะ ?’

    เงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็พบกับคิมซองกยูที่ทำหน้าเหนื่อยหน่าย นี่นินทาไม่ทันจะถึงสิบวินาทีเผลอทำนิสัยแก่อีกแล้วใช่ไหม อายุอานามเท่าไหร่แล้วค่ะคุณพี่แพนกวิ้นข้างบ้าน ...

    หญิงสาวค่อยๆเดินเกาะต้นไม้ต้นใหญ่ที่เป็นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องสองห้อง ยอมรับว่าเคยทำแบบนี้และตกลงไปบ่อยเหมือนกัน แต่เนื่องจากประสบการณ์ที่มีเยอะเนื่องจากโดนใช้งานข้ามห้องบ่อยๆ เริ่มทำให้เธอรู้สึกชินกับการปีนต้นไม้สูงใหญ่แบบนี้เสียแล้ว 

    เธอเกาะขอบหน้าต่างของห้องคนอายุมากกว่า ก่อนจะทิ้งน้ำหนักกระโดดลงบนพื้นพรมสีน้ำตาลอ่อนนุ่ม ปัดเศษใบไม้เล็กๆที่ติดตัวมานิดหน่อย ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องที่ยืนเท้าเอวกระดิกเท้ามองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจโทษฐานที่มาล่าช้ากว่ากำหนด ใครใช้ให้ส่งจดหมายมาตอนสี่ทุ่มยี่สิบเก้า แล้วเขียนนัดเวลาว่าให้ไม่เกินสี่ทุ่มครึ่งล่ะ คนนะค่ะไม่ใช่เครื่องบิน จะได้บินมาที่นี้เพียงเวลาไม่กี่นาที 
    เธอสอดส่องสายตาไปทั่วห้อง ก่อนจะพบกับกระดานไวท์บอร์ดขนากใหญ่ที่ตั้งเด่นหราอยู่ตรงกลางห้อง ข้างหน้ากระดานนั้นมีฟูกสำหรับนั่งเล็กๆสองตัว วางขนาบข้างโต๊ะอ่านหนังสือ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคิมซองกยูเป็นคนเลื่อนเพื่อทำให้คล้ายการประชุมให้มากที่สุด หรือว่าจองอึนจีอาจจะหลุดเข้ามาในหนังสายลับที่งบน้อยและมีเด็กผู้ชายนิสัยคล้ายหญิงสาววัยแรกแย้มเป็นตัวละครเอก 

    “เอเย่นต์จี รายงานตัวด้วย” 

    น้ำเสียงติดสูงและออกเนิบๆกล่าวออกมา เธอหันไปมองคนเป็นพี่อีกครั้งที่ตอนนี้ถือเอกสารอะไรเยอะ แยะไปหมดในมืออยู่ด้วย แถมคนอายุมากกว่ายังตกแต่งห้องให้มีแสดงไฟที่คล้ายๆห้องประชุมอีก

    “ฉันสงสัย นี่แผนการชิงไดอารี่หรือหนังที่ทอมครูซสุดหล่อจะขโมยความลับระดับชาติ”

    “แผนการจะสำเร็จ เราต้องทำให้เป็นระบบเว้ย”

    “ลงทุนไปเท่าไหร่ นี่ถามจริง”

    “เออหน่า ยังไงก็ถูกกว่าราคาอัลบั้มเธออีก เลิกบ่นแล้วนั่งลงด้วยเอเย่นต์จี”

    “ค่าๆ ยอมแล้วค่า ยอมทุกอย่างแล้ว”
     
    หญิงสาวยกมือไว้ข้างลำตัวเป็นท่าทางประกอบ ก่อนจะเดินคอตกไปนั่งอยู่บนฟูกสีน้ำตาล เธอเงยหน้ามองตัวหนังสือที่เขียนบนกระดาษไวท์บอร์ดด้วยความงุนงงสุดๆ

    ตรงกลางกระดานมีตัวอักษรใหญ่เขียนติดไว้ว่า ‘แผนการชิงไดอารี่คืน’ โดยที่ข้างๆมีตัวอักษรที่เล็กลงมาน้อย แต่ก็ยังมีขนาดใหญ่อยู่ดี เขียนประกอบไว้ว่า ‘หัวหน้าแผนการ:เอเย่นต์เอสสุดหล่อหน้าเด็ก’ รองจากนั้นลงมายังมีตัวอักษรที่เขียนไว้อีกว่า ‘ขี้ข้า:เอเย่นต์จีผู้ขี้เหร่เหมือนอาจุมม่าข้างบ้าน’


    อึนจีรู้สึกได้ว่าคิ้วข้างขวากระตุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะตวัดสายตาไปมองหน้าพี่ชายข้างบ้านที่ย้ายตัวมานั่งลงบนฟูกอีกตัวหนึ่ง “หมายความว่ายังไง?”

    “อะไร ตำแหน่งอ่ะหรอ ? ก็แผนนี้พี่คิดพี่ก็ต้องคุม แกหน่ะเป็นขี้ข้าให้พี่ใช้งานก็พอ”

    “ค่าจ้างอ่ะ?”

    “บัตรคอนเสิร์ตพี่โทนี่แถวหน้าสุด แต่มีข้อแม้ว่าภารกิจนี้ต้องสำเร็จ”

    “พี่มีฉันพี่ไม่ต้องห่วงว่าแผนล่มหรอกนะ ห่วงตัวเองเถอะ มั่นใจนะว่าแผนจะไม่พัง”

    “พี่มีแผนสำรองแล้วหน่า รับรองไม่พัง”

    จองอึนจีมองพี่ชายข้างบ้านของตนด้วยความไม่เชื่อ เกิดมาไม่เคยคิดว่าซองกยูจะเป็นคนรอบคอบขนาดนี้ มีการคิดแผนรงแผนรอง ปกติเท่าที่เคยร่วมมือกับซองกยูมาก็มีแต่การขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่เห็นจะมีการคิดแผนไว้ล่วงหน้าขนาดนี้เลย พี่ซองกยูเปลี่ยนไปมากจริงๆ .. น้ำตาจะไหลค่ะ 

    “แผนพี่มีทั้งหมด 26 แผน  ชื่อแผนแต่ละแผนคือ a-z ไล่เอาเองล่ะกันนะ พี่จำไม่ได้”

    จองอึนจีที่เพิ่งรับเอกสารจากมือพี่ชายมาหยกๆ ต้องรีบหันขวับมองหน้า คนที่เพิ่งพูดว่าการมีแผนทั้งหมด 26 แผนเป็นเรื่องสบายๆ เธอเองก็พอจะรู้อยู่ว่าเอกสารในมือเป็นการอธิบายขั้นตอนของแผน เห็นว่ามีปึกใหญ่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีเยอะมากขนาดนี้ ความจริงคิดว่าที่เห็นเยอะๆนี่เพราะซองกยูเวินเว่อ หญิงสาวเชื่อแล้วจริงๆว่าคิมซองกยูรอบคอบขึ้น สงสัยจะเป็นอิทธิพลมาจากท่านประธานนักเรียน 

    “และไม่ต้องกังวล ถ้าแผนพวกนั้นไม่สำเร็จ พี่มีอีก 26 แผน คือดับเบิ้ลเอถึงดับเบิ้ลแซดหายห่วงได้เลย”


    เอาสิ ถ้าคิมซองกยูไม่ได้ไดอารี่กลับมา จองอึนจีคนนี้ก็หมดคำจะบรรยาย 
     
     


    “พี่ล้อฉันเล่นหรือเปล่า ให้ตายสิ”

    จองอึนจีสบถขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินคำพูดถึงแผนต่างๆของคนอายุมากกว่าถึงยี่สิบหกแผน เธอเองจะไม่รู้สึกเลยว่าแผนพวกนั้นมันเยอะแยะถ้าไม่ติดว่า แทบทุกแผนคนที่ถูกใช้แรงงานนั่นต้องเป็นเธอ ตอนแรกที่ถูกลดฐานะให้เป็นขี้ข้าเธอเองก็พอเข้าใจจากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น แต่ถ้าขี้ข้าใช้แรงงานเยอะขนาดนี้มันก็ไม่ไหวนะ ที่อึ้งที่สุดคือแต่ละแผนนั้นก็แปลกสุดพิสดาร ใช้ให้เธอแฝงตัวไปเป็นเด็กขอทานดักรอหน้าท่านประธานนักเรียนกับกลุ่มเพื่อนอย่างนี้ ส่วนตัวเองก็สบายใจสุดๆแอบเข้าไปค้นหาไดอารี่ในห้องของซองจงและเพื่อนต่างๆในกลุ่ม ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องให้เธอปลอมแปลงตัวเองเป็นขอทาน ..
     

    ตลกมากไหมคิมซองกยู คิดแผนนานมากไหม สารภาพมาเสียเถอะว่าต้องการแก้แค้น..
     
    “ทำไมอ่ะ พี่ว่าแต่ละแผนก็สบายดีออกนะ”

    “สบายกับผีสิพี่ ... ทำไมต้องใช้ฉันปลอมตัวตลอด แล้วเด็กขอทานนั่นมันอะไร”

    “นี่ไม่รู้ล่ะสิว่านัมอูฮยอนเขาเป็นคนใจดี สงสารเด็กขอทานตลอด พี่ว่าน่าจะเป็นตัวหยุดเขาได้นะ” 

    “แล้วถ้าเขาเสแสร้งทำเป็นรักเด็กขอทานต่อหน้าแฟนคลับอ่ะ ฉันไม่โดนไล่ถีบหรอ”

    “ใครสนล่ะ เป้าหมายที่ต้องปกป้องไม่ใช่จองอึนจีสักหน่อย”

    “โห่... นี่เห็นน้องเป็นอะไร หุ่นยนต์คนรับใช้หรือไงค่ะ”

    “เปล่านะ เห็นเป็นคนรับใช้ .. ไม่มีหุ่นยนต์ด้วยนะ หุ่นยนต์เชื่อฟังกว่านี้เยอะ”

    “พี่ซองกยู!”

    "เอาเถอะ ถ้าแผนสำเร็จพี่ยอมทุกอย่าง เป็นเบ้ให้ปีหนึ่งเลยก็ยอม” 
     
    แววตาของหญิงสาวเป็นประกายทันทีที่คนเป็นพี่พูดจบ ความจริงคิมซองกยูก็แทบจะโดนหญิงสาวใช้แทบทุกอย่าง แต่ไอ้การที่อำนาจความเป็นใหญ่ลอยมาในมือขนาดนี้ มีหรือคนอย่างจองอึนจีจะยอมไหว

    “ฉันยอม แต่ว่า...ตอนจบพี่ต้องซื้ออัลบั้ม บัตรคอนเสิร์ตพี่โทนี่ เป็นเบ้ให้ฉันอีกปีหนึ่งนะ โอเคไหม?”

    “มาถึงขนาดนี้ พี่คงเถียงแกไม่ไหวแล้วล่ะ ยอมก็ยอม”

    “โอเค แผนการเราเริ่มได้ ณ บัดนี้!”
     
     
     
    เช้าวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ จองอึนจีก็ต้องรอไปโรงเรียนพร้อมกับคิมซองกยูเหมือนอย่างเคย(แถมสิ่งพิเศษคือ อัพเกรดจากผ้าพันคอเป็นโดนปาหมอนด้วยคราวนี้) สิ่งเดียวที่ไม่ปกติคือการถูกห้ามทำตัวให้มีอำนาจมากกว่าซองกยู ไม่งั้นข้อตกลงของรางวัลทุกอย่างจะโดนระงับ นั่นหมายความว่าจองอึนจีต้องกลับไปเป็นหมาน้อยรอเจ้า นายสั่งเหมือนเดิม แถมยังถูกใช้งานหนักกว่าเดิมด้วย ไม่ว่าจะเป็นโดนใช้แรงงงานแบกกระเป่าแต่เช้าๆ หรือวิ่งไปซื้อน้ำให้


     อย่าให้แผนการเสร็จก่อนก็แล้วกันนะ จองอึนจีคนนี้ไม่ปล่อยไปแน่ๆ สาบานด้วยเกียรติภรรยาพี่โทนี่!
     
     
    เช้าวันนี้คิมซองกยูก็เดินไปวางน้ำส้มอีกครั้งแต่เพิ่มความระมัดระวังเข้าไปด้วยค่อนข้างมาก เขาค่อยๆชะโงกหน้าออกมาจากห้องของนัมอูฮยอน มองซ้ายมองขวาเมื่อมั่นใจว่าไม่พบอะไรแล้ว ก็เดินย่องออกไปหาน้องสาวที่เริ่มหน้าบูดเป็นตูดลิงเข้าทุกขณะ ความจริง ณ ตอนนี้เอง คิมซองกยูก็ชักไม่มั่นใจแล้วสิว่ากลับบ้านไปเจ้าเด็กนี้จะเสกหนังควายใส่ท้องเขา ทำตุ๊กตาบูดู เผาพริกเผาเกลือเขาหรือเปล่า
    ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังตึกเรียน คิมซองกยูก็รู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ข้างขวา เขาหันกลับไปมองคนตรงหน้าที่ในชีวิตนี้คิมซองกยูมั่นใจว่าจะไม่เคยได้คุยกันแน่นอน ผู้ชายที่เป็นที่หมายปองของทั้งโรงเรียน กำลังยืนยิ้มให้ ชายหนุ่มคนนั้นตัวเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย แต่ผิวสีแทนที่ดูมีเสน่ห์และดวงตาที่มีประกายตลอดเวลานั้น เขาไม่เคยหยุดแอบมองได้เลยตลอดสี่ปีที่ผ่านมา หัวใจที่อกข้างซ้ายของเขาก็เต้นรัวจนแทบจะระเบิดคาอก ทำไมพอเวลาสถานการณ์จริงมันตื่นเต้นขนาดนี้นะ อูฮยอนจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตักขนาดนี้หรือเปล่า ซองกยูกำมือเล็กน้อยๆหลังจากรู้สึกได้ว่าตัวเองเริ่มหายใจไม่ปกติ ทำไมเขาเองต้องเผลอแสดงตัวตนออกไปง่ายๆขนาดนี้นะ ไม่ได้การเลย

    คิมซองกยูพยายามรวบรวมแรงกล้าทั้งหมดพูดทักออกไปคนแรก เนื่องจากเห็นแค่เพียงประธานนักเรียนยืนยิ้มให้โดยไม่คิดจะทักทายอะไรสักคำ 

    “เอ่อ ... มีอะไรหรือเปล่า ?”

    “อ่อ นายชื่อคิมซองกยูใช่ไหม? ฉันนัมอูฮยอนนะ”  

    ด้วยนิสัยเข้ากับคนง่ายของเขา ทำให้อูฮยอนยื่นมือไปข้างหน้าโดยไม่คิดอะไร เขาส่งยิ้มให้อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาจับมือเขาอย่างกล้าๆกลัว แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากมืออีกคน

    “อ่า...ชะ..ใช่แล้ว ทำไมหรอ?”

    “นายทำอันนี้ตกไว้น่ะ ฉันเลยเอามาคืนให้”  
    ชายหนุ่มหันหลังกลับไปล้วงสิ่งของบางอย่างออกจากกระเป๋าเป้ ก่อนจะยื่นมันให้กับอีกฝ่าย 
     
    และคิมซองกยูก็รู้สึกว่าต้องการผูกคอตายใต้ต้นผักชีให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมสิ่งนี้ต้องไปตกอยู่ในมืออูฮยอนด้วย เขาไม่เข้าใจ  แล้วอูฮยอนจะมองเขาเป็นคนยังไงไปแล้ว.. พระเจ้าใจร้ายกับซองกยูจังครับ


     พ่อครับแม่ครับซองกยูอยากมุดดิน ขุดดินให้ผมมุดหน่อยครับ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
     
     
     
     
     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×