ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC infinite] T A K E B A C K MY 'SECRET' DIARY!

    ลำดับตอนที่ #1 : i n t r o | 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 342
      0
      3 ม.ค. 56


    T a k e  b a c k  m y  ‘s e c r e t’  d I a r y!

    Pairing: woohyun  x sunggyu ( a little bit feat.infinite,eunji/apink)

    Words: 2627./that’s very short! Sorry

    Author:  jun9chop | intro 100%

    Rated: PG | Genre : comedy/AU

    Note: ฟิคเรื่องนี้เรา feat. Eunji สาวน้อยเมืองปูซานจากเอพิ้งค์มาด้วยค่ะ~ ฮ่า เพราะคิดว่านิสัยพี่กยูน่าจะเข้ากันได้ เพราะแสบทั้งคู่จริงๆ XD /อันที่จริงเป็นแฟนคลับเอพิ้งค์ อ้างไปงั้นแหละค่ะ ... ฟิคเรื่องนี้..มันหาสาระไม่ได้ค่ะ นี่นั่งเขียนลบเขียนลบมาหลายๆรอบกว่าจะมาเป็นอินโทรได้ แถมอีกนิดว่า มันจะจบหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่มั่นใจค่ะ lol อ่านเรื่องนี้แล้วลบอิมเมจพี่ซองกยูที่แสนชาญฉลาด ตามคนอื่นทัน และว่องไวไปได้เลยนะค่ะ ~ เราเตือนคุณแล้ว ฮ่า~ ขอบคุณสำหรับทุกข้อแนะนำ ติชม คำขอบคุณ และกำลังใจของทุกท่านนะค่ะ เป็นน้องใหม่ของการแต่งฟิคชั่น ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะค่ะ ^-^

     

             

     


    หญิงสาววัยสิบห้าสิบหกลากส้นเท้าเดินทอดน่องไปตามทางเดินหน้าบ้าน เสื้อโค้ทตัวเก่งที่ถูกเลือกสรรค์มาใช้ในวันนี้ก็ดูเหมือนจะรู้งานเลยทีเดียว เธอกระชับเสื้อโค้ทตัวนั้นให้อุ่นขึ้น สองมือถูไถไปมาก่อนจะนำมาแนบแก้ม อากาศที่หนาวเนยะเยือกจนติดลบนี้เริ่มไม่ส่งผลดีต่อตัวเธอเองมากเท่าไหร่ ในใจเองก็ภาวนาว่าอยากกลับบ้านไปนอนซุกผ้าหนวมหนาๆสร้างความอบอุ่นให้ตัวเองเหมือนกัน ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าต้องรีบไปโรงเรียนแต่เช้าๆ เพื่อไปช่วยทำภารกิจบางอย่างของเจ้าพี่อ้วนอืดข้างๆบ้านนี่ เธอเดินเตาะแตะไปเอยก่อนะเลี้ยวเข้าบ้านที่เปิดประตูอ้าอย่างไม่เกรงใจใคร คาดว่าคุณนายคิมคงอยู่ในห้อครัว เธอแอบเคยคิดจะมาขโมยของของบ้านนี่ ... แต่พอเจอะเข้ากับความขี้หวงของลูกชายคนเล็กบ้านนี้แล้ว เธคงต้องเลิกฝันอะไรแบบนั้นเสียแล้วล่ะ หญิงสาวเดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟานุ่มๆอันคุ้นเคย


    เสียงกระแทกส้นเท้าดังปั้งที่ดังขึ้นมาจากชั้นบน ส่งผลให้คนที่นั่งแหง่วรออยู่โซฟารับแขกข้างล่างต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่กำลังทำลายข้าวของกลายๆ คนที่มีอายุมากกว่าที่โดนขัดใจมาตั้ง แต่ตอนเช้าก็ไม่ยอมลดล่ะ ปลดผ้าพันคอออกจากคอตัวเองก่อนจะปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วปาใส่หน้ารุ่นน้องคนสนิท ปากที่เคยเบะอยู่ตลอดตั้งแต่ตื่นนอนมาก็เริ่มจะเผยออกมาเป็นรอยยิ้มเล็กๆน้อยๆ

    จองอึนจีมองผ้าพันคอที่ลอยปลิวละลิ่วมาแปะที่หน้าผากตัวเองดังแป๊ะเธอใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้คีบสิ่งๆนั้นออกมาจากใบหน้า คิ้วข้างขวากระตุกขึ้นเล็กน้อย เธอหันไปมองคนเป็นพี่ที่ยืนกอดอกสบายใจกระดิกเท้าระริกระรี่อย่างไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว เธอถอนหายใจฟึดฟัดเล็กน้อย แล้วก้มลงไปหยิบสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเป้คู่ใจ ไดอารี่ปกหนังสีน้ำตาลอ่อนถูกยกขึ้นมาในระดับสายตา เธอแสร้งทำเป็นลูบขึ้นลงเบาๆ ปากคู่สวยนั่นเอ่ยน้ำเสียงออกมาเนิบช้าๆ ราวกับจะยั๊วะอารมณ์คนเป็นพี่เล่นๆ


    “อยากรู้จัง สมุดเล่มนี้ถ้าถูกถ่ายเอกสารแล้วดันปลิวไปวางแหมะบนโต๊ะนัมอูฮยอนแล้วมันจะเป็นยังไง~”

    “อยะ .. อยะ...อย่านะเว้ย!”

    “ถ้าภายในห้านาที หน้าบวมๆของพี่ยังไม่โผล่ออกมาจากห้องน้ำอีก ฉันไม่รับประกันแล้วนะ~”

    “ไอ้น้องบ้าอำนาจ!”

    “อ่ะๆ~ ประธานนักเรียนจะว่ายังไงน้า~”


    เช้าวันนี้คิมซองกยอยากจะผูกคอตายให้รู้แล้วรู้รอด! ใครสั่งใครสอนให้น้องสาวข้างบ้านคนสนิทเขาโตมาแบบนี้ล่ะเนี่ย แต่ก่อนล่ะเห็นออกจะเชื่อฟัง สั่งอะไรก็ทำตาม เรียบร้อยน่ารักอย่างกับผู้หญิงในฝัน แล้วดูสิ ตอนนี้มันอะไร เอะอะๆก็เอาแต่นัมอูฮยอนเป็นข้ออ้าง คิดว่าคิมซองกยูจะยอมแพ้เพราะคนแบบนั้นหรอ ?

    ก็ใช่ ผมยอมเอง!

    ก็ทำไมล่ะ ผมผิดด้วยหรอที่หลงรักคนแบบนัมอูฮยอน .. ไม่มีใครเขาเขียนป้ายติดไว้นิว่าห้ามผมหลงรัก แถมคนที่แอบชอบนัมอูอยอนก็มีไม่ใช่น้อยเสียด้วย แถมชื่อผมเขาก็ยังไม่รู้จัก หน้าตาผมเขาก็คงไม่เคยสังเกตเห็น ตัวผมเองก็ไม่รู้จะกลัวไปทำไมกับไอ้การที่ว่าความในใจของผมจะถูกสารภาพผ่านกระดาษไม่กี่แผ่น ดยที่เจ้าตัวเองก็ยังคงไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามผมสักนิด นั่นสิ .. แล้วผมจะกลัวคำขู่อึนจีทำไมเนี่ย .. โอ้ย คิดแล้วผมก็อยากจะกระโดดน้ำให้จระเข้ที่บึงหน้าบ้านกินตายไปเลยก็ดี .. เสียรู้อีกแล้วสิ


    “พี่ซองกยู! นอนหลับในห้องน้ำอีกแล้วหรือไง เจ็ดโมงแล้วนะ จะให้ไหมน้ำส้ม? จะเอาไหมไดอารี่ ? ฉัน-จะ-ไป-โรง-เรียน-แล้ว-นะ!”

    เสียงทุบประตูห้องน้ำดังปั้งๆจากข้างนอกทำให้คิมซองกยูต้องลากขายาวๆนั่นเดินออกจากอ่างอาบน้ำอย่างไม่เต็มใจ เขาส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะออกไป ในใจเขาเองก็คิดอยากจะล่อให้เจ้าเด็กแสบนั่นเปิดประตูออกมาแล้วฉีดน้ำจากที่ฉีดข้างโถสุขภัณฑ์ใส่หน้าให้รู้แล้วรู้รอด ต้งแต่คบกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานผ่านรั้วประตูบ้านตั้งแต่สมัยที่ยังเท้าเท่าฝาหอยแครงหอยแมลงภู่ เจ้าเด็กคนนี้เคยน่ารักตามใจเขาตลอด เวลาไปโรงเรียนด้วยกันก็ไม่เคยมีการมาเร่งเร้า แถมยังนิสัยดีนั่งรอโดยไม่มีอิดออดสักคำ ทำทุกอย่างตามคำสั่งเพียงเพราะลูกอมเม็ดนึง เดี๋ยวนี้จะล่อทีต้องล่อด้วยอัลบั้มพี่โทนี่ ชายหนึ่งเดียวในดวงใจของแม่คุณ นินทาว่าร้ายอะไรไม่ได้แม่คุณออกตัวแรงก่อนเสมอ แถมนิสัยจากที่เคยเอาขนมมาฝากเขาแทบทุกวันก็กลายเป็นย้ายร่างอวบๆนั่นมาขโมยขนมเขากินแทบทุกครั้ง นี่ยังไม่นับรวมนิสัยชอบปีนต้นไม้แล้วเยาะเย้ยเขาอีก .. นี่เห็นคิมซองกยูเป็นพี่หรือขี้ข้ากันแน่ครับ ...

    “อ้วนแล้วยังเดินช้าอีก ถ้านัมอูฮยอนมาเห็นว่าพวกเราไปวางน้ำส้มให้ ฉันไม่รับผิดชอบจริงๆนะ”

    เสียงบ่นหงุงหงิ้งที่ตามมาจากทางด้านหลังของเขาทำเอาเขาอยากปิดประตูกระแทกใส่หน้ารัวๆ นี้ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาแม่นางไม่สวยอยู่แล้วนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าสงสารกลัวไม่มีใครจีบ ผมเลยไม่กล้ารังแกนะ…

    ส่วนเรื่องน้ำส้มนั่น ... อ่า อายจัง .. ผมเป็นคนทำมันตลอดล่ะ ทำมันมาตั้งแต่หลงรักเขาเข้าปีที่สอง ไม่รู้ว่าตอนนั้นรวบรวมความกล้าไปได้ยังไง แต่ความจริงแล้วต้องขอบคุณเจ้าอึนจีเนี่ยแหละครับ ที่ยอมเสียสละเวลาฝันถึงพี่โทนี่อันทรงคุณค่าของเธอยามเช้า ลากผมเดินเตาะแตะไปวางน้ำส้มไว้ที่โต๊ะของ นัมอูฮยอนทุกๆเช้าก่อนที่เจ้าตัวจะมา ถึงแม้หลายครั้งเจ้านี่จะชอบเซ้าซี้ที่ผมไม่ยอมกล้าๆบอกความจริงออกจากปากไปเสียที เอาแต่นั่งระบายอยู่กับไดอารี่เล่มที่เจ้าตัวเอามาเป็นคำขู่ผมนั่นแหละครับ โถ่ ใครจะรู้ล่ะ ไดอารี่เล่มนั้นมันมีความลับมากมายอยู่นะครับ ความกล้าของตัวผมเองยังคงมีไม่พอ การจะให้เดินดุกดิกๆไปบอกรักคนที่ไม่เคยพูดคุยกันมันก็ใช่เรื่องอยู่นะ ใครว่าคิมซองกยูป็นคนใจกล้าครับ .. ผมเนี่ยป๊อดยิ่งกว่าอะไรดี แถมความมั่นใจในตัวเองก็ไม่เคยมีเยอะแบบน้องข้างบ้านตัวแสบด้วยสิครับ


    หลังจากที่ลากเท้าด้วยอาการสะลึมสะลือทั้งคู่จนเข้าผ่านประตูโรงเรียนแล้วเรียบร้อยนั้น คิมซองกยูก็สัมผัสได้ถึงเหตุการณ์อันไม่น่าจะปกติ เขารู้สึกถึงอันตรายที่กำลังย่างเข้ามาใกล้ ขาทั้งสองหยุดชะงัก เขาหันไปมองหน้าน้องสาวคนสนิทที่ดูเหมือนจะสัมผสได้เหมือนกัน

    “รู้สึกใช่ไหม?”

    “พี่เห็นหน้าฉันขนาดนี้แล้วยังกล้าถาม ไม่รู้สึกมั้ง จะบ้าหรอพี่!”

    “แกว่ามันเป็นอะไรว่ะ...”

    “โอ้-โอ้ย!”


    แต่ไม่ทันที่คนอายุน้อยกว่าจะตอบคำถามได้จบ ร่างทั้งร่างก็กระแทกเข้ากับเด็กผู้ชายหน้าหวานที่เขาทั้งสองคนจำหน้าได้แม่นเลยว่าเป็นใคร ‘อีซองจง’ คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของทั้งคู่ในตอนนี้ ใบหน้าของคู่ซีดเผือดลง แน่ล่ะ ทำไมจะไม่ร้จัก อีซองจง ชายหนุ่มหน้าหวานที่อายุรุ่นเดียวกันกับอึนจี เด็กผู้ชายที่ฉลาดป็นกรด แถมยังเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเทียบ บวกด้วยยังเป็นคนสนิทอีกคนของนัมอูฮยอนอีก บางครั้งซองกยูก็รู้สึกขนลุกทุกครั้งที่ได้เฉียดเข้าใกล้เด็กคนนี้ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาอยู่ใกล้ๆกันแบนี้ แถมยังเข้าใกล้กันในเวลาที่ไม่ตั้งใจมากๆอีกด้วย ผมรีบกดหัวอึนจีให้ก้มลงเบาๆ เจ้าเด็กนั่นก็ยอมแต่โดยดี แถมยังเอ่ยปากขอโทษอีกตั้งหาก(คิมซองกยูไม่เคยได้รับการกระทำแบบนี้จากจองอึนจีเลยสักครั้งตั้งแต่โตมา …) อีซองจงปรายตามามองเล็กน้อยก่นจะแสยะยิ้มแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้แต่เพียงความรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆของซองกยู พร้อมเซ้นส์ของสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลและยังคงค้างคาใจซองกยู



    หลังจากแอบซุบซิบนินทาเหล่าบรรดาแฟนคลับที่พากันแต่งตัวเรียกความสนใจของเหล่าคนดงในโรงเรียนกับจองอึนจีมาตลอดทางแล้ว มันก็มาถึงช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดของวันสำหรับคิมซองกยูเสียที ขาทั้งคู่ของเขาก็เริ่มสั่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ หัวใจข้างในอกเต้นตุ้บตุ้บตุ้บตลอดเวลา ใบหน้าที่เริ่มรู้สึร้อนผ่าวทั้งๆที่ข้างนอกก็มีหิมะตก แถมด้วยความรู้สึกจั๊กจี้ที่หลังตนแขนเนื่องจากเจ้าเด็กน้อยนั่นจิ้มเร่งเร้าให้รีบๆนั่นอีก คิมซองกยูไม่เคยลดความประหม่าลงได้เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มให้


    เขาเอื้อมมือขาวๆไปเลื่อนประตูออก รีบเดินตรงดิ่งไปยงโตะข้างๆหน้าต่าง โด๊ะที่ประจำของนัมอูฮยอน ขวดน้ำส้มยี่ห้อดังถูกโพส์ทอิทไปแวะบนตราโลโก้ ลายมือเล็กๆหวัดๆนั่นเขียนไว้ว่า ‘นัมอูฮยอน’ (นั่นก็ฝีมืเจ้าอึนจีอีกเช่นกัน คงต้องขอบคุณอีกหลายๆรอบ สำหรับความกล้าทั้งหมดทั้งมวล) เขาเดินถอยหลังไปหาน้องข้างบ้านที่ยืนกอดอกกระดิกเท้ารอแล้วเรียบร้อย คิมซองกยูสาบานเลยว่า เขาไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้ผู้หญิงคนไหนมาก่อนขนาดนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

    “เร็วๆหน่อยซี่~ พีก็อืดอาดเป็นแพนกวินกระพือปีกอยู่ได้หน่า”

    คนเป็นพี่ยกขาข้างขวาเตะเข้าที่เบาๆของขาน้อง เขารีบฉวยโอกาสยามที่เจ้าตัวเผลอฉกเอาผ้าพันคอตัวปรดของเขาจากกระเป๋าเป้ที่เปิดอ้าอยู่ของเด็กนั่นจนได้ เขารีบเอาผ้าพันคอผืนนั้นพันรอบคอก่อนจะถูมือตัวเองคลายหนาวเบาๆ เขาหันไปแลบลิ้นเยาะเย้ยน้องสาวตัวดีที่เริ่มถอนหายใจกระฟัดกระเฟียดราวกับกระทิงที่พร้อมจะขวิดเมื่อไหร่เมื่อนั้น คนเป็นน้องได้แต่กระทืบเท้าซ้ำไปมาเนื่องจากการเสียรู้ เธอเบ้ปากให้อีกครั้ง ก่อนจะก้มลงคว้านหาของอีกชิ้นหนึ่งตามปกติธรรมดาของทุกๆวัน

    “เอาผ้าพันคอแล้วก็เอาไดอา- เห้ย! ไดอารี่หายไปไหน!”

    หญิงสาวรีบกุลีกุจอหาสิ่งของชิ้นสำคัญในกระเป๋าเป้ใบโปรด เธอจำได้อย่างแม่นยำว่าเธอใส่มันลงในช่องกระเป๋าหน้าที่ประจำอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แถมระหว่างทางก็เปิดดูเป็นระยะๆเพราะอ้างว่าเป็นคำขู่สำหรับพี่ซองกยู หญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดี เธอคว่ำกระเป๋าเป้ ทิ้งสัมภาระทุกอย่างออกลงกับพื้น คิมซองกยูที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะตระหนักกับเหตุการณ์ได้ก็รีบช่วยกันคว้านหาไดอารี่ความลับที่ทั้งสองช่วยกันถนุถนอมมาเป็นสี่ห้าปี เมื่อหามาได้ร่วมห้านาทีเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งเดินชนกับอีซองจง บางที สมุดเล่มนั้นอาจจะตกลงบนพื้นก็เป็นไปได้ เขารีบคว้าสิ่งของทั้งหมดของน้องข้างบ้าน ยัดลงกระเป๋าอย่างไม่แคร์ว่าอันไหนจะเป็นใบงานหรือชีทหรือเปล่า เมื่อเก็บของได้เสร็จเขาก็รีบคว้าข้อมือน้องสาวก่อนจะวิ่งตรงดิ่งลงมาตรงจุดกิดเหตุเก่า สายตาสอดส่องไปทั่ว เขาก้มมองลอดผ่านพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ

    “พี่ .. ลางสังหรณ์ฉันมันบอกว่า ... ซองจงเป็นคนเอาไปอ่ะ”

    ซองกยูหันไปมองหน้าคนเป็นน้องตรงๆ ริมฝีปากหยักนั้นอ้าค้างเติ่งอยู่กลางอากาศเมื่อเพิ่งนึกถึงความจริงอะไรบางอย่างได้ เพียงแต่ติดที่ว่า .. ถ้าอีซองจงได้สมุดไดอารี่เล่มนั้นไปจริงๆ .. ความลับทั้งหมดที่เขาแหละอึนจีช่วยกันเก็บมาตลอดสี่ห้าปี ก็จะตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของนัมอูฮยอนกลายๆอีกด้วย คราวน้คำขู่ของน้องสาวตัวดีที่ดูหมือนว่าจะเป็นเพียงการหยอกล้อเล่นธรรมดาๆของแต่ละวัน จะไม่ใช่เพียงเพ้อฝัน แต่ความลับทังหมดที่เขาเพียรพยายามเขียนกลั่นกรองความรู้สึกจากใจทั้งหมดออกไป นัมอูยอนก็อาจจะรู้เรื่องราวทั้งหมดจากซองจง ... แล้ว คิมซองกยูคนนี้ควรทำอย่างไรต่อไปดี ...

    “เอ่อพี่ ... ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันไม่รู้ พี่อย่าโกรธอย่าเกลียดฉันเลยนะ ฉันยอมแล้ว .. เราย้ายโรงเรียนดีกว่าไหม? พี่จะได้ไม่ต้องเจอหน้านัมอูฮยอนนั่นอีกไง อีอย่างถ้าซองจงเอาไป เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าเป็นของพี่ เขาอาจจะเอาไปทิ้งแล้วถ้าถึงเวลานั้นฉันสัญญาว่าฉันจะตามไปคุ้ยขยะเก็บให้เองนะ ...”

    คิมซองกยูหันไปมองหน้าน้องสาวกลายๆ เขายิ้มให้เบาๆ จริงๆเขาเองก็เตรียมพร้อมยอมรับสำหรับวันนี้มาเหมือนกัน เขาเองก็เคยคิดว่ายังไงสักวันเหตุการณ์นี้มันก็ต้องเกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจบลงอย่างสมบรูณ์แบบ เขาเองเคยวางแผนเอาไว้ นัมอูฮยอนจะไม่มีทางรู้ว่าเขาคนที่เขียนไดอารี่นั้นเป็นใคร และนัมอูฮยอนจะไม่มีทางรู้ว่า คนที่เขียนไดอารี่กับคิมซองกยูคนนี้นั้นเป็นคนคนเดียวกัน และคิมซองกยูเองก็คิดว่า เขาเองควรจะรีบหาทางแก้เนื้อหาในไดอารี่นั้น ปรับเปลี่ยนมุมมองของมันทั้งหมด ก่อนที่อีซองจง เด็กจอมเจ้าเล่ห์ จะหยิบฉกฉวยสิ่งลับของเขาไปให้นัมอูฮยอนดู !

    “จี ... พี่มีแผนสำรองว่ะ ... สนใจร่วมมือกันไหม?”

    หญิงสาวหันหน้าไปมองคนเป็นพี่อย่างหวาดหวั่น ตั้งแต่คบกันมา พี่ชายคนนี้พอมีแผนอะไรนิดอะไรหน่ยก็จะล้มพังไม่เป็นท่า แต่ทว่าหากเป็นเรื่องอื่นจองอึนจีผู้นี้คงไม่ยอมร่วมมือง่ายๆแน่ เห็นว่าเป็นเพราะเป็นเรื่องของคิมซองกยูล้วนๆ เขาถึงยอมร่วมมือด้วยความ(ไม่)เต็มใจ


    “อื้อ ถ้าคราวนี้แผนพี่พังอีก ฉันไม่แก้ให้แล้วจริงๆนะ”

    “เอาเถอะ เชื่อพี่เถอะน่า มันไม่พังลงง่ายๆหรอก พี่พัฒนาปรับปรุงตัวเองแล้วหน่า”

    “ให้มันจริงเถอะพี่ซองกยู พี่พูดแบบนั้นกับฉันมาตั้งแต่ฉันยังโง่ ตอนนี้ฉันฉลาดกว่าพี่แล้วนะ!”

    “ย่าห์ จองอึนจี เธอหาว่าพี่โง่หรอ!?”

    “พี่อาจจะไม่ได้โง่ แต่หน้าตาพี่แค่ไม่ทันโลกแค่นั้นเอง”

    “ไอ้เด็กบ้า ฉันจะฆ่าแกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

    “ไว้พี่วิ่งตามฉันทันก่อนเถอะค่อยฝันแบบนั้น! แบร่”



    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×