.
.
.
.
.
.
"ฮยองเป็นอะไรเนี่ย" มินยุนกิที่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเอ่ยทักทันทีที่เห็นคนตรงหน้า คิมซอกจินพี่ชายคนโตของวงที่สวมชุดสูท จับปืนพกถือใบหน้าซีเรียสและมีคราบเหมือนเลือดสีแดงติดอยู่ที่ใบหน้าและเสื้อผ้าที่สวมใส่
ยุนกิก้มมองตัวเองก็พบว่านั่งพิงโซฟาตัวยาวที่ถูกคว่ำมาเหมือนใช้แทนโล่ป้องกัน ตามลำตัว เสื้อเชิ้ตสีอ่อนมีรอยเลือดกระเด็นติด รวมถึงคราบเลือดที่ติดอยู่ที่มือ
ยังไม่มีใครตอบคำถามเขา เสียงปืนดังมาไม่สองสามนัดก่อนจะเงียบไป พร้อมเสียงของจองกุกที่ตะโกนบอกว่าเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว
พี่จินเข้ามาช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมาแล้วพาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ เดินหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับผ้าเปียก ใช้เช็ดตามเนื้อตัวที่มีคราบเลือดติดอยู่
แปลก แปลกมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่จินถึงมีปืน มีเลือด แล้วตัวเขาทำไมเสื้อผ้ายับเยิน แถมยังมีรอยเลือดเต็มตัว
ยังไม่ทันได้หายสงสัย จองกุกและแทฮยองก็เข้ามาสมทบ ทั้งสองคนใส่สูทแบบเดียวกับพี่จินถือปืนมาคนละกระบอก ใบหน้าเคร่งเครึยด "พวกมันหนีไปได้ครับ" แทฮยองพูดขึ้นแล้วโค้งคำนับให้ผม ส่วนจองกุกยืนก้มหน้าเหมือนรอคำสั่งต่อไปอยู่ พี่จินที่เช็ดตัวและเช็คความเรียบร้อยแล้วก็จ้องหน้าผมเหมือนรอคำตอบเช่นกัน
"นี่มันเรื่องบ้าอะไร" ผมถามเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ใดใดทั้งสิ้น ทำไมทุกคนแต่งชุดเหมือนพวกบอดี้การ์ด แล้วปืนจริงใช่มั้ยที่ถือกันอยู่เนี่ย ที่นี่ที่ไหน แล้วเขามาทำอะไรที่นี่
"คุณยุนกิเป็นอะไรหรือเปล่าครับ พวกเรากำลังหนีพวกแก๊งจอง ของคุณโฮซอกอริที่หักหลังแก๊งพวกเราไปขายข่าวให้พวกแก๊งปาร์คไงครับ" พี่ซอกจินพูดขึ้นใบหน้าจริงจัง ต่อให้เรียนการแสดงมายังไง นี่ไม่ใช่การแสดงแน่ พี่ซอกจินไม่คิดจะเรียนเขาด้วยความสุภาพและเคารพอะไรแบบนี้หรอก แล้วชื่อคนคุ้นเคยที่บอกมานี่มันยังไงกัน โฮซอกเนี่ยนะอริ หักหลัง ขายข่าว ไร้สาระ
"บอสสมองกระทบกระเทือนหรือเปล่าครับ" แทฮยองพูดขึ้นขณะผมยังประมวลผลไม่เสร็จดี จองกุกทำหน้าเป็นกังวล แต่ก็ยังมองอยู่ห่างๆ
พวกนายต่างหากที่สมองกลับ ฉัน เป็นบอสเนี่ยนะ แล้วก็โดนซุ่มทำร้ายได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าความจริงฉันควรจะนอนหลับพักผ่อนหลังจากอัดเทปรายการรันบังทันจบไม่ใช่เหรอ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
หรือนี่เป็นการซ่อนกล้อง! หลอกว่าถ่ายเสร็จแล้วจะให้กลับแต่กำลังถ่ายละครแกล้งฉันต่อใช่ไหม
"ฮยองเล่นซ่อนกล้องอยู่หรือไง ผมไม่ขำด้วยหรอกนะ แล้วจัดฉากซะเนียนแบบนี้ผมตกใจนะ" ผมพูดโวยวายขึ้นมาแต่ทุกคนกลับนิ่งและทำหน้างงใส่
"บอสอาการหนักแล้วมั้งพี่จิน พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย" แทฮยองว่าพลางเกาหัวตัวเอง
"จองกุกไปเตรียมรถ พี่จะพาคุณยุนกิไปให้หมอนัมจุนเช็ค" ว่าจบจองกุกก็รีบเดินออกไปเตรียมรถทันที และทั้งพี่จินและแทฮยองก็มาหิ้วผมเตรียมพาไปที่รถ ทำไมกลายเป็นผมต้องไปตรวจ ทุกคนต่างหากที่ควรตรวจ เล่นบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย แล้วหมอนัมจุนอะไร นัมจุนมันไปปั่นจักรยานขึ้นเขาอยู่มั้งตอนนี้ มาเป็นหมอแล้วไม่ทำเครื่องมือแพทย์พังทั้งโรงพยาบาลหรือไง
ยุนกิโวยวาย บ่นนู่นนี่ยาวเพราะไม่รู้จะพูดยังไงให้บอดี้การ์ดที่ตัวติดผมอยู่ทั้งสามคนเข้าใจได้ เอาไว้รอเช็คแล้วปลอดภัยดี ปกติทุกอย่างค่อยบอกดีกว่า เผื่อจะเชื่อง่ายขึ้นมาบ้าง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลก็เตรียมรถเข็นมารับ พี่จินเดินมาขอเป็นคนพาผมไปแทน ส่วนพวกน้องๆ ก็เอารถไปจอด
ห้องแผนกฉุกเฉินด้านในมีห้องแยกต่างหากอีกห้อง เปิดเข้าไปเจอคิมนัมจุนกำลังรดน้ำต้นแคคตัสอยู่ คิมนัมจุนตัวจริงเสียงจริงในชุดกาวน์ใส่แว่น
"นัมจุน" ผมเรียกอีกคนแล้วทำหน้าไม่เข้าใจ คุณหมอเจ้าของห้องขมวดคิ้วแล้วหยิบหูฟังมาตรวจเช็คร่างกาย
"ก็ปกติดีนี่หน่าซอกจิน" นัมจุนเอ่ยตอบพี่จินที่ทำหน้าเป็นห่วง
"แต่บอสเขาเหมือนลืมว่าตัวเองเป็นใคร ลืมว่าพวกเราเป็นใคร เอาแต่บอกว่าให้พวกเราเลิกเล่น เลิกซ่อนกล้อง" ซอกจินอธิบายอาการเพิ่มเติมแต่นัมจุนทำเพียงเกาคางหรี่ตามองคนที่อาจจะป่วยอย่างผม
"ไปสแกนสมองหน่อยดีไหมยุนกิ" นัมจุนบอกพร้อมเตรียมเข็ดผมออกจากห้อง
"เดี๋ยวก่อนๆๆๆ ขอฉันอธิบายก่อน"
"ไปสแกนก่อนค่อยมาคุยก็ได้"
"ไม่สแกน ไม่อะไรทั้งนั้น ฟังฉันพูดให้ดีๆ นะ ฉันมินยุนกิปกติดี และไม่รู้ด้วยว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ฉันเป็นนักร้อง เป็นศิลปินวงบีทีเอสที่เพิ่งจะคัมแบ็คได้ไม่เก้าวันเอง แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ใช่มาเฟีย เจ้าพ่อ หัวหน้าแก๊ง หรือบอสอะไรของพวกนาย ฉันไม่ได้บ้า ไม่ต้องมามองแบบฉันแบบนั้นเลยคิมนัมจุน นายไม่ใช่หมอ นายเป็นหัวหน้าวงของพวกเรา จอมเซ่อซ่าทำลายข้าวของที่ฉลาดเป็นกรด อารมณ์สุนทรีย์และอ่อนไหวง่าย ส่วนพี่ พี่คิมซอกจิน พี่เป็นรูมเมทผมนะ วันก่อนเรายังไปตกปลาด้วยกันอยู่เลย" ผมร่ายออกมายาวมาก ทุกคนเงียบและตั้งใจฟังผม จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดมองหน้าผม
"ผมว่าคุณนัมจุนพาคุณยุนกิไปสแกนสมองดูหน่อยดีกว่าครับ อาการน่าเป็นห่วงแล้ว" คิมซอกจิน!!! พี่ไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยหรือไงเนี่ย
แล้วโทรศัพท์ของพี่จินก็ดังขึ้น พอกดรับสายสีหน้าก็เครียดเกร็งขึ้นทันที "ค่อยสะกัดเอาไว้ พี่จะพาคุณยุนกิหนีออกไปอีกทาง" พอวางสายเสร็จก็หันมาพูดกับผมพร้อมบอกลานัมจุนทันที
"พวกแก๊งปาร์คมันตามมาเล่นงานเราครับ มันกำลังจะบุกเข้ามา เราหนีออกไปอีกฝั่งก่อนดีกว่าครับ" พี่จินพยุงผมลุกขึ้นแต่ผมกลับสะบัดแขนแล้วลุกขึ้นทำอะไรเอง ผมไม่ได้เจ็บปวดอะไร มีเพียงรอยเลือกและถลอกนิดหน่อยไม่ได้รุนแรง พี่ซอกจินมองผมด้วยความเป็นห่วง "ไหวหรือเปล่าครับบอส"
"ไหว จะไปไหนก็นำไปเลย ไว้ค่อยคุยกันต่อก็ได้" ผมว่าแล้วเดินนำอีกคนออกมาจากห้อง เสียงปืนดังออกมาจากตัวอาคารจอดรถ น่าแก๊งปาร์คที่พูดถึง จองกุกกับแทฮยองจะไหวไหมเนี่ย
"พี่ซอกจินไม่ไปช่วยพวกแทฮยองก่อนเหรอ ผมดูแลตัวเองได้นะ" ผมว่าขณะพวกเราก็หลังเดินเร็วไปทางออกอีกฝั่งของโรงพยาบาลที่ทะลุไปทางสถานีรถไฟฟ้าได้
"พวกจองกุกกับแทฮยองเอาอยู่ครับ ผมมีหน้าที่ปกป้องอยู่ข้างๆ คุณยุนกิ"
"ปกป้องทำไม" พวกเราก็มีคนปกป้องอยู่แล้ว พวกสตาฟและเมเนเจอร์ที่คอยช่วยเหลือพวกเราตอนทำงาน บอร์ดี้การ์ดฝีมือที่จ้างมาก็มาจากบริษัทชั้นนำ แล้วทำไมพี่จินต้องมาปกป้องเขาด้วย หรือไอแก๊งของเขานี่มันมีลูกน้องอยู่แค่นี้เนี่ย
"ก็คุณให้ผมมาเป็นบอดี้การ์ดของคุณไงครับ"
"บอร์ดี้การ์ดเหรอ บอร์ดี้การ์ด คุ้นๆ นะ" จำได้ว่าเหมือนเคยพูดประโยคทำนองนี้อยู่ เอ--- บอร์ดี้การ์ด บอร์ดี้การ์ด เอ- เหมือนว่าตอนเล่นเกมส์ รายการรันบีทีเอสตอนล่าสุดที่มีเกมส์ให้จับตัวเมมเบอร์แล้วทายว่ากำลังเต้นเพลงอะไรอยู่ ตอนนั้นผมได้เป็นคนทาย แล้วก็บอกให้พี่จินมาเป็นคนนำทาง มาเป็นบอร์ดี้การ์ดให้ แต่ที่พูดมันคือเกมส์เฉยๆ ไม่ใช่แบบนี้นี่
ยุนกิหน้ายุ่งเข้าไปใหญ่ หนีจากการไล่ล่าแล้วต้องมาวุ่นวายกับเรื่องที่มาที่ไปของเรื่องราวพวกนี้อีก พอได้ขึ้นรถไฟฟ้าผมก็นั่งลงที่เก้าอี้ในขบวน พี่ซอกจินเดินตามมานั่งข้างๆ และสังเกตคนรอบๆ ตัวดูความเรียบร้อย
ขบวนรถไฟฟ้าแล่นไปเรื่อยๆ คนบนรถเริ่มเพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงต่อการบุกทำร้ายได้ พี่ซอกจินจับมือของผมเอาไว้แน่นแล้วใช้สายตาสังเกตการณ์ไปในตัวด้วย จนถึงสถานีที่พวกเรานัดแนะกับจองกุกเอาไว้ พี่ซอกจินก็เตรียมพาผมออกมา แต่แล้วเมื่อพ้นประตูกั้น ก็มีชายชุดดำหลายคนเข้ามาล้อม ถือปืนมาดักอยู่ข้างหน้า พวกมันมีกันสามคน ถ้าสู้กันอาจพอมีลุ้น แต่ผมน่ะไม่ได้อยากจะสู้กับปืนอันตรายพวกนี้สักหน่อย พี่ซอกจินบีบมือผมแน่นแล้วดันให้ไปหลบอยู่ข้างหลัง ผมพยายามหาโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อกับพวกแทฮยอง แต่ก็ไม่มี คงมีแต่ของพี่จินที่ตอนนี้ออกไปลุยเดี่ยวจัดการอริทั้งสามคนอยู่
ผมคอยดูและเตือนเขาเมื่อพวกมันบางคนจะใช้วิธีสกปรกอย่างแทงข้างหลัง จนเกือบจะจัดการได้ครบหมดแล้ว แต่เสียงปืนก็ดังขึ้นมา พร้อมกับร่างพี่จินที่ล้มลง พวกมันไม่ได้มากันแค่สามชคน แต่มากันห้าคน และอีกสองคนก็ดักซุ่มอยู่รอโอกาสจะทำร้ายพวกเรา ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพี่จินที่จับแผลบริเวณต้นขาที่โดนยิง พยายามจับหาโทรศัพท์ของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เจอ สงสัยจะหายไปตอนที่กำลังต่อสู้อยู่ ผมจะทำยังไงดี พวกมันจ่อปืนมาที่พวกเราสองคน ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก เลือดที่ขาพี่จินยังคงไหลออกไม่หยุด กระสุนยิงเข้าที่ขาสองนัด พี่จินอาจไม่ได้เสียชีวิตแต่ก็บาดเจ็บหนักจนพาเขาหนีไม่ได้แน่ พวกมันมีมากเกินไป และตอนนี้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้เลย
"คุณยุนกิหนีไปเถอะครับ ไปที่จุดนัด ผมจะจัดการกันพวกมันไว้ให้เอง" พี่จินเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้แล้วบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ
"จะไปก็ต้องไปด้วยกันสิ ใครเขาจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวกัน" ผมพยายามคิดหาทางออกแต่พวกตัวร้ายทั้งห้าคนที่ยืนล้อมอยู่ก็จ่อมือมาที่หัวผมและตัวพี่จินเรียบร้อยแล้ว
"หนีไม่พ้นหรอกพวกหน้าโง่ ฮ่าๆๆๆๆๆ"
"ปล่อยพวกเราไปเถอะ"
"ไม่ได้หรอกครับ เจ้านายพวกผมสั่งมาให้กำจัดพวกคุณซะ"
"..."
"ผมไม่อยากขัดคำสั่งนาย"
"..."
"ตายไปซะเถอะ"
"..."
---ปัง
------ปังปังปัง
!!!!!
"มินยุนกิ!!!!"
"..."
"..."
"มินยุนกิ"
"..."
"มินยุนกิ!!!! ตื่นได้แล้ว ฝันบ้าอะไรโวยวายจนฉันนอนไม่ได้แล้วโว้ยยยย"
.
.
.
the end ☆