ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Purgatory Boulevard .

    ลำดับตอนที่ #4 : Infinity And Beyond | inspired by Toy Story 2 (1999)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 229
      1
      25 มิ.ย. 62

    Toy Story 2 (1999) Dir. John Lassater
    Word Count : 2,629 | First Release Date : JUNE 19, 2019 (Tmr Toy Story 4 & Rocketman in Theater naka!)

    https://i.imgur.com/BnXQtuW.png

    SOUNDTRACK :  God Only Knows – The Beach Boys

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    “แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าเราจะไม่ไปร้านของเล่นกัน”

    เธอว่า ขณะหอบถุงกระดาษใส่ของชำวางบนเบาะหลังรถมือสองที่เพิ่งซื้อ ตอนย้ายมาอยู่ที่ไทร-เคาน์ตีเมื่อสามเดือนก่อน ที่ยืนอยู่ตรงประตูรถเบาะหลังฝั่งตรงข้ามคือลูกชายวัยหกขวบที่วางถุงของชำเรียบร้อยดีแล้ว

    “นะฮะ! แม่! แค่นิดเดียวเอง!” เด็กชายยังออดอ้อน “แค่ไปเดินดูก็ได้! ร้านอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง!”

    เจน แชปแมนไม่ได้ตอบในทันที เธอปิดประตูรถฝั่งตัวเอง เดินอ้อมมาอีกฝั่งที่ลูกชายอยู่เพื่อปิดประตูรถฟากเขา จากนั้นก็ย่อตัวลง พูดว่า

    “ซิกกี้...”

    หากก็ไม่รู้ควรพูดอะไรต่อดีถึงจะฟังดูเป็นเหตุผลที่เข้าท่าที่สุดแม้กระทั่งกับตัวเอง จะบอกว่าไม่มีเวลาหรือก็เปล่า ในเมื่อตอนนี้เพิ่งห้าโมงเย็น และมันเป็นวันเสาร์ที่พวกเขามีเวลาว่างทั้งวัน พอกลับถึงบ้าน แผนการก็มีแค่โทรสั่งพิซซ่ามากินและเปิดหนังการ์ตูนที่ซิกกี้ชอบดู ครั้นจะบอกว่าลูกไม่จำเป็นต้องมีของเล่นก็ไม่ใช่คำที่ถูกต้องเลย ในเมื่อเจนรู้ว่าของเล่นช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็กได้ ดังนั้นแล้ว มีเหตุอันใดที่เธอจะไม่อนุญาตให้ลูกชายไปร้านของเล่นที่อยู่แค่ถนนฝั่งตรงข้ามลานจอดรถมินิมาร์ท

    “นะฮะ! ไปดูกันนะแม่! ผมสัญญาจะเป็นเด็กดี!”

    เจนยังคงลังเล อาจเพราะไม่อยากตามใจลูกชายมากเกินไป ทั้งที่ที่ผ่านมาก็แทบจะไม่ได้ตามใจเขามากมายเลย ความคิดที่ไม่ยอมลงตัวทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะมีเงาสูงพาดผ่านสองร่างที่ความสูงอยู่ในระนาบเดียวกัน จนสองแม่ลูกต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเงาที่กำลังยืนยิ้มและ...โบกมือให้?

    “ผมได้ยินพวกคุณกำลังพูดถึง อัลส์ ทอย บาร์น” เขาเริ่มต้นพูดอย่างนั้น เจนยืดตัวลุกขึ้น แต่ความสูงของเธอก็เทียบกับชายตัวสูงตรงหน้าได้ไม่มากนักอยู่ดี

    “ค่ะ แล้ว?” เธอถามค้างไว้แค่นั้น แต่ชายคนนั้นก็เหมือนจะไม่ได้คิดอะไรเมื่อตอบว่า

    “ผมทำงานที่นั่นครับ ผมคอรีย์ บร็อคฟิลด์ เรียกว่าคอรีย์ก็ได้” เขาจับอกเสื้อเพื่อให้เจนมองเห็นป้ายชื่อของตัวเองที่กลัดอยู่บนนั้นได้ถนัด ไม่แค่นั้น ยังก้มตัวลงไปเพื่อให้เด็กชายได้เห็นด้วย

    “ไปเถอะครับ ผมจะเป็นไกด์พาเดินชมให้เอง ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร”

    ซิกกี้ยิ้มกว้างให้กับคนแปลกหน้าที่มาช่วยเป็นปากเสียงอีกแรง ฉวยโอกาสนั้นอ้อนแม่ซ้ำด้วยท่าทางยุกยิกน่ารักน่าเอ็นดู สำทับด้วยคำพูดของชายคนนั้นอีกครั้งก็ช่วยไม่ได้ที่เจนจะยอมใจอ่อน

    “เด็กทุกคนควรจะได้ไปเยือนร้านของเล่นสักครั้งนะครับ”


    จึงเป็นเหตุผลที่เจนเดินข้ามถนนไปยังร้านขายของเล่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยกันกับ...เขา โดยมีซิกกี้ที่ถูกเธอกอดไหล่ไว้เดินนำ หากเมื่อมาถึงฝั่งตรงข้าม เด็กน้อยก็สลัดตัวหลุดจากแม่ วิ่งไปกอดมาสคอตกุ๊กไก่ตัวใหญ่หน้าร้านในชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินที่ถือคราดไว้ในมือหนึ่ง กระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่าไม่หยุดขณะตะโกนบอกแม่ให้ดูเจ้ากุ๊กไก่ เจนและคอรีย์หัวเราะออกมาพร้อมกันกับภาพที่เห็นตรงหน้า ก่อนไม่ช้า เด็กชายตัวน้อยจะวิ่งไปรอพวกเขาให้เดินตามมาถึงหน้าประตูเลื่อนอัตโนมัติ

    “ผมยังไม่รู้ชื่อพวกคุณเลย” คอรีย์เริ่มชวนคุยต่อขณะเดินไปด้วยคำถาม

    “ฉันเจนค่ะ เจน แชปแมน ส่วนนั่น ซิกกี้ ลูกชายฉัน”

    “แบบซิกกี้ สตาร์ดัสท์?” เขาหมายถึงชื่อเพลงของเดวิด โบวี

    “ใช่ค่ะ” เจนยิ้ม เขาทายได้ถูกต้อง

    ทันทีที่เข้ามาด้านใน ซิกกี้ก็ร้องว้าวออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้เห็นว่าข้างในร้านที่อยากเห็นมาตลอดนั้นเป็นยังไง พวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยของเล่นนานา ทุกแบบ ทุกชนิด เกินกว่าที่จินตนาการจำกัดของเจนหรือซิกกี้จะนึกถึงได้ ขนาดเจนผู้ไม่ได้นิยมชมชอบของเล่น ก็ยังอดทึ่งไม่ได้กับภาพที่ได้มาเห็น ถึงขนาดแสดงออกมาทางสีหน้า และคอรีย์ที่หันไปเห็น—โดยตั้งใจ...ก็ยิ้ม

    “น่าทึ่งมากใช่มั้ยล่ะครับ?

    เจนคิดว่าเธอน่าจะเมินเฉยต่อคำถามของเขา แต่ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะใบหน้าของชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอคนนี้ ดูไร้เดียงสาและจริงใจ ไม่ต่างอะไรกับซิกกี้ที่เป็นเด็กเลย เจนจึงพบว่าเธอทำได้เพียงพยักหน้าและยิ้มกลับไปให้ชายหนุ่มผมหยิก เขาโตมากแล้ว แต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาเหมือนกับเด็กน้อย อาจเพราะรอยยิ้ม บุคลิก ท่าทาง...หรือแม้แต่วิธีการพูดของเขา

    ทั้งคู่ปล่อยให้ซิกกี้เดินนำไป ส่วนพวกเขาก็เดินตามในระยะที่ไม่ห่างและไม่ใกล้จนเกินไป เว้นระยะให้เด็กชายได้เพลิดเพลินและใช้เวลากับของเล่นแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง ระหว่างนั้น ผู้ใหญ่ทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปด้วย

    “ว่าแต่...คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ?เจนอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นเขายังเดินเคียงคู่ไปกับเธอ แม้จะผ่านเคานท์เตอร์จ่ายเงินที่มีผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มเสื้อคอปกสีดำเหมือนเขายืนทำงานอยู่ก็ตาม

    “การช่วยแนะนำของเล่นให้ลูกค้า ก็ถือเป็นการทำงานครับ” เขาตอบเธออย่างนั้นแค่นั้น ก่อนถามเธอต่อด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องก่อนหน้าเลยสักนิด

    “พ่อของซิกกี้ล่ะครับ?

    เจนคิดว่าคำถามนั้นจากปากคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักควรจะทำให้เธอโมโห แต่ไม่, ไม่ใช่กับคอรีย์ เขาไม่ได้ถามเพราะสอดรู้สอดเห็นเหมือนอย่างคนอื่น เขาถามแค่เพราะ 'สงสัย' เหมือนเด็กน้อยที่อยากรู้คำตอบ กิริยาของเขาดูไม่เสแสร้ง ไม่ใช่ของปลอม และแม้เจนจะไม่ใช่คนที่อ่านคนเก่ง แต่เธอค่อนข้างแน่ใจ ไม่, เธอรู้ ว่าเขาเป็นอย่างที่เห็น...ทั้งภายนอกและภายใน

    “ตายไปจากความทรงจำของเราแล้วค่ะ” จึงตอบออกไปตามตรงกับใจ คอรีย์ไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจที่เจนไม่ต้องการ ไม่ได้อยากถามต่อถึงที่มาที่ไป เขาเพียงแค่พยักหน้าเพื่อบอกว่ารับรู้แล้วก็เท่านั้น

    พวกเขาเดินไปด้วยกันโดยไม่ได้พูดอะไรอีกเป็นครู่ มีแค่เสียงอุทานอย่างตื่นตาตื่นใจกับของเล่นชิ้นนั้นชิ้นนี้ของซิกกี้ เด็กน้อยดูตื่นเต้นมากจนเจนอดกลัวไม่ได้ว่าลูกชายจะชนอะไรเข้า จึงบอกไปว่า

    “ซิกกี้! อย่าชนของเล่นหล่นนะ!”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ” คอรีย์พูดขึ้นได้อีกครั้ง “หน้าที่จัดเก็บก็เป็นของผมอยู่แล้ว เฮ้เพื่อน! ดูได้ตามสบายนะ!” ประโยคท้ายเขาบอกกับเด็กชาย

    ซิกกี้หันมาหัวเราะให้กับ 'เพื่อนใหม่' ทั้งของเขาและแม่อย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้มกว้าง...ที่เจนไม่ได้เห็นมานาน และมันก็ทำให้เธอยิ้มได้ไม่ต่างกันด้วยความรู้สึกยินดี

    “ฉันไม่ได้เห็นซิกกี้ยิ้มแบบนี้มานาน” และความรู้สึกขอบคุณคนข้างกาย จนอยากบอกมันให้เขาได้รับรู้ “ขอบคุณที่ชวนเรามานะคะ”

    “ใช่มั้ยล่ะ!” เป็นทีของคอรีย์ที่ยิ้มกว้างเหมือนสองแม่ลูกบ้าง “ผมบอกแล้วว่าเด็กทุกคนควรได้มาเยือนร้านของเล่นสักครั้ง ที่จริงก็รวมถึงผู้ใหญ่ด้วย”

    เจนเลิกคิ้วฉงนกับคำพูดของเขา “ทำไมล่ะคะ?

    “ไม่รู้สึกคิดถึงวัยเด็กเหรอครับ?

    เขาเดินนำไปราวสามสี่ก้าวเพื่อหยิบกล่องของเล่นที่อยู่ข้างหน้า แล้วหมุนตัวกลับมาโชว์มันให้เธอดู

    “อย่างตุ๊กตาคาวบอยวู้ดดี้พูดได้”

    จากนั้นคอรีย์ก็ทำท่าเหมือนดึงเชือกหลังหุ่น...ที่ความจริงก็คือหลังกล่อง และเลียนเสียงพูดด้วยประโยคหนึ่งของเจ้านายอำเภอวู้ดดี้ จากเรื่องทอย สตอรีการ์ตูนในความทรงจำสมัยเด็กของเธอ ที่ทำให้เจนต้องหลุดหัวเราะออกมา

    มีงูอยู่ในบู๊ทฉัน


    ซิกกี้พาพวกเขาเดินมาจนถึงล็อกที่เต็มไปด้วยของเล่นน่ารักกุ๊กกิ๊กของเด็กผู้หญิง แต่เด็กชายก็ไม่ได้เมินเฉย หรือเดินผ่านไปโดยไวเพราะเห็นว่าเป็นของเล่นเด็กผู้หญิง เขาอยากซึมซับความรู้สึกที่ได้อยู่ในร้านของเล่นแม้จะมากขึ้นแค่วินาทีเดียว และการได้เห็นของเล่นแปลกตานานาชนิดก็คือหนึ่งในนั้น

    “พูดถึงวัยเด็ก” เจนพูดขึ้น “ฉันเคยอยากได้ตุ๊กตาบาร์บี้มากเลยนะคะ”

    ก่อนหยุดหน้าล็อกใหญ่ที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาสาวน้อยบาร์บี้หลากหลายแบบเรียงรายละลานตา

    “แต่มันแพงมาก ฉันถึงมีแต่ตุ๊กตาหมาขนปุยที่แม่ไปเจอบ้านหลังอื่นขายเลหลังในราคาถูก”

    จากนั้นก็หยิบบาร์บี้ขึ้นมาหนึ่งกล่อง และหัวเราะร่วนเมื่อเห็นว่ามันเป็นบาร์บี้นักธุรกิจ—ที่ไม่มีอะไรเหมือนผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอเลยสักนิด

    มันก็ไม่เหมาะกับฉันจริงๆ” แล้วก็วางมันลงคืนชั้น

    “ผมคิดว่าคุณน่ารักมาก”

    คอรีย์ไม่สนใจจะพูดถึงบาร์บี้ แต่พูดถึงหญิงสาวที่ออกเดินด้วยกันต่อแล้ว เจนยิ้มอย่างนึกขันระคนชวนหัวกับคำชมของเขา ที่แม้จะฟังดูผิดที่ผิดทางไปหน่อย แต่ก็ทำให้เธอเขินไม่น้อย เจนรู้ตัวดีว่าเธอห่างไกลจากคำว่าน่ารัก ใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางของเธอดูโทรม ทว่าเมื่อมองหน้าชายหนุ่ม ก็มองเห็นแต่ความจริงใจในนั้น ไม่ใช่แค่แกล้งหยอก หรือรุ่มร่ามเพราะหวังอย่างอื่น...มันจริงใจ เจนจึงทำได้เพียงยิ้มเพราะไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร แต่คอรีย์ก็ดูจะไม่ได้คิดมาก และเขาก็รู้ด้วยว่าไม่ได้ทำให้เจนคิดมากเช่นกัน

    “สมัยเด็ก ผมมีบัซ ไลท์เยียร์ตัวโปรดด้วยนะครับ”

    ชายหนุ่มชี้ให้เจนดูตุ๊กตาที่อยู่ทางฟากของเธอเมื่อเดินมาถึงล็อกของเจ้าตุ๊กตานักบินอวกาศ และเป็นอย่างที่เจนคิดเมื่อขายาวนั้นหยุดเดิน ชวนให้เธอต้องหยุดตามด้วยเพราะอยากรู้ว่าเขาจะพูดถึงมันยังไง

    “ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเป็นนักบินอวกาศได้ เลยคิดว่ามีตุ๊กตานักบินก็ยังดี”

    จากนั้นก็หันกล่องบัซ ไลท์เยียร์ที่หยิบขึ้นมาทางเจนและพูดว่า

    “สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น”

    เจนยิ้มออกมากับคำพูดประจำตัวของบัซ ไลท์เยียร์ เธอจดจำประโยคนั้นได้ดี ต่อให้มันจะไม่พิมพ์ประทับอยู่บนหน้ากล่องก็ตาม

    และในตอนนั้นเอง เมื่อเจนมองคอรีย์ที่หันกล่องตุ๊กตาบัซ ไลท์เยียร์ไปดูเองแล้ว เธอก็ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าและประกายในตา...เหมือนชายหนุ่มที่ได้พบกับเพื่อนเก่าในวัยเด็ก เป็นตอนนั้นเองที่เจนคิดขึ้นมาว่า เธออยากเห็นสีหน้าแบบนั้นบนใบหน้าของซิกกี้—ของลูกเธอเอง แม้จะไม่ใช่วันนี้ แต่สักวันหนึ่งในอนาคต เธอก็อยากให้เขาได้มีความรู้สึกแบบนั้น

    ...แบบที่คอรีย์เป็นเมื่อได้เห็นตุ๊กตาบัซ ไลท์เยียร์

    ...แบบที่เธอเป็นเมื่อเข้ามาในร้านของเล่นที่ทำให้รำลึกถึงวัยเด็ก

    “ซิกกี้!”

    เด็กชายที่กำลังย่อตัวลงดูตุ๊กตาเพนกวินร้องเพลงได้เงยหน้าขึ้นมองแม่ ถามกลับไปว่า “อะไรฮะ?

    “แม่ให้ลูกซื้อได้หนึ่งอย่าง”

    ซิกกี้ลุกพรวดขึ้นเพราะคำตอบของแม่ สีหน้าท่าทางดีใจมากตอนถามย้ำว่า “จริงเหรอฮะ!”

    “จริงจ้ะ” เจนยืนยันคำตอบของตัวเอง “แต่ต้องไม่แพงมากนะ”

    ซิกกี้ตอบรับอย่างแข็งขันเริงร่า ระหว่างที่เดินต่อไป เจนก็เห็นว่าลูกชายของเธอดูมีความสุขมากกว่าเดิมและมันคือสิ่งที่เธออยากเห็นที่สุด เจนรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ด้วยความดีใจที่อัดแน่นเต็มอก

    หากเมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มจริงใจของคนตัวสูงที่เดินมาด้วย เจนก็รู้ว่าความสุขนี้ไม่จำเป็นต้องมีน้ำตา

    “ผมชอบคุณนะ คุณเป็นแม่ที่ดี”


    ซิกกี้ขอซื้อตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเขียว...ที่คอรีย์บอกเจนว่ามันชื่อเร็กซ์ สองแม่ลูกบอกขอบคุณพนักงานหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์หลังจากเป็นไกด์เรียบร้อยแล้ว ก่อนคอรีย์จะโพล่งถามขึ้นว่า

    “เดี๋ยวผมก็เลิกงานแล้ว หลังจากนั้นเราไปกินพิซซ่าด้วยกันมั้ยครับ? ที่พิซซ่า แพลเน็ต”

    เจนมีสีหน้าประหลาดใจกับคำชักชวนอย่างไม่คาดคิดแต่ก็ใช่ว่าเธอไม่อยากไป

    เธอยอมรับว่าชอบบุคลิกและนิสัยของเขา มันแปลก พิลึก ประหลาด แต่จริงใจ ไม่เสแสร้ง อีกทั้งเขาเองคือคนที่ชวนเธอกับซิกกี้มายังร้านของเล่น ได้มีช่วงเวลาที่ดีตลอดการเดินไปทั่วร้านกว่าหนึ่งชั่วโมง ฟังดูเหมือนนานและน่าเบื่อสำหรับผู้ปกครองที่ต้องไปเฝ้าลูกในร้านขายของเล่น

    แต่ไม่...แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่น่าเบื่อเลยสำหรับเจน

    การได้เห็นซิกกี้มีความสุขจนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มไม่หยุด การได้เห็นของเล่นมากมายที่ทำให้หวนนึกถึงวัยเด็ก หรือการได้พูดคุยกับคอรีย์ตลอดระยะเวลานั้น ทุกอย่างยอดเยี่ยม อัศจรรย์ จนระยะเวลาที่น่าจะยาวนานกลับเป็นแสนสั้น

    แต่เพราะคิดว่าการตอบรับคำชวนอาจทำให้ลูกชายไม่พอใจ เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาร่วมโต๊ะกับเธอและซิกกี้—ไม่ว่าจะในฐานะไหน เจนจึงได้แต่ลังเลอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น

    “ไปนะฮะแม่!”

    แต่กลายเป็นว่าคนที่เธอกังวลกลับดึงแขนอ้อนขอให้ตอบตกลง

    “ผมชอบพี่คอรีย์!

    คนถูกชมยิ้มกว้างให้กับเพื่อนใหม่ตัวน้อย ก่อนกลับมายังผู้เป็นแม่ ใบหน้าที่เหมือนเด็กน้อยของเขากำลังเฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

    คำตอบที่เจนพร้อมจะตอบอยู่แล้วตั้งแต่เขาชวน...รอแค่ใครคนหนึ่งอนุญาต

    และใครคนนั้นก็ทำแล้ว

    เธอจึงยิ้มออกมา

    “ได้ค่ะ งั้นฉันจะไปรอที่รถฉันนะคะ”

    และรอยยิ้มกว้างของคอรีย์ที่พยักหน้าขึ้นลงรัวเร็ว พร้อมกับเสียงร้องเฮอย่างดีใจของซิกกี้ที่เอาเจ้าเร็กซ์ออกจากกล่องมาถือไว้ในมือแล้ว ก็ทำให้เจนรู้ว่ามันเป็นคำตอบเดียวที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะในไทร-เคาน์ตี, อัลส์ ทอย บาร์น, พิซซ่า แพลเน็ตหรือความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    - อันที่จริงเราไม่ได้ดู Toy Story มานานมากตั้งแต่เรายังเด็กจนจำไม่ได้ แต่บังเอิญที่เราได้ดูเทรเลอร์ Toy Story 4 ในโรง และเทรเลอร์นั้นใช้เพลง God Only Knows ของ The Beach Boys ที่เป็นหนึ่งในเพลงที่เรารักที่สุดตลอดกาล จนเราย้อนดูเรื่องนี้ทุกภาคเพื่อจะไปดูภาค 4 แล้วก็พบว่ามันเป็นแอนิเมชันที่ดีมาก ประทับใจมาก เป็นหนึ่งในหนังที่ทำให้เรารู้สึก nostalgic กับสมัยเด็กนะ เพราะของเล่นในเรื่องหลายอย่างเลยที่เราเคยเห็นมาตั้งแต่สมัยเด็ก โดยเฉพาะภาคสองในร้านขายของเล่น มันบันดาลใจเรามาก

    - บวกกับเราดู Big Little Lies ss2 ep2 แล้วก็เป็นไปตามคาด ชิปคู่เจน แชปแมนกับคอรีย์ บร็อคฟิลด์ไปเรียบร้อย T_T จนคิดว่าเราอยากแต่งฟิคให้คู่นี้สักเรื่อง พอเอามาใส่ในพล็อตนี้ก็คือลงตัวเฉย @_@ เราดูss2แล้วชอบเจนกับซิกกี้มาก แล้วก็รักบุคลิกweirdoแบบนี้ของคอรีย์มาก สรุปก็คือเราชิปสองคนนี้มาก จะบ้า T_T
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×