“รักหลอก หยอกให้รัก” LOVE LIMIT
ความรักของเธอทำให้เขา อยากจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป แต่ถ้าหากเขาทำเช่นนั้น ชีวิตของเขาคงต้องหายนะเป็นแน่ แล้วเขาควรจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างเธอ
ยอดวิวรวม
41
ยอดวิวเดือนนี้
3
ยอดวิวรวม
41
“รักหลอก หยอกให้รัก” LOVE LIMIT
ความรักของเธอทำให้เขา อยากจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป แต่ถ้าหากเขาทำเช่นนั้น ชีวิตของเขาคงต้องหายนะเป็นแน่ แล้วเขาควรจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างเธอ
ยอดวิวรวม
41
ยอดวิวเดือนนี้
3
ยอดวิวรวม
ตอนที่1 วิ่งฟัดหลอน
ณ จังหวัด เชียงราย
ครึกๆๆๆ ๆๆ สาวน้อยน่ารักร่างบางผิวขาวมัดผมเก้ารวบเรียบร้อยในชุดเสื้อยืดสีเทากางเกงขาสั้นสีไข่ไก่ที่มีผ้ากันเปื้อนลายสก๊อตคลุมทับอยู่ด้านนอก เธอกำลังวิ่งหน้าตาตื่นเข็นรถขายแกงของหล่อนหลบใครบางคนอย่างหนีตาย สาวน้อยวิ่งดันรถเข็นเลี้ยวหนีเข้าซอยหลังตลาดแบบไม่คิดชีวิต และดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่เธอดวงซวยสุดๆ...
เมื่อร่างบางเข็นรถโผล่พ้นซอย ด้วยความรีบร้อนจึงทำให้เธอไม่ได้ระวังรถเก๋งคันหรูสีขาวที่แล่นมาอย่างเร็วบนถนนยางมะตอยหลังตลาด
เอี้ยด!!!!! โครม!!...รถเก๋งคันหรูสีขาวชนเข้ากับรถขายแกงของเธออย่างจัง!
แต่โชคยังดีที่ตัวเธอไม่ได้เป็นอะไรมากนัก สาวน้อยเริ่มตั้งสติได้ภาพแรกที่เธอเห็นก็คือ แกงเหลือๆที่ยังขายไม่หมดรวมถึงหม้อชามรามไหของเธอตอนนี้กระจายเต็มถนนอยู่เกลื่อนกลาด แต่ทว่ารถเก๋งคันหรูคู่กรณีที่จอดแน่นิ่งคงดูแย่กว่า เพราะกระจังหน้ารถหลุดออกมาทั้งยวง
“ซวยแล้ว!!!”
เสียงสาวน้อยร่างบางอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นความเสียหายของรถหรู ร่างบางถีบตัวลุกขึ้นปัดฝุ่นคร่าวๆ ก่อนจะหันไปดูชายฉกรรจ์สามคนที่วิ่งไล่เธอมาตั้งแต่แรก และดูเหมือนร่างใหญ่ทะมึนทั้งสามกำลังวิ่งตามมาแล้ว! เธอคงไม่มีเวลามายืนเสียดายแกงหกเพราะตอนนี้เธอต้องเอาตัวรอดจากชายฉกรรจ์สามคนนั้นก่อน เมื่อสาวน้อยตั้งหลักได้เธอจึงรีบวิ่งออกไปอย่างเต็มสปีดเพราะถ้าหากเธอยังขืนยืนอยู่ตรงนี้ละก็ รับรองได้เลยว่า เธอต้องโดนคิดบัญชีทั้งขึ้นทั้งล่องแน่ๆ หนุ่มหล่อเจ้าของรถหรูเมื่อเห็นคู่กรณีกำหลังหนีเขาจึงรีบออกจากรถและวิ่งตามไปทันที....
หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งผิวขาวเหลืองผมสั้นเกาหลีในชุดหล่อเนียบ เขาคือหนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ที่ชื่อ ภูริทร์ และตอนนี้เขาก็กำลังง่วนวิ่งไล่สาวร่างบางในชุดแม่ค้าอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนสายตาของคนที่เดินไปมา
“เฮ้ย คิดจะหนีเหรอ!!!”
ร่างสูงโปรงหุ่นนายแบบที่แต่งตัวได้เนียบมาก วิ่งตามสาวน้อยเข้าตรอกซอกซอยอย่างไม่สนใจระยะทาง แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เหมือนสาวน้อยจะวิ่งได้พลิ้วกว่าหนุ่มหล่อ แต่ยังไงซะเขาก็คงไม่ปล่อยให้เธอรอดไปได้แน่ สาวน้อยวิ่งลัดเข้าซอกซอยอย่างชำนาญทาง ปอยผมสีดำสวยสะบัดพลิ้วไปมาตามความเร็วของสาวน้อย เท้าเล็กน่ารักกับรองเท้าแตะถูกๆวิ่งสับจนฝุ่นกระจาย ร่างสูงโปรงหุ่นนายแบบเร่งสปีดตามสาวร่างบางอย่างไม่ลดละ และเขาก็เริ่มวิ่งทันเธอแล้ว! เมื่อถึงระยะที่เขาพอจะเอื้อมถึงเธอได้ หนุ่มหล่อจึงเหยียดแขนที่มีกล้ามกำลังสวยคว้าเข้าที่ปอยผมดำของสาวน้อยทันที
“โอ๊ย!!!!!”
ร่างบางถะหลาเซถอยด้วยแรงดึงของหนุ่มหล่อ และดูเหมือนตอนนี้ ทั้งคู่กำลังฉุกกระชากกันอยู่ในซอยเปลี่ยวที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าหญ้า เมื่อหนุ่มหล่อภูริทร์จับสาวเจ้าปัญหาได้เขาจึงรีบคิดบัญชีกับเธอด้วยสภาพหอบเหนื่อย ภูริทร์ รีบดึงสาวเจ้าปัญหาเข้ามาดูหน้า ให้ชัดๆก่อนจะพูดกับเธอด้วยความโมโห
“คิดว่าทำรถฉันพังแล้วจะหนีได้ง่ายๆงั้นเหรอ แฮ่กๆๆๆๆ” มือใหญ่ยังคงกำปอยผมสาวน้อยไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนี หน้าหล่อเพ่งจ้องหน้าสวยเป็นครั้งแรก ใบหน้าขาวใสที่เปล่งประกายของสาวน้อยทำให้ ภูริทร์รู้สึกชอบพอในความน่ารักของเธออยู่นิดหน่อย แต่ถึงเธอจะน่ารักยังไงเธอก็ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของเขา
“โอ๊ะ!...ห หนู ขอโทษคะ เดี๋ยว หนูชดใช้ค่าเสียหายให้นะคะ แฮ่กๆๆๆๆๆ” มือใหญ่ของภูริทร์ยังคงกำปอยผมดำสวยของเธอไว้แน่น ร่างบางเอื้อมมือนิ่มจับแขนใหญ่ของภูริทร์ ด้วยความเจ็บ
“งั้น ก็เอามาเลย ค่ากระจังหน้ารถฉัน สามแสน! แฮ่กๆๆ”
“ฮะ!!! สามแสน!!!! ทำไมแพงจังคะ!!” ตาใสของสาวน้อยเบิกโตด้วยความตกใจเมื่อได้ยินราคา
“รถฉัน คันละเกือบ15ล้าน อะไหล่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น สามแสนนี่ถือว่าถูกแล้วนะ!!”
“ตั้งสามแสน หนูไม่มีหรอกคะ ตอนนี้มีอยู่800 เอาไปก่อนได้ไหมคะ”
“ตลกละ!!! ฉันไม่มีเวลามากนักหรอกนะ ตกลงจะเอาไง!!”
“...............” สาวน้อยเงียบก้มหน้างุดอยู่พักใหญ่ เมื่อภูริทร์ เห็นเธอเงียบไปเขาจึงปล่อยปอยผมของเธอและคว้าแขนเล็กไปโรงพัก
“งั้นก็ไปเคลียกันที่โรงพัก”
หนุ่มหล่อ ภูริทร์ ดึงกระชากแขนเล็กของสาวน้อยให้ตามเขาไปอย่างบังคับ แต่เมื่อสาวน้อยเห็นชายชุดดำทะมึนทั้งสามอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เธอจึงคว้ากุมมือสวยของภูริทร์ให้วิ่งตามไปอย่างไม่ทันคิด...เมื่อชายฉกรรจ์หนึ่งในสามเห็นสาวน้อยวิ่งอยู่ไกลๆจึงชี้ตะโกนบอกเพื่อนที่มาด้วยกันให้ตามไปทันที
“เฮ้ย!!! นั่นไงมันอยู่นั่น ตามไปเร็ว!!!”
ภูริทร์ ตกใจหน้ามึนวิ่งตามสาวน้อยแบบไม่ทันคิด แต่เขาไม่ได้เป็นคนขาดสติขนาดนั้นเขาจึงฝืนแรงวิ่งดึงให้เธอหยุด...
“วิ่งทำไมเนี้ย คิดจะหนีเหรอไง!!” ภูริทร์สะบัดมือออกจากสาวน้อยและคว้าแขนเสื้อเธอไว้ ในหัวของเขายังคงหวังจะเอาเธอไปโรงพักให้ได้ แต่ดูเหมือนสาวน้อยจะรู้ถึงความเหี้ยมโหดของชายฉกรรจ์ทั้งสามเป็นอย่างดี เธอจึงรีบลนลานบอกเขาถึง ภยันอันตราย
“วิ่งสิคะ!!! เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก” สาวน้อยพูดบอกหนุ่มหล่อด้วยความตกใจ แต่ด้วยความที่ ภูริทร์เป็นคนไม่กลัวอะไรง่ายๆเขาจึงพูดวางท่าเสียงโหด ใส่สาวน้อยตาใสที่อยู่ตรงหน้า
“ใครจะมาทำอะไรฉันได้ ฉันคือภูริทร์ นักธุรกิจชื่อดังนะจะบอกให้!”
ปั้ง!!!!!! ปั้ง!!!!!!
เสียงปืนดังขึ้นสองนัดจากการยิงขึ้นฟ้า ของชายฉกรรจ์หนึ่งในสาม เมื่อเสียงปืนดังขึ้น สาวน้อยจึงรีบสะบัดตัวเองให้หลุดจากหนุ่มหล่อ ก่อนจะวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต แต่ดูเหมือนว่าชายคนกล้าเมื่อครู่จะวิ่งหน้าสั่นแซงสาวแม่ค้าไปแบบไม่คิดชีวิตเหมือนกัน...ทั้งสาวน้อยและหนุ่มหล่อต่างผลัดกันแซงผลัดกันนำ เลี้ยวเข้าซอกเข้าซอยอย่างดุเดือด ชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ยังวิ่งไล่ตามมาแบบไม่ลดละเช่นกัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าสาวน้อยจะเริ่มวิ่งไม่ไหวแล้ว....
ครึก!!!!
ด้วยขาที่เริ่มอ้อนล้าจึงทำให้ร่างบางเสียจังหวะล้ม เมื่อภูริทร์ที่กำลังวิ่งอยู่เห็นสาวแม่ค้าล้มลง เขาจึงคิดอยู่สองจิตสองใจว่า เขาควรจะช่วยเธอ หรือเขาควรจะวิ่งต่อไปดี และด้วยความที่เขาพอจะมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง ภูริทร์จึงตัดสินใจวิ่งย้อนกลับไปช่วยสาวน้อย....
“ลุกสิเร็ว!! เดี๋ยวไอ้บ้าสามตัวนั่นมันก็ยิงหัวเอาหรอก” หนุ่มหล่อรีบประคองสาวน้อย ให้ลุกก่อนพาวิ่งเลี้ยวเข้าซอยทางดินแดงแคบๆ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เธอคงวิ่งต่อไปไม่ไหวแน่เขาจึงคิดแผนซ่อนตัว...ทั้งสองวิ่งหนีตายกันอลหม่านจนมาถึงป่าช้ารกร้างหลังวัดแห่งหนึ่ง...
“หาที่แอบที่นี่ก่อน!” ภูริทร์ บอกสาวน้อยพร้อมมองซ้ายมองขวาหาที่ซ่อนอย่างใจเย็น
“แอบที่อื่นไม่ได้เหรอคะ” ดวงตาใสของสาวน้อยกวาดมองพื้นที่ตรงหน้าไปมาอย่างสยอง ก่อนจะพุ่งตัวเข้ากอดแขนใหญ่ของภูริทร์อย่างแนบชิดด้วยความกลัว
“แอบที่นี่แหละ เหมาะสุดแล้ว!!!”
“แต่ที่นี่ผีดุนะคะ แล้วนี่ก็ใกล้มืดแล้วด้วย”
“เรื่องมากจริง!! งั้นก็เลือกเอาระหว่าง โดนผีหลอก กับ โดนไอ้สามตัวนั้นฆ่าตาย จะเอาอะไร!!!”
“เลือก...ผีหลอกก็ได้คะ ฮือ...”
“โหย!! ยังจะเลือกอีก!! ฉันพูดประชด!!!”
“ขอโทษคะ ฮือ...” สาวน้อยก้มหน้าหงอยกอดแขนหนุ่มหล่อไว้แน่นแบบไม่ยอมปล่อย...
ภูริทร์เป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีวิญญาณเขาจึงพาสาวน้อยจ้ำอ้าวเข้าสู่สถานที่อาถรรพ์อย่างหน้าตาเฉย แต่ทว่าตอนนี้สาวน้อยกำลังทำให้หนุ่มหล่อเคลื่อนตัวได้ลำบาก ภูริทร์จึงพูดว่าสาวน้อยอย่างไม่เกรงใจ
“นี่!! เธอจะเอานมมาสีแขนฉันทำไมเนี่ย!!!” เมื่อสาวน้อยได้ยินตามนั้นเธอจึงก้มหน้าลงมองเนินหน้าอกนิ่มของตัวเองที่ตอนนี้ มันกำลังเบียดแขนหนุ่มหล่ออย่างแนบชิด ด้วยความที่สาวน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายแบบนี้มาก่อน เธอจึงรีบผละตัวออกจากแขนใหญ่ด้วยความตกใจ
“อุ๊ย!! ขอโทษคะ!!”
ร่างสูงโปรงคว้าจูงมือร่างบางเข้าไปในป่าช้าเพื่อหาที่ซ่อนโดยเร็ว ต้นไม้ที่สูงใหญ่หลายต้นทำให้บรรยากาศภายในป่าช้า ดูอึมครึมวังเวงและเงียบสงัด ถ้าจะมีเสียงก็เป็นเพียงเสียงจิ้งหรีดที่สามคีกันร้องจนดังระงมป่า โกศเก็บกระดูกเก่าๆและซองปูนเก็บศพที่มีหน้าคนตายและใยแมลงมุมติดอยู่ ถูกจัดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด บริเวณซองเก็บศพนั้น มันมีกลิ่นเน่าและสาบ...ดูเหมือนภูริทร์จะเจอที่ซ่อนแล้ว...
“ซ่อนในช่องปูนนี่แหละ”
“!! นี่มันช่องเก็บศพนะคะ”
“ก็ช่องเก็บศพน่ะสิ!! เห็นเป็นยานอวกาศหรอไง!!!” ภูริทร์มุดถอยตัวเขาซองปูนเก่าๆอย่างไม่สนใจใยดีสาวน้อยที่ยืนตื่นกลัวอย่างเป็นกังวล
“แล้วหนู จะซ่อนที่ไหนล่ะคะ” ร่างบางยืนลุกลี้ลุกลนถามภูริทร์ และด้วยความไม่ได้เรื่องได้ราวของสาวน้อย จึงทำให้เขาตะหวาดสาวน้อยกลับไปอย่างรำคาญ
“ก็หาเอาสิ...เลือกเอาสักช่อง ไป!!!”
สาวน้อยวิ่งออกไปหาซ่องว่างตามที่ภูริทร์บอก และสักพักเธอก็กลับมา....
“อ้าวเฮ้ย! ไปซ่อนสิ จะกลับมาทำไม!??” ภูริทร์ถามเธอด้วยน้ำเสียงโมโห
“ฮือ...มีคนอยู่แล้วทุกช่องเลยคะ” สาวน้อยในชุดแม่ค้าหน้าโทรมเหงื่อยืนสับสนหันซ้ายหันขวาด้วยความเป็นกังวลสุดฤทธิ์ และก็ดูเหมือนว่า เสียงชายฉกรรจ์ทั้งสามจะแว่วมาทางนี้ ยังไงสาวน้อยก็ต้องรีบซ้อนตัวแล้ว.....
เมื่อ ภูริทร์เห็นร่างบางกำลังยืนงง เขาก็คิดได้ทันทีเลยว่าถ้าหากเธอถูกไอ้พวกสามคนนั้นจับได้ยังไงเขาก็ต้องโดนหางเลขไปด้วยแน่ๆ
ปัง!!!! เสียงปืนของชายฉกรรจ์ ผมสั้นหยิกร่างใหญ่ลั่นไกปืนกระบอกสีดำคู่กาย กระสุนจากการยิงพุ่งเจาะเข้าที่หลังของสาวน้องอย่างจัง!! ร่างบางล้มลงนอนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ชายฉกรรจ์ทั้งสามรีบวิ่งเข้ามาดูผลงานความแม่น สาวน้อยที่นอนแน่นิ่งโดนกระหน่ำยิงซ้ำไปอีกสามนัดจนเลือดไหลนองเต็มพื้น ภูริทร์ที่พอจะเห็นเหตุการณ์จากช่องแคบๆในซ่องเก็บศพ กำลังอยู่ในสภาวะกดดัน และดูเหมือนว่าจะมีชายฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังนั่งลงตรงหน้าซองเก็บศพที่เขาซ้อนตัวอยู่ ฝาปูนสี่เหลี่ยมถูกเปิดออกอย่างช้าๆจนกว้างพอที่จะเห็นชายหน้าโหดใส่หมวกแก๊บสีดำเล็งปืนสั้นมาที่เขา ชายใส่หมวกยิ้มให้อย่างโหดร้ายก่อนจะลั่นไกปลิดชีพ ภูริทร์อย่างใจเย็น ปั้ง!!!!
“ไม่ได้ๆๆๆ จะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้!!” ภูริทร์ รีบสะบัดศีรษะอย่างเร็วเพื่อลืมเรื่องในจิตนาการเมื่อครู่ เขาต้องรีบแก้ไขสถานการณ์นี้แล้ว...และมันก็คงมีแค่วิธีเดียวเท่านั้นสำหรับสถานการณ์คับขันแบบนี้ คือต้องให้เธอเข้ามาอัดอยู่ในนี้กับเขา...
“เข้ามา!! เร็ว!!!” ภูริทร์เรียกสาวร่างบางพรางขยับแผ่นปูนให้เปิดกว้างออกเป็นการเชื้อเชิญ
“............”
“เอ้า!! จะยืนงงทำไมเร็วสิ มันมาแล้ว!!”
เมื่อสาวน้อยไม่มีทางเลือกเธอจึงรีบหมอบตัวและถอยหลังมุดเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยมิได้ทันระวัง
แป๊ะ!!!!
รองเท้าแตะราคาถูกที่หุ้มอุ้งเท้าเล็กน่ารัก ยัดเข้าเต็มหน้า ภูริทร์
“โอ้ย!!!” หนุ่มหล่อหน้าหงายเงิบเมื่อโดนถีบ
“อุ้ย! ขอโทษคะ” สาวน้อยรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ฮึ้ย!!...ถอยเข้ามา!!”
ตอนนี้ ภูริทร์ คงไม่มีเวลาที่จะมาด่าว่าสาวน้อยเพราะเขาต้องรีบเลื่อนปิดแผนปูนปิดช่องด้านหน้าซองเก็บศพโดยเร็ว... ตอนนี้ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันโดยไม่คาดคิด...ร่างใหญ่แนบชิดร่างบางอย่างจำเป็น มือเล็กนิ่มของสาวน้อยขยับปัดรอยฝุ่นรองเท้าที่หน้าให้ภูริทร์ด้วยความรู้สึกสำนึกผิด ถึงแม้ในซองปูนจะมีแสงสาดเข้ามาเพียงเล็กน้อย แต่มันก็พอที่จะทำให้ภูริทร์มองเห็นความน่ารักบนใบหน้าสวยของสาวน้อยที่กำลังเอามือลูบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
แววตาใสซื่อของเธอทำให้ภูริทร์ รู้สึกหลงใหลชอบพออย่างประหลาด... ภูริทร์รีบสะบัดสายตาหนีด้วยความคิดที่อยู่ในใจว่า นี่เขากำลังคิดบ้าอะไรอยู่
บรรยากาศในซองเก็บศพตอนนี้ทั้งมืดและอับ เสียงฝีเท้าของชายฉกรรจ์ทั้งสาม เริ่มเดินเข้ามาใกล้ทีละน้อยแล้ว ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าอย่างช้าๆ แสงที่ส่องผ่านช่องเล็กๆระหว่างฝาปูนกับซองเก็บศพเริ่มจางลงทีละน้อย ดูเหมือนฝีเท้าของชายฉกรรจ์ยังคงวนเดินหาพวกเขาอยู่รอบๆ ผ่านไปพักใหญ่ก็มีเสียโหดของชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า
“เห้ยไปเหอะพวกเรา เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยล่ามันใหม่” และหลังจากสิ้นเสียงชายฉกรรจ์ จู่ๆเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!
“ว๊าย!! อุ๊บ!!” มือใหญ่สวยของภูริทร์ รีบอุดปากสาวน้อยอย่างรวดเร็ว สาวน้อยเริ่มดิ้นไปมาเพราะตอนนี้ขาขาวเรียวสวยของเธอกำลังถูกแมลงสาบลามกวิ่งไต่อย่างสนุกสนาน ทางด้านหนุ่มหล่อเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงใช้ท่อนแขนแขนใหญ่ที่ยังว่างอยู่กอดรัดร่างบางไว้ไม่ให้ดิ้น และดูเหมือนสาวน้อยก็พยายามอดกลั้นความกลัวอยู่เช่นกัน มือเล็กสวยของเธอตอนนี้กำเสื้อหรูของหนุ่มหล่อไว้แน่น เสียงฝีเท้าด้านนอกก็ยังคงเดินวนไปมาอยู่รอบบริเวณ เมื่อสาวน้อยเริ่มนิ่งภูริทร์จึงปล่อยมือออกจากปากเธอ
“เบาๆสิ เห็นมั้ยพวกมันกลับมาแล้ว” ภูริทร์ กระซิบเบาๆข้างหูสาวน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยระยะที่ใกล้กันมากๆจึงทำให้ปลายจมูกโด่งสวยของภูริทร์สำผัสเข้ากับแก้มเนียนของสาวน้อยโดยบังเอิญ ตอนนี้ถ้าจะเรียกว่าเขาหอมแก้มเธอก็คงใช่...
นี่ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่เห็นที่ท่าว่าคนที่เดินวนอยู่ด้านนอกซองเก็บศพจะกลับไป ทุกอย่างโดยรอบเริ่มมือสนิท ตอนนี้ที่พึ่งสุดท้ายของสาวน้อยก็คงจะหนีไม่พ้นหนุ่มเจ้าหนี้ที่กำลังกอดเธออยู่ตอนนี้
แต่ดูเหมือนร่างบางจะเริ่มดิ้นอีกครั้งเพราะสิ่งที่อยู่ตรงเท้าเล็กของเธอตอนนี้มันไม่ใช่แมลงสาบ แต่มันเป็นเหมือนควันประหลาดอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ เพื่อให้สิ่งที่เธอรู้สึกมันแน่ชัดขึ้น สาวน้อยจึงเริ่มค่อยๆเอียงหน้าหันไปดูสิ่งที่คล้ายควันนั้น และเธอก็ถึงกับต้องช๊อค!! เมื่อในความมืดสนิทด้านในสุดของซองเก็บศพ เริ่มเผยให้เห็นควันสีเทาที่กำลังก่อตัวขึ้นเป็นหน้าคน สาวน้อยรีบซุกหน้าลงที่อกของภูริทร์ทันทีด้วยความตกใจ
“เป็นอะไรนักหนาเนี้ย!!!” ภูริทร์ กระซิบเบาข้างหูสาวน้อยด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้สาวน้อยเอาแต่ซุกหน้าเงียบไม่ยอมตอบ... และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ตาฝาด ร่างบางจึงเหลียวหน้าลงไปมองควันประหลาดนั้นอีกครั้งเพื่อคอนเฟิร์ม... และสาวน้อยก็ต้องตกใจ เมื่อควันที่เธอเห็นเมื่อครู่ได้กลายเป็นหน้าคนโปร่งแสงเบี้ยวๆที่กำลังขยับไปมาอย่างสยดสยอง
“อื้ออ!!!!!” สาวน้อยอดกลั้นเม้มปากหลับตาปี๋ เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องส่งเสียง แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะเริ่มไม่ไหวเสียแล้ว
“เฮ้ย!!! อย่าดิ้นสิ!!!” ภูริทร์กระซิบบอกสาวน้อยด้วยอารมณ์ที่มากกว่าหงุดหงิด...ก่อนที่จะใช้มืออุดปากสาวน้อยอีกครั้ง...
เมื่อร่างบางเริ่มดิ้นแรงขึ้นแขนใหญ่ข้างเดียวของภูริทร์ คงล๊อคเธอไว้ไม่อยู่แน่ เมื่อหนุ่มหล่อเริ่มรู้ว่ากำลังเข้าสู่สถานการณ์เลวร้าย เขาจึงปล่อยมืออีกข้างที่อุดปากสาวน้อยไว้และเปลี่ยนมาเป็นกอดรัดเธอไว้แทน เมื่อปากของสาวน้อยไม่มีอะไรอุดเธอจึงร้องออกมาด้วยความกลัว
“กรี๊ดด....อุ๊บ!!!!!” สาวน้อยเงียบช๊อคตาตั้งเพราะสิ่งที่อุดปากของเธออยู่ตอนนี้มันคือ ริมฝีปากของหนุ่มหล่อภูริทร์! ดูเหมือนสาวน้อยจะช๊อคเงียบไปพักใหญ่ เมื่อเธอเริ่มนิ่งภูริทร์จึงถอนริมฝีปากออก และเมื่อเธอตั้งสติได้เธอก็เริ่มดิ้นสุดตัวแบบลืมตาย ทั้งสองเริ่มขลุกขลิกๆกันอยู่ในช่องเก็บศพมืดๆ และสิ่งที่ไม่น่าจะเกิด ก็เกิดขึ้นจนได้
ปึก!!!! แผ่นปูนที่ใช้ปิดหน้าซองเก็บศพ ตอนนี้ล้มเปิดออกอ้าซ่าจนทำให้เห็นว่ามีคนสองคนซ่อนอยู่ข้างใน การหนีตายที่ผ่านมาของทั้งคู่ล้มเหลว เสร็จกันแน่คราวนี้ชายโหดทั้งสามนั้นคงไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่... เสียงฝีเท้ายังคงดังต่อเนื่องอยู่ใกล้ๆ แต่น่าแปลกเพราะภาพตรงหน้าของทั้งสองมีแต่ความมืดและความว่างเปล่า แล้วเสียงฝีเท้าปริศนานี้ล่ะมาจากไหน แต่หลังจากที่ทั้งคู่ช่วยกันตั้งใจฟังดีๆแล้วน่าจะมีมากกว่าสามคน
และภูริทร์ ก็บังเอิญเหลียวไปเห็นหน้าเบี้ยวๆที่ปลายเท้าของเขาพอดี!!!
“อุ้ย!! เห็นใช่ป่ะ” ภูริทร์รีบสะบัดหน้าถามสาวน้อยที่เขากำลังนอนกอดอยู่ข้างๆ
“คะ....ฮือ” สาวน้อยตอบเสียงสั่นตัวเกร็ง
“คิดว่าใช่มั้ย.....”
“ฮือออ คะ”
“อืม......เข้าใจตรงกันนะ....”
“คะ!!!”
ว๊ายยยย กรี๊ดดดด ทั้งภูริทร์และสาวน้อยร้องหวีดเสียงหลง แย้งกันตะเกียกตะกายออกมาจากที่ซ่อน ทั้งคู่วิ่งหาทางออกจากป่าช้าแบบไม่คิดชีวิต เมื่อทั้งสองวิ่งออกมาจนพ้นบริเวณป่าช้า ก็ได้มาหยุดพักเหนื่อยอยู่ที่ข้างโรงเรียนประถมเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากป่าช้ามากนัก แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะยังไม่รู้ตัวว่า พวกเขากำลังจับมือกันเยี่ยงคนรัก..
“แฮ่กกๆๆๆๆ”
“เฮ้ย!!!!” ภูริทร์ รีบสะบัดมือออกจากสาวน้อย เมื่อได้สติ
ร่างบางก้มตัวหอบเหนื่อยก่อนที่จะนั่งลงกับพื้น...เมื่อภูริทร์เริ่มเห็นจังหวะเหมาะเขาจึงนั่งยองๆลงตรงหน้าเธอและเครียปัญหาคาใจ
“นี่นังหนู....เรื่องรถฉันเธอจะเอายังไง!!??” ....” เมื่อภูริทร์พูดจบ สาวน้อยที่นั่งอยู่ก็รูดซิปกระเป๋าด้านหน้าของผ้ากันเปื้อนที่เธอใส่อยู่ พรางล้วงเงินให้เขาจนหมดกระเป๋า..
“คือ....เดี๋ยวหนูทยอยใช้ให้นะคะ” แววตาเศร้าบนวงหน้าเรียวสวยของสาวน้อยจ้องหน้าภูริทร์และยื่นเงินให้ เขาอย่างน่าสงสาร...เมื่อหนุ่มหล่อเห็นดั่งนั้นเขาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพูดกับเธอ
“เห้อ!......นี่นังหนู เงินแค่นี้เนี้ย ซื้อลมยางรถฉันยังไม่ได้เลย!!”
“...................” สาวน้อยก้มหน้าหงอย เงียบไม่มีคำตอบ
“ฉันจะเอายังไงกับเธอดีวะ!!” ในขณะที่ภูริทร์กำลังหงุดหงิดกับสาวน้อยอยู่นั้นจู่ๆเธอก็เริ่มมีท่าทีแปลกๆ
“สร้อย!!!” สาวน้อยดีดตัวลุกขึ้นยืนพรวดพร้อมเอามือคลำที่คอขาวและมองพื้นหาสร้อยที่เธอว่าไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน เมื่อไม่เห็นวี่แววของสร้อยว่าจะอยู่ตรงนี้ เธอก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่ามันคงตกอยู่ที่ไหน เมื่อคิดได้ตามนั้นเธอจึงรีบวิ่งกลับไปที่ป้าช้า....
ฟึบ!!!! ร่างบางออกตัววิ่งอย่างรีบร้อน
“เห้ย!! จะไปไหน คิดจะหนีเหรอ” ภูริทร์ กระโจนร่างสูงคว้าปอยผมสาวน้อยอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย!!” ร่างบางเซถอยถลาเข้าหาอ้อมแขนใหญ่ มือเล็กพยายามยื้อมือใหญ่ให้ปล่อยเธอ....
“คุณปล่อยหนูไปเถอะนะคะหนูจะไปหาสร้อย....”
“ไม่กลัวผีเหรอไง!!!” ภูริทร์ตะคอกใส่สาวน้อยที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้
“หนูจะไปหาสร้อย......” สาวน้อยพูดกับหนุ่มหล่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาเศร้าของเธอเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมา....ภูริทร์ เริ่มชั่งใจในน้ำตาของเธอ ตอนนี้ในหัวของเขามีอยู่สองคำถามคือ เธอร้องไห้จริงๆ หรือกำลังแกล้งมารยากันแน่...
ลึกๆแล้ว ภูริทร์เป็นคนขี้สงสาร ถึงแม้ภายนอกของเขาจะดูเป็นคนวางท่าเย็นชา แต่ข้างในใจลึกๆของเขาก็ยังมีความอ่อนโยนแอบแฝงอยู่เหมือนกัน เมื่อภูริทร์ เห็นว่าสร้อยคอนั้นสำคัญกับเธอมากเขาจึงรู้วิธีที่จะทำให้เธอยอมจ่ายค่ากระจังหน้ารถของเขาแล้ว... หนุ่มหล่อปล่อยมือจากปอยผมกระเซิงของสาวน้อย และเมื่อเธอเริ่มออกตัววิ่งเขาก็เอ่ยปากพูดประโยคเด็ดที่ทำให้เธอต้องหยุดกึก!
“ใช่สร้อยอันนี้หรือเปล่า....” ภูริทร์ โชว์สร้อยที่มือขึ้นให้เธอดู บังเอิญจริงๆที่ตอนทั้งสองกอดฟัดกันอยู่ในซองเก็บศพ สร้อยของสาวน้อยได้ขาดติดมือภูริทร์พอดี ตอนแรกเขากะจะคืนให้เธอตั้งแต่ในซองเก็บศพแล้วแต่ดันมาเจอผีเสียก่อนเขาจึงถือมันวิ่งมาจนถึงที่นี่ แสงไฟข้างถนนทำให้สร้อยส่องประกายแวววับเมื่อสาวน้อยเห็นว่าใช่สร้อยของเธอแน่ เธอจึงรีบวิ่งเข้าชาร์จหนุ่มหล่อ
“ขอสร้อยหนูคืน เถอะคะ” ภูริทร์ ชูสร้อยขึ้นฟ้าไม่ยอมให้ง่าย สาวน้อยเขย่งตัวสุดเหยียดหมายจะหยิบสร้อยในมือเขา ร่างบางตะเกียงตะกายแนบชิดร่างใหญ่อย่างทุลักทุเล แต่ดูเหมือนเธอจะเตี้ยเกินไป
“ฉันคืนให้ก็ได้ แต่พรุ่งนี้เธอต้องไปเจอฉันที่โรงพัก”
“คะๆๆ ไปคะ ขอสร้อยให้หนูนะคะ” ร่างบางกระโดดเหยงๆหวังหยิบสร้อยให้ได้
“ฉันจะเก็บสร้อยนี้ไว้ก่อน แล้วฉันจะติดต่อเธอพรุ่งนี้อีกที เอาโทรศัพท์มา!!...” สาวน้อยหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าโทรมให้ภูริทร์อย่างว่าง่าย... แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่พอใจ
“เอาบัตรประชาชนมาด้วย....” สาวน้อยหยิบทุกอย่างให้หนุ่มหล่อง่ายๆตามคำขอ สำหรับเธอแล้วตอนนี้ขอให้ได้สร้อยคืนมาก็พอแล้ว เพราะสร้อยเส้นนี้สำคัญกับเธอมากเพราะมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่เธอมอบไว้ให้ก่อนท่านจะจากโลกนี้ไป
“อริสรา พุ่มมงคล อืม......” หนุ่มหล่ออ่านชื่อตามบัตรประชาชนของสาวน้อย แต่ทำไมชื่อนี้มันดูคุ้นๆชอบกล...หนุ่มหล่อพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคุยกับสาวน้อยอีกครั้ง
“มีชื่อเล่นมั้ยเราน่ะ”
“ชื่อ หมวย คะ”
“หน้าตายังเด็กๆอยู่เลยอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย!”
“18 คะ “
“ฉันชื่อ ภูริทร์ เรียก ภู เฉยๆก็ได้ พรุ่งนี้นะ ไปเจอฉันที่โรงพักด้วย แล้วอย่าเบี้ยวล่ะไม่งั้นสร้อยนี่จะไม่มีทางกลับไปอยู่ที่คอเธออีกแน่”
เมื่อภูริทร์ ได้สิ่งของเป็นหลักประกันจากสาวน้อยเป็นที่เรียบแล้วเขาก็รีบแยกตัวออกจากเธอทันที...
ณ เวลา 3ทุ่มกว่าๆที่สถานีตำรวจในตัวจังหวัดเชียงราย...
“ตอนนี้เอารถออกไม่ได้หรอครับคุณตำรวจ” ภูริทร์ กำลังต่อรองกับเจ้าพนักงานตำรวจอย่างหัวเสียเกี่ยวกับเรื่องรถเก๋งคันหรูสีขาวของเขาที่ถูกยกมาที่โรงพักในข้อหา ขัดขวางการจราจร
“ต้องพรุ่งนี้นะครับ คุณภูริทร์ถึงจะเอารถออกได้ เพราะที่นี่เราเปิดปิดคลังของกลางกันเป็นเวลาครับ”
ดูเหมือนว่าคุณตำรวจจะคงยืนกรานคำเดิม เห็นทีเขาคงต้องยอมสิโรราบแล้วล่ะ เพราะด้วยความที่เขาเป็นนักธุรกิจชื่อดังคงโวยวายอะไรให้เสียภาพลักษณ์มากไม่ได้ ดูท่าทางวันนี้เขาคงแย่ เพราะทั้งกระเป๋าตังค์และกุญแจโรงแรม ต่างก็อยู่ในรถทั้งหมด ตอนนี้สิ่งที่เขาพอจะมีติดตัวก็คือโทรศัพท์เครื่องหรูกับเงินอีกติดกระเป๋าอีก160บาท ตอนนี้ก็เริ่มดึกมากแล้วยังไงเขาก็ต้องหาที่พักก่อน ภูริทร์ คิดหาวิธีอยู่พักใหญ่และเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อคิดได้ตามนั้นเขาจึงออกจากโรงพักไปทันที....
ผลงานอื่นๆ ของ บักกาถุง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ บักกาถุง
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้