ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devils เรื่องนี้ปีศาจครอง!

    ลำดับตอนที่ #6 : Devils IV : เมื่อมาถึงเผ่าอินคิวบัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      1
      7 มี.ค. 58

    Devils IV : เมื่อมาถึงเผ่าอินคิวบัส

     

    “เฮ้อ...สบายตัวขึ้นเยอะ...”

    “และสบายจมูกพวกข้าด้วย”

    เซบค้อนควบไปทางสองสาวที่นั่งอยู่ข้างกองไฟริมแม่น้ำที่เขาเพิ่งจะลงไปล้างตัว...ไม่สิ  ควรจะเรียกว่าลงไปอาบน้ำแช่ตัวให้กลิ่นหายไปจากตัวให้หมดต่างหาก

    “แล้วพวกเจ้าไม่ลงไปบ้างล่ะ?”

    เซบถามเสียงขุ่นๆ  แต่กลับได้รับนิ้วมือของวิเวียนที่ถูกยกขึ้นมาขยับไปมาพร้อมส่งเสียง จุ๊ๆๆออกมาด้วย

    “พวกข้าไม่ลงไปอาบน้ำต่อจากเจ้าที่เอากลิ่นเหม็นๆลงไปในน้ำแล้วหรอกนะ”

    “...”

    “เออ! ก็ได้! ข้าไม่เถียง แต่บอกเลยว่าถ้าจะหาแหล่งน้ำระหว่างทางอีกคงหายากแล้วนะ! ข้าเตือนแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ไม่อาบน้ำก็นอนพักเอาแรง  เดี๋ยวข้าอยู่ยามเอง”

    หลังจบคำ  สองสาวก็เงียบไปครู่หนึ่งพลางมองหน้ากันอย่างชั่งใจ  และสุดท้ายทั้งสองคนก็ยอมลงไปอาบน้ำทั้งๆที่เมื่อครู่มีท่าทีรังเกียจน้ำสะอาดที่เซบลงไปชำระร่างกายและไหลผ่านไปแล้วสุดใจ...

     

    ในคืนนั้นทุกอย่างผ่านไปด้วยดีโดยมีเซบเป็นคนเฝ้ายาม  เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน  ทั้งสามก็ออกเดินทางกันอีกครั้ง และในตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินเข้าสู่เขตป่าที่ใกล้กับชนเผ่าของปีศาจแฝงฝันที่รู้จักกันในชื่อ อินคิวบัสและ ซัคคิวบัส

    “ไหนๆก็ไหนๆแวะเข้าไปในเมืองหน่อยได้มั้ยอ่ะ  ข้าชักจะหิวๆแล้วนะ” คลาร่าที่เพิ่งจะกินอาหารเช้าไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเริ่มเปิดประเด็น  ส่งผลให้ทั้งเซบและวิเวียนพร้อมใจกันหันมามองเธอเป็นตาเดียว

    “ท...ทำไมอ่ะ...”

    “นี่เจ้ายังจะกินอีกหรอ...” วิเวียนถามทั้งสีหน้าที่ออกจะแขยงนิดๆ “เจ้ากินหมูป่าเข้าไปทั้งตัวคนเดียวเลยนะเมื่อกี้อ่ะ”

    “อะไรเล่า  ก็มันไม่อยู่ท้องอ่ะ!

    “...”

    เซบและวิเวียนมองหน้ากันทีหนึ่ง

    จะเอาไง?

    ทำไงได้ล่ะ กระเพาะหลุมดำอย่างคลาร่าเจ้าว่าใครจะหยุดได้เรอะ?

    เออ ก็จริง...

    หลังจากการสื่อสารกันทางสายตา  สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้ข้อสรุปว่าต้องตามใจมังกรไฟกินจุเอาแต่ใจตนนี้ไป  เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจได้เจอเรื่องวุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นกระบุง...

    การเข้าไปในอาณาเขตของปีศาจแฝงฝันในอดีตอาจเป็นอะไรที่ยุ่งยากน่ารำคาญเพราะมีอาณาเขตกางอยู่รอบ แต่เร็วๆนี้  เผ่าปีศาจแฝงฝันเริ่มเปิดออก ต้อนรับผู้มาเยือนทุกเผ่าพันธุ์  ทั้งมาทำการค้า  หรือแม้กระทั่งท่องเที่ยว

    และในตอนนี้  เผ่าปีศาจแฝงฝันกลับกลายเป็นที่สนใจของปีศาจทุกเผ่าพันธุ์  กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทำการค้ากับทุกๆชนเผ่าจนปัจจุบันกลับกลายเป็นชนเผ่าที่ร่ำรวย

    “ที่นี่สุดยอดไปเลยนะ” วิเวียนอดที่จะเอ่ยชื่นชมไม่ได้  ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่อยู่รอบๆตัวเธอในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่ามีทุกเผ่าพันธุ์  ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์  ลาเมีย  เอลฟ์  เซนทอร์  อิมพ์  ไนท์แมร์และอีกหลายเผ่าพันธุ์ที่ไม่อาจพูดออกมาได้หมด

    “ก็นะ” เซบทำท่าทางปกติ  แต่ดวงตากลับกวาดมองรอบๆอย่างสนอกสนใจ  ในขณะที่คลาร่าเดินเข้าไปข้างทาง  เข้าร้านโน้นออกร้านนี้  โดยที่ร้านที่คลาร่าเลือกเข้าทั้งหมดคือร้านของกิน...

    แกร๊ก...

    “หือ?” เซบชะงักร่างที่กำลังจะก้าวต่อไปข้างหน้า  ถึงแม้เสียงแปลกๆเมื่อครู่จะเบาจนแทบไม่ได้ยินเพราะโดนเสียงเซ็งแซ่รอบๆกลบไปหมด  แต่ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแข็งๆอยู่ใต้เท้าเขานี่ก็ทำให้เขาต้องยกขาข้างที่เหยียบอะไรบางอย่างลงไปขึ้น  และสิ่งที่ปรากฏเข้าสู่สายตาของเขาก็คืออัญมณีเม็ดหนึ่ง

    แวร์วูฟหนุ่มก้มลงหยิบอัญมณีเม็ดนั้นขึ้นมา  มีอะไรบางอย่างส่องแสงสีแดงเรืองๆออกมาจนเขาต้องยื่นมือออกไปปัดดินที่ติดอยู่บนตัวอัญมณีจนแทบจะมองไม่เห็นลักษณะของมัน  เมื่อปัดไปได้เพียงครึ่งทางเซบก็ชะงักกึกไปอีกครั้ง

    อัญมณีนั้นมีสีแดงคล้ายทับทิม  แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีสีสดยิ่งกว่าทับทิมเสียอีก  ตรงกึ่งกลางของมันปรากฏลวดลายเรียวเป็นเส้นสีแดงเข้มจนเกือบดำจนแลดูคล้ายกับนัยน์ตาของปีศาจ

    “นั่นอะไรน่ะ? น่าขนลุกชะมัด...” วิเวียนที่เดินอยู่ข้างหลังเห็นเพื่อนหยุดอยู่กับที่ไม่ยอมเดินต่อชะโงกหน้าออกมามอง  และพอสบเข้ากับอัญมณีที่ถ้าเห็นแวบๆคงนึกว่าเป็นลูกตาเข้าก็เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสยองแปลกๆ

    “ไม่รู้สิ  วิเวียน  เดี๋ยวเจ้าไปกับคลาร่าก่อนก็แล้วกัน  ข้าจะเอาเจ้านี่ไปส่งที่ส่วนกลาง  ไว้เจอกันที่ร้านกาแฟตรงหน้าประตูนะ”

    “โอเคๆ  ข้าว่าบางครั้งเจ้าก็เป็นคนดีไปหน่อยนะ...” วิเวียนเดินไปหาคลาร่าไปพลางบ่นไปพลาง  แต่สำหรับคำบ่นเรื่องนี้คงจะพูดได้ว่าเขาด้านไปแล้ว  ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาวิเวียนบ่นเรื่องนี้ใส่เขาไม่รู้กี่รอบ  สุดท้ายเลยชักจะชิน  ชินจนชาและสุดท้ายก็กลายเป็นด้านในที่สุด...

    เซบมองส่งวิเวียนจนลับหายเข้าไปในฝูงชน  จากนั้นเขาจึงเดินไปตามเส้นทางที่ยังพอจะปรากฏอยู่เลือนรางในความทรงจำ... ช่วยไม่ได้  ก็เขาเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเองนี่นา!

    ไม่รู้ว่าควรจะชมเรื่องดวงดีสมพงษ์กับเรื่องเส้นทาง  หรือจะชมความทรงจำที่มีอยู่เลือนลางว่ามันช่วยพาเขามาถูกทางดี??  ที่สุดท้ายมันก็พาเขาเลี้ยวเข้ามาในตรอกที่กำลังมีคนกำลังรุมตื้บใครก็ไม่รู้อยู่เนี่ย!!!!

    เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะมีเรื่องในสถานที่ต่างถิ่นเขาจึงตัดสินใจค่อยๆย่องออกไปจากตรอก  แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าถอยเป็นก้าวที่สามนั่นเอง...

    “เจ้าน่ะ! ช่วยข้าด้วยยยยยย!!

    ชะอ้าวเฮ้ย! จะหนีปัญหาไหงกลายเป็นปัญหาวิ่งเข้ามาซบล่ะ!?

    “เหอ? เจ้าเป็นพวกของมันเรอะ?”

    “ฮะ? เปล่าซะหน่อย”

    “แต่ท่าทางมันจะรู้จักเจ้านี่จริงไหม?”

    “ไม่ได้รู้จักซักกะนิด!

    “เหอะ! ไหนๆก็ไหนๆก็เอาเงินมาแล้วไสหัวไป!

    “แบบนี้มันรีดไถไม่ใช่หรือไง...” เซบเบ้หน้า  ถึงเขาจะไม่อยากมีเรื่อง  แต่พอเจอแบบนี้ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแถมไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อมาเอาเปรียบหรอกนะ!

    ขณะที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาดึงแขนเซบให้เข้าไปในตรอกลึกกว่าเดิมนั่นเอง  เขาก็พลิกมือกลับมาเป็นฝ่ายจับอีกฝ่ายไว้แน่น  จากนั้นก็กระชากร่างของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ในขณะที่มืออีกข้างก็ปล่อยหมัดออกไปสุดแรงกระแทกลงที่หน้าอกของอีกฝ่ายจนลอยกระเด็นกลับเข้าไปหาพรรคพวกที่ไม่ทันแม้กระทั่งจะตั้งตัวรับเหตุการณ์ด้วยซ้ำ

    “ฮ...เฮ้ย ไหวมั้ย!?”

    “แบบนี้มันหาเรื่องนี่หว่า! เอ้า!! พวกเรา  ลุย!!

    เส้นเลือดที่ข้างขมับของเซบแอบปูดโปนขึ้นมาเล็กๆ

    ...ให้มันน้อยๆหน่อย  ใครกันแน่ที่หาเรื่องฟะ!!?

    แม้จะคิดเช่นนั้นแต่เซบก็ยังคงยืนนิ่งให้อีกฝ่ายเข้ามาล้อมเขา  อีกฝ่ายที่เห็นว่าเขายังคงยืนนิ่งคงแอบคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่าฝ่ายตนมีมากกว่าละมั้ง  แต่ละคนถึงได้มีรอยยิ้มเยาะหยันประดับอยู่บนใบหน้าส่งมาให้เขา  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยั่วอารมณ์เขาให้ระเบิดจนสติขาดผึงเข้าไปซัดอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี

    เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขายืนนิ่งไม่ขยับเสียทีจึงมีปีศาจตนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาก่อน  ความเร็วที่อีกฝ่ายใช้ทำให้เห็นได้เพียงเงาเลือนรางที่วิ่งผ่านไป  แต่ถึงกระนั้นเซบก็ทำเพียงขยับหลบไปด้านข้างแล้วใช้หมัดหนักๆซัดอีกฝ่ายจนกระเด็น  เมื่อปีศาจตนอื่นๆเห็นดังนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ  ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะกรูกันเข้ามาพร้อมกันราวกับต้องการจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ!

    เซบทำเพียงขยับหลบ  ใช้มือเท้าล้วนๆในการซัดปีศาจตนแล้วตนเล่าจนกระเด็นไปทั่ว  ถึงมันจะน่ารำคาญ  แต่เหมือนว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีที่ตัดปัญหาได้ดีที่สุดแล้ว

    สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็จบลงที่เหลือเพียงเซบที่ยืนนิ่งอยู่กลางตรอก  หลังจากสำรวจจนแน่ใจว่าไม่มีใครที่จะสามารถลุกขึ้นมาหาเรื่องเขาได้อีก  เซบก็เดินเข้าไปหาปีศาจตนที่ถูกหาเรื่องแล้วยื่นมือไปให้เงียบๆ

    “ข...ขอบคุณ...”

    “ไม่ต้องขอบคุณก็ได้  แต่ช่วยบอกทางไปส่วนกลางของที่นี่ทีได้ไหม?”

    “หา?”

    “พอดีข้าเก็บของหายได้เลยจะเอาไปแจ้ง”

    “อ...อ้อ...ได้ๆ ตามข้ามาเลย  ข้านัดเพื่อนไว้ที่นั่นพอดี”

    “ขอบคุณ”

    หลังจากบทสนทนาสั้นๆจบลงอีกฝ่ายก็เริ่มนำทางเขาด้วยการเดิน...ไม่สิ...กระโดดนำออกไปจากตรอก  เป็นตอนนั้นเองที่เขาได้สังเกตอีกฝ่ายชัดๆ

    ถึงว่าทำไมโดนหาเรื่อง  ที่แท้ก็ปีศาจกระต่าย  พวกรักสันติเห็นๆ

    หลังจากเดินตามหลังอีกฝ่ายมาได้สักพัก  ในที่สุดอาคารสูงตระหง่านที่สร้างจากการนำหินมาก่อก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

    “ที่นี่ล่ะ”

    “ขอบคุณมาก”

    “อื้อ  ไม่เป็นไร  ก็เจ้าช่วยข้าไว้นี่นา  ข้าไปก่อนนะ”

    “ขอให้โชคดี”

    เซบมองส่งอีกฝ่ายครู่หนึ่งจึงได้หันกายเดินเข้าไปในตัวอาคาร  เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจที่ด้านนอกดูเบาลงทันตาเมื่อเสียงด้านในนี้ฟังดูดังยิ่งกว่า  อาจเพราะเป็นสถานที่ปิดด้วยส่วนหนึ่ง  แต่ถึงยังไงเสียงมันก็ยังฟังดูดังกว่าข้างนอกอยู่ดี...

    แวร์วูฟหนุ่มเบ้หน้ามองแถวยาวเหยียดของคนที่ทั้งทำของหายและเจอของหาย  พอเห็นแบบนี้แล้วเขาล่ะอยากจะหันหลังเดินออกจริงๆให้ตาย...

    ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปยืนอยู่ท้ายแถวที่ดูจะสั้นกว่ากันไม่กี่คน  แต่หลังจากทนยืนมองแผ่นหลังของคนข้างหน้าได้ไม่นานเขาก็เริ่มเบื่อ  เลื่อนสายตาไปทางซ้ายทีขวาทีจนสุดท้ายก็มองขึ้นด้านบน...

    อ้าว? ที่นี่เป็นอาคารเพดานสูงแฮะ...

    เขาคิดเล่นๆก่อนจะเลื่อนสายตาไปตามระเบียงทางเดินที่วนขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของตัวอาคาร  ตามผนังมีชั้นวางหลายร้อยหรือหลายพันชั้นตั้งเอาไว้สำหรับเก็บของ  มีอินคิวบัสและซัคคิวบัสที่มีหน้าที่ดูแลที่นี่เดินหาของกันอยู่ชั้นละสี่คน  แถมยังมีเชือกที่ใช้ส่งกระเช้าผูกระโยงระยางไปทั่ว  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้บดบังทัศนวิศัยที่จะมองลวดลายที่ถูกวาดไว้ที่เพดานของอาคารเลยแม้แต่น้อย

    “ไม่รับเรื่อง!?  หมายความว่าไง!!?”

    “ก็ของที่เจ้ามาฝากเรื่องมันอันตรายเกินไปนี่!!  อีกอย่างถ้ามีคนเก็บได้แล้วเอามาให้ที่นี่ก็โง่สุดๆไม่ก็เป็นคนดีสุดๆแล้ว!

    “ก็แค่ทับทิมที่มีลวดลายแปลกๆเจ้าจะอะไรนักหนา  หา!!!?” คนพูดเอ่ยพลางตบโต๊ะเสียงดังสนั่น

    “ที่เจ้าบอกมามันอัญมณีเวทไม่ใช่หรือไง!!  ไม่ใช่อัญมณีธรรมดานะเว้ย!!!

    “ฮึ่ย!!

    เสียงโวยวายที่ดังมาจากหัวแถวข้างๆเรียกความสนใจให้เซบต้องหันไปมองเหตุการณ์

    ที่หน้าโต๊ะรับเรื่องที่ถูกสร้างให้ยาวไปตลอดแนวปรากฏร่างของชายหนุ่มเส้นผมสีแดงแสบตามัดรวบยาวลงมาถึงเอว  มีส่วนปลายของเส้นผมเป็นสีส้มเพลิง  เท่าที่กะจากสายตาคิดว่าคงจะสูงกว่าเขาอยู่ซักประมาณหนึ่งช่วงหัว...

    ...ไอ้หมอนั่นจะสูงไปไหน...

    ขณะที่เซบแอบคิดแขวะอีกฝ่ายอยู่ในใจ  อีกฝ่ายเองก็เดินสวนออกมาพอดี

    “ชิ แค่นัยน์ตาปีศาจที่มีรูปร่างเป็นทับทิมนิดเดียวก็ไม่ได้  เวรเอ๊ย...”

    ฮะ? นัยน์ตาปีศาจ??  รูปร่างเหมือนทับทิม???

    เซบเลิกคิ้วขณะมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไป  มือที่ถืออัญมณีอยู่อดที่จะลูบมันเบาๆไม่ได้  สุดท้ายเขาก็ผละออกมาและตัดสินใจตามอีกฝ่ายไปแทน

    “เฮ้! เจ้าน่ะ!! เฮ้!!” เซบรีบตะโกนเรียกอีกฝ่ายเมื่อออกมาพ้นจากตัวอาคารส่วนกลาง  แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน  หรือไม่ก็ได้ยินแต่คิดว่าเรียกคนอื่น  ร่างของอีกฝ่ายจึงยังคงเดินลงส้นอย่างอารมณ์เสียต่อไป

    แวร์วูฟหนุ่มขมวดคิ้วแล้วรีบตามอีกฝ่ายต่อไป  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลี้ยวเข้าไปในร้านขายของร้านหนึ่งเซบจึงรีบเลี้ยวตามเข้าไปและเห็นอีกฝ่ายกำลังเลือกสร้อยขึ้นมาจากกองสร้อยหลายสิบเส้น

    เซบใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยังคงวุ่นอยู่กับการเลือกสร้อยแล้วสะกิด

    “เฮ้  เจ้าน่ะ”

    “หา?” หน้าบอกบุญไม่รับของอีกฝ่ายหันมามองเขา  เซบถึงได้เป็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ

    ถ้าพูดกันตามจริงอีกฝ่ายอาจเรียกได้ว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลาจนผู้ชายด้วยกันก็ยังอิจฉา  ไม่ว่าจะจมูกโด่งสัน  ดวงตาสีโลหิตเรียวคม  ริมฝีปากบางได้รูป  เมื่อประกอบกับรูปหน้าอีกฝ่ายก็หล่อเหลาจนสาวๆที่เห็นอาจหัวใจละลายเลยทีเดียว  ถึงแม้ว่าใบหน้าครึ่งซ้ายจะถูกเส้นผมปิดไปจนมองไม่เห็นก็เถอะ

    “แล้วสรุปว่าเจ้ามีอะไร?” อีกฝ่ายที่เห็นท่าทางเซบก็ขมวดคิ้วแล้วหันกลับมากอดอกมองเขาพลางพิงร่างเข้ากับโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง

    “อ...อ้อ...” เซบที่มัวแต่พิจารณาอีกฝ่ายได้สติ “เอ่อ...ข้าเจอนี่น่ะ  ของเจ้าหรือเปล่า??” เอ่ยพลางยื่นอัญมณีในมือไปให้อีกฝ่ายได้เห็นชัดๆ  และเมื่อนัยน์ตาสีโลหิตมองลงมายังสิ่งที่อยู่ในมือของเขา  อยู่ๆเซบก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างฟาดมือเขาป้าบหนึ่งแล้วก็ดึงเอาสิ่งที่อยู่ในมือข้างนั้นไปเฉย!

    “เฮ้ย!

    “ขอบใจก็แล้วกัน” อีกฝ่ายกล่าวเสียงเบาก่อนจะเลื่อนนัยน์ตาสีโลหิตสบกับนัยน์ตาสีทองของเซบ “เจ้าอยากให้ข้าตอบแทนเจ้ายังไง??”

    “ห...หา?  ไม่ๆ  ไม่ต้องตอบแทนก็ได้...”

    “เอาเถอะน่า  ข้าอยากตอบแทนที่เจ้าเอาของสำคัญมาคืน  สรุปว่าจะให้ข้าทำอะไรดี??”

    “เอ่อ...” เซบทำหน้านึกพลางมองไปรอบๆตัวที่...มีแต่ผนังกับชั้นวาง... เฮ้อ...ก็ตอนนี้เขาคิดไม่ออก  แถมไม่รู้ด้วยว่าจะให้อีกฝ่ายทำอะไร  ตอบปัดๆไปได้มั้ยเนี่ย??

    “ข้ายังคิดไม่ออก”

    “ไม่เป็นไร  งั้นข้าจะตามเจ้าไปเรื่อยๆจนกว่าเจ้าจะคิดออก”

    “หา!?”

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×