คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Devils V : เซย์กีส คูล โรเอล
Devils V : เซย์กีส คูล โรเอล
“เอ่อ...เซบ...หมอนี่ใคร?” วิเวียนขมวดคิ้วมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆเซบ ตรงข้ามกับพวกเธอ
“เอ่อ...” คนโดนถามกลอกตาไปมา สุดท้ายก็ใช้ศอกกระทุ้งคนที่นั่งข้างๆเบาๆเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายแนะนำตัวเอง เพราะอันที่จริงเขาก็ยังไม่รู้ชื่ออีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ...
นัยน์ตาสีโลหิตเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยมีโต๊ะไม้เป็นสิ่งกั้น
“ข้า เซย์กีส คูล โรเอล บุตรแห่งราชาปีศาจอินคิวบัสองค์ปัจจุบัน”
“...”
เมื่อได้ยินคำแนะนำตัวนั้น เซบและคลาร่าก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
นี่สรุปว่าตอนนี้โต๊ะของพวกเขามีราชนิกุลถึงสองคนเลยเรอะ!?
“แล้วสรุปว่าเจ้าคิดออกหรือยังว่าจะให้ข้าตอบแทนเจ้ายังไง??”
“ห...หา?” เซบกระพริบตาปริบๆเมื่อเจอคำถามของเซย์กีสที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมา
“ก็ที่เจ้าช่วยเอานัยน์ตาปีศาจมาคืนข้าไง”
“อ้อ...” เซบทำท่าทางเหมือนเพิ่งนึกออกก่อนจะหันไปทางเพื่อนๆที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “พวกเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”
“ฮะ? พวกข้าเหรอ??”
คลาร่าชี้ตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าวิเวียน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หันมาพูดพร้อมกันราวกับนัดกันมา “อาหาร!!!”
“ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะเอาโอกาสที่จะได้ใช้เจ้าชายอย่างข้าไปให้เพื่อนใช้นะเนี่ย”
“ก็ข้าคิดไม่ออกนี่ แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง เจ้าจะได้ไม่ต้องมานั่งผูกติดกับข้าด้วย”
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ...”
“หา? เจ้าพูดอะไรนะ??”
“เปล๊า!”
เซบมองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง แต่เมื่อดูแล้วดูอีกอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะพูดอะไรมาขยายความเขาก็ถอนหายใจเฮือกแล้วหันกลับมามองเส้นทางตรงหน้าที่ผู้คนเริ่มบางตาลง
“ว่าแต่ว่าเจ้าจะพาพวกข้าไปไหน?”
“ก็ไปหาอาหารไง”
“แต่แถวนี้ข้าไม่เห็นว่าจะมีร้านอาหารเลย”
“จุ๊ๆๆ” เซย์กีสยกมือขึ้นมาส่ายนิ้วเบาๆ เป็นเชิงว่า ‘เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยนะ’ “ข้ากำลังจะพาพวกเจ้าไปที่ร้านอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่เลยล่ะ”
เซบเลิกคิ้วขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเดินตามอีกฝ่ายต่อไปเงียบๆ เท่าที่สังเกต เขารู้สึกเหมือนว่าเซย์กีสจะกำลังอารมณ์เสียอยู่ยังไงก็ไม่รู้
เขาทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่าเนี่ย?
แวร์วูฟหนุ่มอดคิดไม่ได้ อันที่จริงเซย์กีสมีท่าทีไม่พอใจตั้งแต่เขาถามความเห็นของคลาร่ากับวิเวียนแล้ว สงสัยจริงๆว่าเซย์กีสรู้สึกไม่ถูกชะตากับสองคนนั้นหรือยังไงถึงได้แสดงสีหน้าเซ็งจิตขณะที่อยู่กับสองคนนั้นขนาดนั้น
เซบเหลือบมองไปทางเพื่อนสาวอีกสองคนที่เดินตามอยู่ด้านหลัง เหมือนว่าจะตื่นเต้นจนไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างเลยสักนิด ช่างน่ายินดีจริงๆ เกิดอะไรขึ้นเขาสัญญาว่าจะเอาตัวรอดไปคนเดียว ส่วนสองคนนั้นไปหาทางหนีเอาเองแล้วกัน...
แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรองหน้าเขาก็ทำให้นัยน์ตาสีทองทำได้แค่เบิกกว้างขึ้น
อาคารขนาดใหญ่ตรงหน้าสร้างด้วยหินแร่สีนิลทั้งหลัง ถูกประดับด้วยอัญมณีสีแดงชาดที่แค่มองก็รู้ว่าเป็นอัญมณีเวท ทั้งยังสร้างด้วยรูปแบบอาคารที่หรูหราคล้ายกับพระราชวังในรูปที่เขาเคยเห็นในหนังสือ ทั้งยังมีปีศาจในชุดเครื่องแบบหลายสิบตนยืนประจำตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าประตู หรือแม้แต่ตามระเบียงทางเดิน
“ที่นี่...” เซบได้แต่ยืนอึ้ง เช่นเดียวกับคลาร่าและวิเวียนที่เดินตามมา ขณะที่เซย์กีสกลับเดินผ่านประตูรั้วเข้าไปด้วยท่าทางสบายๆ
“เอ้า! ไม่เข้ามาล่ะ??” อินคิวบัสหนุ่มกล่าวเมื่อหันมาแล้วพบว่าทั้งสามคนยังคงยืนอยู่นอกรั้วทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะก้าวเท้าผ่านเข้ามาด้านในเลยสักนิด
“ข...เข้าไป..?” วิเวียนเอ่ยพลางยกมือขึ้นชี้เข้าไปทางสิ่งก่อสร้างตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ใครเห็นใครก็ต้องขำ ถึงแม้ว่าตอนนี้เพื่อนอีกสองคนจะมีสีหน้าไม่ต่างกันก็เถอะ...
“ใช่” เซย์กีสพยักหน้า แต่พอเหลือบไปมองทางอีกสองคนที่มีสีหน้าไม่ต่างไปจากวิเวียนเขาก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะก้าวขายาวๆเข้ามาแล้วดึงมือเซบลากเข้ามา
“เฮ้ย! เดี๋ยว!! เฮ้! ฟังข้าอยู่หรือเปล่า!?”
“ก็จะให้ข้าเลี้ยงข้าวไม่ใช่หรือไง เข้ามาสิ พวกเจ้าสองคนก็ด้วย” พูดจบก็ดึงมือของเซบให้เดินตามตนไป เซบเลยต้องหันไปดึงมือคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆอย่างคลาร่าให้ตามมาแล้วคลาร่าก็หันไปดึงวิเวียนให้ตามมาอีกทอดจนเกิดภาพเหมือนเด็กเล็กกำลังเดินขบวนเตรียมจะไปเล่นซนด้วยกัน มันช่างเป็นภาพที่...อา...ช่างมันเถอะ...
“ท่านพ่อ!” เซย์กีสจัดการผลักประตูบานยักษ์ออกผางอย่างไม่มีเกรงใจคนที่นั่งอยู่ด้านใน
“เซย์ เจ้าทำอะไรของเจ้า?” ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์เอ่ยถามขณะที่ยังคงนั่งยกขาไขว่ห้าง ทั้งยังยกมือข้างหนึ่งขึ้นท้าวอยู่ข้างแก้มขณะที่ใช้นัยน์ตาสีโลหิตมองมายังเซย์กีสที่ลากพวกเซบเข้ามา แต่เมื่อทั้งสามคนได้เห็นหน้าของผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ชัดๆก็ต้องนิ่งไปด้วยใบหน้าหล่อเหลาคมคายของผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นแทบจะแยกไม่ออกกับเซย์กีสที่ยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะพูดถึงความต่างจริงๆก็คงจะเป็นเส้นผมสีแดงสดที่ถูกเสยขึ้นไปเผยเขางอโค้งทั้งสองข้างเรียวม้วนสูงขึ้นไปอยู่เหนือหน้าผากให้ได้เห็น
“แล้วนั่นเจ้าพาแวร์วูฟมางั้นเหรอ...” ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หรี่นัยน์ตาสีเลือดลงขณะที่มองสำรวจเซบ ไม่ว่าจะอย่างไร สำหรับอินคิวบัส มีปีศาจอยู่สองสายพันธุ์ที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะญาติดีด้วย หนึ่งคือแวมไพร์ และอีกหนึ่งก็คือพวกหมาป่านี่แหละ
“ท่านพ่อ เลิกคิดมากเถอะน่า” เซย์กีสเอ่ยด้วยสีหน้าหน่ายๆ “พวกเขาเป็นเพื่อนข้านะ”
“หึ! แล้วเจ้าพาเพื่อนมาทำไมไม่ทราบ?”
“ข้าจะพามาเลี้ยงข้าว”
“หา?”
คราวนี้ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มาโดยตลอดผุดลุกขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาหาเซย์กีสด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่? เซย์กีส คูล โรเอล?”
“ท่านพ่อ ก็พวกเขาช่วยเอาของสิ่งนี้มาคืนข้า จะให้ข้าไม่ตอบแทนพวกเขาหรือไง?” เอ่ยพลางหยิบอัญมณีสีเลือดออกมาให้ผู้เป็นบิดาได้เห็น และเพียงแค่อีกฝ่ายได้เห็นอัญมณีเม็ดนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาทางพวกเซบที่แทบจะทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะลีบได้
หลังจากมองสำรวจทั้งสามจนมั่นใจว่าถ้าเกิดอันตรายอะไรเขาจะสามารถป้องกันได้แน่แล้วก็หันกลับมาพูดกับเซย์กีสอีกครั้ง “แค่อาหารมื้อเดียวเท่านั้น”
ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าเป็นผู้นำของเผ่าปีศาจแฝงฝันเสียเองที่ชวนพวกเขาคุยอย่างสนุกปาก โดยเฉพาะเรื่องของโลกภายนอก
รู้สึกว่าตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์มาจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายจนอีกฝ่ายไม่ได้ออกไปไหน ต้องหัวหมุนคิดหาทางแก้ปัญหาจนแทบไม่มีเวลาพัก
“แล้วเดี๋ยวนี้พวกนางไม้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
“เดี๋ยวนี้หรือ? ข้าว่าเดี๋ยวนี้พวกนางดูน่าคบค้าสมาคมด้วยมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีกนะ” เซบเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะหันมายกชาขึ้นจิบเล็กน้อย “พวกนางกลายเป็นเหมือนเวทสื่อสาร เดี๋ยวนี้การติดต่อกับคนที่อยู่ไกลๆสะดวกขึ้นมากเพราะพวกนาง”
“ไม่น่าเชื่อว่าพวกนางไม้ที่จู้จี้จุกจิกจะกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารไปแล้วนะ” ราชาอินคิวบัสเอ่ยก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
ก็อย่างที่เห็น บุคคลสองคนที่ทำท่าว่าจะไม่มีทางญาติดีกันได้ ตอนนี้กลับคุยกันได้อย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม แถมยังดูจะคุยกันรู้เรื่องและถูกคอซะจนอีกสามคนต้องนั่งมองตาปริบๆ
“ไหนตอนแรกทำท่าทางเหมือนเกลียดแวร์วูฟเข้าไส้แล้วไหงตอนนี้เป็นแบบนี้อ่ะ?”คลาร่าหันมากระซิบกับวิเวียนที่นั่งอยู่ข้างๆพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องปาก
“ไม่รู้สิ...” วิเวียนมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นความสามารถของเซบที่ไม่ว่าใครก็คงคาดไม่ถึง ความสามารถที่จะเข้ากับคนแก่ เอ้ย! คนที่มีอายุมากกว่าได้ต่างหาก!
เซย์เองก็ทำได้แค่มองภาพบิดาของตนเองพูดคุยกับเผ่าพันธุ์ที่เจ้าตัวเคยออกปากว่าเกลียดสุดๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ถึงแม้ว่ามือจะยังสามารถยกถ้วยชาขึ้นมาจรดริมฝีปากได้เป็นพักๆ แต่สายตาของเขายังแทบไม่ได้ละออกจากการพูดคุยตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
‘พวกเขาเข้ากันได้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคลาร่า?’
“ก็ใช่อยู่หรอก แต่ว่ามัน...เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ?? เมื่อกี้เจ้าพูดเหรอวิเวียน?”
“หา? ข้าพูดอะไร??” วิเวียนที่นั่งอยู่ข้างๆส่งสีหน้างงงวยมาให้จนคลาร่าที่เผลอพูดโต้ตอบกับ ‘อะไรบางอย่าง’ ขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้วิเวียน อย่าล้อข้าเล่นสิ เจ้าเป็นคนพูดใช่ม้า ~” เสียงที่มังกรไฟสาวใช้พูดสั่นน้อยๆ
“ข้าเปล่านะ”
“ฮะๆ...ฮ่าๆๆ...อย่าล้อเล่นกันแบบนี้ซี่~ เจ้าเป็นคนพูดไม่ผิดแน่อยู่แล้ว~” คลาร่าพูดไปพลางก็ยกมือขึ้นตบหลังวิเวียนไปด้วยจนคนโดนตบหลังต้องขมวดคิ้วเพราะแรงที่กระแทกเอาๆลงบนหลังของตัวเองมันทำเอาตัวเธอโยกไปตามแรง จนชาในถ้วยที่อยู่ในมือของเธอแทบกระฉอกออกมาเสียหลายที และเดี๋ยวอีกซักพักก็คงจะเกิดเหตุการณ์...
“แกจะตบหลังฉันอะไรเยอะแยะยะ!!!?”
วิเวียนวีนแตก...
ทุกคนที่กำลังคุย กำลังกิน หรือจะทำอะไรก็ช่างในบริเวณนั้นชะงักกึก ก่อนจะหันมามองผู้ควบคุมผึ้งเป็นตาเดียว
‘วิเวียน เวลาเจ้าอารมณ์เสียก็น่ากลัวเหมือนกันนะ’
และเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้ทุกคนพากันหันมามองต้นเสียง....คลาร่า...?
“เสียงเจ้าแมนขึ้น?” วิเวียนที่เมื่อกี้กำลังหางตาชี้ขึ้นด้วยแรงอารมณ์กลับกลายมาเป็นมองคลาร่าที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างฉงน ส่วนคนโดนพูดเป็นเชิงถามใส่ก็ได้แต่ทำหน้าเลิกลัก สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะขึ้นมาอีก
คราวนี้เสียงมันยาวมากพอให้คลาร่าหาต้นเสียงบนร่างเธอจนพบ สร้อย...โซ่ข้อมือที่เธอได้จากคาร์เซล ตอนนี้กำลังส่องแสงสีเงินเรืองๆออกมา และเมื่อเสียงนั้นเงียบลงแสงนั้นก็จางหายไป
“คาร์...เซล...?” นานกว่าคลาร่าจะหาเสียงเจอ เธอทำหน้าเหวอใส่สิ่งที่อยู่บนข้อมือตัวเอง ก่อนที่นัยน์ตาสีทับทิมของเธอจะค่อยๆขยับขึ้นมองทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ...คลาร่า เข้าว่าไปหาที่คุยกับเขาก่อนดีไหม?” เซบชี้ไปยังโซ่ที่ติดอยู่ที่ข้อมือของคลาร่าพลางยิ้มแหย
“ข...ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน...” พุดจบคลาร่าก็ลุกออกไปจากโต๊ะเพื่อหาที่สงบๆคุยกับพ่อหนุ่มพัศดี
“นั่นมันคือ...?” เซย์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเซบหันมาเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงนหลังจากที่คลาร่าเดินหลบเข้าไปด้านในราชวัง เซบที่โดนเจาะจงถามหัวเราะเบาๆแล้วหันไปมองต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาพวกเขา
“ข้าว่า พวกเรามาหาเรื่องอื่นคุยกันดีกว่า”
“หา?”
“อย่างเช่นว่า...วิธีการจัดสวน??”
“นี่เจ้าปกติดีหรือเปล่าเนี่ย....” เซย์ที่เจอวิธีการเปลี่ยนเรื่องแบบดื้อๆของเซบทำหน้าเซ็งใส่ หลังจากนั้นก็ทำท่าจะตอบคำถามที่คิดส่งๆไปอย่างนั้นของเซบอย่างจริงจัง
ทว่า ขณะที่เซย์ทำท่าจะอ้าปากตอบอยู่นั่นเอง เสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากทางด้านนอกกำแพงพระราชวัง!!!
“เกิดอะไรขึ้น!!?” เซย์กีสผุดลุกขึ้นในทันที ใบหน้าหล่อคมบัดนี้ปรากฏแววเครียดขึง ขณะที่นัยน์ตาสีโลหิตที่ปรากฏออกมาให้เห็นเพียงข้างเดียวปรากฏแววตื่นตระหนกขณะที่กวาดมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
เซบเองก็รีบวางถ้วยชาในมือลงก่อนที่เขาจะเผลอทำมันตกแตก นัยน์ตาสีทองกวาดมองรอบๆ ขณะที่ลอบกางกรงเล็บออกมาเพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีอยู่ทุกเมื่อ
จะมีก็เพียงองค์ราชาแห่งชนเผ่าแฝงฝันที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีแม้ท่าทีแตกตื่น ที่สำคัญที่สุด อีกฝ่ายยังยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วยกชาขึ้นจิบอีกต่างหาก...
แต่คนที่ดูจะตกใจที่สุดเห็นทีจะเป็นวิเวียนที่ไม่เคยต้องเจอเรื่องอย่างการโจมตีแบบไม่ให้ตั้งตัว เธอถึงได้มุดลงไปซ่อนที่ใต้โต๊ะ...
ทันใดนั้นเอง เงาร่างสีดำหลายสิบร่างก็กระโดดข้ามกำแพงเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างไม่มีหยุดคิด!!!
เห็นดังนั้นเซบที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปกลางวงล้อม ขณะที่เซย์ขยับตัวตั้งหลักเพื่อเตรียมร่ายเวทขณะที่ราชาปีศาจอินคิวบัสทำเพียงแค่นั่งมอง
กรงเล็บคมกริบถูกวาดเข้าใส่ผู้บุกรุกอย่างไร้ความปราณี เลือดสีสดสาดกระจายออกมาเปรอะร่างและเส้นผมสีเงินส่งกลิ่นคาวปนหวานออกมาจนราชาปีศาจอินคิวบัสที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ต้องชะงักและขมวดคิ้วแน่น นัยน์ตาสีเลือดเหลือบมองซากผู้บุกรุกที่กระเด็นมาอยู่ใกล้ๆอย่างชั่งใจ ก่อนจะใช้เวทกระชากผ้าคลุมหน้าของร่างที่แน่นิ่งนั้นจนหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่อาจจะคมคายหากว่าตอนนี้ไม่ปรากฏรอยแผลที่เกิดจากกรงเล็บของเซบ
เซย์เองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ามนุษย์หมาป่าหนุ่ม เขาร่ายเวทด้วยความเร็วที่อาจเรียกได้ว่าเหนือแสง และทันทีที่วงเวทปรากฏขึ้นบนอากาศตรงหน้าเขา เพียงแค่สะบัดฝ่ามือออกไป ศรเวทสีแดงสดหลายสิบดอกก็พุ่งออกมาจากวงเวทเข้าเชือดเฉือนร่างของผู้บุกรุกได้หลายร่าง
จำนวนของผู้บุกรุกลดลงอย่างรวดเร็วด้วนฝีมือของสองหนุ่ม และเมื่อเหลือผู้บุกรุกอยู่อีกไม่ถึงสิบคนนั่นเอง ราชาปีศาจอินคิวบัสที่นั่งนิ่งมาโดยตลอดก็เริ่มขยับ เขาลุกขึ้นยืนช้าๆอย่างใจเย็น และเพียงแค่สะกิดเท้าเบาๆร่างสูงสง่าของราชาปีศาจอินคิวบัสก็หายไปจากจุดเดิมและปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าร่างของผู้บุกรุกคนหนึ่ง
“ผู้บงการเจ้าคือใคร” เสียงเย็นเยียบถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปาก นัยน์ตาสีโลหิตราวกับสามารถเรืองแสงสีแดงเรืองรองออกมาข่มขวัญผู้ที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นร่างของผู้บุกรุกที่เหลือทั้งหมดก็ทรุดลงกับพื้นรากับถูกกดปิดสวิตช์ เหลือไว้เพียงผู้บุกรุกที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นที่ยังคงมีสติ แต่ร่างทั้งร่างกลับสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวจากแรงกดดันของร่างตรงหน้า
“ว่ายังไง” นัยน์ตาสีเลือดหรี่ลงขณะที่แผ่แรงกดดันออกมามากกว่าเดิม
“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า!!”
“สามหาว!” เซย์ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่โพล่งออกไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอ่ยวาจาลบหลู่บิดาตนเอง เขาทำท่าจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย ทว่าเขาก็ต้องชะงักร่างอยู่กับที่เมื่อถูกดวงตาเรืองอำนาจของบิดามองมา
“ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าพูด เซย์” เสียงเย็นเยียบถูกเอ่ยออกมาเบาๆ แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบด้านราวกับเย็นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุจนเซบที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นรู้สึกหนาวสันหลัง
“ขออภัย....” เซย์ก้มหน้าลงรับคำกล่าวนั้น แต่ผู้เป็นบิดาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมามากไปกว่านั้น เขาหันกลับไปหาร่างที่อยู่ภายใต้ชุดสีดำตรงหน้าและเอ่ยคำถามเดิมซ้ำด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบกว่าเดิม
“ใครเป็นผู้ส่งเจ้ามา”
“ข...ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า!!!” แม้เสียงที่ตอบจะสั่น ทว่าคำตอบกลับยังคงยืนยันคำเดิมได้อย่างน่านับถือ
ผู้ที่ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการได้ยินดังนั้นก็เผยยิ้มแสยะที่ทำให้ผู้เห็นขนลุกชันจนต้องก้าวถอยหลัง ทว่ายังไม่ทันได้เคลื่อนไหวไปมากกว่าสองก้าว พลังเวทเข้มข้นก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างสูงสง่าขององค์ราชา มันค่อยๆจับตัวกลายเป็นใบมีดเสี้ยวจันทร์สีเลือดทีละอันๆ จนปรากฏวงมีดเสี้ยวจันทร์กว่าสิบใบขึ้นกลางอากาศ และเพียงแค่เขากระทบเท้าเบาๆลงกับพื้นก็ราวกับเกิดเสียงก้องกังวานใสดังไปทั่วบริเวณ และเป็นตอนนั้นเองที่ใบมีดเสี้ยวจันทร์หมุนควงพุ่งเข้าไปหาร่างผู้บุกรุกและเชือดร่างอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่เกินกว่าใครจะมองทัน หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เองก็ยังไม่รู้สึก
ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ร่างของผู้บุกรุกคนนั้นจะขยับเบาๆ แต่เพียงแค่นั้นกลับทำให้ร่างของอีก
เซบรีบเบือนหน้าหนีภาพน่าสยดสยองนั้นทันที นี่เขาว่าสภาพศพที่เขาทำไว้ไม่น่ามองแล้ว แต่นั่นดูจะน่าสยองกว่าเขาเยอะแบบที่เรียกได้ว่าเทียบไม่ติด...
“ข้าคิดว่าเรายังไม่ควรฆ่ามัน” เซย์เอ่ยขณะที่เดินเข้าไปหาผู้เป็นบิดา
“ไม่จำเป็น ถ้าทำถึงขนาดนี้มันยังไม่พูด ปล่อยทิ้งเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์” ราชาปีศาจแห่งเผ่าปีศาจแฝงฝันกล่าวเสียงเรียบแล้วเดินสวนกลับมาทางเซย์กีส “เซย์กีส คูล โรเอล ข้าขอออกคำสั่งในฐานะราชาปีศาจแห่งเผ่าปีศาจแฝงฝัน...”
เซย์กีสที่ถูกออกคำสั่งรีบคุกเข่าลงรับคำสั่งจากองค์ราชา
“จงตามหาตัวผู้บงการเหตุการณ์ครั้งนี้ แล้วจับมันกลับมา หากเป็นไปได้ข้าต้องการให้จับเป็น แต่ถ้าไม่ ฆ่าได้ทันที!”
“น้อมรับคำสั่ง”
B B
ความคิดเห็น