ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devils เรื่องนี้ปีศาจครอง!

    ลำดับตอนที่ #7 : Devils V : เซย์กีส คูล โรเอล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      1
      11 เม.ย. 58

    Devils V : เซย์กีส คูล โรเอล

     

    “เอ่อ...เซบ...หมอนี่ใคร?” วิเวียนขมวดคิ้วมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆเซบ  ตรงข้ามกับพวกเธอ

    “เอ่อ...” คนโดนถามกลอกตาไปมา  สุดท้ายก็ใช้ศอกกระทุ้งคนที่นั่งข้างๆเบาๆเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายแนะนำตัวเอง  เพราะอันที่จริงเขาก็ยังไม่รู้ชื่ออีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ...

    นัยน์ตาสีโลหิตเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยมีโต๊ะไม้เป็นสิ่งกั้น

    “ข้า  เซย์กีส  คูล  โรเอล  บุตรแห่งราชาปีศาจอินคิวบัสองค์ปัจจุบัน”

    “...”

    เมื่อได้ยินคำแนะนำตัวนั้น  เซบและคลาร่าก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน

    นี่สรุปว่าตอนนี้โต๊ะของพวกเขามีราชนิกุลถึงสองคนเลยเรอะ!?

    “แล้วสรุปว่าเจ้าคิดออกหรือยังว่าจะให้ข้าตอบแทนเจ้ายังไง??”

    “ห...หา?” เซบกระพริบตาปริบๆเมื่อเจอคำถามของเซย์กีสที่อยู่ๆก็ถามขึ้นมา

    “ก็ที่เจ้าช่วยเอานัยน์ตาปีศาจมาคืนข้าไง”

    “อ้อ...” เซบทำท่าทางเหมือนเพิ่งนึกออกก่อนจะหันไปทางเพื่อนๆที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  “พวกเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

    “ฮะ? พวกข้าเหรอ??”

    คลาร่าชี้ตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าวิเวียน  หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หันมาพูดพร้อมกันราวกับนัดกันมา “อาหาร!!!

     

    “ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะเอาโอกาสที่จะได้ใช้เจ้าชายอย่างข้าไปให้เพื่อนใช้นะเนี่ย”

    “ก็ข้าคิดไม่ออกนี่  แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง  เจ้าจะได้ไม่ต้องมานั่งผูกติดกับข้าด้วย”

    “ช่างน่าเสียดายจริงๆ...”

    “หา?  เจ้าพูดอะไรนะ??”

    “เปล๊า!

    เซบมองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง  แต่เมื่อดูแล้วดูอีกอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะพูดอะไรมาขยายความเขาก็ถอนหายใจเฮือกแล้วหันกลับมามองเส้นทางตรงหน้าที่ผู้คนเริ่มบางตาลง

    “ว่าแต่ว่าเจ้าจะพาพวกข้าไปไหน?”

    “ก็ไปหาอาหารไง”

    “แต่แถวนี้ข้าไม่เห็นว่าจะมีร้านอาหารเลย”

    “จุ๊ๆๆ” เซย์กีสยกมือขึ้นมาส่ายนิ้วเบาๆ เป็นเชิงว่า เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยนะ’  “ข้ากำลังจะพาพวกเจ้าไปที่ร้านอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่เลยล่ะ”

    เซบเลิกคิ้วขึ้น  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเดินตามอีกฝ่ายต่อไปเงียบๆ  เท่าที่สังเกต  เขารู้สึกเหมือนว่าเซย์กีสจะกำลังอารมณ์เสียอยู่ยังไงก็ไม่รู้

    เขาทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่าเนี่ย?

    แวร์วูฟหนุ่มอดคิดไม่ได้  อันที่จริงเซย์กีสมีท่าทีไม่พอใจตั้งแต่เขาถามความเห็นของคลาร่ากับวิเวียนแล้ว  สงสัยจริงๆว่าเซย์กีสรู้สึกไม่ถูกชะตากับสองคนนั้นหรือยังไงถึงได้แสดงสีหน้าเซ็งจิตขณะที่อยู่กับสองคนนั้นขนาดนั้น

    เซบเหลือบมองไปทางเพื่อนสาวอีกสองคนที่เดินตามอยู่ด้านหลัง  เหมือนว่าจะตื่นเต้นจนไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างเลยสักนิด  ช่างน่ายินดีจริงๆ  เกิดอะไรขึ้นเขาสัญญาว่าจะเอาตัวรอดไปคนเดียว  ส่วนสองคนนั้นไปหาทางหนีเอาเองแล้วกัน...

    แต่แล้วสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรองหน้าเขาก็ทำให้นัยน์ตาสีทองทำได้แค่เบิกกว้างขึ้น

    อาคารขนาดใหญ่ตรงหน้าสร้างด้วยหินแร่สีนิลทั้งหลัง  ถูกประดับด้วยอัญมณีสีแดงชาดที่แค่มองก็รู้ว่าเป็นอัญมณีเวท  ทั้งยังสร้างด้วยรูปแบบอาคารที่หรูหราคล้ายกับพระราชวังในรูปที่เขาเคยเห็นในหนังสือ  ทั้งยังมีปีศาจในชุดเครื่องแบบหลายสิบตนยืนประจำตำแหน่ง  ไม่ว่าจะเป็นหน้าประตู  หรือแม้แต่ตามระเบียงทางเดิน

    “ที่นี่...” เซบได้แต่ยืนอึ้ง  เช่นเดียวกับคลาร่าและวิเวียนที่เดินตามมา  ขณะที่เซย์กีสกลับเดินผ่านประตูรั้วเข้าไปด้วยท่าทางสบายๆ

    “เอ้า! ไม่เข้ามาล่ะ??” อินคิวบัสหนุ่มกล่าวเมื่อหันมาแล้วพบว่าทั้งสามคนยังคงยืนอยู่นอกรั้วทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะก้าวเท้าผ่านเข้ามาด้านในเลยสักนิด

    “ข...เข้าไป..?” วิเวียนเอ่ยพลางยกมือขึ้นชี้เข้าไปทางสิ่งก่อสร้างตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ใครเห็นใครก็ต้องขำ  ถึงแม้ว่าตอนนี้เพื่อนอีกสองคนจะมีสีหน้าไม่ต่างกันก็เถอะ...

    “ใช่” เซย์กีสพยักหน้า  แต่พอเหลือบไปมองทางอีกสองคนที่มีสีหน้าไม่ต่างไปจากวิเวียนเขาก็เลิกคิ้วขึ้น  ก่อนจะก้าวขายาวๆเข้ามาแล้วดึงมือเซบลากเข้ามา

    “เฮ้ย! เดี๋ยว!! เฮ้! ฟังข้าอยู่หรือเปล่า!?”

    “ก็จะให้ข้าเลี้ยงข้าวไม่ใช่หรือไง  เข้ามาสิ  พวกเจ้าสองคนก็ด้วย” พูดจบก็ดึงมือของเซบให้เดินตามตนไป  เซบเลยต้องหันไปดึงมือคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆอย่างคลาร่าให้ตามมาแล้วคลาร่าก็หันไปดึงวิเวียนให้ตามมาอีกทอดจนเกิดภาพเหมือนเด็กเล็กกำลังเดินขบวนเตรียมจะไปเล่นซนด้วยกัน  มันช่างเป็นภาพที่...อา...ช่างมันเถอะ...

    “ท่านพ่อ!” เซย์กีสจัดการผลักประตูบานยักษ์ออกผางอย่างไม่มีเกรงใจคนที่นั่งอยู่ด้านใน

    “เซย์  เจ้าทำอะไรของเจ้า?” ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์เอ่ยถามขณะที่ยังคงนั่งยกขาไขว่ห้าง  ทั้งยังยกมือข้างหนึ่งขึ้นท้าวอยู่ข้างแก้มขณะที่ใช้นัยน์ตาสีโลหิตมองมายังเซย์กีสที่ลากพวกเซบเข้ามา  แต่เมื่อทั้งสามคนได้เห็นหน้าของผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ชัดๆก็ต้องนิ่งไปด้วยใบหน้าหล่อเหลาคมคายของผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นแทบจะแยกไม่ออกกับเซย์กีสที่ยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย  ถ้าจะพูดถึงความต่างจริงๆก็คงจะเป็นเส้นผมสีแดงสดที่ถูกเสยขึ้นไปเผยเขางอโค้งทั้งสองข้างเรียวม้วนสูงขึ้นไปอยู่เหนือหน้าผากให้ได้เห็น

    “แล้วนั่นเจ้าพาแวร์วูฟมางั้นเหรอ...” ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หรี่นัยน์ตาสีเลือดลงขณะที่มองสำรวจเซบ  ไม่ว่าจะอย่างไร  สำหรับอินคิวบัส  มีปีศาจอยู่สองสายพันธุ์ที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะญาติดีด้วย  หนึ่งคือแวมไพร์  และอีกหนึ่งก็คือพวกหมาป่านี่แหละ

    “ท่านพ่อ เลิกคิดมากเถอะน่า” เซย์กีสเอ่ยด้วยสีหน้าหน่ายๆ “พวกเขาเป็นเพื่อนข้านะ”

    “หึ! แล้วเจ้าพาเพื่อนมาทำไมไม่ทราบ?”

    “ข้าจะพามาเลี้ยงข้าว”

    “หา?”

    คราวนี้ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มาโดยตลอดผุดลุกขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาหาเซย์กีสด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่? เซย์กีส คูล โรเอล?”

    “ท่านพ่อ  ก็พวกเขาช่วยเอาของสิ่งนี้มาคืนข้า  จะให้ข้าไม่ตอบแทนพวกเขาหรือไง?” เอ่ยพลางหยิบอัญมณีสีเลือดออกมาให้ผู้เป็นบิดาได้เห็น  และเพียงแค่อีกฝ่ายได้เห็นอัญมณีเม็ดนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะหันมาทางพวกเซบที่แทบจะทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะลีบได้

    หลังจากมองสำรวจทั้งสามจนมั่นใจว่าถ้าเกิดอันตรายอะไรเขาจะสามารถป้องกันได้แน่แล้วก็หันกลับมาพูดกับเซย์กีสอีกครั้ง “แค่อาหารมื้อเดียวเท่านั้น”

     

    ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าเป็นผู้นำของเผ่าปีศาจแฝงฝันเสียเองที่ชวนพวกเขาคุยอย่างสนุกปาก  โดยเฉพาะเรื่องของโลกภายนอก

    รู้สึกว่าตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์มาจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายจนอีกฝ่ายไม่ได้ออกไปไหน  ต้องหัวหมุนคิดหาทางแก้ปัญหาจนแทบไม่มีเวลาพัก

    “แล้วเดี๋ยวนี้พวกนางไม้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

    “เดี๋ยวนี้หรือ?  ข้าว่าเดี๋ยวนี้พวกนางดูน่าคบค้าสมาคมด้วยมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีกนะ” เซบเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะหันมายกชาขึ้นจิบเล็กน้อย “พวกนางกลายเป็นเหมือนเวทสื่อสาร  เดี๋ยวนี้การติดต่อกับคนที่อยู่ไกลๆสะดวกขึ้นมากเพราะพวกนาง”

    “ไม่น่าเชื่อว่าพวกนางไม้ที่จู้จี้จุกจิกจะกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารไปแล้วนะ” ราชาอินคิวบัสเอ่ยก่อนจะส่งเสียงหัวเราะเบาๆ

    ก็อย่างที่เห็น  บุคคลสองคนที่ทำท่าว่าจะไม่มีทางญาติดีกันได้  ตอนนี้กลับคุยกันได้อย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม  แถมยังดูจะคุยกันรู้เรื่องและถูกคอซะจนอีกสามคนต้องนั่งมองตาปริบๆ

    “ไหนตอนแรกทำท่าทางเหมือนเกลียดแวร์วูฟเข้าไส้แล้วไหงตอนนี้เป็นแบบนี้อ่ะ?”คลาร่าหันมากระซิบกับวิเวียนที่นั่งอยู่ข้างๆพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องปาก

    “ไม่รู้สิ...” วิเวียนมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ  เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นความสามารถของเซบที่ไม่ว่าใครก็คงคาดไม่ถึง  ความสามารถที่จะเข้ากับคนแก่  เอ้ย! คนที่มีอายุมากกว่าได้ต่างหาก!

    เซย์เองก็ทำได้แค่มองภาพบิดาของตนเองพูดคุยกับเผ่าพันธุ์ที่เจ้าตัวเคยออกปากว่าเกลียดสุดๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี  ถึงแม้ว่ามือจะยังสามารถยกถ้วยชาขึ้นมาจรดริมฝีปากได้เป็นพักๆ  แต่สายตาของเขายังแทบไม่ได้ละออกจากการพูดคุยตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

    พวกเขาเข้ากันได้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคลาร่า?

    “ก็ใช่อยู่หรอก  แต่ว่ามัน...เอ๊ะ?  เดี๋ยวนะ??  เมื่อกี้เจ้าพูดเหรอวิเวียน?”

    “หา? ข้าพูดอะไร??” วิเวียนที่นั่งอยู่ข้างๆส่งสีหน้างงงวยมาให้จนคลาร่าที่เผลอพูดโต้ตอบกับ อะไรบางอย่างขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    “เฮ้วิเวียน  อย่าล้อข้าเล่นสิ  เจ้าเป็นคนพูดใช่ม้า ~” เสียงที่มังกรไฟสาวใช้พูดสั่นน้อยๆ

    “ข้าเปล่านะ”

    “ฮะๆ...ฮ่าๆๆ...อย่าล้อเล่นกันแบบนี้ซี่~  เจ้าเป็นคนพูดไม่ผิดแน่อยู่แล้ว~” คลาร่าพูดไปพลางก็ยกมือขึ้นตบหลังวิเวียนไปด้วยจนคนโดนตบหลังต้องขมวดคิ้วเพราะแรงที่กระแทกเอาๆลงบนหลังของตัวเองมันทำเอาตัวเธอโยกไปตามแรง  จนชาในถ้วยที่อยู่ในมือของเธอแทบกระฉอกออกมาเสียหลายที  และเดี๋ยวอีกซักพักก็คงจะเกิดเหตุการณ์...

    “แกจะตบหลังฉันอะไรเยอะแยะยะ!!!?”

    วิเวียนวีนแตก...

    ทุกคนที่กำลังคุย  กำลังกิน  หรือจะทำอะไรก็ช่างในบริเวณนั้นชะงักกึก  ก่อนจะหันมามองผู้ควบคุมผึ้งเป็นตาเดียว

    วิเวียน เวลาเจ้าอารมณ์เสียก็น่ากลัวเหมือนกันนะ

    และเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกรอบ  คราวนี้ทุกคนพากันหันมามองต้นเสียง....คลาร่า...?

    “เสียงเจ้าแมนขึ้น?” วิเวียนที่เมื่อกี้กำลังหางตาชี้ขึ้นด้วยแรงอารมณ์กลับกลายมาเป็นมองคลาร่าที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างฉงน  ส่วนคนโดนพูดเป็นเชิงถามใส่ก็ได้แต่ทำหน้าเลิกลัก  สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะขึ้นมาอีก

    คราวนี้เสียงมันยาวมากพอให้คลาร่าหาต้นเสียงบนร่างเธอจนพบ  สร้อย...โซ่ข้อมือที่เธอได้จากคาร์เซล  ตอนนี้กำลังส่องแสงสีเงินเรืองๆออกมา  และเมื่อเสียงนั้นเงียบลงแสงนั้นก็จางหายไป

    “คาร์...เซล...?” นานกว่าคลาร่าจะหาเสียงเจอ  เธอทำหน้าเหวอใส่สิ่งที่อยู่บนข้อมือตัวเอง  ก่อนที่นัยน์ตาสีทับทิมของเธอจะค่อยๆขยับขึ้นมองทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ

    “เอ่อ...คลาร่า  เข้าว่าไปหาที่คุยกับเขาก่อนดีไหม?” เซบชี้ไปยังโซ่ที่ติดอยู่ที่ข้อมือของคลาร่าพลางยิ้มแหย

    “ข...ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน...” พุดจบคลาร่าก็ลุกออกไปจากโต๊ะเพื่อหาที่สงบๆคุยกับพ่อหนุ่มพัศดี

    “นั่นมันคือ...?” เซย์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเซบหันมาเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงนหลังจากที่คลาร่าเดินหลบเข้าไปด้านในราชวัง  เซบที่โดนเจาะจงถามหัวเราะเบาๆแล้วหันไปมองต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาพวกเขา

    “ข้าว่า  พวกเรามาหาเรื่องอื่นคุยกันดีกว่า”

    “หา?”

    “อย่างเช่นว่า...วิธีการจัดสวน??”

    “นี่เจ้าปกติดีหรือเปล่าเนี่ย....” เซย์ที่เจอวิธีการเปลี่ยนเรื่องแบบดื้อๆของเซบทำหน้าเซ็งใส่  หลังจากนั้นก็ทำท่าจะตอบคำถามที่คิดส่งๆไปอย่างนั้นของเซบอย่างจริงจัง

    ทว่า  ขณะที่เซย์ทำท่าจะอ้าปากตอบอยู่นั่นเอง  เสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากทางด้านนอกกำแพงพระราชวัง!!!

    “เกิดอะไรขึ้น!!?” เซย์กีสผุดลุกขึ้นในทันที  ใบหน้าหล่อคมบัดนี้ปรากฏแววเครียดขึง  ขณะที่นัยน์ตาสีโลหิตที่ปรากฏออกมาให้เห็นเพียงข้างเดียวปรากฏแววตื่นตระหนกขณะที่กวาดมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง

    เซบเองก็รีบวางถ้วยชาในมือลงก่อนที่เขาจะเผลอทำมันตกแตก  นัยน์ตาสีทองกวาดมองรอบๆ  ขณะที่ลอบกางกรงเล็บออกมาเพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีอยู่ทุกเมื่อ

    จะมีก็เพียงองค์ราชาแห่งชนเผ่าแฝงฝันที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่  ไม่มีแม้ท่าทีแตกตื่น  ที่สำคัญที่สุด  อีกฝ่ายยังยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วยกชาขึ้นจิบอีกต่างหาก...

    แต่คนที่ดูจะตกใจที่สุดเห็นทีจะเป็นวิเวียนที่ไม่เคยต้องเจอเรื่องอย่างการโจมตีแบบไม่ให้ตั้งตัว  เธอถึงได้มุดลงไปซ่อนที่ใต้โต๊ะ...

    ทันใดนั้นเอง  เงาร่างสีดำหลายสิบร่างก็กระโดดข้ามกำแพงเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือ  ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างไม่มีหยุดคิด!!!

    เห็นดังนั้นเซบที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปกลางวงล้อม  ขณะที่เซย์ขยับตัวตั้งหลักเพื่อเตรียมร่ายเวทขณะที่ราชาปีศาจอินคิวบัสทำเพียงแค่นั่งมอง

    กรงเล็บคมกริบถูกวาดเข้าใส่ผู้บุกรุกอย่างไร้ความปราณี  เลือดสีสดสาดกระจายออกมาเปรอะร่างและเส้นผมสีเงินส่งกลิ่นคาวปนหวานออกมาจนราชาปีศาจอินคิวบัสที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ต้องชะงักและขมวดคิ้วแน่น  นัยน์ตาสีเลือดเหลือบมองซากผู้บุกรุกที่กระเด็นมาอยู่ใกล้ๆอย่างชั่งใจ  ก่อนจะใช้เวทกระชากผ้าคลุมหน้าของร่างที่แน่นิ่งนั้นจนหลุดออก  เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่อาจจะคมคายหากว่าตอนนี้ไม่ปรากฏรอยแผลที่เกิดจากกรงเล็บของเซบ

    เซย์เองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ามนุษย์หมาป่าหนุ่ม  เขาร่ายเวทด้วยความเร็วที่อาจเรียกได้ว่าเหนือแสง  และทันทีที่วงเวทปรากฏขึ้นบนอากาศตรงหน้าเขา  เพียงแค่สะบัดฝ่ามือออกไป  ศรเวทสีแดงสดหลายสิบดอกก็พุ่งออกมาจากวงเวทเข้าเชือดเฉือนร่างของผู้บุกรุกได้หลายร่าง

    จำนวนของผู้บุกรุกลดลงอย่างรวดเร็วด้วนฝีมือของสองหนุ่ม  และเมื่อเหลือผู้บุกรุกอยู่อีกไม่ถึงสิบคนนั่นเอง  ราชาปีศาจอินคิวบัสที่นั่งนิ่งมาโดยตลอดก็เริ่มขยับ  เขาลุกขึ้นยืนช้าๆอย่างใจเย็น  และเพียงแค่สะกิดเท้าเบาๆร่างสูงสง่าของราชาปีศาจอินคิวบัสก็หายไปจากจุดเดิมและปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าร่างของผู้บุกรุกคนหนึ่ง

    “ผู้บงการเจ้าคือใคร” เสียงเย็นเยียบถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปาก  นัยน์ตาสีโลหิตราวกับสามารถเรืองแสงสีแดงเรืองรองออกมาข่มขวัญผู้ที่อยู่ตรงหน้า  หลังจากนั้นร่างของผู้บุกรุกที่เหลือทั้งหมดก็ทรุดลงกับพื้นรากับถูกกดปิดสวิตช์  เหลือไว้เพียงผู้บุกรุกที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นที่ยังคงมีสติ  แต่ร่างทั้งร่างกลับสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวจากแรงกดดันของร่างตรงหน้า

    “ว่ายังไง” นัยน์ตาสีเลือดหรี่ลงขณะที่แผ่แรงกดดันออกมามากกว่าเดิม

    “ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า!!

    “สามหาว!” เซย์ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่โพล่งออกไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอ่ยวาจาลบหลู่บิดาตนเอง  เขาทำท่าจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย  ทว่าเขาก็ต้องชะงักร่างอยู่กับที่เมื่อถูกดวงตาเรืองอำนาจของบิดามองมา

    “ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้าพูด  เซย์” เสียงเย็นเยียบถูกเอ่ยออกมาเบาๆ  แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบด้านราวกับเย็นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุจนเซบที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นรู้สึกหนาวสันหลัง

    “ขออภัย....” เซย์ก้มหน้าลงรับคำกล่าวนั้น  แต่ผู้เป็นบิดาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมามากไปกว่านั้น  เขาหันกลับไปหาร่างที่อยู่ภายใต้ชุดสีดำตรงหน้าและเอ่ยคำถามเดิมซ้ำด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบกว่าเดิม

    “ใครเป็นผู้ส่งเจ้ามา”

    “ข...ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า!!!” แม้เสียงที่ตอบจะสั่น  ทว่าคำตอบกลับยังคงยืนยันคำเดิมได้อย่างน่านับถือ

    ผู้ที่ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการได้ยินดังนั้นก็เผยยิ้มแสยะที่ทำให้ผู้เห็นขนลุกชันจนต้องก้าวถอยหลัง  ทว่ายังไม่ทันได้เคลื่อนไหวไปมากกว่าสองก้าว  พลังเวทเข้มข้นก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างสูงสง่าขององค์ราชา  มันค่อยๆจับตัวกลายเป็นใบมีดเสี้ยวจันทร์สีเลือดทีละอันๆ  จนปรากฏวงมีดเสี้ยวจันทร์กว่าสิบใบขึ้นกลางอากาศ  และเพียงแค่เขากระทบเท้าเบาๆลงกับพื้นก็ราวกับเกิดเสียงก้องกังวานใสดังไปทั่วบริเวณ  และเป็นตอนนั้นเองที่ใบมีดเสี้ยวจันทร์หมุนควงพุ่งเข้าไปหาร่างผู้บุกรุกและเชือดร่างอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่เกินกว่าใครจะมองทัน  หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เองก็ยังไม่รู้สึก

    ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่  ก่อนที่ร่างของผู้บุกรุกคนนั้นจะขยับเบาๆ  แต่เพียงแค่นั้นกลับทำให้ร่างของอีกฝ่ายร่วงลงมากองบนพื้นด้วยสภาพที่เหลือเพียงซากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!!!

    เซบรีบเบือนหน้าหนีภาพน่าสยดสยองนั้นทันที  นี่เขาว่าสภาพศพที่เขาทำไว้ไม่น่ามองแล้ว  แต่นั่นดูจะน่าสยองกว่าเขาเยอะแบบที่เรียกได้ว่าเทียบไม่ติด...

    “ข้าคิดว่าเรายังไม่ควรฆ่ามัน” เซย์เอ่ยขณะที่เดินเข้าไปหาผู้เป็นบิดา

    “ไม่จำเป็น  ถ้าทำถึงขนาดนี้มันยังไม่พูด  ปล่อยทิ้งเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์” ราชาปีศาจแห่งเผ่าปีศาจแฝงฝันกล่าวเสียงเรียบแล้วเดินสวนกลับมาทางเซย์กีส “เซย์กีส  คูล  โรเอล  ข้าขอออกคำสั่งในฐานะราชาปีศาจแห่งเผ่าปีศาจแฝงฝัน...”

    เซย์กีสที่ถูกออกคำสั่งรีบคุกเข่าลงรับคำสั่งจากองค์ราชา

    “จงตามหาตัวผู้บงการเหตุการณ์ครั้งนี้  แล้วจับมันกลับมา  หากเป็นไปได้ข้าต้องการให้จับเป็น  แต่ถ้าไม่  ฆ่าได้ทันที!

    “น้อมรับคำสั่ง”


    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×