ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SET MY NIGHT | หลงรัก ได้ใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 คอยเตือนตัวเองเอาไว้ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.9K
      372
      11 ม.ค. 65


    บทที่ 2

    คอยเตือนตัวเองเอาไว้

     

    ผู้ชายที่ฉันต้องใจตั้งแต่แรกเห็นเป็นคนเดียวกับพี่ชายของเพื่อนสนิทฉัน ข้อนี้ฉันก็เพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่สัปดาห์หลังจากงานวันเกิดของมิเกล

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่คนทั้งมหาวิทยาลัยพูดถึงกันอย่างหนาหูจะเป็นคนคนเดียวกับที่ฉันประทับใจในวันนั้นจริง ๆ

    ชื่อเสียงของพี่มิคนั้นค่อนไปทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากเปรียบพี่ก้องเป็นเจ้าขายแห่งแสงอาทิตย์ พี่มิคก็เป็นเจ้าชายแห่งรัตติกาลของคนทั้งมหาวิทยาลัยนั่นแหละ

    เขาขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายเย็นชาที่เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า หักอกผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ไม่มีดาวคณะไหนที่เขายังไม่ได้เป็นคู่นอนด้วยยกเว้นดาวแฟชั่น เพราะดาวแฟชั่นของปีนี้คือมิเกล น้องสาวของเขายังไงล่ะ

    ฉันแอบลอบถามยัยมิเกลมาก็พบว่าพี่มิคไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักคนเดียว เขาทำเพียงเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย ๆ เมื่อเบื่อก็เปลี่ยน ไม่มีใครคบกับเขาได้นานเกินสามเดือนเลยด้วยซ้ำ นิสัยเบื่อง่ายในข้อนี้ฉันก็รู้จักเขาดีเลยล่ะ

    ฉันเรียนรู้ตัวตนของเขาผ่านคำบอกเล่าและคำพูดของยัยมิเกลที่มีออกมาบ้างเรื่อย ๆ เรียบเรียงและประกอบกันเป็นชุดข้อมูลสรุปความเป็นเขาออกมาได้ในที่สุด

    คิดว่าฉันรู้จักเขาดีพอสมควรเลยล่ะ รู้จักดีกว่าเจ้าตัวอีกล่ะมั้ง

    เรื่องที่ฉันแอบชอบเขานั้นไม่มีใครรู้ แม้แต่มิเกลก็ไม่รู้ ยัยนั่นรู้แค่ว่าฉันเคยตกหลุมรักใครสักคนเข้าให้แล้ว แต่ตอนนั้นมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจนเราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เพิ่งมีเมื่อวานนั่นแหละที่พูดมันออกมา ฉันเองก็ตกใจไม่คิดว่ามิเกลจะจำได้ด้วยซ้ำ

    ฉันชอบ แต่ฉันไม่ได้แสดงออก ฉันกลัวว่าพี่มิคจะเปลี่ยนไป

    สำหรับฉันเขาเข้าถึงยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราได้เจอกันบ้างเวลาที่เขามาหามิเกล ฉันก็จะคอยอาศัยโอกาสนั้นซึมซับเอาบรรยากาศระหว่างเราเอาไว้ หากบอกไปว่าชอบเขาต้องตีตัวออกห่างแน่ ๆ เขาต้องเลี่ยงที่จะไม่มาหามิเกลช่วงที่มีฉันอยู่ด้วย

    ทำไมฉันถึงรู้น่ะหรอ นั่นก็เพราะ...ฉันไม่ใช่สเปกของเขายังไงล่ะ

    พี่มิคชอบผู้หญิงแบบมิเกล เป็นสาวเฟียซ สาวมั่น กล้าแสดงออก แถมยัง...เซ็กซี่ขยี้ใจอีก

    สเปกของเขาต่างจากฉันลิบลับ ฉันเป็นคนชอบเก็บตัว ชอบอยู่เงียบ ๆ วันหยุดก็อ่านหนังสือ ดูซีรีส์อยู่บ้านพร้อมกับเลี้ยงแมวอ้วนไปด้วย ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฉันเป็นผู้หญิงเรียบร้อย

    คนที่เข้ามาจีบเลยต้องเป็นคนที่ดูดีและเหมาะสมกับฉัน อารมณ์เหมือนกับว่าเราต้องเข้ากันได้นั่นแหละ ขนาดเขารู้ว่าฉันเห็นเขาจูบกับผู้หญิงที่ห้องสมุด เขายังไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยราวกับไม่ได้ใส่ใจ

    คิดดูสิว่าฉันไม่ได้อยู่สายตาของเขาขนาดไหน

    ไลฟ์สไตล์ของฉันกับพี่มิคนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังตัดใจไม่ได้อยู่ดี คนมันชอบไปแล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ

    ฉันสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดแบบนี้ออกจากหัวก่อนจะสะพายกระเป๋าลงมายังด้านล่างโดยมีพี่ก้องรออยู่แล้ว

    ฉันเห็นเขาอุ้มซันนี่แล้วก็อดที่จะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไม่ได้

    แชะ!

    พอได้ยินเสียงชัตเตอร์พี่ก้องก็หันขวับมามองทันที

    “ถ่ายอะไร”

    “พี่ก้องกับซันนี่ค่ะ” ฉันบอกพลางกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์เพื่อกดส่งข้อความ

     

    นับดาว :: ส่งรูป

    นับดาว :: วันนี้พี่ก้องอุ้มซันนี่เหมือนทุกวันเลยนะ

    นับดาว :: พี่ก้องกำลังจะไปส่งนับที่มหาวิทยาลัยค่ะ

     

    ฉันกดส่งข้อความแล้วเลื่อนขึ้นไปยังข้อความด้านบนที่ก่อนหน้านี้ฉันพูดถึงคะแนนสอบมิดเทอมที่ได้เยอะมาก ๆ ให้ฟังก่อนจะอมยิ้มออกมา

    “ยิ้มอะไร” พี่ก้องถามพลางลูปหัวซันนี่แล้วเดินตรงเข้ามาหาฉัน

    “เปล่าค่ะ” ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะลูบหัวซันนี่อย่างเอ็นดู “จะเอาเจ้าอ้วนนี่ไปคอนโดจริง ๆ หรอคะ”

    “เอาไปให้เกลไม่กี่วันหรอก เดี๋ยวก็เอากลับมา” เขาบอกพลางยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบหัวของฉัน “ได้ใช่ไหม”

    พี่ก้องน่ะแคร์ฉันที่สุดจริง ๆ นั่นแหละ ความน้อยใจเมื่อคืนจงหายไปซะ!

    “ได้สิคะ” ฉันยิ้มให้จนตาหยี

    “แล้ว...เรื่องที่คุยกันไว้เมื่อคืน...” พี่ก้องดูท่าจะติดใจกับเรื่องที่ฉันแอบชอบใครบางคนอยู่จริง ๆ

    “เรื่องไหนหรอคะ” ฉันทำเป็นตีมึนเฉไฉไป “เราคุยกันตั้งหลายเรื่อง”

    “โอเค ไม่อยากบอกก็จะไม่ถามอีก” ร่างสูงพูดออกมาราวกับรับรู้ความต้องการของฉัน

    หมับ!

    ฉันพุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่ก้องแล้วเบียดแย่งพื้นที่อกอุ่น ๆ นั่นกับเจ้าแมวอ้วนซันนี่

    “ไว้นับพร้อมเมื่อไหร่ นับจะเล่าให้พี่ก้องฟังเองนะ”

    ตอนนี้ฉันยังบอกเขาไม่ได้หรอก เพราะฉันเองก็ยังไม่มั่นใจว่าความรู้สึกนี้มันจะมีต่อไปได้นานแค่ไหน กว่าจะถึงเวลาที่ต้องเล่าตอนนั้นฉันคงตัดใจจากพี่มิคได้แล้วล่ะ

    เพราะไม่ว่ายังไงพวกเราสองคนก็คงไม่มีวันมาบรรจบกันได้แน่นอน

     

    ฉันคิดอย่างนั้น...แต่ทำไมมันถึงไม่เป็นแบบนี้คิดได้ล่ะ

    “น้า...นับน้า ช่วยเพื่อนหน่อยน้า” ยัยส้มเขย่าแขนอ้อนวอนฉันสุดฤทธิ์ “วันเดียว วันเดียวจริง ๆ”

    “แกก็ไปขอร้องเพื่อนที่อยู่ชมรมถ่ายภาพสิ” ฉันบอกเพราะไม่อยากทำที่สุดเลย

    “มีซะที่ไหนล่ะ” ยัยส้มตอกกลับอย่างเศร้าใจ “พี่ก้องก็อยู่ชมรมถ่ายภาพนี่นา ให้เขาช่วยหาให้หน่อยได้ไหม”

    “ไม่เอาอะ ขืนรู้ว่าฉันมาขออะไรแบบนี้นะ มีหวังโดนดุแน่ ๆ”

    “เขาเป็นแบบนั้นหรอ นั่นเจ้าชายแห่งแสงอาทิตย์เลยนะ” ยัยส้มถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อหู

    “แกเคยได้ยินป้ะว่าถ้าเราจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังสว่างจ้าน่ะ มันจะเป็นยังไง” ฉันก้มหน้าเข้าไปหาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลุ้นระทึก “ตาบอดได้เลยนะ อย่าได้คิดท้าทายเชียว”

    “นะ..น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ” ยัยส้มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

    “จะลองไหมล่ะ”

    “มะ...ไม่เอาดีกว่า”

    ฉันหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ยัยส้มเป็นคนขี้กลัวมาแต่ไหนอยู่แล้ว ขู่เท่านี้ไปก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะมั้ง

    อันที่จริงก็ไม่ใช่คำขู่ลอย ๆ หรอก มันก็คือเรื่องจริงนั่นแหละ เรื่องที่ว่าพี่ก้องนั้นดุมากเวลาที่ต้องการอบรมฉัน

    “ถ้าไม่ขอให้พี่ก้องช่วยหาตากล้องให้ งั้น...ขอยืมกล้องของพี่เขาได้หรือเปล่า”

    “แล้วมันต่างกันกับการให้พี่ก้องช่วยหาตากล้องให้ตรงไหน” ฉันบ่นอุบ “มันต้องขนาดนั้นเลยหรอส้ม เอามือถือถ่ายก็ได้มั้ง”

    สำหรับพี่ก้องน่ะ สิ่งที่ไม่มีชีวิตที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือกล้องถ่ายภาพนี่แหละ ฉันไม่กล้าไปเอ่ยยืม Leica M10-P ของเขาหรอกนะ

    “มือถือมันจะไปซูมเห็นได้ไงล่ะ แกดูบัตรที่ฉันได้สิ” ยัยก้มชูบัตรคอนเสิร์ตของคณะวิศวกรรมศาสตร์ขึ้นมาด้วยความเสียใจ

    ฉันมองดูบัตรแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ นี่มันโซนห่างจากเวทีสุดเลยนี่นา

    “ฉันว่าหาบัตรใหม่ไม่ดีกว่าหรอ”

    “พูดง่ายไป คอนเสิร์ตนี้น่ะบัตรหายากพอ ๆ กับบัตรคอนเสิร์ตเกาหลีเลยนะ”

    ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งประหลาดใจ แค่คอนเสิร์ตของวงดนตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์มันก็ทำให้คนสนใจขนาดนี้เลยหรอ

    “นับดาว ช่วยเพื่อนหน่อยนะ ช่วยฉันถ่ายพี่วินหน่อย พี่เขาจะเรียนจบเทอมนี้แล้ว ฉันจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว”

    พี่วิน คือมือกีตาร์ประจำวง Dark Side ที่ยัยส้มแอบชอบมาตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่เลย และที่สำคัญเขาคือเพื่อนสนิทของพี่มิค

    ที่ฉันปฏิเสธการช่วยเหลือยัยส้มเพราะฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในวงโคจรนั้นอีกแล้ว ถ้าไปงานนี้ยังไงก็ต้องได้เจอเขาอยู่ดี ฉันตั้งใจว่าจะตัดใจแล้ว เพราะฉะนั้นจะไม่เข้าไปวนเวียนรอบตัวเขาอีก

    “แกไม่เข้าใจคนแอบรักหรอกว่ามันทรมานแค่ไหน...” ยัยส้มพร่ำเพ้อยิ่งกว่าทุกครั้งที่ฉันเคยเห็น

    เข้าใจสิ ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ

    “แต่พี่ก้องน่ะหวงกล้องมากเลยนะ” ฉันบอกอย่างจนปัญญาเพราะไม่รู้จะช่วยยังไงดี

    ถ้าฉันพูดเรื่องนี้พี่ก้องที่คลางแคลงใจเรื่องคนที่ฉันแอบชอบอยู่แล้วเขาจะต้องเริ่มอยากรู้มากแน่ ๆ เพราะนี่ไม่ใช่นิสัยของฉันที่จะทำอะไรแบบนี้เลย

    ถึงจะทำเพราะจำใจแต่คนที่สงสัยอยู่แล้วก็ต้องตามจับผิดบ้างล่ะ

    “ฉันว่าหาบัตรใหม่เถอะ” มาหยาที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นก่อนจะมองมายังฉัน “นับช่วยส้มได้นะ”

    “ฉันหรอ” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงง ๆ

    “อื้อ มิเกลไง”

    “เกี่ยวไรกับมิเกล”

    “พี่มิค พี่ชายของมิเกลเป็นคนจัดงานนี้นี่นา ถ้าจะขอบัตรใกล้เวทีสักใบคงไม่เป็นไรหรอก”

    โอ้ว...นี่แหละคือสิ่งที่ฉันไม่อยากทำที่สุดเลย

    ให้บากหน้าไปขอยืมกล้องจากพี่ก้องยังเต็มใจทำซะกว่า

    “จริงด้วย นับเป็นเพื่อนมิเกลนี่นา” แต่ยัยส้มกลับทำตาโตแล้วพุ่งเข้ามาหาฉันอีก “ได้ไหม ๆ ช่วยพูดให้ได้ไหม”

    จากท่าทางสิ้นหวังในคราแรกกลับกลายเป็นมีหวังขึ้นมาราวกับต้นส้มเหี่ยวเฉาที่ได้รับฝนชโลมราก

    “นับว่าไปยืมกล้อง...”

    “ไม่เอากล้องแล้ว จะเอาบัตรหน้าเวที!” ยัยส้มพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

    “เดี๋ยวพูดกับให้พี่ก้องให้ รับรองว่าได้แน่ ๆ”

    “ไม่เอา ไม่เอากล้องแล้ว อยากเห็นหน้าพี่วินชัด ๆ ที่ไม่ต้องผ่านกล้อง ไม่ผ่านรูปถ่าย อย่างน้อยก็อยากเห็นใกล้ ๆ”

    น้ำเสียงอ้อนวอนของส้มทำเอาฉันใจอ่อนขึ้นมา เพราะเข้าใจความรู้สึกที่ต้องการเจอหน้าใกล้ ๆ แบบนี้เป็นอย่างดี

    “นะนับนะ”

    “อื้อ เดี๋ยวลองคุยให้”

     

    สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนยอมทำตามคำขอร้องของยัยส้ม

    เอาเถอะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายละกัน หลังจากนี้ฉันจะตัดใจแล้ว

    “นับ” เสียงของมิเกลดังมาแต่ไกลพร้อมกับโบกมือไว ๆ เพื่อให้ฉันเห็น

    ถึงไม่โบกมือฉันก็เห็นหรอกน่า ก็เจ้าตัวน่ะฮอตไม่ต่างจากพี่ชายของตัวเองเลย

    “มีอะไรหรอ ที่ว่ามีเรื่องจะคุย” เธอถามขึ้นหลังจากที่เราเดินออกมาจากตึกแฟชั่นแล้ว

    นี่ฉันอุตส่าห์ถ่อจากคณะมารอยัยเกลใต้ตึกแฟชั่นเพื่อแกโดยเฉพาะเลยนะยัยส้ม แกต้องสำนึกบุญคุณของฉันครั้งนี้ไว้เลย

    “เรื่องคอนเสิร์ตของวง Dark Side น่ะเกล” ฉันบอกไปและนั่นก็ทำให้เพื่อนสาวหันมามองอย่างสนใจ

    “นับจะไปดูหรอ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”

    “พอดีเพื่อนเราอยากได้บัตรหน้าเวทีแต่หายากมากเลย ไม่รู้ว่าพี่ชายเกลจะช่วยได้หรือเปล่า” ฉันบอกตามตรง

    “อ๋อ...ที่จริงเราก็ได้มาสองใบนะ” คำบอกกล่าวของมิเกลทำให้ฉันเริ่มดีใจแต่ประโยคถัดมากลับหดหู่ลงซะงั้น “แต่ให้ชาช่ากับเบนจี้ไปแล้วแหละ”

    “งั้นหรอ...”

    “ไม่ต้องเหี่ยวขนาดนั้น ระดับมิเกล ถ้าอยากได้บัตรเพิ่มทำไมจะหาไม่ได้” เพื่อนฉันเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งสมกับเป็นยัยมิเกลดาวแฟชั่นจริง ๆ

    “ขอบคุณนะเกล” ฉันจับมือยัยเกลด้วยความขอบคุณจากใจจริง

    ฮือ...ความหวังของยัยส้มจะเป็นจริงแล้ว

    “ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” มิเกลบอกก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังของฉัน “นั่นไง พี่มิคมาพอดีเลย”

    ชื่อของคนมาเยือนใหม่ทำเอาฉันนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็เพียงแว้บเดียวเท่านั้นก่อนที่ฉันจะทำตัวตามปกติ

    พอหันมาก็ต้องหัวใจหล่นวูบเมื่อพบว่าเขามากับผู้หญิงอีกคน เธอคนนี้คือน้ำตาล ดาวคณะของฉันนี่นา

    ที่ว่าพี่มิคเปลี่ยนคู่ควงจากดาวคณะวิทยาศาสตร์มาเป็นคณะมนุษย์ฯ คงเป็นเรื่องจริงสินะ

    ดูจากส่วนสูงแล้วคนที่ฉันเจอที่ห้องสมุดก็คงจะเป็นเธอคนนี้นี่แหละ

    “หวัดดีค่ะพี่มิค” ฉันยกมือไหว้เขาเช่นทุกครั้งที่เจอ

    “ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ แต่นั่นก็มีอิทธิพลต่อหัวใจของฉันมากอยู่ดี

    ทำไมกันนะ ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย

    พี่มิคน่ะไม่ใช่สเปกของฉันเลยสักนิด แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้ฝังใจกับเขานัก แม้ว่าจะได้รับรู้ข่าวที่ไม่ดีของเขาอยู่บ่อย ๆ และพยายามจะตัดใจและเลิกสนใจอยู่บ่อยครั้งก็ตาม แต่มันไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งเดียว

    ทั้งที่ต่อหน้าฉันเขาควงผู้หญิงอีกคนอยู่ แต่ทำไมฉันถึงยังมาใจเต้นกับเขาอยู่ได้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

    “วันนี้น้ำตาลติดรถไปลงตรงหอสมุดนะ” พี่มิคหันไปพูดกับมิเกล

    “ไงเกล” เธอโบกมือให้กับมิเกล ส่วนเพื่อนฉันก็ทำเพียงยิ้มรับตามมารยาทเท่านั้น

    ยัยนี่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่เคียงข้างเขาได้ไม่นานหรอก

    “งั้นพี่มิคช่วยแวะไปส่งนับดาวที่ชมรมถ่ายภาพด้วยได้ไหมคะ”

    “ไม่เป็นไรเกล นับไปเองได้” ฉันปฏิเสธทันที

    “จะได้คุยเรื่องบัตรคอนฯ ด้วยไง”

    “แต่นับเกรงใจ” เพราะมันคนละทางกับที่พวกเขาจะเดินทางกลับเลย

    “ไปด้วยกันนี่แหละ” พี่มิคพูดตัดบทแค่นั้น

    สุดท้ายพวกเราทั้งสี่คนก็เข้ามาอยู่ในรถคันเดียวกัน พี่มิคให้มิเกลนั่งคู่กับเขามันเลยทำให้น้ำตาลได้นั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันแทน

    “นับดาวเรียนเอกไทยหรอ” พอขึ้นรถมาได้สักพักน้ำตาลก็ชวนฉันคุย

    “อื้อ น้ำตาลเรียนเอกฝรั่งเศสหรือเปล่า” ฉันถามอย่างเป็นมิตรและยิ้มแย้ม “น้ำตาลฮอตมากเลยนะ นับล่ะอิจฮาจริง ๆ”

    “ฮอตอะไรล่ะ ไม่ขนาดนั้นหรอก” เธอบอกอย่างเขินอาย

    “ใครบ้างไม่รู้จักน้ำตาล”

    “แล้วใครบ้างล่ะจะไม่รู้จักน้องสาวของพี่ก้อง”

    นั่นน่ะสินะ เพราะฉันเป็นน้องสาวของพี่ก้องตะวัน คนเลยรู้จักกันบ้าง

    แต่คำกล่าวยอของฉันมันไม่เกินจริงหรอก น้ำตาลสวยจริง ๆ เธอสวยสะดุดตาจนฉันที่เป็นผู้หญิงยังต้องเหลียวมองเลย

    “ไหนบอกจะคุยเรื่องบัตรคอนฯ” พี่มิคเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราพูดกันจบแล้ว

    “อ้อ! พอดีนับมาขอบัตรหน้าเวทีของคอน DS น่ะพี่มิค” มิเกลเป็นฝ่ายบอกแทน

    “กี่ใบ” เขาถามฉันแล้วมองผ่านจะกระจกมองหลัง

    “ใบเดียวค่ะ เพื่อนฝากมาขอ” ฉันบอกไปตามความจริง

    “จะใช้เส้นสายมาขอบัตรให้เพื่อน ว่างั้น?” เขาตอบกลับมาทำเอาฉันหน้าชาไปเลย “ไม่มีหรอก”

    “พี่มิค!” มิเกลเอ็ดพี่ชายของเธอไป ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่ง “แค่บัตรคอนไม่กี่ใบเอง จะงกอะไรนักหนา”

    “ถ้าเกลขอเท่าไหร่ก็ได้ แบบนั้นมันจะไปแฟร์กับคนที่เขาต่อคิวซื้อได้ยังไง พี่ก็ให้ไปแล้วตั้งสองใบ เราก็ไปจัดการเอาสิ”

    “ก็ช่ากับจี้มันก็จะไปดูอะ”

    “นั่นก็คือหมดแล้ว”

    “ขี้งก” มิเกลบ่นอุบนั่นทำให้ฉันเริ่มไม่สบายใจ

    “นับไม่ได้จะบังคับให้พี่มิคให้หรอกนะคะ ถ้าพี่มิคไม่มีให้ก็ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันบอกพร้อมกับยิ้มให้เขาผ่านกระจกมองหลัง

    แต่คนที่กำลังขับรถอยู่นั้นกลับมองแค่แว้บเดียวแล้วหันไปมองยังถนนโดยไม่ได้สนใจฉันอีก

    “นี่พี่มิคจะไม่ให้จริง ๆ หรอ” มิเกลถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    “นับดาวเอาของเราไปไหม เราได้มาสองใบพอดี” ในตอนนั้นเองที่น้ำตาลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดหยาดเยิ้ม

    เธอหยิบมันออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งหนึ่งใบให้กับฉัน

    “พี่มิคให้มาสองใบ แต่เราไม่รู้ว่าจะเอาให้ใคร นับดาวเอาไปให้เพื่อนใบนึงแล้วกันนะ”

    เพิ่งพูดไปหยก ๆ ว่ามันจะไปแฟร์อะไรกับคนที่เขาไปต่อคิวซื้อ แล้วนี่อะไรกัน เขากลับเอาบัตรหน้าเวทีเทียวแจกคนนั้นคนนี้ไปทั่ว กับมิเกลฉันก็พอเข้าใจนะว่านั่นน้องสาว แล้วน้ำตาลล่ะ คู่ควงที่เพิ่งเปลี่ยนของเขานั่นก็ด้วยหรอ ไม่เห็นแฟร์กับคนที่เขาไปต่อคิวซื้ออย่างที่พูดเลยสักนิดเดียว

    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยัยส้มได้บัตรโซนด้านหลังสุดเลย แล้วไหนจะบอกว่าบัตรโซนหน้าเวทีหายากอย่างกับอะไรดีอีก

    “ไม่เป็นไรน้ำตาล ถ้านับรับมามันก็ดูไม่แฟร์กับคนที่เขาไปต่อคิวซื้อเท่าไหร่ พี่มิคอุตส่าห์ให้มาน้ำตาลก็เก็บไว้เถอะ” ฉันบอกสั้น ๆ แค่นั้นก่อนจะหันมานั่งหน้าตรงโดยไม่ได้มองใครอีก

    “หึ! เป็นไงล่ะ โดนตอกคืนซะบ้าง” เสียงของมิเกลดังขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจหรอก

    ฉันนั่งอยู่บนรถเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงหอสมุดแล้วน้ำตาลก็ลงจากรถไปแล้ว

    “พี่มิค ขอทีเถอะ เกลรู้นะว่าพี่มิคไม่ชอบพี่ก้องน่ะ แต่อย่ามาลงกับเพื่อนเกลได้ไหม” มิเกลเอ่ยขึ้นหลังจากที่ในรถเหลือพวกเราแค่สามคน

    “ใครบอกว่าพี่ไม่ชอบแฟนเรา” เขาตอบเฉไฉ

    “ใครเห็นก็ดูออก” เธอเถียงกับพี่ชายอย่างเอาเป็นเอาตาย

    นี่ฉันเป็นสาเหตุให้สองพี่น้องต้องมาทะเลาะกันหรอเนี่ย

    “คิดมาก” พี่มิคตอบกลับมาแค่นั้น นั่นยิ่งทำให้มิเกลโกรธเข้าไปอีก

    “เกลจะเอาบัตร เอาบัตรมาให้เกลเดี๋ยวนี้” มิเกลเริ่มพูดอย่างเอาแต่ใจ

    “ไม่มี”

    “มี เกลเชื่อว่าพี่มิคมี หรือถ้าไม่มีพี่มิคก็หามาให้เกลได้”

    “ไม่มีก็คือไม่มี แล้วก็หาไม่ได้ด้วย” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง

    พอสักทีเถอะ ยิ่งทะเลาะกันเท่าไหร่มันก็ยิ่งย้ำชัดแล้วว่าเขาไม่ได้เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยสักนิด

    พอแล้ว...

    “เกลจะเอา!

    “พอแล้วเกล” ฉันทนไม่ไหวจึงต้องโพล่งขึ้นท่ามกลางบทสนทนาของทั้งคู่ “นับไม่เอาก็ได้ ไม่อยากได้แล้ว เลิกทะเลาะกันสักที”

    “แต่ว่า...”

    “ไม่เป็นไร เพื่อนนับได้บัตรที่อยู่โซนนอกมาหนึ่งใบพอดี” ฉันบอกแล้วส่งยิ้มให้ทั้งคู่ “ไม่ต้องทะเลาะกันแล้วนะ”

    “นับดาวแสนดีขนาดนี้พี่มิคยังใจร้ายกับเพื่อนเกลอีก” มิเกลหันมาเข้าข้างฉันเต็มที่ “พี่มิคใจร้าย”

    “พี่ไปใจร้ายตอนไหน”

    “ตอนนี้แหละ!

    “พอแล้วววว” ฉันลากเสียงยาวอย่างระอาใจ

    มิเกลน่ะเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ถ้าพูดว่าอยากได้ก็ต้องได้ ดูท่าแล้วที่เถียงเอาบัตรนี่ก็เพื่อตัวเองด้วยส่วนหนึ่งนั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ทำเพื่อฉันด้วยล่ะนะ

    “เลิกพูด จะขับรถ” เขาบอกแค่นั้นแล้วขับรถออกไปโดยไม่สนใจเสียงของมิเกลอีก

    ทั้งที่ตามใจมิเกลมาตลอดกับยอมงัดข้อกับเธอเพียงเพราะเรื่องนี้ พี่มิคคงจะไม่ชอบพี่ก้องมากจริง ๆ นั่นแหละเลยพาลมายังฉันด้วย

    พอมาถึงชมรมถ่ายภาพฉันก็เตรียมจะลงจากรถ

    “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ฉันชะโงกหน้าไปยิ้มให้เขาเช่นเดิมทุกครั้ง

    พี่มิคก็ทำเพียงพยักหน้าให้เหมือนอย่างเคย

    “ไปก่อนนะเกล” ฉันหันไปโบกมือให้กับเพื่อนสาว

    “เกลไปด้วย”

    “จะไปไหน จะกลับบ้านแล้ว” พี่มิคเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    “ไม่อยากอยู่กับคนใจร้าย” พูดจบเธอก็พุ่งออกจากรถไปก่อนฉันซะอีก “เกลจะไปหาพี่ก้อง”

    “เกล อย่าเอาแต่ใจให้มันมาก” พี่มิคลงจากรถแล้วเดินตามมิเกลไป “มีเหตุผลหน่อย”

    ส่วนฉันก็รีบลงจากรถตามไปด้วยเช่นกัน มิเกลไม่รอใครเลย ยัยนั่นเดินดุ่ม ๆ เข้าไปยังชมรมถ่ายภาพอย่างคุ้นเคยทิ้งให้ฉันกับพี่มิควิ่งตามแทบไม่ทันเลยล่ะ

    ให้มันได้อย่างนี้สิยัยเพื่อนคนนี้ ฉันไม่น่ามาพูดเรื่องบัตรคอนฯ กับยัยเกลเลยจริง ๆ

    เพราะมัวแต่วิ่งตามทั้งสองคนเลยไม่ทันได้สนใจอะไร สายกระเป๋าสะพายของฉันเลยไปเกี่ยวกับพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ เข้า นั่นทำให้ร่างของฉันเด้งกลับมาเพราะถูกรั้งก่อนที่ท่อนแขนจะถูกปลายกิ่งไม้ขูดเป็นทางยาว

    “โอ๊ย!” เพราะบาดเจ็บจากแผลเลยทำให้ฉันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

    เมื่อมองไปยังด้านหน้าก็เห็นมิเกลเปิดประตูเข้าไปในชมรมแล้ว ส่วนพี่มิคที่วิ่งตามหลังไปก็หันกลับมามองฉันเพราะได้ยินเสียงร้อง

    เขาวกกลับมาหาก่อนจะหยุดยืนมองฉันที่กำลังกุมแผลที่แขนนิ่ง ๆ

    “เดินยังไง ทำไมไม่ดูทาง” ไม่มีถ้อยคำเป็นห่วงเลยสักนิดเดียว

    “นับไม่เป็นไร พี่มิคตามมิเกลไปเถอะ” ฉันบอกก่อนจะก้มดูแผลของตัวเอง

    แต่เขากลับไม่ทำตามที่ฉันบอก ร่างสูงโปร่งขยับเข้ามาใกล้อีกก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าราคาแพงมาซับเลือดที่กำลังซึมออกมาให้กับฉัน

    “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันรีบดันออกอย่างเกรงใจ

    “ไม่สกปรกหรอกน่า ยังไม่ได้ใช้” แต่ดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของฉันผิดเพี้ยนไป

    “ไม่ได้หมายความแบบ...”

    “ทำอะไรกัน” ในตอนที่เรากำลังยื้อยุดเรื่องแผลกับผ้าเช็ดหน้าอยู่นั้นพี่ก้องก็โผล่มา

    พอเห็นว่าฉันมีแผลเขาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

    “นับไปโดนไรมา” พี่ก้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แววตาของเขาดูปวดใจมากจริง ๆ “เจ็บมากไหม”

    พี่มิคที่ถูกพี่ก้องกันออกก็ได้แต่ยืนมองนิ่ง ๆ

    “นิดหน่อยค่ะ” ซะที่ไหนกันล่ะ เจ็บมากเลยต่างหาก

    “เข้าไปทำแผลกัน”

    พี่ก้องใช้ผ้าเช็ดหน้าของพี่มิคกดทับรอยแผลของฉันเอาไว้ก่อนจะพาเดินเข้าไปยังห้องชมรมที่ตอนนี้มียัยมิเกลนั่งอยู่ตรงโซฟานั้นด้วย

    “ขอกล่องปฐมพยาบาลหน่อย” พี่ก้องตะโกนออกไปในขณะที่พาฉันไปนั่งตรงโซฟาด้วย

    มิเกลที่เพิ่งลุกขึ้นมองก็จ้องฉันด้วยความตกใจอย่างกับเห็นผี

    “ยัยนับ ไปโดนไรมา” เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจไม่แพ้พี่ก้องตอนที่เจอแผลนี้ครั้งแรกเลย

    “โดนกิ่งไม้ขูด” ฉันตอบแล้วนั่งลง

    “คงจะแสบน่าดู” พี่ซอว์เพื่อนของพี่ก้องที่เดินถือกล่องปฐมพยาบาลมาด้วยมองอย่างเป็นห่วงเช่นกัน

    “ไหนพี่ขอดูหน่อย” พี่ซีน เองก็เข้ามาจับอย่างเป็นห่วง

    “จะมุงอะไรกันนักหนา จะทำแผล” พี่ก้องโบกมือไล่ชาวไทยมุงที่เข้ามาดูอย่างเป็นห่วงเป็นใย

    ฉันมองทุกคนด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เป็นห่วงกันขนาดนี้

    “นับเจ็บไหม” ยัยเกลเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วจับมืออย่างให้กำลังใจในตอนที่พี่ก้องทำแผลให้ฉัน

    “นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรมากหรอก” ฉันพูดอย่างร่าเริงเพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง

    “นั่นน่ะสินะ ไม่เจ็บหรอก แค่นี้เอง” พี่ซีนยกมือขึ้นมาลูบหัวของฉันอย่างให้กำลังใจ

    ทำเป็นพูดไปงั้นแหละแต่สายตาของพี่ซีนตอนมองแผลฉันเมื่อกี้เขาดูตกใจมากเลยล่ะ

    “ต้นไม้ต้นไหนมันทำน้องนับดาวของพวกพี่ พี่จะไปตัดมันทิ้ง” พี่ซอว์พูดอย่างกรุ่นโกรธ เขาคงอยากให้กำลังใจฉันในขณะที่พี่ก้องทำแผลนั่นแหละ

    ฉันหัวเราะให้กับความอยากช่วยเหลือของพี่ ๆ ทุกคนใจดีกับฉันมากจริง ๆ

    “ต้นใกล้ประตูทางเข้านี่แหละ ไปตัดมันทิ้งให้หมดเลย รกหูรกตา” แต่ดันลืมไปว่ามีคนใจร้ายกับฉันหนึ่งคนโผล่เข้ามาด้วย

    ทุกคนหันไปมองยังเขาเป็นตาเดียว

    “ทำไม มองหน้าแบบนี้ข้องใจอะไรไม่ทราบ”

    ฉันได้แต่ถอนหายใจให้กับพี่มิค เขาคงไม่รู้สินะว่าตัวเองน่ะแปลกไปจากคนอื่น ชอบทำอะไรขวางโลกซะจริง ๆ เลย

    ฉันไปชอบคนแบบนี้เข้าให้ได้ยังไงกัน

    ในเมื่อไม่ใช่สเปกก็ต้องเลิกชอบสิ เลิกชอบเดี๋ยวนี้เลยนะยัยนับดาว

    -------------------------------------------------------

    - (ทอล์ก 100%)

    พี่มิคจะขัดอารมณ์คนอื่นเขาแบบนี้ไมไ่ด้นะคะ 555555555555

    - (ทอล์ก 80%)

    พี่มิคอย่าแกงน้องงงงงงงงง

    - (ทอล์ก 60%)

    เย็นชาเหลือเกินพี่มิค ใจน้องนับเริ่มจะทนไม่ไหวแน้วววว

    - (ทอล์ก 40%)

    น้องนับจะขอได้ไหมมมมมม

    - (ทอล์ก 20%)

    น้องนับคือชอบพี่มิคมากเลยลูก 555555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×