ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก (มี E-Book)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 พงศ์พยัคฆ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 951
      24
      2 ส.ค. 63

    บทที่2 พงศ์พยัคฆ์

     

    โรงพยาบาลรักษ์บดินทร์

    บานประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออกด้วยฝีมือของนางพยาบาลวัยกลางคนก่อนที่ร่างสูงสมาร์ตในชุดสำหรับผ่าตัดจะก้าวเดินออกมา สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายแต่มีความขรึมอยู่ในท่าที ร่างนั้นเดินตรงไปหาญาติของคนไข้ด้วยท่าทีเป็นมิตรก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

    “การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วอีก3-4วันก็คงจะฟื้น” 

    “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ขอบคุณจริง ๆ” หญิงสาววัยกลางคนกล่าวขอบคุณหมอหนุ่มผู้ทำการผ่าตัดเลือดคั่งในสมองออกให้แก่ผู้เป็นสามีด้วยความตื้นตันใจ

    นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์ สัตยบดินทร์หรือ หมอเสือ ศัลยแพทย์หนุ่มมือหนึ่งของประเทศที่เชี่ยวชาญทั้งการผ่าตัดระบบประสาท ทรวงอกและหัวใจ และการผ่าตัดทั่วไปจนสามารถเข้าผ่าตัดได้แทนได้ทุกเคสผ่าตัดยิ้มให้ญาติคนไข้เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ “มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับไม่ต้องขอบคุณหรอก งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”

    พูดจบชายหนุ่มก็โน้มศีรษะลงทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ญาติคนไข้กล่าวชื่นชมถึงฝีมือการผ่าตัดและหน้าตาที่หล่อเหลาของผู้เป็นหมอกันอย่างยินดี

    การได้เห็นรอยยิ้มโล่งใจไร้กังวลของญาติผู้ป่วยคือความสุขหนึ่งของชายหนุ่มตลอดหลายปีมานี้...ยอมรับว่ารอยยิ้มของคนไข้และญาติๆ คือกำลังใจที่มีค่าสำหรับเขา เขาผ่าตัดมาแล้วนับร้อยเคสแต่ก็มีหลายเคสที่การผ่าตัดอย่างเดียวไม่อาจจะช่วยได้ จนบางครั้งเขาก็อยากจะเรียนเฉพาะทางเพิ่มเพื่อเข้าไปช่วยในงานด้านนั้น ๆ ...ถ้าหากว่า9ปีก่อนตัวเขาไม่ต้องสละสิทธิ์สำหรับโอกาสหายากนั้นและได้ไปตามที่ตั้งใจไว้ก็คงจะดี...มันคงจะดีกว่านี้ ในทุก ๆ เรื่อง

    “การผ่าตัดคงเหนื่อยน่าดูเลยซินะคะคุณหมอ”น้ำเสียงสอบถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยของหญิงสาวในชุดพยาบาลที่เดินตามมาทำให้คนนึกเสียดายดึงสติกลับมาสนใจปัจจุบันอีกครั้ง ชายหนุ่มมองพยาบาลสาวที่เดินตามมาเพื่อมองหาจุดประสงค์ของอีกฝ่าย

    “คุณบีเดินตามผมมาทำไมครับ” เขาถามกลับไปด้วยไม่เข้าใจสาเหตุที่พยาบาลฝึกหัดสาวนามว่าเบญจาหรือบีที่เดินตามเขามาทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องตามมา

    “บีคิดว่าคุณหมอน่าจะเมื่อยคอน่ะค่ะ บีเลยตามมาอาสาจะนวดให้” พยาบาลฝึกหัดสาวเอ่ยบอกความประสงค์ออกไปพร้อมทั้งส่งสายตาเชิญชวนให้แก่หมอหนุ่มอย่างแพราวพราว สองอาทิตย์ที่ตัวเธอมาเป็นพยาบาลฝึกหัดที่นี่ยอมรับเลยว่าเสน่ห์ของเธอทำให้คุณหมอหลายคนมองตามอย่างหลงใหลแต่กับคนตรงหน้านี้เธอยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะเป็นเหมือนคนอื่น ๆ เลยและนั่นทำให้เธอสนใจอยากจะเอาชนะเขาให้ได้

    “ไม่ต้องหรอกครับ เสียเวลาทำงานเปล่า ๆ” พงศ์พยัคฆ์ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่จะหันเดินเข้าห้องส่วนตัวไปอย่างไม่สนใจจะรักษาน้ำใจหรือให้เกียรติอีกฝ่าย...เขาก็ไม่ใช่คนใจดีนัก เขาให้เกียรติแค่คนที่ควรให้เกียรติเท่านั้น ที่บ้านไม่ได้สอนให้สุภาพกับคนที่มีความคิดไม่ดีกับตัวเอง

    “เย็นชานักนะ คิดว่าฉันจะง้อเหรอ เหอะ” คนโดนเดินหนีไม่ไว้หน้าเอ่ยอย่างโกรธแค้น...ไม่เคยมีใครไม่สนใจเธอได้ ไม่มีทาง

    เที่ยง

    ก๊อกๆ ๆ

    “หมอเสือคะ” เสียงเรียกอันไพเราะดังขึ้นหลังจากเสียงเคาะประตูดังก่อนที่ร่างบางของแพทย์หญิงฟ้ารดา อัครวิทย์ หรือ หมอฟ้า กุมารแพทย์คนสวยที่ได้รับการโหวตว่าเป็นหมอที่น่ารักที่สุดของโรงพยาบาลจะปรากฏขึ้น เสียงของเธอเรียกความสนใจของพงศ์พยัคฆ์จากแผ่นฟิล์มเอกซเรย์สองถึงสามแผ่นตรงหน้าให้หันหน้ามามองเธอได้อย่างดี ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานด้วยความสงสัยขณะที่คนมาใหม่นั้นคลี่ยิ้มกับท่าทีนั้นของเจ้าของห้อง

    “เที่ยงแล้วค่ะ ไปทานข้าวกันค่ะ”

    “อ้าว นี่เที่ยงแล้วเหรอครับผมยังคิดว่าเพิ่ง10โมงอยู่เลย มิน่าล่ะรู้สึกหิวแปลกๆ” หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมมองนาฬิกาที่มันไม่ใช่แค่เที่ยงตรงแต่เลยเที่ยงตรงไปเกือบ30นาทีแล้วก่อนจะยิ้มอ่อนใจให้ตัวเอง เขามักทำงานจนลืมเวลาแบบนี้เสมอ...ทุกทีนั่นล่ะ

    หมอสาวได้แต่ส่ายหน้าคล้ายเอือมระอาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่เที่ยงนะคะแต่อีกครึ่งชั่วโมงจะบ่ายแล้วไปค่ะ ไปทานข้าวกันดีกว่า”

    “เฮ้ยเสือ เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน” เสียงแทรกดังมาจากหน้าประตูก่อนที่ร่างสูงสมส่วนของนายแพทย์ปัญจวัตร เกตทิวรากุลหรือ หมอปัญจ์ ศัลยแพทย์ทรวงอกและหัวใจฝีมือดีของโรงพยาบาลจะปรากฏตัวขึ้นทำให้พงศ์พยัคฆ์และฟ้ารดาหันไปมอง

    “งั้นดีเลยไปพร้อมกันสามคนนี่แหละ...หมอฟ้าคิดว่ายังไงครับ?” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยทำลายความเงียบเมื่อฟ้ารดาหันควับไปมองปัญจวัตรอย่างไม่พอใจ เขารู้ดีว่าเพื่อนหนุ่มต้องการเข้ามาขัดขวางไม่ให้กุมารแพทย์สาวได้อยู่กับเขาสองต่อสองเพราะตั้งแต่ฟ้ารดามาทำงานที่นี่เมื่อสามปีก่อนก็มีข่าวลือว่าเขาคบหากับหญิงสาวในทางชู้สาว ศัลยแพทย์ทรวงอกหนุ่มผู้รักเพื่อนจึงต้องคอยกันข่าวลือในทางลบที่จะเกิดขึ้นโดยการแทรกกลางระหว่างเขากับเธออยู่บ่อยครั้งและเขาเองก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรที่มีเพื่อนคอยทำตัวราวกับเป็นเห็บเป็นหมัดอยู่ข้างๆ ออกจะคิดว่าดีซะอีกเพราะกุมารแพทย์สาวไม่ควรมีข่าวลือแย่ๆ กับเขาถึงแม้หลายคนอาจไม่รู้แต่ก็มีอาจารย์หมอบางคนในโรงพยาบาลที่ทราบว่าเขาแต่งงานแล้วอาจทำให้กุมารแพทย์สาวถูกมองไม่ดีในสายตาคนเหล่านั้นได้

    “ก็ได้ค่ะ” แม้จะผิดหวังที่ไม่ได้ไปกับหมอหนุ่มที่แอบชอบสองต่อสองแต่กุมารแพทย์สาวก็ไม่ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะอาหารมื้อนี้ แม้จะขัดใจอยู่บ้างที่ตาหมอช่างขัดโผล่มาทั้งที่ก่อนมาห้องนี้เธออุตส่าห์เหลียวซ้ายแลขวาดูต้นทางก่อนแล้วแต่เรื่องอะไรเธอจะยอมยกธงขาวให้ตาหมอเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนี่ได้ยิ้มเยาะเธอล่ะ หึ เมื่อเธอไม่ได้กินข้าวสองต่อสองกับพงศ์พยัคฆ์ ตาหมอเกย์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนี้ก็ต้องไม่ได้เช่นกัน

    เธอจะพิทักษ์หัวใจตัวเอง และพิทักษ์อธิปไตยของพงศ์พยัคฆ์ไว้ให้ได้ “เราไปกันเลยดีกว่าค่ะ ฉันหิวแล้ว”

    “งั้นไปรถผมแล้วกันผมจองโต๊ะกับสั่งอาหารไว้แล้ว” ปัญจวัตรเอ่ยบอกแก่ฟ้ารดาก่อนจะเดินนำออกจากห้อง หญิงสาวเดินตามหลังสองหนุ่มด้วยความเจ็บใจ พูดก็พูดเถอะ ถึงจะรู้ว่าปัญจวัตรคิดไม่ซื่อกับพงศ์พยัคฆ์จึงขัดขวางไม่ให้เธอได้ไปไหนมาไหนกับพงศ์พยัคฆ์ประจำก็เถอะ แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เธอไปทำให้อะไรให้ปัญจวัตรโกรธนักหนานะทำไมถึงได้ชอบขัดชอบขวางเธออยู่เรื่อย นายคนนี้น่ะไม่ใช่แค่ขัดเรื่องพงศ์พยัคฆ์หรอก เขาขัดเธอทุกเรื่องนั่นล่ะ แย้งกับเธอได้ทุกเรื่อง ทุกที่เลยล่ะตาคนนี้น่ะ

    เวลาต่อมา...

    ปัญจวัตรเดินนำสองหนุ่มสาวเข้ามาในร้านอาหารที่ชายหนุ่มจองไว้ก่อนที่พนักงานสาวจะเดินนำทั้งสามมายังโต๊ะติดกับกระจกใสมองออกไปภายนอกกระจกเห็นถนนใหญ่รถแล่นไปมาเสียงดังที่คุณหมอหนุ่มจองไว้

    “แหม่! เลือกมุมดีนะคะหมอปัญจ์...มองเห็นถนนด้วยแถมได้ยินเสียงข้างนอกชัดแจ๋วเลย” ฟ้ารดาเอ่ยกับปัญจวัตรอย่างประชดประชัน ตั้งแต่เริ่มได้กลิ่นทะแม่ง ๆ จนมั่นใจว่าปัญจวัตรเป็นศัตรูหัวใจเมื่อปี2ก่อนเธอก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าเธอกับตาคนนี้ไม่มีวันญาติดีกัน เกย์ร่างยักษ์คนนี้เธอจะขัดขวางไม่ให้ได้ล่วงล้ำอธิปไตยของพงศ์พยัคฆ์อย่างแน่นอน เพื่อผู้ชายที่เธอตกหลุมรัก เธอจะประชด เหน็บแนม และจิกกัดตาหมอเกย์นี่ให้ถึงที่สุด

    “เปลี่ยนบรรยากาศไงหมอ...บรรยากาศแบบเดิมน่าเบื่อจะตาย” ปัญจวัตรยังคงไม่ทุกข์ร้อนกับคำประชดของกุมารแพทย์สาวก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ให้หมอสาวนั่งทางฝั่งซ้ายซึ่งติดกับกระจกใสและผายมือให้เพื่อนสนิทนั่งตรงฝั่งตรงข้ามกับกระจกใสส่วนตนก็กลับมานั่งตรงข้ามกับกุมารแพทย์สาวที่ตอนนี้ชักสีหน้าใส่เขาอยู่ครู่ต่อมาพนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ

    “นี่ฉันสั่งของโปรดนายมาเลยนะเนี่ยไอ้เสือ กินเยอะๆ” ปัญจวัตรเอ่ยขึ้นพร้อมตักอาหารใส่จานเพื่อนรัก “ทำงานลืมเวลาแบบนายเดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาเข้าสักวัน...ถ้าหมอป่วยซะเองแล้วใครจะดูแลคนไข้กันล่ะ”

    “อย่าว่าแต่คนอื่นครับหมอปัญจ์...นายก็กินเยอะ ๆ หมอฟ้าด้วยนะครับ” ประสาทศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยกลับก่อนที่หยิบช้อนและส้อมขึ้นมาโดยไม่มีคำขอบคุณส่งให้ สำหรับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แค่มองตาเขาและอีกฝ่ายก็เข้าใจกันแล้ว 

    ขณะที่พงศ์พยัคฆ์จะตักอาหารคำแรกเข้าปากก็มีบางสิ่งปรากฏต่อสายตาเขาจนต้องหุบยิ้ม มือหนาที่กำลังตกข้าวเข้าปากชะงัก...มันรวดเร็วจนมองไม่ทันแต่เพราะเขาเป็นคนที่สายตาดีทำให้เห็นจังหวะนั้นพอดี สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือภาพรถเก๋งคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงและอีกคันด้านขวามือของชายหนุ่มขับย้อนศรมาก่อนที่รถทั้งสองจะชนประสานงากันเสียงดังสนั่น

    โครม!!!

    ปัญจวัตรตกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นหันมองซ้ายขวาทันทีอย่างระแวดระวังพร้อมกับถามขึ้น “เสียงอะไรวะ”

    “รถชนกัน” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะทิ้งช้อนลงและวิ่งออกไปนอกร้านทันทีสองหนุ่มสาวก็วิ่งตามออกไปด้วยสัญชาตญาณ ถ้าเกิดอุบัติเหตุแน่นอนว่าอาจจะมีคนได้รับบาดเจ็บดังนั้นแล้วพวกเขาควรจะไปให้ถึงที่เกิดเหตุให้ไวถ้าอยู่ใกล้ ๆ 

    หมอหนุ่มแหวกกลุ่มไทยมุงไปยังที่เกิดเหตุทันทีโดยมีปัญจวัตรและฟ้ารดาตามไปไม่ห่าง “ขอทางหน่อยครับผมเป็นหมอ”

    “ผมเป็นหมอครับ หลีกทางหน่อย”

    พงศ์พยัคฆ์เข้าไปดูอาการคนเจ็บของรถคันที่เขาเห็นเต็มตาว่าเป็นฝ่ายขับมาด้วยความเร็วและพุ่งชนประสานงากับรถอีกคัน ขณะที่ปัญจวัตรนั้นแยกไปดูรถอีกคันส่วนฟ้ารดายกโทรศัพท์มากดเรียกรถพยาบาลและตำรวจก่อนจะเข้าไปช่วยพงศ์พยัคฆ์

    “รถพยาบาลกำลังจะมาแล้วค่ะ” ฟ้ารดาเอ่ยบอกคนเจ็บยังคงมีสติอยู่ “อดทนไว้นะคะ"

    พงศ์พยัคฆ์ที่ดูอาการของคนเจ็บถอนใจโล่งเมื่อสำรวจแล้วอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก “อาการน่าจะเคล็ดขัดยอกและกระดูกแขนร้าวไม่ถึงขั้นสาหัส อดทนอีกนิดนะครับ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มา”

    ในขณะที่หมอหนุ่มดูอาการคนเจ็บในรถที่ขับมาด้วยความเร็วปัญจวัตร ที่ไปดูอาการคนเจ็บที่ขับรถย้อนศรก็ตะโกนเรียก “เสือมาดูทางนี้หน่อย ที่หัวและจมูกมีเลือดออก”

    “ฝากคุณหมอฟ้าดูทางนี้ด้วยนะครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะตรงไปยังรถที่ปัญจวัตรดูอยู่ในรถมีผู้หญิงเป็นคนขับข้างๆ มีเด็กหญิงวัยประมาณสามถึงสี่ขวบนั่งร้องไห้อยู่ จากรูปการณ์หญิงสาวคงเป็นแม่ของเด็กหญิงและคงกลัวลูกจะบาดเจ็บจึงเอาตัวไปบังไว้และตอนที่รถประสานงากันศีรษะก็ไปกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างจนมีเลือดไหลออกมาอีกทั้งยังมีเลือดไหลออกทางจมูกซึ่งไม่ใช่เลือดกำเดาสาเหตุอาจจะมาจากอาการผิดปกติในระบบประสาท

    “อาจจะมีเลือดคั่ง หรือไม่เธอก็น่าจะมีอาการผิดปกติในระบบประสาทมาก่อนหน้านี้แล้วทำให้มีเลือดไหลออกจากจมูก คงต้องพาไปทำำMRIที่โรงพยาบาลดูก่อน ถ้ามีเลือดคั่งก็คงเป็นเคสที่อันตรายมากแล้ว...เด็กเป็นไงบ้างวะ” พงศ์พยัคฆ์สันนิษฐานอาการอย่างไม่ปักใจในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ข้อสันนิษฐานของเขาแยกออกไปสองประเด็นคือมีเลือดคั่งในบริเวณที่อันตรายสาเหตุมาจากการกระแทกรุนแรงของรถ สองคือหญิงสาวอาจจะมีอาการผิดปกติที่ระบบประสาทอยู่ก่อนแล้วอาจจะเป็นเลือดคั่ง หรือไม่ก็เนื้องอกในสมอง แต่ถ้าหญิงสาวโชคร้ายเป็นทั้งสองข้อสันนิษฐานคงเป็นเคสที่อันตรายและต้องระวังมากในการผ่าตัด สีหน้าของคนที่ทำงานหลักเป็นประสาทศัลยแพทย์เครียดขึ้นก่อนจะหันไปถามถึงเด็กหญิงที่ร้องไห้อยู่

    “ไม่เป็นไรว่ะ แค่ตกใจงั้นฉันพาไปหาหมอเด็กก่อน ฉันไม่สันทัดเรื่องแบบนี้” ปัญจวัตรเอ่ยก่อนจะอุ้มเด็กหญิงไปที่หมอเด็กหรือกุมารแพทย์สาวนั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×