โจ๋ไทย พร้อมมีเซ็กซ์ วันวาเลนไทน์ เกือบ 3 แสนคน - โจ๋ไทย พร้อมมีเซ็กซ์ วันวาเลนไทน์ เกือบ 3 แสนคน นิยาย โจ๋ไทย พร้อมมีเซ็กซ์ วันวาเลนไทน์ เกือบ 3 แสนคน : Dek-D.com - Writer

    โจ๋ไทย พร้อมมีเซ็กซ์ วันวาเลนไทน์ เกือบ 3 แสนคน

    โจ๋ไทย พร้อมมีเซ็กซ์ วันวาเลนไทน์ เกือบ 3 แสนคน

    ผู้เข้าชมรวม

    774

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    774

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.พ. 51 / 18:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ที่กำลังจะมาถึง หลายๆคนคงกำลังคิดถึงความรัก ระหว่าง แฟน คู่รัก คนรัก โดยเฉพาะวัยรุ่น ยิ่งน่าตกใจ เมื่อเห็นผลจากเอแบคโพลล์ ว่าวัยรุ่นไทย พร้อมมีsex ในวันวาเลนไทน์ คิดเป็นเกือบ 3 แสนคน ใจเย็นๆกันก่อนดีกว่านะคะ เพราะวัยรุ่น คือวัยที่ต้องมีหน้าที่ ศึกษาเล่าเรียน ส่วนเรื่องรัก หากจะแสดงออก ก็ขอให้แสดงออก ให้ถูกที่ ถูกทางแล้วกันค่ะ

      วาเลนไทน์ วัยรุ่น sexและที่สำคัญที่สุด อย่าลืม คนที่รักเราที่สุด อย่าง คุณพ่อ คุณแม่ไปนะคะ การแสดงความรัก ต่อคนที่เรารัก ไม่จำเป็นจะต้องแสดงออก เฉพาะในวันวาเลนไทน์ เท่านั้น ยิ่งแสดงออกว่ารักกันทุกๆวัน ยิ่งจะทำให้คนที่เรารัก และคนที่รักเรา รู้สึกดีที่สุดเลยค่ะ

      เอแบคโพลล์เปิดผลสำรวจความรักวันวาเลนไทน์ ในมุมมองวัยโจ๋ 12-19 ปี พบร้อยละ 21 พร้อมมีเพศสัมพันธ์วันวาเลนไทน์ หรือคิดเป็นเกือบ 3 แสนคน เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนมุมมองเกี่ยวกับดารา-นักร้อง ระบุดาราสาว แพนเค้ก เป็นตัวอย่างที่ดีด้านคุณธรรม รองลงมาเป็น ขวัญ อุษามณี





      ส่วนนักการเมืองที่ปลื้มมากที่สุดยังเป็น ทักษิณ อันดับ 1 สมัคร อันดับ 2 อภิสิทธิ์ อันดับ 3 น่าเป็นห่วงร้อยละ 28 พร้อมเลียนแบบภาพลักษณ์นักการเมืองเรื่องความฉ้อฉล เห็นแก่ตัว ทุจริต และโกหก ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ ไม่ถึงร้อยละ 10

      เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เอแบคโพลล์ เสนอผลการสำรวจเรื่อง ความรักวันวาเลนไทน์ ดารา นักการเมืองและประชาธิปไตย ในมุมมองของเด็กและเยาวชน กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุ 12-19 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2,384 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-9 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่า

      เด็กและเยาวชน ร้อยละ 78.6 จะปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด ขณะที่ประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.4 ยอมรับอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ออกตามระดับของแนวคิดรักนวลสงวนตัว พบว่าในกลุ่มเด็กที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องสิทธิส่วนตัว ร้อยละ 48.9 ยอมรับอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ ขณะที่ในเด็กและเยาวชนที่มองว่าต้องรักนวลสงวนตัว ร้อยละ 86.1 ปฏิเสธมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเวนไทน์โดยเด็ดขาด และผลการทดสอบค่าสถิติด้วยค่า Odd Ratio พบว่ามีค่าเท่ากับ 5.924 และค่าสูงสุดอยุ่ที่ 8.324 หมายความว่า เด็กและเยาวชนที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติและสิทธิส่วนตัว มีโอกาสยอมรับการมีเพศสัมพันธ์วันวาเลนไทน์สูงประมาณ 8 เท่าของเด็กและเยาวชน ที่มีทัศนคติต้องรักนวลสงวนตัวและรอจนถึงวันแต่งงานเท่านั้น

      อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วง คือ ผลประมาณการเด็กและเยาวชนที่เอนเอียงยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ พบว่า ในกลุ่มเด็กและเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 1,327,005 คน ที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีผู้ที่เอนเอียงอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์จำนวน 283,990 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 21.4

      สำหรับข้อมูลที่สะท้อนภาพเชิงบวก คือ เด็กและเยาวชนร้อยละ 84.6 ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ขณะที่ร้อยละ 15.4 เคยมี แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเด็กและเยาวชนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงต่อการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากพบว่ามีเพียงร้อยละ 21.1 เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ขณะที่ร้อยละ 58.8 ใช้บางครั้ง และร้อยละ 20.1 ไม่เคยใช้เลย

      นอกจากนี้เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.4 ระบุว่า การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนได้ รองลงมาร้อยละ 32.3 ระบุการเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมของผู้ใหญ่ในสังคมเป็นทางออก ร้อยละ 30.5 ระบุว่า ควรมีแบบอย่างที่ดีในสถานศึกษา ร้อยละ 28.4 ระบุว่า สื่อมวลชนที่เสนอตัวอย่างที่ดีเป็นตัวอย่างคือการแก้ปัญหา ร้อยละ 24.3 ระบุการขจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งในและรอบสถานศึกษา และร้อยละ 23.5 ระบุการเพิ่มพื้นที่และสิ่งที่ดีทั้งในและรอบสถานศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้

      สำหรับมุมมองความรู้สึกของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ต่อการเมืองของประเทศไทย พบว่า เด็กและเยาวชนร้อยละ 60.9 รู้สึกเบื่อ น่ารำคาญ วุ่นวายและเซ็งต่อการเมืองของประเทศ รองลงมาร้อยละ 29.1 ไม่สบายใจและเป็นห่วง ร้อยละ 10.9 รู้สึกว่าคนไทยไม่รักสามัคคีกัน ร้อยละ 9.6 ระบุการเมืองไทยไม่สงบ เปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป ร้อยละ 6.1 รู้สึกภูมิใจและรู้สึกเป็นประชาธิปไตย และร้อยละ 4.4 ระบุการเมืองไทยมีแต่เรื่องโกงกิน

      ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ผลสำรวจ 10 อันดับ ภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่เด็กและเยาวชนจะเลือกทำตาม พบว่าร้อยละ 28.3 ระบุเป็นเรื่องความฉ้อฉล เห็นแก่ตัว ทุจริต โกหกของบรรดานักการเมือง/ รองลงมาร้อยละ 16.9 ระบุการทำตัวดี บุคลิกดี/ ร้อยละ 13.1 ระบุความเป็นผู้นำ/ ร้อยละ 12.8 ระบุพูดจาดี คุยดี/ ร้อยละ 11.8 ระบุความรับผิดชอบ/ ร้อยละ 9.8 ระบุความซื่อสัตย์/ ร้อยละ 8.5 ระบุการทำงานหนัก/ ร้อยละ 7 ระบุ การโต้เถียง/ ร้อยละ 5.9 ระบุความสามรถ และร้อยละ 5.2 ระบุการใช้อำนาจ

      ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามว่าพอจะหานักการเมืองที่เป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรมได้หรือไม่ ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 47.5 ระบุว่า หายาก/ ร้อยละ 52.5 ระบุว่าพอหาได้ เมื่อสอบถามชื่อนักการเมืองที่ชื่นชอบในเรื่องความดี คุณธรรม พบว่า ร้อยละ 45.2 ระบุว่าเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร/ รองลงมาร้อยละ 23.2 ระบุ นายสมัคร สุนทรเวช/ ร้อยละ 22.4 ระบุ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ/ ร้อยละ 15.7 ระบุ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์/ ร้อยละ 9.9 ระบุนายชวน หลีกภัย และร้อยละ 8.3 ระบุนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน

      เมื่อถามถึงดารา นักร้อง นักแสดงที่เป็นแบบอย่างที่ดีด้านคุณธรรม ร้อยละ 43.2 ระบุว่าหายาก ขณะที่ร้อยละ 56.8 ระบุว่าพอหาได้ โดยในกลุ่มนี้ ร้อยละ 15.6 ระบุ เขมนิจ จามิกรณ์ หรือแพนเค้ก/ ร้อยละ 9.3 ระบุ อุษามณี ไวทยานนท์ หรือขวัญ/ ร้อยละ 8.7 ระบุ นักร้องวงแคลช/ ร้อยละ 7.1 ธงไชย แมคอินไตย์ และร้อยละ 6.8 วรนุช วงศ์สวรรค์ หรือนุ่น

      ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความเห็นต่อถ้อยคำที่ว่า ถึงแม้ประเทศไทยมีปัญหาวิกฤต แต่การปกครองแบบประชาธิปไตยยังดีกว่าการปกครองแบบอื่น พบว่าร้อยละ 45.7 ระบุ เห็นด้วย/ ร้อยละ 21.4 ค่อนข้างเห็นด้วย/ ร้อยละ 24.9 เห็นด้วยปานกลาง/ ร้อยละ 4.6 ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 3.4 ไม่เห็นด้วย/ สิ่งที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 55.9 เห็นด้วยต่อการนำหลักปรัชญาและวิถีปฏิบัติแห่งเศรษฐกิจพอเพียงในการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศไทย รองลงมาร้อยละ 17.7 ค่อนข้างเห็นด้วย/ ร้อยละ 22.5 เห็นด้วยปานกลาง/ ร้อยละ 2.4 ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 1.5 ไม่เห็นด้วย

      ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า เด็กและเยาวชนช่วงอายุนี้ มีจำนวนทั่วประเทศกว่า 7.5 ล้านคน และในอีกประมาณ 4 ปีข้างหน้า เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้จะเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกือบ 5 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 10 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด จึงถือเป็นทรัพยากรที่มีนัยสำคัญต่อทิศทางการพัฒนาประเทศ การทำวิจัยเพื่อเฝ้าระวังรักษาคุณภาพของเด็กและเยาวชน โดยมีฐานข้อมูลเชิงคุณภาพเกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรม จึงถือเป็นเรื่องสำคัญของสังคมไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้ามาจัดการกับสาเหตุของปัญหาที่กระทบต่อคุณภาพเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ เนื่องจากบางอย่างเป็นเรื่องที่เกินขอบเขตของชุมชนที่จะแก้ไขได้ อาทิ ปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เพราะมีคนติดยาเสพติดในชุมชน มีสถานบันเทิงในชุมชนและมีสถานบริการทางเพศใกล้ชุมชน

      ดร.นพดล กล่าวต่อว่า สำหรับมุมมองการเมืองของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า ส่วนใหญ่จะมีหัวใจที่เป็นประชาธิปไตย แม้ประเทศไทยจะมีวิกฤต ส่วนทางออกของปัญหาที่อยู่ในใจของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้คือการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แก้ปัญหา สำหรับประเด็นที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปคือ การที่เด็กและเยาวชนเกินกว่าครึ่งมีความเอนเอียงที่จะยอมรับรัฐบาลที่โกงกิน แต่ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี รวมไปถึงการกินค่าหัวคิวหรือการกินตามน้ำ ถ้าหากเด็กและเยาวชนเติบโตขึ้นมาใน 10 ปีข้างหน้า และไปอยู่ในสาขาวิชาชีพต่างๆ ของประเทศ โดยบรรดาผู้ใหญ่ในสังคมตามกลไกของกระบวนการยุติธรรมในขณะนี้ ไม่กระทำการใดบางอย่าง เพื่อขัดเกลาทัศนคติและพฤติกรรมแล้ว สังคมไทยจะเป็นเช่นไรในเวลานั้น


      อื้ม ผมว่าก็น่าคิดนะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×