



-ลานจอดรถ-
"กำลังตามหาอะไรอยู่เหรอครับ?" เสียงนุ่มหวานดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของแทคอุน
ที่ตอนนี้กำลังยืนท้าวเอวหันหน้ามองไปมาทางซ้ายทางขวา ดูเหมือนคนที่กำลังมองหาอะไรอยู่ซักอย่าง
ควับ
"หึ อยู่นี่เองเหรอ..."
แทคอุนหมุนตัวหันหน้าไปตามเสียงนุ่มหวานที่ได้ยินจากใครสักคนที่เขาจำได้ดีจากทางด้านหลัง
"หือ? ผมงั้นเหรอ?"
ฮัคยอนแสร้งทำเป็นหน้าซื่อ ตีสีหน้าทำเป็นงงว่า ผมเหรอ? เป็นผมคนนี้งั้นเหรอ? เมื่อแทคอุนสาวเท้าเดินตรงเข้าไปตัวเอง
ที่ยืนพิงอยู่ข้างท้ายรถสปอร์ตที่มันก็คือรถของฮัคยอนเองนั่นแหละ ก่อนที่เรียวปากบางได้คาบบุหรี่ที่สูบไปแล้วกว่าครึ่งมวนมันก็กระตุกยิ้มร้ายออกมา
เมื่อเห็นว่าสายตาเรียวคมของของแทคอุนจ้องมองเจ้าบุหรี่ที่ตัวเองคาบอยู่ไม่วางตา
"นาย...สูบมันด้วย?" แทคอุนขมวดคิ้วอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้จากฮัคยอนคนที่ดูใสซื่อ(?)และแสนอ่อนโยนที่เค้ารู้จัก
อืม...จริงๆแล้วคงต้องบอกว่าจองแทคอุนแทบไม่อยากเชื่อเลยต่างหาก
ว่าคนร่างบางตรงหน้าที่ยืนไขว้ขาพิงอยู่ข้างประตูรถมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง
มืออีกข้างก็คีบบุหรี่ค้างอยู่จะเป็น ชาฮัคยอน คนที่เค้ารู้จักจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวที่เน้นอวดทรวดทรงเรือนร่างหุ่นบางที่แสนเซ็กซี่ราวกับเรือนร่างของสตรี
ที่แทคอุนคาดไม่ถึง...ก็รู้หรอกว่าฮัคยอนน่ะ
ถึงจะตัวสูงแต่ก็มีรูปร่างค่อนข้างเล็กบางกว่าผู้ชายทั่วไปอยู่ดี
แต่ก็ไม่คิดเลยว่าฮัคยอนจะหุ่นบางราวกับหุ่นของพวกสาวๆที่เค้าชอบได้มากถึงขนาดนี้
สายตาที่ดูใสซื่อและอ่อนโยนเสมอที่ฮัคยอนเคยใช้มองแทคอุนมาตลอดเกือบสี่ปี
ณ เวลานี้ สายตาคู่นั้นของฮัคยอนก็มีเพียงแค่ความมืดดำที่แสนว่างเปล่า จนทำให้แทคอุนรู้สึกหวั่นใจเมื่อต้องสบตากับฮัคยอนในตอนนี้
"ในหัวของคุณตอนนี้ คงมีแต่คำถามมากมายเลยสินะครับ"
ฮัคยอนเอ่ยพูดขึ้นมาลอยๆอย่างนั้น แล้วจึงสูบอัดควันบุหรี่มวนเล็กที่ยังเหลืออยู่สูบมันอัดเข้าไปจนเต็มปอดและจึงค่อยๆพ่นมันออกมาช้าๆ
ด้วยสีหน้าและสายตาที่แสนนิ่งงัน ที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่แทคอุนก็ไม่สามารถอ่านสิ่งที่มันซ่อนอยู่ในนั้นได้เลย
"ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่!" แทคอุนเริ่มถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเครียดไม่น้อย
"นั่น มันจำเป็นที่คุณต้องรู้ด้วยเหรอครับ?
ผมจะอยู่ที่ไหน
ไปที่ไหนมันสำคัญกับคุณด้วยเหรอครับ?" ฮัคยอนใช้ภาษาสุภาพที่มันดูค่อนข้างห่างเหินถามกลับไปเรียบๆอย่าง(เหมือนว่าตัวเอง)ไม่ได้จะสนใจอะไร
"ฮัคยอน" แทคอุนเริ่มเสียงอ่อนลงเมื่อได้ยินคำพูดของฮัคยอน
"อ่า ก็ยังจำชื่อผมได้อยู่สินะครับ หึ"
ฮัคยอนพูดประชดพร้อมทั้งกระตุกยิ้มขึ้นมาด้วยความนึกสมเพช
"ทำไม-"
แทคอุนยังคงตีหน้ายุ่งอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าฮัคยอนต้องการจะทำอะไร
"โอย พอเถอะ!
รู้สึกรำคาญแล้วสิ ผมไปดีกว่า" ฮัคยอนพูดขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญสุดๆ
พร้อมทั้งเด้งตัวขึ้นยืนตรงๆ เตรียมท่าจะเดินหนีออกไปจากตรงนั้นแล้วล่ะ แต่ว่า..ฉากแบบในนิยายน้ำเนามันก็ดันเกิดขึ้นมาเสียก่อน
หมับ
"จะเดินหนีกันไปทั้งอย่างงี้น่ะเหรอ?"
แทคอุนกำข้อมือเล็กของฮัคยอนเอาไว้แน่น
ไม่ให้ฮัคยอนได้เดินหนีไปไหนอย่างตั้งใจ
"หือ? ...มันเจ็บนะครับ คุณไม่เห็นจำเป็นต้องใช้แรงขนาดนี้เพื่อหยุดผมเลยนะครับ"
ฮัคยอนพูดเสียงเรียบนิ่ง โดยสายตาที่หันไปมองสบตากับแทคอุนมันแข็งกร้าวจนดูน่ากลัวมาก ๆ แต่ถึงแม้ว่าแทคอุนจะตกใจกับสายตาน่ากลัวนั้นของฮัคยอนในทีแรก
แต่ก็ทำใจนิ่งมองข้ามความน่ากลัวที่เค้าไม่เคยเจอนั้นไปก่อน
เพราะว่าตอนนี้แทคอุนยังมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกับฮัคยอนอยู่
"ทำไมเงียบ? ทำไมถึงไม่ต่อว่า?
ทำไมถึงไม่พูดไม่โวยวายอะไรออกมาเลยล่ะ ฮัคยอน ทำไมล่ะ?!"
แทคอุนระเบิดความอึดอัดและคำถามที่มันกวนใจเค้ามาตั้งแต่นาทีแรกที่ได้เห็นฮัคยอน ออกมาในที่สุด
...
ยอมรับเลยว่าตอนแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าชัดๆของคนที่เดินเข้ามาหาวอนชิกในตอนนั้น
มันทำให้ผมตกใจมากๆ ก็รู้แต่แรกแล้วละว่าเพื่อนที่วอนชิกนัดไว้น่ะชื่อ ฮัคยอน
แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฮัคยอนคนเดียวกับคนที่ผมรู้จัก เออ..ไม่สิ ต้องบอกว่าคนที่ผม(แอบ)คบอยู่ต่างหาก
นั่นมันจึงทำให้ผมตกใจแทบช็อคไปเลยล่ะ จากนั้นหัวใจผมมันก็เต้นตักตึกๆอย่างร้อนรนกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา
ผมกังวลนึกอะไรไปต่างๆนาๆ ในสิ่งที่มันล้วนแต่เต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนทั้งนั้นเลย
แต่ทว่า มันคงต่างกับฮัคยอนเลยล่ะ ผมไม่เห็นท่าทีอะไรจากเค้าเลยสักนิด
เค้าแทบไม่มองผม
เค้าทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นเพียงธาตุอากาศจริงๆนะตอนที่ฮัคยอนไม่สนใจหันมามองผม...
ผมไม่โกหกหรอกว่าผมน่ะ
แอบมองดูฮัคยอนตลอดเวลาตั้งแต่ที่ฮัคยอนนั่งลงที่ข้างๆวอนชิก
ทั้งสีหน้าและแววตาที่ต่างจากที่ผมเคยเห็นของฮัคยอนในตอนนั้น
...มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบๆขึ้นมาในใจแปลกๆ และผมก็เริ่มรู้สึกโกรธและไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
ยิ่งในตอนนี้เราสองคนได้สบตากัน...มันก็ยิ่งทำให้ความอึดอัดของผมมากขึ้น
ผมไม่ชอบและก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไม? ทำไมฮัคยอนถึงได้นิ่งเฉย
ทำไมฮัคยอนถึงได้ไม่มีท่าทีอะไรเลย เมื่อได้เจอผมในคืนนี้
และที่สำคัญข้างกายผมก็มีผู้หญิงอีกคนแบบนั้นด้วยแท้ๆ แต่ว่า ฮัคยอนก็ยังยิ้มหัวเราะออกมากับพวกเพื่อนของผมอย่างสดใส
และยังทำเป็นเหมือนไม่รู้จักผมเลยอย่างนั้นได้...ยังไง?
สายตาของฮัคยอนที่ว่างเปล่าในตอนนั้น
และตอนนี้ก็เช่นกัน ทำไมมันถึงว่างเปล่าได้ขนาดนั้นสำหรับผมล่ะ...ฮัคยอน?
"ฮัคยอน"
"มันจำเป็นด้วยเหรอครับ? ผมจำเป็นต้องทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?"
"หมายความว่าไง?"
"อ่า งั้นผมถามอะไรคุณสักอย่างได้มั้ย?"
"อะไร?"
"เราเป็นอะไรกันเหรอครับ?"
"หะ หา?" ผมรู้สึกสะดุด
ผมรู้สึกจุกและอยู่ๆสมองของผมก็ไม่ทำงาน ผมหาคำตอบให้คำถามของฮัคยอนไม่ได้
"หึ คงไม่มีคำตอบสินะครับ"
ฮัคยอนได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยอย่างสมเพช "ช่างเถอะครับ
ตอนนี้ผมไม่อยากรู้มันอีกแล้วล่ะ เพราะงั้นก็ช่วยปล่อยมือจากผมที"
"เดี๋ยว..."
แทคอุนยังคงรั้งข้อมือของฮัคยอนเอาไว้ต่อ
"เฮ้อ งั้นคุณมีอะไร
อยากพูดอะไรก็รีบพูดมันออกมาเถอะครับ ผมจะให้เวลาคุณ..."
ฮัคยอนบอกกับแทคอุนอย่างเน้นถ้อยเน้นคำอย่างชัดเจน ก่อนจะจึงดึงข้อมือตัวเองออกจากมือของแทคอุน
เมื่อเห็นว่าแทคอุนเริ่มผ่อนแรงที่ใช้กำข้อมือของตัวเองแล้ว
ฮัคยอนทิ้งบุหรี่ที่สูบหมดแล้วลงที่พื้นและใช้ปลายเท้าบี๋ก้นบุหรี่มวนเก่าจนมันมอดดับสนิทที่พื้นคอนกรีตของลานจอดรถ
แล้วจากนั้น ฮัคยอนก็ล่วงกระเป๋าเอาบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาจุดไฟ
ฟู่
"ผมให้เวลาคุณแค่เพียงหมดบุหรี่มวนนี้
เพราะงั้นคุณก็รีบๆพูดมาเถอะ" ฮัคยอนพูดบอกย้ำแทคอุนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงติดรำคาญอยู่เล็กน้อย
แล้วจากนั้นฮัคยอนก็หันหน้าไปอีกทางเพื่อสูบบุหรี่มวนนั้นต่อ
"...." แทคอุนเม้มปากกัดฟันอย่างข่มอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิดกับท่าทีเย็นชาและเฉยเมยไม่สนใจตัวเองแบบนั้นของฮัคยอน
"อ้าว เงียบอยู่ทำไมล่ะครับ? ถ้าคุณไม่มีอะไรก็ไม่ควรรั้งผมไว้นะครับ มันเสียเวลา" ฮัคยอนพูดขึ้นอย่างเย็นชา
แบบไม่คิดจะรักษาน้ำใจอะไรทั้งนั้น
"นายดูเปลี่ยนไปจนชั้นตกใจนะ ฮัคยอน"
แล้วแทคอุนก็พูดออกมา
"หึ งั้นเหรอครับ" ฮัคยอนพูดแล้วก็หันไปสูบบุหรี่ต่อ
ให้ตายสิ นั่น... แค่เวลาแป๊ปเดียวเอง บุหรี่ที่ฮัคยอนสูบอยู่ก็หมดไปกว่าครึ่งมวนแล้วเหรอเนี่ย?!
"นายโกรธชั้นใช่มั้ย?"
"โกรธ? หึ ผมมีฐานะอะไรที่โกรธคุณได้ด้วยเหรอครับ?"
"เออ.." อึก! เจอคำถามตอกกลับมาแบบนี้แทคอุนก็รู้สึกจุกแทบพูดไม่ออกไปเลย
"หึ ขนาดถามว่าเราเป็นอะไรกัน
คุณก็ยังตอบไม่ได้ แล้วยังจะกล้ารั้งผมเอาไว้อีกนะครับ
คุณนี่มันงี่เง่าจริงๆ"
"ฮัคยอน..." แทคอุนกำลังจะพูด แต่ว่ามีเสียงจากบุคคลที่สามดังขึ้นมาขัดเสียก่อน
"ฮัคยอน อยู่นี่เองเหรอ" วอนชิกนั่นเองที่เดินตามออกมาหาฮัคยอน
"อืม ออกมาสูบบุหรี่น่ะ" ฮัคยอนหันบอกกับวอนชิกด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มสวย
ราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเค้าทั้งสอง ซึ่งมันช่างต่างกับใบหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์เมื่อตอนที่อยู่ต่อหน้าแทคอุน
"อ้าว นายก็อยู่นี่ด้วยเหรอแทคอุน?"
วอนชิกเดินเข้าไปโอบไหล่ของฮัคยอนแล้ว ถึงได้เห็นว่าคนที่ยืนหันหลังอยู่กับฮัคยอนคือแทคอุนเพื่อนของตัวเอง
และพอได้มองเห็นสีหน้าที่เหมือนดูมีอะไรอยู่ของแทคอุนแบบนั้น
วอนชิกจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า "เอ๋? มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า?"
"เปล่า..ไม่มีอะไร เออ
ชั้นจะกลับเข้าไปข้างในแล้ว" แทคอุนส่ายหน้าปฏิเสธคำถามวอนชิกเล็กน้อย
แล้วจึงรีบหันหลังเดินหนีออกไปจากตรงนั้นทันที
"หึ"
สุดท้ายนายก็เดินหนีชั้นไปอย่างนั้นสินะ ช่างขี่ขลาดเสียจริง จองแทคอุน
-หลังจากที่ร่างสูงของแทคอุนเดินออกไปไกลแล้ว-
“นี่
ฮัคยอน”
“เออ
ขอโทษนะวอนชิก”
“เอ๋?”
“คือว่าชั้นคงต้องกลับไปก่อนแล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะ?
นายพึ่งมาเองนะ ทำไมรีบกลับแล้วล่ะ”
“เออ
มีเรื่องที่ต้องไปทำน่ะ”
“ถามไม่ได้สินะ”
“อืม
ขอโทษนะ”
“อ่า
ไม่เป็นไร ถึงจะเสียดายอยู่ก็เถอะ แต่ก็โอเค”
“เอานี่ไป”
ฮัคยอนยื่นการ์ดแผ่นเล็กสีดำให้วอนชิกรับ
“อะไรล่ะ
ไม่เอาหรอก” พอได้เห็นว่าฮัคยอนเอาอะไรให้ วอนชิกก็รีบโบกมือปฏิเสธรัวๆเลยทันที
“แต่ชั้นเป็นคนชวนนายออกมา
เพราะงั้นอย่างน้อยก็ให้ชั้นได้เลี้ยงนายเป็นการขอโทษที่ชั้นอยู่ต่อกับนายไม่ได้ด้วยเถอะ”
“ไม่เอาหรอก
แต่ถ้าหากนายรู้สึกผิดและอยากขอโทษชั้นจริงๆละก็ วันหยุดหน้าก็ไปเที่ยวกับชั้นสิ”
วอนชิกยื่นข้อเสนอใหม่
“ไปเที่ยวเหรอ?”
“ใช่
ที่เกาะไซปันน่ะ”
“หา...ที่อเมริกานั่นน่ะเหรอ?”
“อืม
ใช่ ว่าไงล่ะนายจะไปด้วยกันมั้ย?”
“นายอยากได้แบบนั้นเหรอ?”
“ใช่”
“งั้นก็ได้
ชั้นจะไปเที่ยวกับนาย วอนชิก จุ๊บ” ฮัคยอนยื่นหน้าขึ้นไปจุ๊บที่ข้างแก้มของวอนชิกทีหนึ่งเป็นการให้คำมั่นสัญญาว่าเค้าจะไปเที่ยวกับวอนชิกแน่นอน
-อีกมุมหนึ่ง-
แทคอุนที่บอกว่าจะกลับเข้าไปในผับ
แต่จริงๆก็แค่เดินหนีออกไปหลบมุมแอบดูฮัคยอนกับวอนชิกคุยกันต่างหาก
ทั้งสีหน้าและท่าทางของแทคอุนตอนที่แอบเฝ้ามองทั้งสองคนอยู่นั้น
ก็แสดงออกมาชัดเจนเลยว่าเขาน่ะ ไม่พอใจในท่าทางและการพูดคุยกันของฮัคยอนกับวอนชิกที่เหมือนว่าทั้งสองคนนั้นจะดูสนิทสนมกันมากเกินกว่าแค่เพื่อนกันธรรมดา
และยิ่งตอนที่เห็นฮัคยอนยื่นหน้าขึ้นไปจุ๊บที่ข้างแก้มของวอนชิกแบบนั้นด้วยแล้ว
ความโกรธความริษยาในตัวมันก็ยิ่งก่อตัวเพิ่มมากขึ้น
แทคอุนขบกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์ไม่ให้มันบันดาลโทสะออกไปมากกว่านี้
แล้วจึงรีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด เมื่อเขาต้องเดินกลับเข้าไปตรงที่จุดเดิมที่เขาได้เคยยืนกับฮัคยอนอยู่ก่อนหน้านั้น
ซึ่งในตอนนี้ ที่ตรงนั้นเหลือเพียงแค่วอนชิกที่ยังยืนค้างอยู่คนเดียว
เพราะว่าฮัคยอนได้ขับรถออกไปแล้วนั้นเอง
สวบ
“อ้าว?
แทคอุน? นึกว่านายกลับเข้าไปข้างในแล้วไม่ใช่เหรอ?” วอนชิกทำหน้างงและนึกแปลกใจที่เห็นแทคอุนเดินกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“เอ่อ
คือมีธุระต้องรีบไปน่ะ” แทคอุนตอบไปแบบปัดๆพร้อมทั้งรีบสาวเท้าก้าวยาวๆไปที่รถของตัวเองที่(บังเอิญ)จอดอยู่ตรงนั้นพอดี
โดยที่สายตาคมก็แอบลอบมองไปยังทิศของรถ Audi R8 ของฮัคยอนที่ยังชะรอรถอยู่ที่ปากทางเข้าผับเพื่อรถให้ทางรถว่างแล้วจะได้ขับออกไป
“หา?
เดี๋ยว...” วอนชิกกำลังจะร้องถามแทคอุนต่อ แต่ทว่า แทคอุนก็ไม่อยู่รอฟังอะไร
รีบปิดประตูรถและสตาร์ทเครื่องทันที
บรื้น~นน
วอนชิกได้แต่ยืนงงมองตามท้ายรถหรูของเพื่อนตัวเองไปอย่างไม่สามารถเข้าใจอะไรได้
“อะไรของมันว่ะ
อยู่ๆก็รีบออกไปอย่างนั้น” วอนชิกส่ายหัวไปมาอย่างไล่ความคิดอันไม่มีประโยชน์ออกไปจากหัว
แล้วจากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในผับอีกครั้ง
-ด้านฮัคยอน-
ฮัคยอนกระตุกยิ้มอย่างคนมีแผนการ
อันที่จริงๆแล้วนั้น ฮัคยอนน่ะรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่า แทคอุนที่บอกว่าจะกลับเข้าไปในผับ
แต่จริงๆเขาก็แค่เดินออกไปแอบหลบมุมเฝ้ามองฮัคยอนกับวอนชิกอยู่ที่ตรงมุมเสาข้างประตูเท่านั้นเอง
เพราะรู้อยู่อย่างนั้นไงล่ะ ฮัคยอนเลยนึกสนุกขึ้นมา
ก็เลยแกล้งจุ๊บแก้มวอนชิกให้แทคอุนเห็น เพราะอยากรู้ว่ามันจะให้แทคอุนรู้สึกเจ็บใจหรืออะไรบ้างรึเปล่า?
หึ
และมันก็เหมือนว่าจะได้ผลไปตามที่ฮัคยอนคาดเอาไว้เสียด้วยสิ
ฮัคยอนไม่ได้ขับรถไปตามเส้นทางกลับห้องพักของฮัคยอนอย่างที่แทคอุนคาด...
แต่เส้นทางที่ฮัคยอนกำลังมุ่งหน้าไปนั้น มันเป็นทางไปยังเขตยงซาน
แทคอุนก็ได้แต่นึกคิดสงสัยอยู่ในใจคนเดียวว่า
ทำไมฮักยอนถึงได้ที่ขับรถไปทางนั้นกัน?
แต่ถึงแทคอุนจะสงสัยไปให้ตายยังไง
ตอนนี้เขาก็คงไม่ได้คำตอบมันอยู่ดีนั่นแหละ
เพราะงั้นแทคอุนก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องพยายามทำใจเย็นๆ
และก็ขับรถไล่ตามรถของฮัคยอนไปแบบนั้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่
ไฟท้ายของรถฮัคยอนก็กระพริบขึ้นเป็นสัญญาให้รู้ว่า
ฮัคยอนกำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปทางด้านซ้ายมือ
ซึ่งทางที่รถของฮัคยอนกำลังจะเลี้ยวเข้าไปนั้นมันคือทางเข้าโรงเรียนมัธยมปลายยงซาน
ฮัคยอนขับรถเลี้ยวเข้าไปเขตในโรงเรียนได้อย่างง่ายดาย
เพราะว่ารั้วประตูทางเข้าด้านหน้ามันเปิดรอไว้อยู่แล้วนั้นเอง
แน่นอนเลยว่า
แทคอุนที่ขับรถตามหลังรถฮัคยอนมานั้น
เมื่อเห็นว่าฮัคยอนเลี้ยวรถเข้าไปในสถานที่ที่ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นได้เลยซักนิดเดียว
ที่มันจะมีใครเปิดต้อนรับหรืออนุญาตให้ใครก็ได้เข้าไปในนั้นได้ในยามวิกาลเช่นนี้
แทคอุนประหลาดใจจนพูดไม่ออกเลยล่ะ
แต่ก็นั้นแหละ ถึงจะรู้สึกแปลกใจมากแค่ไหน
แต่สุดท้ายแล้วแทคอุนก็ยังคงขับรถตามฮัคยอนเข้าไปในโรงเรียนเก่าของพวกเขาอยู่ดี
แกร๊ก...ปึง
ฮัคยอนขับรถเข้ามาจอดไว้ที่หน้าตึกเรียนตรงที่มันตั้งอยู่ตรงข้ามกันกับสนามฟุตบอล
ฮัคยอนจอดรถเสร็จก็ลงจากรถมายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ข้างประตูรถอย่างใจเย็น
และรอดูว่าเจ้าของรถที่ขับตามตัวเองเข้ามานั้นจะทำยังไงต่อ
ฟู่~
สวบ สวบ
แทคอุนจอดรถเสร็จก็รีบเปิดประตูลงจากรถ
และรีบเดินเข้าไปหาฮัคยอนที่คิดว่าก็คงจะยืนรอตัวเองอยู่แน่ๆ
แม้ว่าในตอนนี้
แทคอุนจะเดินเข้ายืนอยู่ตรงหน้าของฮัคยอนแล้วก็ตามเถอะ แต่ทว่า
สายตาที่เหมือนอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ของฮัคยอนคู่นั้นก็ยังคงไม่ได้มองมาที่แทคอุนเลยแม้สักวินาที
ฟู่~
ฮัคยอนสูบอัดบุหรี่เข้าไปจนเต็มปวดและจึงค่อยๆปล่อยควันสีขาวขุ่นของมันออกมายาวๆช้าๆจนหมดควันที่สูบเข้าไป
และฮัคยอนก็กำลังจะยกมันขึ้นมาสูบต่ออีกครั้ง แต่ทว่า...
หมับ
มือสวยข้างที่ใช้สองนิ้วเรียวคีบบุหรี่สีขาวมวนเล็กอยู่ของฮัคยอนที่พึ่งจะยกมันขึ้นมาจ่อค้างอยู่ที่ริมฝีปากเล็ก
มันก็ได้ถูกฝากมือใหญ่ของแทคอุนฉวยจับรั้งที่ข้อมือเล็กข้างนั้นของฮัคยอน
แทคอุนดึงข้อมือของฮัคยอนให้ห่างออกมาจากริมฝีปากของฮัคยอนเพียงเล็กน้อย
เพียงพอให้ตัวเองได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้าหวานของฮัคยอน เพื่อที่จะใช้ปากเข้าไปคาบที่ตรงก้นบุหรี่ที่สองนิ้วเรียวของฮัคยอนคีบมันอยู่นั้นเข้ามาสูบด้วยบ้าง...
ฮัคยอนจ้องมองไปที่บุหรี่ในมือของตัวเองที่ได้สูบมันไปแล้วกว่าครึ่งมวน
ที่ ณ ตอนนี้ทั้งมือและบุหรี่มวนนั้นของฮัคยอน
มันก็ได้ถูกย้ายไปจ่ออยู่ที่ตรงหน้าของแทคอุนแทนแล้ว
คิดจะทำอะไร? ...แย่งมันไปสูบต่อจากผมงั้นเหรอ? ฮัคยอนก็แค่คิดมันอยู่ในใจ
โดยไม่ได้พูดหรือว่าแสดงท่าทางว่ากำลังสงสัยหรือว่าอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
นอกจากแค่
ฮัคยอนยังคงนิ่งเฉย
ปล่อยให้แทคอุนทำตามความต้องการโดยไม่ได้ขัดขืนหรือแสดงท่าทีใดๆออกมาว่าชอบหรือไม่ชอบที่แทคอุนทำแบบนั้น
นอกจากความนิ่งเฉยราวกับคนที่ตายด้าน(?)ไร้ความรู้สึกแล้ว
ก็เดาไม่ออกเลยว่าในตอนนี้ ฮัคยอนกำลังคิดหรือว่ารู้สึกอะไรอยู่บ้าง?
มันให้ตอบอะไรไม่ได้เลย...กับท่าทีที่นิ่งเฉยไร้การตอบรับแบบนั้นของฮัคยอน
แม้กระทั่งว่าในตอนนั้นแทคอุนแกล้งยื่นใบหน้าสุดหล่อของเขาเข้าไปใกล้ชนิดที่แบบแทบติดชิดกับใบหน้าสวยของตัวเองเลยขนาดแล้วก็เถอะ
แต่สิ่งที่ฮัคยอนแสดงออกมาก็ยังคงเป็นความนิ่งเฉยเหมือนเดิม
มันโคตรน่าแปลกใจเป็นบ้าเลย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็...ป่านนี้ฮัคยอนคงจะอายม้วนจนตัวแดงไปทั้งตัวแล้วแน่
ไม่นิ่งเฉยอยู่แบบนี้หรอก
เมื่อเห็นว่าฮัคยอนยังคงนิ่งเฉยใส่ตัวเองอยู่แบบนั้น
แทคอุนก็เลยจงใจใช้แรงดันข้อมือเล็กของฮัคยอน เพื่อให้มือและสองนิ้วเรียวที่คีบมวนบุหรี่อยู่ของฮัคยอนให้เข้ามาแนบชิดกับริมฝีปากอุ่นของตัวเองให้มันแนบแน่นที่สุด
จนแยกไม่ออกแล้วว่าสิ่งที่แทคอุนต้องการคือ สูบบุหรี่หรือว่าต้องการจูบนิ้วมือนิ่มของฮัคยอนกันแน่?
แต่มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่า
คนอย่างจองแทคอุนน่ะ ไม่เคยทำอะไรโดยไม่หวังผลประโยชน์หรอก อันไหนที่ทำแล้วมันได้กำไรน่ะ
จองแทคอุนคนนี้ไม่เคยพลาดมันแน่นอน
ก็ยกตัวอย่างเช่นว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ยังไงล่ะ
ทั้งสูบบุหรี่และก็บดจูบทั้งสองนิ้วมือนิ่มของฮัคยอนไปด้วยพร้อมๆกันเลยยังไงล่ะ
นี่แหละวิถีของคนฉลาด!
แทคอุนจ้องมองเข้าลึกไปในแววตาสีรัตติกาลของฮัคยอนอย่างต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง...ในยามที่เขาทั้งสองได้สบตากัน
ในจังหวะเดียวกันกับที่แทคอุนกดปากจูบเน้นๆที่นิ้วมือนิ่มของฮัคยอนและค่อยๆสูบบุหรี่ของฮัคยอนเข้าไปอย่างช้าๆ
อย่างหวังที่จะได้เห็นท่าทีอื่นมากว่าความนิ่งเฉยของฮัคยอนแบบนี้
ฮัคยอนรู้ว่าแทคอุนต้องการอะไร
แต่ว่า...เสียใจด้วยที่ในตอนนี้
สิ่งที่แทคอุนต้องการจากฮัคยอนนั้นมันเป็นไปได้ยากเสียแล้ว
ถึงแม้ว่าฮัคยอนจะรู้ว่าโดนแทคอุนฉวยโอกาสเอาเปรียบตัวเองด้วยวิธีตื้นๆแบบนั้นอยู่ก็ตาม
แต่ว่าฮัคยอนก็ไม่คิดจะสนใจอะไรกับมันหรอก ก็แค่การโดนเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆ
...ไว้ค่อยไปเก็บยอดทีเดียวเอาแบบทบต้นทบดอกในตอนจบเลยมันก็ยังไม่สาย
เพราะอย่างงั้นตอนนี้ก็จะปล่อยให้ทำตามใจไปก่อนแล้วกัน
..หึหึ
-ครู่ต่อมา-
หลังจากที่จบฉากแชร์บุหรี่กันสูบเสร็จไปจนถึงฉากจูบที่ร้อนแรง
แต่มันเป็นจูบไร้ความหอมหวาน เป็นจูบที่ร้อนแรงที่มีเพียงแค่กลิ่นหอมเย็นของกลิ่นมิ้นต์จากบุหรี่และรสชาติจางๆของแอลกอฮอล์ที่ยังคงติดลิ้นของทั้งสองคนที่ได้ดื่มมันมาก่อนหน้านี้...
เพราะงั้นจะบอกว่าจูบนี้ของพวกเขา คงเป็นแค่การจูบล้างกลิ่นคาบของบุหรี่และแอลกอฮอล์ให้กันและกันเพียงเท่านั้นก็ได้
เพราะการจูบนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย...สำหรับชาฮัคยอน
แต่สำหรับจองแทคอุนนั้น...ก็ไม่รู้สินะ?
“ที่ตรงนี้..”
ฮัคยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้เดินนำแทคอุนมาที่ข้างบันไดลงไปสนามฟุตบอล
และมันก็เป็นคำพูดแรกที่ฮัคยอนพูดออกมาหลังจากที่เข้ามาในนี้
“...”
แทคอุนเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆฮัคยอน และรอฟังว่าฮัคยอนจะพูดอะไรอยู่เงียบๆ
“ครั้งแรกที่ผมได้เจอคุณ
คือที่ตรงนี้แหละ” ฮัคยอนยังคงใช้ภาษาสุภาพพูดกับแทคอุนอย่างต้องการสร้างระยะห่างเช่นเดิม
“...”
สีหน้าแทคอุนเปลี่ยนไปอยู่ไม่น้อย
เมื่อยังได้ยินฮัคยอนใช้ภาษาพูดที่มันดูห่างเหินกับตัวเองอยู่แบบนั้น
ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ยังยอมให้จูบ...อย่างนั้นเลยแท้ๆ
แต่ทำไม?
“ผมยังจำมันได้แม่นว่า
ร่างกายของผมมันปั่นป่วนและใจก็เต้นแรงเอามากๆในตอนที่ได้เห็นหน้าคุณครั้งแรก ในตอนบ่ายของวันนั้น...สัปดาห์แรกของภาคเรียนที่สองของชีวิตนักเรียนม.ปลายปี
2 ห้อง 4 ของผม” ฮัคยอนเล่าถึงอดีตของวันวานที่ตัวเองยังไม่เคยบอกกับแทคอุนด้วยสีหน้าและน้ำเสียงปกติ
แต่แทคอุนได้ยินแล้วค่อนข้างทำให้เขารู้สึกแปลบๆอยู่ในใจแปลก
“หลังจากวันนั้น
ผมก็เริ่มมองหาคุณ ผมอยากรู้ ชื่อของคุณ ชั้นปีที่คุณเรียน
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นคุณ ผมอยากรู้ทุกอย่าง แต่ผมก็ขี้ขลาด ผมไม่มีความกล้า
แม้แค่จะเอ่ยถามเรื่องของคุณจากเพื่อนหรือว่าใคร...หึ
ผมเนี่ยมันไม่ได้เรื่อง ไม่เอาไหนเลยว่ามั้ยครับ” ฮัคยอนทำเสียงหึขึ้นมาอย่างนึกสมเพชตัวเองในอดีต
“ฮัคยอน...”
แทคอุนกำลังจะเอื้อมมือออกไปแตะที่ไหล่เล็กของฮัคยอน แต่ว่า
ฮัคยอนก็เบี้ยงตัวหลบจากมือแทคอุน และเดินนำไปอีกทาง
โดยไม่ได้หันกลับมาสนใจอะไรเลยสักนิดว่า
สีหน้าแทคอุนมันดูแย่แค่ไหนที่โดนฮัคยอนปฏิเสธไปแบบนั้น
ฮัคยอนเดินเข้ามาในส่วนของตึกกลางที่เป็นที่ตั้งของห้องวิชาการ
ที่ที่มีความทรงจำของฮัคยอนและแทคอุนอยู่
“ที่ระเบียบตรงนี้”
ฮัคยอนยืนมองลงไปที่ที่นั่งตรงระเบียงหน้าห้องวิชาการ
ตรงที่ที่มีความทรงจำซ่อนอยู่
“อืม ที่ตรงนี้น่ะ
ชั้นยังจำได้ไม่เคยลืมเลยล่ะ
เพราะว่ามันเป็นความทรงจำที่ทำให้ชั้นรู้สึกอึ้งทึ้งสุดๆไปเลยล่ะตอนนั้น”
แทคอุนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขำเล็กน้อย เมื่อได้นึกย้อนไปในเหตุการณ์สุดเซอร์ไพรส์ในครั้งนั้น
“ก็งั้นคงอย่างนั้น
เพราะผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะกล้าทำเรื่องบ้าน่าอายแบบนั้นลงไปได้ หึ
ในตอนนั้น ผมคงกลายเป็นคนที่ดูใจกล้า...สำหรับคุณเลยสินะครับ”
“เอ๊ะ? ก็...เออ
ไม่รู้สิ ตอนนั้นชั้นแค่รู้สึกตกใจและทั้งอึ้งทั้งงงมากๆ
เพราะว่านายวิ่งหนีไปทันทีที่นายบอกว่า นายชอบชั้น”
“คุณจะเชื่อมันหรือไม่ก็ตาม
แต่ว่าผมน่ะ
ใช้เวลารวบร่วมความกล้ามาเกือบทั้งเทอมเพื่อจะบอกความรู้สึกของผมกับคุณว่า...”
ฮัคยอนพูคค้างไว้อย่างนั้นแล้วจึงค่อยๆหันหน้าไปมองสบตากับแทคอุนอย่างจริงจังและพูดสิ่งที่เหลือค้างไว้อยู่ว่า
“ผมชอบคุณนะแทคอุน”
ตึก ตัก
“ฮัคยอน”
แทคอุนรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินคำนั้นจากฮัคยอน
“คุณรู้ไหมว่าตอนนั้นผมอายมากแค่ไหน
ผมอายมากๆจนไม่กล้ามองหน้าใคร แม้แต่เพื่อนของผม ผมอายมาก
ผมอายจนต้องกอดเข่าก้มหน้าร้องไห้คนเดียวอยู่ที่หน้าห้องสมุดเลยล่ะ หึ
น่าสมเพชชะมัด”
แปะ
“ฮัคยอน”
แทคอุนเอื้อมมือขึ้นไปแตะที่ไหล่เล็กของฮัคยอนเบาๆ โดยที่ในครั้งนี้เขาไม่ถูกฮัคยอนปฏิเสธเหมือนเช่นรอบที่แล้ว
แทคอุนจึงค่อยรู้สึกชื่นใจขึ้นมาได้หน่อย
“ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้
ผมอาจจะไม่ทำแบบนั้น”
ฮัคยอนพูดจบก็ยกยิ้มให้แทคอุนจางๆโดยที่ในสายตาที่มองแทคอุนก็มีนัยบางอย่างแอบซ่อนอยู่ด้วย
“...”
แทคอุนไม่รู้ว่ารอยยิ้มจางๆและสายตาของฮัคยอนที่มองมาที่ตัวเองแบบนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่
แต่ว่ามันก็ทำให้แทคอุนรู้สึกหวั่นกลัวอยู่ในใจแปลกๆเช่นกัน
-ครู่ต่อมา-
แกร๊ก เอี๊ยด...
ฮัคยอนผลักประตูบานใหญ่ของหอประชุมเปิดเข้าไปด้านช้าๆ แล้วจากนั้นฮัคยอนก็จึงเดินนำแทคอุนลงไปที่ตรงเวทีด้านล่างที่ตรงกลางเวทีนั้นมีเปียโนสีขาวหลังหนึ่งตั้งอยู่
แทคอุนเดินตามหลังของฮัคยอนไปเงียบๆโดยที่ในหัวก็เต็มไปด้วยความคิดมากมายที่กำลังตีกันยุ่งเยิง
เพราะว่าตัวเองยังเดาไม่ออกว่าฮัคยอนกำลังจะทำอะไรอยู่กันแน่
ท่าทีเย็นชา...
ทำตัวเหินห่าง...
ไม่โวยวายทั้งที่จับได้ว่าถูกนอกใจ...
กลับมาที่โรงเรียนเก่า...
จูบที่ไม่หวานเหมือนเดิม...
เล่าเรื่องในสมัยก่อนที่ไม่เคยรู้...
กลับมาย้อนความทรงจำในวันเก่าๆ...
ทุกอย่างที่ทำ...เพื่ออะไรกันแน่?
ตึง!
ในขณะที่แทคอุนกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ฮัคยอนได้เดินเข้าไปนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังเปียโนตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเสียงเปียโนที่เริ่มบรรเลงขึ้นมานั้น มันก็ได้ดึงให้แทคอุนหลุดออกมาจากโลกแห่งความคิดวุ่นวายของตัวเอง
“...” แทคอุนยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ราวกับโดนสะกดเอาไว้กับเสียงเพลงที่บรรเลงด้วยเปียโน
บทเพลงที่ฮัคยอนกำลังบรรเลงเล่นมันอยู่ในตอนนี้
เป็นบทเพลงที่ได้ฟังแล้ว มันทั้งให้ความรู้สึกถึงสวยงามและแสนเศร้าในเวลาเดียวกัน
ณ ตอนนี้ เหมือนว่าทั้งร่างกายและหัวใจของแทคอุนมันจะถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว อยู่ๆความรู้สึกผิดที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นมา
ยิ่งได้จ้องใบหน้าสวยที่นิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลยของฮัคยอนแบบนั้น หัวใจของแทคอุนก็เหมือนถูบบีบแน่นจนแทบแหลก...
"ฮัคยอน"
บทเพลงที่สวยงามและแสนเศร้าที่บรรเลงเล่นโดยฮัคยอนยังคงบรรเลงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยมีผู้ฟังเพียงหนึ่งเดียวคือ แทคอุน ที่เหมือนว่าทั้งร่างกายและหัวใจจะถูกสาปให้เป็นหินขยับไปไหนไม่ได้ แต่ทว่า ความรู้สึกที่เหมือนว่าหัวใจถูกมือของใครสักคนบีบคั้นแน่นจนมันแทบแหลกคามือแบบนี้....มันอะไรกัน?
นอกจากจะรู้สึกว่าหัวใจถูกบีบแบบนั้นแล้ว แทคอุนก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเรื่อยๆอีกด้วย ยิ่งบทเพลงของฮัคยอนบรรเลงไปมากแค่ไหน ความรู้สึกข้างในของแทคอุนมันก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปมากเท่านั้น
ทำไมกัน?
ภาพคืนวันเก่าๆที่มีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความสุข ที่แทคอุนกับฮัคยอนเคยมีร่วมกันมันค่อยๆไหลเวียนเข้ามาในหัวของแทคอุนคล้ายภาพที่บันทึกอยู่ในม้วนฟิล์มที่มันเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆของทั้งสองคนเอาไว้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มสวยหรือว่าถ้อยคำที่อ่อนหวานความจริงใจของฮัคยอนที่มีให้เพียงแทคอุน แต่ทว่า แทคอุนก็ไม่เคยมองเห็นค่าของมันเลยสักครั้ง ไม่ว่าฮัคยอนจะพยายามทำอะไรเพื่อเขามากน้อยแค่ไหนก็ตาม ...แทคอุนก็ไม่เคยสนใจให้ความสำคัญกับมันอยู่ดี เพราะคิดว่าฮัคยอนน่ะรักตัวเองมากและยอมทำให้ตัวเองได้ทุกอย่าง เพราะงั้นไม่ว่ายังไงซะ ฮัคยอนก็คงจะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากตัวเองได้แน่นอน
นั้นแหละ เพราะความแสนดีที่ดูเหมือนเป็นคนโง่ของฮัคยอนแบบนั้น แทคอุนก็เลยได้ใจจนเห็นฮัคยอนเป็นแค่ของตาย ที่ไม่ว่าจะปล่อยทิ้งขว้างเอาไว้ยังไงก็ได้...ตามแต่ใจตัวเองต้องการ
ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้? ที่แทคอุนเริ่มมองไม่เห็นความรู้สึกของฮัคยอน และออกไปเที่ยวสนุกลึกซึ้งกับใครต่อใครมากมายตลอดเวลาที่ผ่านมา...ทั้งๆที่มีฮัคยอนอยู่
แต่แทคอุนก็ทำมันตามความต้องการของตัวเองโดยที่ไม่เคยรู้สึกผิดอะไรต่อฮัคยอนเลยสักนิด ไม่เลย เขาไม่เคยคิดถึงหน้าฮัคยอนเลยสักครั้ง ทั้งที่อยู่บนเตียงกับคนอื่นก็ตาม
แต่ทว่า ตอนนี้...ความรู้สึกผิดมากมายต่อฮัคยอน กับเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาและความเห็นแก่ตัวของตัวเองที่ได้ทำแย่ๆลงไป... มันกำลังสะท้อนเข้ามาเล่นงานแทคอุนอย่างหนักเลยล่ะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่นัยน์ตาสีรัตติกาลของฮัคยอนเข้ามาจ้องมองที่ผมในระยะใกล้เพียงแค่เอื้อมมือแบบนี้? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เสียงบรรเลงเปียโนหยุดลง...แต่ตั้งเมื่อไหร่? ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกตัวเลย?
สวบ
แม้แต่ ณ ตอนนี้เองก็ด้วย ที่ทั้งร่างกายของผมมันแทบขยับไปไหนไม่ได้ เหมือนคล้ายว่าผมโดนสาปให้เป็นหินไปแล้วจริงๆ
"ฮัคยอน" เสียงแผ่วเบาของแทคอุนที่เอ่ยเรียกชื่อของคนที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของตัวเอง
หมับ
"..." ฮัคยอนจับมือข้างหนึ่งของแทคอุนขึ้นมาแบออก และจากนั้นฮัคยอนก็ล้วงเอาอะไรบางอย่างที่ตัวเองเก็บมันไว้อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเอามันวางใส่ฝ่ามือของแทคอุน ก่อนที่นัยน์ตาคู่สวยสีรัตติกาลของฮัคยอนจะเหลือบขึ้นมองสบตากับแทคอุนนิ่งและพูดขึ้นมาว่า "ถึงเวลาที่มันต้องกลับไปอยู่กับเจ้าของของมันแล้ว"
ต่างหูเล็กๆข้างหนึ่งมีเพชรเม็ดเล็กฝั่งอยู่ตรงกลาง เป็นต่างหูที่แทคอุนซื้อมาใส่คู่กับฮัคยอนในวันครบรอบเมื่อสามปีก่อน
"..." แทคอุนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลที่ว่างเปล่าของฮัคยอนอย่างต้องการค้นหาสิ่งที่อาจจะซ่อนอยู่ข้างในนั้น ...แต่ไม่ว่าจะจ้องมองลึกเข้าไปยังไง สุดท้ายแล้ว สิ่งที่แทคอุนเห็นก็ยังคงเป็นแค่ความว่างเปล่าอยู่เท่านั้น
"ฮัคยอน" เสียงจากแทคอุนเริ่มมีความเว้าวอนอย่างที่สุด
"คุณเรียกชื่อผมบ่อยไปนะครับ หรือว่าคุณกลัวว่าจะจำชื่อของผมไม่ได้เหรอครับ หึ" ฮัคยอนพูดประชดเสียงนิ่ง แล้วจึงละมือออกมาจากมือของแทคอุน แต่ทว่า...
หมับ
"ฮัคยอน" แทคอุนรีบรั้งข้อมือของฮัคยอนเอาไว้ก่อนที่ฮัคยอนจะหันหลังให้
"อะไรครับ?" ฮัคยอนจ้องมองไปที่ข้อมือที่ถูกมือใหญ่ของแทคอุนกำเอาไว้แน่นก่อนจะค่อยๆเหลือบตาขึ้นไม่สบตากับแทคอุนตรงๆนิ่งๆ
"..."
"..."
"...ขอโทษ" ทำใจอยู่นานกว่าที่แทคอุนจะยอมเอ่ยคำพูดที่มันสะท้อนก้องอยู่ในใจตัวเองออกมาได้
"..." แววตาของฮัคยอนวูบไหวไปอยู่แวบหนึ่งในตอนที่ได้ยินคำว่าขอโทษจากแทคอุน แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้นแล้วมันก็กลับมานิ่งเหมือนเหมือนเดิม
"ฮัคยอน" ทั้งที่มีคำพูดที่อยากพูดออกมาอยู่มากมายในใจ แต่ทว่า แทคอุนก็ไม่สามารถเอ่ยพูดมันออกมาได้ เพราะสายตาของฮัคยอนที่มองมาที่แทคอุนมันว่างเปล่าจนไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้ นอกจากจะพูดไม่ออกแล้วมันยังรู้สึกเจ็บปวดมากๆด้วย
"อืม อยากให้ผมบอกคำนั้นกับคุณมั้ย?" คำถามเรียบๆจากน้ำเสียงนิ่งที่ไร้แววเมตตาจากฮัคยอน มันช่างเป็นเครื่องมือที่ใช้ทำร้ายแทคอุนได้ง่ายดายเหลือเกินตอนนี้
"..." แววตาของแทคอุนเริ่มฉ่ายแววแห่งความเจ็บปวดเสียใจออกมาเรื่อยๆ เมื่อเริ่มรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
"ปล่อยมือจากผม แล้วเราก็ต่างคนต่างไปเถอะครับ ให้ทุกอย่างมันจบลงแค่ตรงนี้"
ฮัคยอนสบตาพูดกับแทคอุนอย่างหวังให้แทคอุนได้เข้าใจ แม้ว่าภายในใจของฮัคยอนตอนนี้มันจะร้อนรุ่มรุกเป็นไฟ จนแทบอยากอาละวาดออกมามากแค่ไหน แต่ว่าฮัคยอนก็ต้องทนเก็บซ่อนมันเอาไว้ ไม่ให้มันหลุดออกมาเด็ดขาด เพราะว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา...มันยังไม่ใช่ตอนนี้ ฮัคยอนจะระเบิดทุกอย่างออกมาตอนนี้ไม่ได้
ก็ผมน่ะ ยังไม่ได้แก้แค้นเอาคืนคนที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวดเสียใจเลยนี่น่า คิดว่าผมจะยอมให้มันผ่านไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?
ผมเคยเจ็บปวดยังไง เสียใจมามากแค่ไหน...ต่อไปนี้ ก็คือคุณบ้างแล้วล่ะ จองแทคอุน


-ช่วงต่อมา-
แจฮวานพาฮัคยอนกลับมาที่คฤหาสน์ดำโดยที่ไม่มีใครได้เอ่ยพูดอะไร
จนกระทั่งขึ้นมาส่งฮัคยอนถึงบนห้องนอน บทสนทนาของพวกเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้น
ฮัคยอนเดินไปยืนรับลมที่นอกระเบียงห้องและหยิบเอาบุหรี่ที่พกติดตัวอยู่ขึ้นมาจุดไฟอีกครั้ง
ฟู่ ควันสีขาวหม่นค่อยๆถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากช้าๆ
อย่างดูใจเย็น คล้ายกับอารมณ์ของเจ้าตัวที่ตอนนี้ความเดือดพล่านในใจมันได้เริ่มสงบลงมาบ้างแล้วนั้นเอง
ฮัคยอนเป็นคนใจร้อน
แต่ก็เยือกเย็นด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บอารมณ์เก่ง จึงยากที่จะดูออกว่าภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้น ซ่อนอะไรไว้อยู่บ้าง
ฮัคยอนเป็นคนที่มีปกตินิสัยสลับขั่ว
หรือที่เรียกว่ามีนิสัยการแสดงออกตรงข้ามความรู้สึกนั่นเอง อย่างเช่นว่า หากว่ากำลังโมโหอยู่ก็จะแสดงอารมณ์ออกมาเป็นความนิ่งจนดูเยือกเย็น
เพื่อเก็บซ่อนความร้อนรนในใจไม่ให้ใครรู้ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือ ยิ่งโกรธก็ยิ่งเยือกเย็นแบบนั้นก็ได้
นั่นแหละฮัคยอน
และที่สำคัญ เมื่อมาถึงจุดนั้นแล้วล่ะก็ ความเลือดเย็นจะทำให้การตัดสินใจของฮัคยอนนั้นเด็ดขาด...จนน่ากลัว
สวบ
หมับ
ร่างสูงที่ดูตัวใหญ่กว่าฮัคยอนอยู่เล็กน้อยของแจฮวาน
เดินเข้ามาโอบกอดเอวบางของฮัคยอนจากด้านหลังด้วยความโหยหาย
"นานเหลือเกินนะ
มันนานเหลือเกินที่ชั้นไม่ได้กอดนายแบบนี้" ถ้อยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่เต็มแน่นไปด้วยความรู้สึกคิดถึงสุดหัวใจของแจฮวาน ที่ได้กระซิบบอกให้ฮัคยอนได้รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของเขาผ่านทั้งถ้อยคำและสัมผัสโอบกอดอยู่ในตอนนี้
"มันทรนานนะ รู้มั้ย? เพราะงั้นก็อย่าหายจากชั้นไปอีกเลยนะฮัคยอน"
"คนทรยศอย่างชั้นก็ยังมีค่าพออยู่สินะ..."
ฮัคยอนพูดเสียงอ่อนพร้อมทั้งเอนศรีษะลงไปพิงซบกับศรีษะของแจฮวานด้วยอย่างตั้งการพักพิง
สองมือเรียวของเขาก็วางทาบลงไปกอดทับไว้บนทั้งสองท่อนแขนแกร่งของแจฮวานด้วยอย่างต้องการตอบรับความรู้สึกนั้นของแจฮวาน
"ชั้นน่ะ เรื่องที่มันผ่านมามันก็เป็นแค่อดีต
ชั้นไม่สนหรอก" แจฮวานบอกเสียงหนักแน่น ก่อนจะย้ำบอกถึงสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงนั้นอย่างแน่วแน่ว่า
"สำหรับชั้น ปัจจุบันกับอนาคตต่างหากคือสิ่งที่ชั้นต้องการ นายเข้าใจมันใช่มั้ย
ฮัคยอน"
"นายรู้ดีว่าชั้นมันเป็นยังไง
หากนายรับได้...ชั้นก็ไม่ปฏิเสธนายหรอกนะ แจฮวาน"
"หึ แน่นอนเลยว่าสำหรับนายน่ะ ต่อให้หัวใจดวงนี้ของชั้นมันจะเจ็บปวดมากกว่าที่เคย
ชั้นก็ยังอยากกอดไว้อยู่ดี"
"อ่า รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยเลยแหะ
แต่ว่า ชั้นมันก็แค่ปีศาจร้าย ที่ชอบทรมานคนอื่นอยู่แล้วนี่ จริงมั้ย?" ฮัคยอนกระตุกยิ้มร้ายขึ้นเมื่อพูดประโยคนั้นออกมา
"ก็เอาเลยสิ
ตามที่นายต้องการ ทาสของนายอย่างชั้นคนนี้ มันก็พร้อมที่จะตอบสนองยอมให้นายได้บดขยี้มันเท่าไหร่ก็ได้ ตามที่ใจนายต้องการอยู่แล้ว"
แจฮวานเอ่ยบอกกับฮัคยอนพร้อมทั้งไล่จูบดมไปทั่งลำคอหอมและลาดไหล่มนของฮัคยอนไปมาด้วยความกระหายอยาก...
"งั้นเหรอ...อ่า
แต่ทำไงดีล่ะ"
"หืม?"
"คืนนี้ชั้นคงอ่อนล้า
ไร้แรงเกินจะบดขยี้นายได้อย่างนั้น แต่ว่า..."
"แต่ว่า?"
"คืนนี้ ให้เป็นนายบดขยี้ชั้น...แทนจะดีกว่ารึเปล่า?" ฮัคยอนเอ่ยถามเสียงพร่าอย่างลองเชิง
"ถ้านายพูดแบบนั้น...มันก็ย่อมได้อยู่แล้ว"
แจฮวานยืดตัวขึ้นแล้วเกี่ยวปลายคางมนของฮัคยอนให้หันหน้ามามองสบตากัน ก่อนจะเอ่ยพูดถ้อยคำลึกซึ้งด้วยแววตาร้อนแรงว่า
"คืนนี้ ชั้นจะทำให้นายลืมทุกอย่าง จนนายต้องรู้สึกถึงแต่ชั้น
เห็นแค่ชั้น สัมผัสเพียงชั้นและความสุขที่มีกับชั้นแค่คนนี้คนเดียว"
"หืม ฟังดูน่าสนใจจังแหะ งั้นก็ช่วยโอบกอดชั้นไว้ด้วยความสุขนั้นของนายด้วยนะ
แจฮวาน"
"แน่นอน
ด้วยความรักของชั้นทั้งหมดที่มีเพียงแค่นาย ชั้นจะทำให้นายมีความสุขจนลืมทุกอย่าง ฮัคยอน"
-สัปดาห์ต่อมา ช่วงบ่ายที่มหาลัยxxx-
(พาร์ทแทคอุน)
สายตาที่จ้องมองกันของพวกเขา
กับสายตาคู่เดียวที่ยังเหมือนเดิมของผม (สายตาของผู้แพ้)
อ่า ฮัคยอนนายช่างดูอารมณ์ดี ดูสบายดี ดูมีความสุขจังเลยนะ เมื่ออยู่กับเขา...ที่มันไม่ใช่ผม
แต่ยิ่งได้เห็นนายดี...ตัวผมก็ซ้ำลึกในใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่พอใจอะไรหรอกนะ ก็มันเห็นว่านายมีรอยยิ้มสว่างสดใสเพราะเขานี่น่า หัวใจของผมมันก็รู้สึกเจ็บปวด
ภาพนายที่ผมเห็นในตอนนี้คือความสวยงามที่แสนเศร้า
ก็สายตานายเอาแต่จ้องมองเขา แล้วสายตาผมล่ะ ควรมองไปที่ไหน? นายถึงจะเห็นสายของผมที่มองนายอยู่ตรงนี้...
ดวงตาของนายที่ผมไม่ได้มองเห็นเลยเมื่อก่อน ก็เลยพึ่งรู้ว่ามันสายไป ในตอนที่เหลือแค่ผมคนเดียว ..ได้แต่หลับตาลงยอมทนกับความรู้สึกข้างในที่มันปวดร้าว
ผมลืบตาขึ้นมามองนายอีกครั้ง ผมจ้องมองไปเพียงนาย ก็ข้างในนี้...มันคิดถึงแต่นาย มีเพียงแค่นายตอนนี้ ...ฮัคยอน
ผมไม่ได้เกลียดเขา ไม่ได้เกลียดเขาเลย เพราะเขาสามารถทำให้นายยิ้มได้ราวกับเทวดาตัวน้อย มันก็เลยแค่ทำให้ผมรู้สึกอิจฉาและปวดร้าวข้างใน
ก็คงจะไม่ทัน มันคงจะไม่ทันแล้ว คำพูดที่กลายเป็นความลับ
เพียงเพราะผมเสียโอกาสที่จะพูดมันออกออกไป คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ได้เคียงคู่นายแบบนี้สินะ พอคิดขึ้นมาแบบนั้นแล้ว ผมก้มลงมองดูที่พื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้า คิดถึงคำพูดนั้น...แล้วเขียนมันลงไปทั้งที่ว่างเปล่า ...ผมไม่อยากเข้าใจเลย
เวลาที่เขามองนายด้วยสายตาอ่อนโยนและนายเองก็มองเขาตอบด้วยสายตาที่แสนอ่อนหวานนั้น ผมต้องมองไปทางไหน...ที่จะทำใจไม่มองเห็นนาย
ก็รู้ว่าแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมปวดร้าว แต่สายตาหนึ่งคู่ที่สิ้นหวังของผม มันก็ไม่ยอมหลบสายตา...ทำได้แค่เพียงมองดู สายตาสองคู่ที่ค่อยๆปิดสนิทลงพร้อมกับจูบที่คงหอมหวานของนายกับเขาคนนั้น
สายตาของคนที่รู้ตัวช้า สายตาของคนที่เสียนายไป ก็ได้แต่มองนายด้วยความรู้สึกแบบนี้
อ่า...ผมรู้สึกเสียใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
สายตาที่จ้องมองกันอีกครั้งของนายกับเขา...
และสายตาหนึ่งคู่ที่ยังเหมือนเดิม ...สายตาคู่นี้ที่กำลังหลงทางของผม
ผมได้สำนึกรู้แล้วว่า ผมทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ผมพลาดเอง ความฝันเรือนลางที่อยู่ๆก็เติบโตในใจผม
คือเวลาจะนำพานายกลับมาหาผม ...ช่างเหมือนดั่งสายลม
คำพูดและหัวใจมีรักอันบริสุทธิ์ของนายที่เติมเต็มผ้าใบสีขาวของผม คงเป็นสิ่งที่สะสมมานาน
จนทำให้ผมมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหัวใจของนายที่(เคย)มีแต่ผมคนนี้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา...ผมนี่เองที่เป้นคนทำลายทุกอย่างจนมันพังไม่เหลือชิ้นดี ตอนนี้เลยจ้องยืนมองนายอย่างปวดร้าวง..เพราะว่าพึ่งรู้สึกตัวว่านายมีค่ามากสำหรับได้เอาป่านนี้
ตอนนี้ ผมต้องเก็บนายเอาไว้ในลิ้นชักตลอดกาล...อย่างนั้นเหรอ?
ผมไม่มีสิทธิอะไรเหลืออีกแล้ว จริงงั้นเหรอ?
หากผมคิดถึงนาย หากว่าผมอยากเจอนาย...ก็คงทำได้แต่แอบมองจากที่ไกลๆ
เหมือนอย่างตอนนี้ ได้แค่เท่านี้เหรอ?
แค่เฝ้าอยู่ไกลๆ ก็ยังเจ็บปวดทรมานขนาดนี้
แม้หัวใจของผมที่โหยหา นายเป็นเหมือนดวงดาวที่สดใส อยู่จากที่ไกลๆ ที่ดูช่างยากเกินจะเอื้อมถึง...แต่ว่าอย่างน้อยที่ข้างในหัวใจของผม ก็อยากได้ความอบอุ่นจากกลับมาบ้างจะได้มั้ยง...
แต่ว่านะ ได้มองนายด้วยความรู้สึกแบบนี้ ผมก็รู้สึกเสียใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นายจะรับรู้ถึงมันมั้ยว่า ตอนนี้ผมกำลังใช้หัวใจมองนาย...
สายตาที่จ้องมองกันไม่ห่างของนายกับเขา ผมก็รับรู้แล้วว่า
นายคงไม่รู้สึกถึงผมอีกแล้ว (ฮัคยอน ...คิดถึงนายเหลือเกิน)
ถ้าหากว่าเป็นผมล่ะ
สายตาที่มองนายผ่านดวงตาของนายเอง สายตาที่มองเพียงแค่นาย
มีเพียงแค่นายแล้วในสายตาของผม
ถ้าหากว่าเป็นผมล่ะ
สายตาที่เคยอบอุ่นคู่นั้นของนาย จะหันกลับมามองที่ผมอีกครั้ง
ได้มั้ย...
เป็นเหมือนช่วงรับโทษรับกรรมเลยน่ะครับ ผมในตอนนี้
หลังจากโดนฮัคยอนตัดสัมพันธ์จากผมไปในคืนนั้น ผมก็กลายเป็นคนเสียศูนย์ไปเลยก็ว่าได้
วันๆที่ได้แต่เพ้อและเหม่อลอย คิดถึงแต่เรื่องของฮัคยอนจนไม่เป็นอันทำอะไร
ยิ่งคำพูดเย็นชาและภาพของฮัคยอนที่จากไปกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้า
วันๆที่ผมได้แต่นั่งคิดทบทวนกับตัวเองซ้ำๆว่าทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้...
ผมยอมรับตรงๆอย่างลูกผู้ชายเลยว่าผมนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฮัคยอนจะมีผลต่อความรู้สึกและชีวิตของผมได้มากมายขนาดนี้... ผมไม่เคยคิดถึงมันจริงๆ (เพราะนายมันเห็นฮัคยอนเป็นแค่ของตายน่ะสิ)
ความลังเลตัดสินใจไม่ได้นี้ ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะผมเองก็ทำผิดกับฮัคยอนเหมือนกัน หรืออย่างไร? ที่มันรั้งผมไม่ให้เข้าไปหาฮัคยอน
โดนฮัคยอนตัดสัมพันธ์แล้วจากไปกับคนอื่นแบบนั้น มันก็ทำให้ผมโมโหลุกเป็นไฟอยู่ไม่น้อยเลย แต่พอได้สงบใจลง ความรู้สึกโกรธมันก็ถูกแทนที่ด้วยความสับสน แล้วผมก็หลงเข้าไปในวังวนที่มืดบอด...
ผมกลายเป็นไอ้งั่ง ที่ทำอะไรไม่ได้ เป็นได้แค่คนขี้แพ้ที่เอาแต่ตามมองดูเขามีความสุขอยู่กับคนอื่นทุกวัน กลายเป็นไอ้บ้าขี้แพ้ที่ได้แต่อิจฉาผู้ชายคนนั้น ที่มีฮัคยอนอยู่เคียงข้าง...
ภาพที่เห็นมันทำให้ผมทั้งเจ็บและปวดร้าวข้างใน แต่สายตาของผมก็หยุดมองฮัคยอนไม่ได้
ไม่อยากให้ฮัคยอนอยู่ใกล้ใคร และไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เข้ามาสัมผัสฮัคยอนเลย ในใจผมมันก็จะอยากเข้าไปแย่งตัวฮัคยอนกลับคืนมา แต่ร่างกายผมมันก็ไม่ยอมขยับไปตามความต้องการของผมเลย ...เพราะความรู้สึกกลัวและความลังเลในใจ จึงทำให้ผมได้แต่มองดูฮัคยอนเท่านั้นเอง
แต่ว่า ผมน่ะ...ยังไม่ยอมแพ้ และปล่อยฮัคยอนจากไปอย่างนี้หรอก
ขอเวลาให้ผมอีกหน่อย...
-จบอีกหนึ่งบท-
To be continued...
สนุกมากกก มาต่อเถอะพรีสสสส