สวัสดี ผมเป็นคนหนึ่งบนโลกที่ตาบอด คนที่ไม่สามารถจะใช้ชีวิตได้ดีเหมือนคนอื่น ผมมักจะดูถูกตัวเองบ่อยๆ ถึงยังไง จะดูถูกตัวเองไป มันก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา เฮ้อ.. คิดดูแล้วมันก็หนักใจไม่น้อยเลย
ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ผมอยากมองเห็นดอกไม้และต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม ผมรู้สึกถึงความร่มเย็นร่มรื่นของมันได้ ภายใต้โลกที่แสนมืดมิด ภายในดวงตาของผม ผมกำลังนึกถึงภาพต้นไม้สีเขียวนั่น กับม้านั่งที่ผมนั่งอยู่อย่างสงบ ดอกไม้ที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงอาทิตย์และแสงแห่งความอบอุ่นของมัน
ในอดีต ผมอยู่กับครอบครัวที่มีความสุขกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน .. ในบ้านหลังนั้น บ้านที่จะไม่มีวันลืมเลย ผมจำทุกอย่างเกี่ยวกับมันได้ ..และไม่เคยลืม
“อาหารอร่อยจังเลยครับ” ประโยคที่ผมพูดเสมอเมื่อทานข้าวเสร็จ
“งั้นเหรอจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะทำให้ทานอีกนะ” คุณแม่
“ครับ..เมื่อไหร่เราจะออกไปเที่ยวทะเลครับ?” ผมถามทุกคน
“อีกไม่นาน เราก็จะเดินทางไปแล้วลูก ไปเตรียมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยนะ!”
“เย่! ผมจะได้ไปทะเลแล้วหล่ะ!”
ชีวิตของเรา มันมักจะมีการจากลาอยู่เสมอ การที่ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป
“แอร๊ด....!!!!!!!” เสียงบิดรถโดยพ่อ เมื่อมีรถข้างหน้าที่ขี่มาอย่างไม่ระมัดระวัง
ไม่สามารถรู้ได้ ว่าทำไมโชคชะตา ถึงต้องทำแบบนี้ ... ไม่ทันเสียเเล้ว ความสุขนั้น มันหายไปเเล้ว
“ตูม!!!!!!!”
ในเวลาขนาดนั้นเอง ผมตกใจเป็นอย่างมาก ผมรู้สึกว่า ใบหน้าของผมกระแทกที่พื้นอย่างหนัก ..
ผมพยายามมองไปที่พ่อแม่ มองหาร่างนั้น แต่.. ผมกลับมองไม่เห็นท่านทั้งสอง ม่านตาของผมเริ่มเบลอไป
เรื่อยๆและดับวูบไปในที่สุด ผมรู้สึกว่าตัวผมนั้นกำลังจะจากไป จากโลกนี้เสียแล้ว
เมื่อผมรู้สึกตัวอีกที ก็มาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ..โรงพยาบาลนั่นเอง
“ที่ไหน!!.. ทำไมผมถึงมองไม่เห็น!!!” ผมตะโกนลั่นห้องพยาบาล
“ที่นี่..คือโรงพยาบาลค่ะ คนไข้ใจเย็นก่อนค่ะ”
“บอกผมมา ว่าทำไมถึงมองไม่เห็น ทำไมถึงมืดแบบนี้!!”
“คือ...พวกเราทุกคนพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว พวกเราสามารถช่วยชีวิตคุณได้ แต่..”
“อะไรครับ?”
“ตาของคุณใช้การไม่ได้แล้ว..” พยาบาลเอ่ยขึ้นแล้วจึงปลอบใจผม
“.....” ผมเงียบไปซักพักก่อนที่จะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“แล้วแม่กับพ่อของผมหล่ะ?”
“ทั้งสองท่าน เสียชีวิตแล้วค่ะ...ขออภัย พวกเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว”
“พ่อ!!!! แม่!!!!” ผมตะโกนลั่น ด้วยความเจ็บช้ำใจ
“เดี๋ยวพยาบาลป้อนข้าวให้นะคะ”
“ไม่กิน!!! เอามันออกไป!!” ผมพูดพร้อมเอามืดตะวาดไปทั่ว
“พักผ่อนเยอะๆนะคะ ..เฮือก!” คุณพยาบาลหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินออกจากห้องพยาบาลไป
นี่คือเหตุการณ์ที่ผมเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นต่อชีวิตของผม ผมยอมรับว่าในขณะนั้นผมเสียใจ ตาของผมใช้การไม่ได้ ..คนที่ดูแลผมมาตลอดในชีวิต ก็ต้องจากลาผมไปอีก
5 เดือนผ่านไป ผมเริ่มปรับตัวเข้ากับโรงพยาบาลได้ แล้วจึงออกจากโรงพยาบาลมา เข้าศูนย์ของการพัฒนาคนตาบอดแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกว่า ยังมีคนแบบผมอีกมากมายที่เจอเช่นนี้ ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ของคนตาบอด การเดินโดยการเคาะไม้ วิธีการใส่เสื้อผ้า และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมใช้ชีวิตได้เหมือนผู้คนปกติ ได้มากขึ้น
1 ปีผ่านไป ผมออกจากที่นั่น แล้วจึงไปอาศัยอยู่ในบ้านที่ศูนย์นั้นจัดเตรียมไว้ให้ผม ในที่นั้นมีทุกอย่างเหมือนบ้านของผู้คนปกติ โทรทัศน์ วิทยุ ตู้เย็น เตียงนอน และห้องอื่นๆ ผมอยู่โดดเดี่ยว และคิดว่าจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างผมอีกแล้ว ความเหงาครอบคลุมไปทั่วบ้านหลังนี้ สู่จิตใจของผม ในส่วนลึกที่ไม่มีผู้ใด จะสามารถเข้าใจความรู้สึกของผมได้ ตอนนี้ผมเพียงแต่ ต้องการเพื่อนก็เท่านั้น ผมพยายามแสวงหา บางสิ่ง ที่จะทำให้ผมมีความสุข ..
ขณะที่ผมฟังวิทยุอยู่นั้น ผมนำมือไปจับกับเทปอันหนึ่ง แล้วจึงเปิดมัน มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งและครอบครัวที่มีความสุข ของเธอ ซึ่งเหมือนกับผมในตอนเด็กมาก
“คุณแม่ คุณพ่อคะ จะอยู่กับหนูตลอดไปไหมคะ?” เด็กผู้หญิงเอ่ยเสียงสดใส
“อยู่สิ ตลอดไปเลย ไม่ว่าจะอยู่แห่งไหน แม่กับพ่อก็ยังรักลูกเหมือนเดิม และไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่คุณพ่อคุณแม่รักหนู หนูรักพ่อแม่ที่สุดในโลกเลย ฮิฮิฮิ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข
“คุณพ่อ..คุณแม่ครับ ผมก็รัก พ่อ แม่นะ ถึงแม้ว่าพ่อและแม่จะไม่อยู่กับผมก็ตาม”
“(พ่อแม่ก็จะรักลูกเหมือนกันจ๊ะ)” เสียงความคิดของผมดังขึ้นมา
เมื่อผมมองย้อนไปในตอนเด็กๆ ผมนึกถึงเรื่องราวของแม่ ที่ช่วยพยุงผมตอนหกล้ม
“โอ๊ย!.. ฮืออๆๆ....” เสียงร้องไห้ของผม
“ลูกแม่..โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ แผลนิดเดียวเอง เดี๋ยวหายแล้วนะ ฟู่!!” เสียงของแม่ที่ช่วยเป่าลมมาที่แผล
“คิคิๆๆๆ”
“เรากลับบ้านกันเถอะนะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วหล่ะ ขึ้นหลังแม่เร็วเข้า”
“ฮึบ ฮึบ ตัวหนักจังเลยนะลูก”
“ก็แม่เลี้ยงผมเก่งยังไงหล่ะ”
“นั่นสินะ ฮ่าๆๆๆ”
แล้วผมกับแม่จึงเดินทางกลับบ้านไปกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข
บัดนี้.. กาลเวลาได้ผ่านมานานมาก ความสุขได้กลับมาหาผมแล้ว ไม่มีใครสามารถมองเห็นตัวตนของผมได้อีก ผมมาเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้ มีคนหลายคนที่ผ่านร่างของผมไป ใช่..ผมตายแล้ว อีกไม่นานพ่อและแม่ ก็จะมารับผมขึ้นไป บนนั้น บนก้อนเมฆ ไม่สิ.. คงจะเป็นโลกอีกมิติหนึ่ง
“ลูก แม่มาแล้วนะ”
“คุณแม่อยู่ที่ไหน ผมมองไม่เห็นเลย”
“เอาหล่ะ ตอนนี้ตาของลูกพ่อสามารถมองเห็นได้แล้วนะ ลืมตาขึ้นสิ”
“พ่อ..แม่”
“ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องไปจากที่นี่แล้วนะ..เราไปกันเถอะลูกรัก จับมือแม่กับพ่อไว้ให้แน่นๆนะ”
“ครับ..”
ผมพูดคำสุดท้าย ก่อนที่จะลอย ขึ้นไปกับพ่อแม่ และ...
หายไปจากที่นี่ตลอดกาล...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น