คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [OS] F o r Y o u ♡ - Secret , Hurt , Real , Him (MarkBam 2J for KATOL_039}
Secret , Hurt , Real , Him
MarkBam 2J For KATOL_039
Secret
รักของผมเป็นความลับ
ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองทนเจ็บปวดแบบนี้มาได้ยังไงตั้งหลายปี ความจริงมันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรขนาดนั้นหรอกในเมื่อมันเป็นความเจ็บปวดที่ปนๆ กับความรู้สึกมีความสุขเหมือนเราจะลอยได้ ผมคิดว่างั้นนะ ถึงแม้บางครั้งเมื่อผมทำท่าจะลอยไปไกลก็ถูกกระชากกลับมาให้อยู่ในโลกของความเป็นจริง หล่นลงพื้นดังตุ๊บ เจ็บปวดซะไม่มี
“แบมแบม” ชื่อผม? ใช่ครับ นั่นแหละชื่อผม แบมแบม ชื่อเหมือนเด็กผู้หญิง หน้าตาเหมือนเด็กผู้หญิง รูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิง
เพียงแต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง
“มีอะไรเหรอออมม่า” ผมเอนหัวไปพิงซบกับคนที่เรียก ออมม่าหรือปาร์คจินยองที่เอ่ยเรียกผมเมื่อกี้หัวเราะนิดหน่อยก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะพึมพำว่าเด็กดี
“ไม่มีอะไรหรอกแต่มองแบบนั้นจะดีเหรอ” ผมหัวเราะขื่น มีหลายครั้งที่ผมต้องเผลอมองคนๆ นั้นด้วยสายตาแบบไหนก็ไม่รู้ สายตาที่ทำให้ปาร์คจินยองรู้ว่าเขารู้สึกยังไง จินยองฮยองเป็นคนเดียวในวงที่รับรู้เรื่องนี้เพราะคำถามทีเล่นทีจริงตั้งแต่ที่ยังไม่เดบิวท์ หลังจากนั้นจินยองฮยองก็เป็นคนเดียวที่ต้องคอยซับน้ำตาให้ผมเสมอเมื่อผมรู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบทนไม่ไหว
“เขาไม่รู้หรอกจินยองฮยอง ฮยองไม่รู้เหรอว่าเขาซื่อบื้อจะตาย” จินยองฮยองหัวเราะอีกครั้งเมื่อมองไปที่คนๆ นั้น
“นั่นสินะ” นั่นสินะ มาร์ค ต้วน ทั้งๆ ที่ผมแสดงออกขนาดนี้พี่ยังไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
ผมเป็นได้แค่น้องชาย
“อ้อนไปเรื่อยเลยนะเรา” ผมทรุดตัวลงแผ่กับพื้นเมื่อพวกเราซ้อมกันเป็นรอบที่ร้อยเพื่อจะคัมแบ็กในครั้งต่อไป กลิ้งไปกลิ้งมาก่อนจะปักหัวเข้ากับตักของคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเพราะไม่ทันมอง ผมเลยไม่รู้ว่าคนๆ นั้นก็คือคนในความลับของผมนั่นเอง ผมสะดุ้งนิดหน่อยตอนได้ยินเสียงทุ้มๆ นั่นเอ่ยทักและได้แต่หวังว่าเขาคงไม่เห็นอาการประหลาดของผมเมื่อกี้
“ใครบอก มีตั้งหลายคนที่ผมไม่อ้อน”
“จริงอ่ะ”
“อืม แจบอมฮยองไง” ใช่ครับแจบอมฮยองเป็นอีกคนที่ผมไม่อ้อนเพราะพอผมอ้อนพี่แกก็ทำท่าจะเหมือนรำคาญเสียเต็มประดาแล้วผลักหัวผมซะแทบทิ่มพื้น ละเว้นไว้คนหนึ่งแล้วกัน ผมยังไม่อยากตายด้วยน้ำมือของลีดเดอร์วงตัวเอง
“แจบอมมาได้ยินคงจะงอนแย่”
“ปล่อยให้งอนไปเลย” ผมพูดอู้อี้เมื่อซุกหน้าลงกับตักกว้างของมาร์คฮยอง ตาปรือๆ รู้สึกเหมือนจะหลับแหล่มิหลับแหล่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ปนกลิ่นเหงื่อทำให้ผมรู้สึกดี “ผมไม่ง้อหรอก”
“ถ้าพี่เป็นแจบอม พี่คงจะงอนแน่ๆ”
ถ้าเป็นพี่...
“น้องชายมาพูดแบบนี้”
ผมจะง้อ...
“หืม? หลับแล้วหรือไงน่ะ”
ถ้าเป็นพี่...
“ฝันดีนะครับเด็กน้อย”
ผมจะทำทุกอย่างให้พี่มีความสุข...
แล้วทำไมพี่ถึงทำให้ผมเจ็บปวด
ถ้าเป็นพี่... ยังไงความลับก็ยังต้องเป็นความลับ ผมเกลี่ยน้ำตาออกจากหางตาที่หลับพริ้มก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ถึงยังไงผมก็มีความสุขที่ได้รัก
ผมรักพี่นะครับ มาร์คฮยอง
Hurt
รักของผมคือความเจ็บปวด
ปาร์คจินยองเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ใครซักคนพูดเอาไว้ ฉันอิจฉาโลกที่นายอยู่จริงๆ เลย มันไม่มีความเศร้าหมองเลยสินะ ใครคนนั้นพูดขึ้นอีก น่าอิจฉาจัง ใครคนนั้นไม่รู้หรอกว่าจริงๆ โลกใบน้อยๆ ของปาร์คจินยองเป็นแค่โลกใบทึมๆ หม่นหมอง เต็มไปด้วยร่องรอยของการโดนทำร้าย แผดเผาจนกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน มีเพียงบ้านหลังเล็กๆ ของผมเท่านั้นในโลกใบนั้นที่ทำให้รอยยิ้มสว่างขึ้นมาได้เมื่อมองเห็นที่พักพิงนั่น ถึงแม้ว่าบ้านหลังนั้นจะเป็นต้นเหตุของความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจของผมก็ตามที
ผมยิ้ม หัวเราะ ทำตัวบ้าๆ บอๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ทำตัวให้พึงพาได้ ทำตัวเป็นออมม่าที่ดีของเด็กๆ ทำงานหนัก ทำทุกอย่างให้ลืมเรื่องบางเรื่องไปชั่วขณะแต่มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นแต่เมื่อผมเข้ามาในห้องอันมืดมิดที่มีผมอยู่แค่คนเดียวผมก็จมอยู่ในโลกที่แสนทึมเทาอีกครั้ง
“ผมเจ็บนะอิมแจบอม!!” ผมเกลียดเสียงแหลมเล็กของตัวเองที่กรีดใส่คนตรงหน้าแต่ผมเจ็บปวดเกินกว่าจะมาใส่ใจ มือหนาที่เคยอบอุ่นกำแน่นที่ข้อมือจนเหมือนกระดูกจะร้าว มือใหญ่นั่นกระชากผมถูลู่ถูกังเข้ามาในห้องนอนของตัวเองก่อนจะโยนอย่างไม่ใยดีลงมาบนเตียงที่อยู่ชิดริมห้องทั้งๆ ที่ยังไม่ปล่อยข้อมือ ผมบิดมือออกจากคีมเหล็กตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้
คนใจร้าย
ผมเกลียดตัวเองที่เป็นคนอ่อนแอ
“เลิกทำตัวแบบนี้ได้แล้วจินยอง” ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้ากัดฟันพูดแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอิมแจบอมที่แสนดีเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นหมายความว่ายังไง “เลิกทำตัวแบบนี้สักทีเถอะ!”
“ผมทำอะไร ทำอะไรให้พี่ไม่พอใจล่ะ พี่ก็พูดมาสิ!” ผมตะโกนใส่คนตรงหน้าเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ อิมแจบอมโกรธขึ้งขบฟันแน่น รู้สึกเจ็บปวดซะบ้างสิอิมแจบอม เจ็บปวดได้เท่ากับผมซะบ้าง
“นายเป็นของฉันไม่ใช่หรือไง” มืออีกข้างบีบคางผมแน่น บังคับให้เงยขึ้นมองดวงตาที่ลุกวาวด้วยความโกรธ “อย่าร่านให้มันมากนัก” คำพูดร้ายกาจที่พ่นออกมาทำให้ผมอ่อนแรง ผมไม่รู้ตัวอีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อในหัวอื้ออึงไปด้วยคำพูดต่อว่า ร่างกายโดนกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าดั่งตีตราจองไว้ ร่างกายนี้เป็นของเขา ผมเงยหน้ามองเพดานที่สั่นไหวตามร่างกายที่โดนกระแทกกระทั้น
ในความเจ็บปวดที่อบอวลอยู่ผมรู้สึกได้ว่ามีมนตราบางเบาที่ทำให้ผมมีความสุข
อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าผมเป็นของเขา
ผมเป็นได้เพียงแค่สิ่งของ
ร่างกายร้อนรุ่มเหมือนโดนไฟเผา หัวหนักอึ้งเหมือนมีค้อนปอนด์มากดทับ ผมลุกจากเตียงไม่ขึ้น ขยับกายแค่นิดเดียวก็แสบร้าวไปทั้งร่าง โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีงาน ผมนอนแช่ตัวเองอยู่ใต้ผ้านวมผืนอุ่นเหม่อมองไฟที่เพดานห้องที่เปิดสว่างจ้าอยู่
ไฟ...
ที่แสบอบอุ่นในยามเหน็บหนาวแต่กลับร้อนผ่าวราวกับจะแผดเผาให้ตายตกไปก็คงเหมือนกับเขาคนนั้นที่ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นแต่บางครากลับร้อนซะจนไม่อยากจะเข้าใกล้
“ตื่นแล้วเหรอ” ผมเสหน้ามองคนที่นั่งข้างเตียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองไฟบนเพดานเหมือนเดิม พยายามทำเป็นไม่รู้สึกถึงมือที่เช็ดตัวให้เขาอยู่ พยายามไม่สนใจมือคู่นั่นที่จับไปตามลำคอและหน้าผากเพื่อวัดไข้ พยายามเมินไม่รู้สึกว่ามือคู่นั้นอบอุ่นแค่ไหน
“จินยอง”
ทำไมต้องเป็นพี่...
“พี่ขอโทษ”
คนที่ทำให้ผมเจ็บปวด...
“จินยองเจ็บไหม”
ทำไมต้องเป็นพี่...
“พี่ขอโทษนะครับ”
ที่ผมรักได้มากมายขนาดนี้...
ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะทำยังไง ถึงผมจะทำเป็นเมินมือคู่นั้นที่ลูบแผ่วเบาอยู่ตรงหน้าผากแต่ผมก็ทำไม่ได้นานนัก น้ำตาผมไหลลงมาตามหางตาผมรู้สึกได้ถึงมือที่ชะงักไปของอิมแจบอม
“พี่ขอโทษ”
ไม่เป็นไร...
ไม่เป็นไรหรอกอิมแจบอม ถึงแม้พี่จะทำให้โลกใบน้อยๆ ของผมทึมเทาก็ตามที ไม่เป็นไรจริงๆ เพราะไม่ว่ายังไงถึงเป็นพี่ผมก็จะอยู่ อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
เพราะผมรักพี่ จินยองรักแจบอม
Real
รักของผมเป็นความจริง
ผมมองร่างเล็กๆ ที่กระโดดโลดเต้นตรงหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะทำหน้าเรียบเฉยดังเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าดวงตาคู่นี้เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเปลี่ยนไปตามเด็กคนนั้นที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ล่ะมั้ง
สายตาที่เด็กคนนั้นมองผมมันไม่เคยเป็นความลับ
แบมแบมเป็นเด็กขี้อ้อน ผมรู้ดี แบมแบมมีพี่ชาย จากบ้านไกลเมืองแบบนี้จึงไม่แปลกนักที่เด็กคนนั้นจะหาใครสักคนเป็นที่พักพิงในยามเหงา หนึ่งในนั้นก็คือผม
“ฮยองอู้ มาซ้อมสิฮะ” แบมแบมลากเสียงยาวก่อนจะมาลากแขนผมที่มานั่งหลบมุมอยู่ในห้องซ้อมนี้ ผมทำตัวอ่อนตามแรงดึงยอมมาซ้อมแต่โดยดี แบมแบมกระโดดขึ้นลงทำท่าจะขี่หลังแต่ก็ไม่ สักพักก็ไปยืนทำหน้าจ๋อยเมื่อแจบอมมองมาด้วยสายตาดุๆ ผมยิ้มโคลงหัวเล็กน้อยให้เพื่อนก่อนจะเดินไปยืนประจำที่ พวกเราซ้อมซ้อมซ้อมจนแม้แต่ยูคยอมที่แข็งแรงที่สุดในวงยังล้าได้ นับประสาอะไรกับแบมแบมที่ตัวเล็กกว่ายูคยอมตั้งเยอะ
ผมหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าแบมแบมคลานเข่าเข้าไปหาจินยองที่เหมือนจะเป็นพี่คนโปรดของแบมแบม ผมมองด้วยความไม่พอใจนักเมื่อจินยองแยกขาออกให้แบมแบมแทรกตัวลงไปนอนพิงตรงกลาง อยากจะเข้าไปตีมือเล็กๆ ที่กำลังลูบหัวแบมแบมอยู่
แต่ก็ทำได้แค่คิด
ผมไม่มีสิทธิทำอะไรไปมากกว่านั้น ได้แค่มองและต้องถอยออกมา ผมไม่ลืมว่าผมเป็นแค่สมาชิกรุ่นพี่คนหนึ่งในวง เป็นพี่ชายที่ไม่มีสิทธิอะไรไปกว่าได้รับสายตาแบบนั้นที่มันพิเศษกว่าคนอื่น
ผมทนมาได้ตั้งสองปีที่จะรอคำๆ นั้นจากเขา
ใช่ และผมก็ทนไม่ได้นานนักด้วย
ในระหว่างที่เมมเบอร์ต่างแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวเพื่อกลับหอ ผมที่มองแบมแบมอยู่ก็ได้จังหวะที่เด็กคนนั้นกำลังจะเดินไปที่รถลากตัวเล็กๆ นั่นออกจากตึกด้วยประตูด้านหลัง ตอนนี้ตีหนึ่งเกือบตีสอง ถนนเงียบเชียบมีรถที่นานๆ จะวิ่งมาที ผมกุมมือเย็นๆ ของอีกคนไว้เพราะไม่ได้เตรียมพร้อมจะออกมาข้างนอก อากาศที่หนาวจนติดลบทำให้ตัวแบมแบมสั่น
“มาร์คฮยองจะไปไหน” คนข้างตัวถามเมื่อเดินออกมาได้สักพัก ผมยิ้มนิดหน่อย นี่เพิ่งคิดจะมาถามหรือไง ถ้าผมลากไปทำมิดีมิร้ายจะทำยังไงเนี่ย มือข้างที่ว่างโยกหัวทุยไปมาเบาๆ สัมผัสใต้ฝ่ามือสากเล็กน้อยเพราะผมที่ผ่านการทำร้ายมาอย่างหนักหน่วง
“เดินเล่นน่ะ”
“หนาวจะตาย” คนตัวเล็กห่อตัวเข้าเล็กน้อย ผมก็หนาวเหมือนกัน รู้สึกไม่ค่อยดีที่ทำตัวเป็นพระเอกอย่างในหนังให้ไม่ได้เพราะทั้งตัวผมก็มีแค่กางเกงวอร์มกากๆ และเสื้อยืดแขนยาวตัวบางที่ไม่ได้กันลมไปมากกว่ากันนัก เดินไปสักพักก็เจอสนามเด็กเล่นเล็กๆ ผมเลยจูงอีกคนเข้าไปในนั้น กดไหล่เล็กให้นั่งลงตรงชิงช้าเก่าๆ ก่อนจะไกวให้เบาๆ และเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
“แรงอีกมาร์คฮยอง” แบมแบมหัวเราะเสียงใส เราเล่นกันไปมาสักพัก ผมหยุดไกวชิงช้าก่อนจะนั่งลงตรงชิงช้าข้างๆ มองเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตามองรองเท้าผ้าใบสีสันสดใสที่ลอยอยู่เหนือพื้น
“แบมแบม”
“ครับ” แบมแบมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เอียงคอน้อยๆ มองแล้วน่ารักน่าชังจนดูไม่เหมือนเด็กน้อยแสนเท่ที่อยู่ต่อหน้ากล้องเลย
“พี่มีอะไรจะบอก”
“ครับ”
“พี่ชอบคนๆ หนึ่ง แบมแบมรู้จักดี พี่อยากให้แบมแบมฝากไปบอกเขาได้ไหม”
“ครับ” ผมมองคนที่ก้มหน้าลงต่ำ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของชิงช้าหยุดลงแล้ว ตอนนี้มีแต่ความเงียบสงบ
“ฝากไปบอกเมมเบอร์คนไทยในวงของพี่ที ว่าพี่ชอบเขา” แบมแบมสะดุ้งตัวนั่งตรงดิ่ง ตาที่เบิกโตมองไปข้างหน้า
“เมมเบอร์? คนไทย?” ร่างเล็กพึมพำก่อนจะสะดุ้งยืนขึ้นจนผมที่มองปฏิกิริยาของคนตัวเล็กกว่าอยู่ก็ยังตกใจ
“มาร์คฮยองชอบผมเหรอ?!!” แบมแบมหันมาถามผมเสียงสูง ผมมองอีกคนที่สบถเป็นภาษาไทยเสียงดังอย่างขำๆ อย่างน้อยหูแดงก่ำที่เห็นก็ทำเอาผมใจชื้นยิ่งขึ้น “ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”
“ไม่รู้สิ” ผมเหม่อมองท้องฟ้า เกร็ดสีขาวลอยลงมาอย่างช้าๆ ทำให้ผมยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม “มีอะไรจะพูดกับพี่ไหม”
“มาร์คฮยอง เป็นแฟนกับผมนะ!!” แน่นอนว่าผมตอบตกลง น้ำสีใสไหลออกมาจากดวงตากลมสวย ผมสวมกอดร่างเล็กตรงหน้าแนบแน่น “ผมรอวันนี้มานานแค่ไหนรู้ไหม” เด็กน้อยพูดอู้อี้ ผมรู้สิว่าเขารอมานานขนาดไหน ผมผิดเองที่ไม่พูด ผิดเองที่ทำตัวไม่แน่นอนให้ความไม่แน่ใจ
จากวันนี้ความลับของเขาก็จะเป็นของผม
ต้องเป็นเขาเท่านั้น
พี่รักนายนะแบมแบม
Him
รักของผมคือเขา
เขาที่ยิ้มให้กับคนทั่วไป มีความสุขได้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และไม่เคยปฏิเสธใครก็ตามที่เข้ามา เขาเป็นเหมือนดอกไม้ที่แม้จะอยู่กับที่ก็ยังส่งกลิ่นหอมกำจายให้คนอื่นไปทั่ว ดอกไม้ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อผมเพียงคนเดียว
ผมมันเลวและเห็นแก่ตัว ไม่มีคำไหนเหมาะเท่ากับสองคำนี้อีกแล้ว ทั้งเลวที่ทำกับคนที่รักได้ลงคอ ทั้งเห็นแก่ตัวที่อยากเก็บเขาไว้ข้างตัวเพียงคนเดียว
เห็นแก่ตัวจนอยากจะเด็ดดอกไม้นั่นให้แหลกสลายคามือ
ผมมองจินยองที่อยู่ในครัวเพราะทนแรงรบเร้าจากแจ๊คสันที่งอแงอยากกินนู่นกินนี่จนเจ้าตัวต้องลุกมาทำให้ทั้งๆ ที่ซ้อมมาก็เหนื่อยแทบตาย จินยองที่มือจับนู่นจับนี่อย่างคล่องแคล่วทั้งยังคอยหลบยองแจที่เข้ามาป่วนด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความโกรธจากเขา มีเพียงแค่รอยยิ้มที่มอบให้คนนั้นคนนี้ไปทั่ว ผมยังจำได้เหตุการณ์ในห้องซ้อมที่แบมแบมทำแบบนั้นกับคนของเขา ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมโกรธมากกว่านี้อีกนิด
ผมรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไร ผมรู้ตัวว่าผมกำลังย่ำยีคนที่เป็นดั่งดวงใจของผมด้วยตัวของผมเอง
จินยองไม่พูดอะไร ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย เขานิ่งจนผมกลัว ผมทำร้ายเขาอีกแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมโกรธเขาที่หวังดีกับคนอื่นไปทั่วแต่ผมโกรธตัวเองยิ่งกว่าที่ไม่เคยยับยั้งชั่งใจ
“พี่ขอโทษ” ผมพูดคำนี้ซ้ำเป็นรอบที่ร้อยและถึงต่อให้พูดอีกเป็นพันเป็นหมื่นครั้งมันก็ไม่มีทางลบความผิดที่ผมทำลงไปได้
“จะเป็นยังไงถ้าผมไม่ใช่ของพี่” จินยองถามเสียงเรียบแต่ผมลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เงยหน้ามองคนที่นอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ “พี่จะทำแบบนี้รึเปล่าถ้าผมไม่ได้เป็นของใคร”
“จินยอง...” อย่าพูดคำนั้นออกมาเลยนะ พี่ขอโทษพี่ขอโทษจริงๆ คำพูดนั้นติดอยู่ในลำคอที่ขื่นขม ผมพยายามแล้วที่จะลดโทสะเมื่อเขายิ้มและหัวเราะให้คนอื่นแต่ผมทำไม่เคยได้เลยสักครั้ง
เพียงเพราะคนตรงหน้าคือปาร์คจินยอง ผมก็ลืมตัวทุกครั้งและบันดาลโทสะโง่ๆ ออกมา
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ไปเถอะ ผมอยู่คนเดียวได้” จินยองหลับตาที่บวมช้ำลง ผมมองร่างกายที่บอบช้ำของคนตรงหน้าด้วยความปวดร้าว
“ผมเป็นของพี่” คำพูดนั้นแทบทำให้หัวใจผมแหลกสลาย มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าเขาต่อว่าผมด้วยถ้อยคำร้ายกาจ
“พี่รักจินยอง”
“ผมรู้”
“...”
“ผมก็รักพี่เหมือนกัน” จินยองยิ้มบางให้ผมทั้งๆ ที่หลับตา รอยยิ้มนั้นทำให้ผมแทบลืมเลือนนทุกอย่าง เขารักผมยิ่งกว่าใครแต่ผมก็ยังทำร้ายเขาได้ลงคอ
แต่ผมรู้ดีว่าผมจะไม่หยุดแค่นี้
เพราะผม ผมเป็นอิมแจบอมที่เลวและเห็นแก่ตัว และเพราะเขาเขาที่ทำให้ผมรัก เขาที่เป็นของผม ผมอาจจะสำนึกผิดที่ทำลายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เพราะว่าเป็นเขาคนที่ทำให้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มันจะเกิดขึ้นอีก
ผมได้แต่พูดว่าขอโทษ
เขาก็เอาแต่พูดว่าไม่เป็นไร
ปิศาจร้ายกาจในตัวผมไม่เคยตาย
เพราะอิมแจบอมรักปาร์คจินยองมากยิ่งกว่ารักตัวเอง
END
เห้ยฉันทำอะไรลงไปกับคู่บีเนียร์ ขอโทษ ร้อง
แงงงงงง นี่ร้องจริงๆ ตอนแต่งพาร์ทบีเนียร์ บ้ามากเลอ
แกไม่เจอกันนานคิดถึงฉันไหม *กริบ*
มัวแต่ไปดีดดิ้นกับ #ปจสรพด (โฆษณาแฝง) เลาลืมไปเลยว่าเคยมีคราบ เย้ย
ไอบีแบ็กนะ ถ้าภาษากากๆ ก็ไอแอมซอรี่จั๊กจี้หัวใจ ห่างเหิน เอ้ย ห่างหายจากวงการฟิคไปนาน(ตั้งหนึ่งเดือน)
ไม่ได้อ่านทวนเพราะขี้เกียจ จะไปดูหนัง บายนะ
เจอกันตอนหน้าเมื่อชาติต้องการ
คิดแท็กไม่ออกไปสกรีมที่เดียวกับ #ปจสรพด ละกัน5555555555555555
เล่นกันง่ายๆ งี้แหละ เย้ ซียู.
ความคิดเห็น