ลาลิตา - ลาลิตา นิยาย ลาลิตา : Dek-D.com - Writer

    ลาลิตา

    ลาลิตา สาวน้อยเท้าไฟแห่งเมืองบุม ชีวิตที่เติบโตภายใต้ความเชื่อและระบบหมอผี กับการที่เธอต้องถูกเชิญให้ไปถวายความเพลิดเพลินแก่เจ้าพ่อ จะเป็นอย่างไรต่อไปจากนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    91

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    91

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ต.ค. 64 / 19:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     มีเรื่องเล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้ว เมืองบุม เมืองที่ทุกคนบนแผ่นดินกะลาว่าเป็นเมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลานาพันธ์ วันหนึ่งก็เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อของเซ่นไหว้ที่ถวายแก่ศาลไม้เก่าเจ้าพ่อเสือต่างเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว ข้าวปลานาแก้วก็พลอยล้มตายกันไปตามๆกัน จนชาวนาชาวไร่ไร้อาหารประทั่งชีวิต เคราะซ้ำ ชาวบ้านต่างก็ล้มตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนกลายเป็นที่ลือไปทั้งทั่วเมือง

    และสาเหตุของการเหี่ยวเฉานั้น หาใช่เรื่องบังเอิญไม่เพราะหมอผีหมู่บ้านจันทร์ หมู่บ้านคู่ฟ้าประจำเมืองบุมและถือได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่ใกล้ชิดกับเจ้าพ่อเสือมากที่สุดได้ทำนายไว้ว่า สิ่งนั้นเป็นความเศร้าหมองของเจ้าพ่อเสือ เมื่อมีคนถามว่า เหตุใดเจ้าพ่อเสือถึงเศร้าหมอง หมอผีก็ให้คำถามได้ไม่แน่นัก เพียงบอกประมาณว่า อาจเกิดจากการที่สาวกถวายแก่ของเซ่นไหว้เดิมๆ ทำให้ไร้สิ่งเพลิดเพลินใจ คงเป็นสาเหตุแห่งความเศร้าหมองนี้

    ชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ต่างมีความคิดเห็นไปในทางตรงกันว่า การจะทำให้เจ้าพ่อเสือหายจากความเศร้าหมองได้ ต้องหาสิ่งเพลิดเพลินใจมาถวาย แต่ก็มีชาวบ้านบางคนถามว่า แล้วสิ่งเพลิดเพลินใจที่เจ้าพ่อต้องการนั้นคืออะไรหรือ หมอผีได้ยินดังนั้นแล้วก็ส่ายหัวในทันที ชาวบ้าจึงเสนอว่า ที่เมืองบุมมีบุคคลที่มีความสามรถหลากหลาย โดยเฉพาะงานเพลงและการแสดง ก็น่าจะนำคนเหล่านั้นมาแสดงละครเพื่อมาถวายแก่เจ้าพ่อ

    หลังการแสดงละครถวายจบลง วันถัดมาหมอผีและชาวบ้านต่างมาเฝ้าสังเกตุดูที่ศาลไม้เก่าก็พบว่า ของเซ่นไหว้ที่ถวายในคร้ังนี้ยังคงสดใสไม่เหี่ยวเร็วเหมือนแต่ก่อน ดูเหมือนความคิดเห็นดังกล่าวจะถูกต้อง ชาวบ้านเห็นดังนั้นต่างก็ดีอกดีใจ ทั้งยังมีความสุขไปอีกด้วย

    แต่แล้วพวกเขาก็ต้องกลับมานั่งคิดกันอีกครั้ง หมอผีจากหมู่บ้านรอม หมู่บ้านแห่งปัญญาตั้งข้อสังเเกตุขึ้นมา กลางดงชาวบ้านว่า แล้วเจ้าพ่อจะมีควาาสุขได้อีกนานแค่ไหนกับการแสดงเพียงแค่ครั้งเดียว

    หลังจากนั้น ชาวบ้านจึงมาประชุมเพื่อเสนอข้อคิดเห็นกันว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวบ้านบางคนเสนอขึ้นมาว่า ครวจะมีการถวายสิ่งเพลิดเพลินในทุกวันจะดีไหม เจ้าพ่อจะได้เพลิดเพลินไปทุกๆวัน แล้วบ้านเมืองก็จะได้สงบสุขไม่ทุกข์ยากอย่างนี้ตลอดไป แต่ก็มีบางส่วนคัดค้านโดยให้เหตุผลว่า การที่จะให้ไปถวายสิ่งเพลิดเพลินทุกวันนั้น ต้องใช้ทรัพยากรบุคคลสูงมาก ทั้งแรงงาน คนแสดง รวมถึงฉากและงานประติมากรรมต่างๆ หากทำเช่นนี้ทุกวัน คงได้ไม่คุ้มเสีย

    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าเมืองบุมซึ่งอยู่ด้วยในที่ประชุม ก็เสนอข้อคิดเห็นที่เป็นกลางว่า เช่นนั้น ก็ถวายสิ่งเพลิดเพลินเป็นบางวันแล้วกัน โดยเลือกให้ หมอผีจากเมืองรอมพยากรณ์วันที่คาดการณ์ว่าเจ้าพ่อจะกลับมาเศร้าหมองอีกครั้งเมื่อไหร่ ได้ข้อสรุปว่า เจ้าพ่อเสือจะกลับมาเศร้าหมองอีกครั้งก็คือ ช่วงวันสุดท้ายของทุกๆไตรมาส

    ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเกิดการจัดตั้งสมาคมเพื่อการถวายสิ่งเพลิดเพลินแก่เจ้าพ่อ โดยต้องผ่านการเลือกจากพี่น้องชาวเมืองบุมสูงที่สุดจะได้รับเลือกให้ไปแสดงถวายในแต่ละครั้ง นอกจากนี้บุคคลดังกล่าวยังได้รับเงินค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลอีกด้วย และนั้นจึงทำให้มีผู้ที่สนใจเข้าร่วมรายการมากมายตั้งแต่อดีตที่มีแต่แค่แสดงละครจนถึงปัจจุบันที่มีความหลากหลายมากขึ้น

     

    ลาลิตาเด็กสาววัยกำลังโต เธอเกิดที่เมือง บุม(นามสมมุติ) แม่ได้รักกับพ่อของเธอซึ่งเป็นชาวต่างเมืองแห่งหนึ่ง ลาลิตาเป็นเด็กที่น่ารัก และเพื่อนก็รักเธอเท่าที่ความรักของเธอซึ่งมอบให้แก่พวกเขาเช่นกัน

    ที่งานแสดงความสามารถประจำปี จัด ณ วันอังคารต้นเดือนกันยายน ตรงลานกว้างประจำชุมชน งานแสดงเต็มไปด้วยสีสันมากมาย ของกินทั้งคาวหวานเรียงรายพร้อมเพรียงกันให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มรสชมชิม เสียงเพลงบรรเลงด้วยความไพเราะเสนาะหูแต่ยังคงทำนองไว้ซึ่งควาสดใสสไตล์เด็กๆ การจัดและการตกแต่งงานที่เต็มไปด้วยหลากสี พร้อมด้วยตุ๊กตาหน้ารักมากมาย และมาสคอตพี่หมีประจำงานนี้

    เวลาผ่านไปจนราวๆหัวค่ำ หลังจากประธานกล่าวเปิดงาน การแสดงเปิดตัวก็เริ่มต้นขึ้น ไม่นานหลังจากจบลง เด็กคนแรกก็เริ่มแสดงความสามารถ ตามด้วยคนถัดๆไป จนถึงคราวของลาลิตาที่จะเป็นผู้แสดงต่อจากโรซ เพื่อนสนิทของเธอ

    เสียงปรบมือดังขึ้น โรซโค้งคำนับหลังจากร้องเพลงจบ หล่อนเดินกลับไปยังหลังเวที ทันใดนั้นคราวของลาลิตาที่จะต้องแสดงก็มาถึง แสงสปอตไลต์ดับลง เธอเดินไปยังเวที หยุดที่ประจำตำแหน่ง สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นนัยส่งสัญญาณ

    มื่อเปิดเพลง เธอเริ่มเต้นไปตามจังหวะเสียงดนตรีอันซึ่งดำเนินไปเรื่อยๆ สีหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ และส่งพลังความรู้สึกของเพลงที่ถ่ายทอดด้วยท่าทางที่สง่างาม เธอเต้นอย่างหนักแน่นไปตามจังหวะหนัก และอ่อนพริ้วไปตามจังหวะเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรง มั่นใจ และทรงพลัง เปรียบเหมือนกับการแกว่งดาบที่ต้องรู้จังหวะฟัน จังหวัหลบ และรู้ในการออกท่าทางให้ถูกต้อง เพื่อสามารถเอาชนะศัตรูแบบเบ็ดเสร็จได้

    มื่อเพลงสิ้นสุด ท่าจบของเธอทำให้ผู้ชมทั้งหลายต่างต้องยืนปรบมือกันใหญ่ เสียงโห่ร้องชื่นชมดังก้องอย่างไม่หยุด ลาลิตากลับสู่ท่ายืนปกติ เธอยิ้มกว้างให้แก่ผู้ชมทุกคน ก่อนจะโค้งคำนับแล้วเดินออกจากเวทีไปด้วยท่าทางแห่งความมั่นใจปนด้วยความดีอกดีใจภานลยในนั้น

    หลังจากที่คนสุดท้ายแสดงความสามารถจบ พิธีกรกล่าวมอบรางวัลต่างๆ ให้เด็กที่แสดงความสามารถได้อย่างน่าประทับใจผู้ชม แน่นอน ลาลิตา สาวน้อยจากเมืองบุม เธอก็ได้รับรางวัล นักเต้นยอดเยี่ยมประจำปีไปได้สำเร็จ ส่วนโรซ เพื่อนสนิทของเธอก็ได้รับรางวัล นักร้องเสียงสวรรค์ ด้วยเช่นกัน

    การแสดงความสามารถสิ้นสุด ผู้ปกครองแห่กรูเข้าหาลูกของตนกันใหญ่ พ่อแม่ของลาลิตาก็มาชื่นชมและแสดงความยินดีแก่เธอ โรซและท่านผู้ชมคนอื่นๆก็ด้วย แม้ว่าเธอจะมาแสดงงานนี้ถึงหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าเธอทำได้ดีที่สุดมากกว่าครั้งก่อนๆแล้ว เสียงชื่นชมต่างๆทำให้เธอต้องหน้าแดงไปไม่น้อย จนพ่อแม่และโรซก็เห็นไปตามๆกัน

    ลาลิตาโตขึ้น ชื่อของเธอทำให้ผู้คนในนั้นต่างรู้จักกันในนาม "นักเต้นสาวเท้าไฟแห่งเมืองบุม" ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ลงแข่งการเต้นในระดับเยาวชนอายุไปเกินสิบแปดปี การแข่งขันครั้งนี้ ถือได้ว่าหินใช้ได้ แต่เธอก็สามารถคว้าชัยชนะได้ที่หนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้ นอกจากนั้น การเต้นของเธอยังสามารถสร้างความประทับใจให้แก่คนดูอยู่ไม่น้อย เรียกได้ว่า เสียงโห่ร้องและเสียงชื่นชมดังสนั่นไปทั่วเมือง ชนิดที่ว่าการเต้นของเธอดันไปเข้าตาของใครบางคนเข้า

    เช้าวันหนึ่งหลังจากที่เธอเดินออกไปจ่ายตลาดเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน เธอดันพบกับชายคนหนึ่งเข้า เขายืนอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ เมื่อเธอเดินมาถึงตรงผู้ชายคนนั้น เขาก็เริ่มถาม

    "คุณคืือลาลิตา ฉายานักเต้นสาวเท้าไฟแห่งเมืองบุมใช่ไหมครับ" ชายคนนั้นถาม ลาลิตายืนมองเขา ดูเป็นคนรูปร่างสูง แต่งตัวดูทางการ หรือไม่ก็นักธุรกิจหรือไม่ก็แค่พนักงานบริษัทธรรมดาก็ได้ แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เขาส่งมา มันก็ทำให้เธอหยุดคิดว่าเขาเป็นนักธุรกิจไม่ได้เลย

    "ค่ะ ลาลิตาค่ะ"

    "พอเวลาคุยกับผมแค่ห้านาทีไหมครับ" ชายคนนั้นถาม เธอมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้

    "ค่ะ มีเรื่องอะไรจะคุยหรอคะ"

    "คุยกันในนี้อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ พอจะไปคุยกันในบ้านได้ไหมครับ" เธอได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว สบสายตาไปยังผู้ชายคนนี้ เธอรู้สึกได้ถึงความจริงใจภายในสสายตาของเขา เธอจึงตกลงให้เขาเข้ามาข้างใน

    ลาลิตาวางผักและเนื้อสัตว์ที่ซื้อมาจากตลาดบนโต๊ะกินข้าว เธอไปหยิบน้ำมาหนึ่งแก้วก่อนจะมอบให้ชายผู้ซึ่งเป็นแขก แล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ในห้องรับแขกซึ่งอยู่ติดกับโต๊ะกินข้าว

    "มีเรื่องอะไรจะคุยกับหนูหรอคะ"

    "ผมอยากชวนคุณเป็นเด็กฝึกของค่ายเรา"

    "เด็กฝึก...หรอคะ" เธอถาม สายตาของเธอเบิกขึ้นเล็กน้อย

    "ใช่แล้วครับ ค่ายยมทัม เมื่อคุณเป็นเด็กฝึกไปได้สักพัก คุณจะมีโอกาสรับการคัดเลือกให้เป็นศิลปิน และหากคุณไต่เต้่่าไปเรื่อยๆจนคนในเมืองชอบ ก็จะได้รับการเลือกให้ไปถวายความเพลิดเพลินแก่เจ้าพ่อในที่สุด" พูดจบ เขาก็ยกแก้วน้ำดื่ม

    "น่าสนใจดีนะคะ แต่หนูไม่เชื่อเรื่องเจ้าพ่ออะไรของคุณด้วยหรอก" ทันใดนั้นเขาก็หยุดดื่มน้ำ และหันมามองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

    "ทำไมคุณถึงไม่เชื่อ" ชายคนนั้นถาม น้ำเสียงเริ่มหนักแน่น

    "เพราะแม่่หนูไม่เคยเล่าเรื่องนี้เลย"

    "แม่คุณอาจจะไม่อยากให้คุณรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นจนกว่าคุณจะโตก็ได้"

    "'งั้นหรอ แต่ตอนนี้หนูอายุสิบห้าปีแล้ว และตลอดหลายปีที่ผ่าน ก็ไม่เคยมีใครกล่าวถึงเรื่องนี้เลย นอกจากคุณ" เธอลุกขึ้น จ้องไปที่ตาของชายคนนั้น

    "คุณเป็นใคร คุณชื่ออะไร" เขามองไปที่สายตาอันดุดันของเธอก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย

    "ผมชื่อแคน มาจากเมืองบุม ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะเล่าเรื่องราวของเมืองนี้ให้ฟัง" เขาเล่าเรื่องราวของเมืองบุม เมืองที่มีศาลไม้เก่าเจ้าพ่อเสือและปรากฏการณ์ที่ทำให้ต้องมีการถวายสิ่งเพลิดเพลินแก่พระเจ้า

    "นี่คุณเอาเรื่องหลอกเด็กมาหลอกหนูจนถึงเมื่อไหร่ หนูไม่เชื่อเรื่องล่าบ้าบอของคุณหรอก ถ้ามีจริงทำไมไม่มีข่าวเลือกตั้งคนเพื่อมาถวายเจ้าพ่อห่าอะไรนั่นหรอกหรอ มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ่ คุณต้องการอะไรกันแน่!!!!" ชายปริศนาฟังดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสุภาพไร้อารมณ์ตอบกลับใดๆ

    "ถ้าคุณไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณหล่ะกัน งั้นถ้าคุณเชื่อ" เขาหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท

    ปัง!!!

    "เห้อ...ช่วยไม่ได้ กะว่าจะเอาเงินไปด้วยวิธีนี้ แต่ดูเหมือนว่านังนี้จะไม่เชื่อง่ายๆ ...งั้นก็ขอโทษด้วยหล่ะกัน" พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปยังบ้านและหยิบเอาเงินทองของมีค่าไปให้หมด ทิ้งไว้เพียงร่างของลาลิตาที่นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจ และคุณแม่ที่ไร้ตัวตนไปตลอดกาล


     


       

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×