คำนี้มีที่มา555 - คำนี้มีที่มา555 นิยาย คำนี้มีที่มา555 : Dek-D.com - Writer

    คำนี้มีที่มา555

    โดย papadot

    โดย น้อง ต้มยำส้มตำ

    ผู้เข้าชมรวม

    491

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    491

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.พ. 50 / 19:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คำนี้มีที่มาวันนี้มีที่ มาที่ไปของคำที่น่าสนใจคำหนึ่ง คำว่า เจ้าชูประตูดิน ครูครับทำไมเจ้าชู้ต้องประตูดินด้วย

      ก็นี่ไงครับเดี๋ยวผมจะเล่าที่มาให้ฟัง คำว่าเจ้าชู้ประตูดิน ใช้กันมานานแล้ว ที่ต้องเป็นคำว่าต่อว่าประตู ดินก็ เพราะประตูดินในที่นี้ คือประตูศรีสุดาวงศ์ในพระบรมมหาราชวัง เป็นประตูทางเข้าออกเขตชั้นใน ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาหญิงชาว วัง ซึ่งผู้ชายเข้าไม่ได้ หนุ่มๆที่อยากดูสาวชาววังก็ ต้องรอตอนสาวชาววังออกมาจับจ่าย ซื้อหาข้าวของนอก ประตูถึงจะได้เห็น แต่จะไปเกี้ยวแบบเดินไปขอเบอร์แบบเดี๋ยวนี้ไม่ได้นะ เพราะเค้ามีคนมาเฝ้า และที่หน้าประตูก็มีโขลน หรือตำรวจวัง ด้วย สุ่มสี่สุ่มห้เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปจีบ เดี๋ยวเป็นไปโดนดี คราวนี้พอสาวชาววังออกมา หนุ่มๆก็จะไปคอยดักดูอยู่แถวหน้าประตูดินที่ว่านี่ แหละหวังจะทำความรู้จักด้วย จึงเป็นที่มาของคำว่าเจ้าชู้ประตูดินนั่นเอง แถมบางครั้ง มีสร้อยคำต่อท้ายด้วยว่า

      "เจ้าชู้ประตูดิน หมูหมาเกี้ยวสิ้นไม่เลือกหน้า"
      คำนี้มีที่มาวันนี้ เสนอคำว่าอะไรครับครู วันนี้เสนอคำว่า “โบแดง” โบแดง เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 4 สันนิษฐานว่า เกิดจากการประกวดตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแบบจีน ซึ่งของ ใครที่จัดได้สวยงามที่สุด ก็จะมีผ้าแพรแดงผูกไว้เป็นเครื่องหมาย ต่อมาประกวดกันมาก ผ้าแพรดูรุงรัง จึงเปลี่ยนเป็นผ้าชิ้นเล็กผูกเป็น รูปหูกระต่ายแทน เรียกกันว่าโบแดง หมายถึง งานชิ้นสำคัญที่ได้รับการ ยกย่องสรรเสริญ นั่นเอง

      คำนี้มีที่มาวันนี้ เสนอคำว่าอะไรครับครู เคยได้ยินคำว่า "ไม่เป็นสับปะรดไหมครับ"

      คำนี้ไม่เกี่ยวกับสับปะรดเลย คำนี้ใช้กันมานานแล้วสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า

      สรรพรสแปลว่า หลากหลายรส มีรสทั้งหลาย เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ครบหมด ดังนั้นอาหารที่ ไม่เป็นสรรพรส คืออาหารที่ไม่ค่อยมีรสชาติ ไม่เปรี้ยว หรือหวาน หรือมัน หรือเค็ม อย่างใดทั้งสิ้น

      นานเข้าคนที่ฟังไม่เข้าใจจึงพูดลาก เข้ามาหาคำว่าสับปะรด จากไม่เป็นสรรพรสเพี้ยนมา เป็น ไม่เป็นสับปะรด แล้วมีความหมายเปรียบเทียบว่า หมายถึงการทำอะไรที่ไม่ได้เรื่องนั่นเอง
      คำนี้มีที่มาวันนี้ เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "ธารกำนัล"

      คำว่าธารกำนัล คำนี้ใช้กันมานานแล้วนะครับ เช่นจะใช้ในสถานการณ์ที่ว่า ซึ่งคำนี้มีความหมายว่า การพูดในที่ประชุมชน หรือที่มีคนอยู่จำนวนมาก แต่เดิมคำว่า ธารกำนัล มาจาก ธาร หมายถึงภรรยา โบราณจะใช้คำว่าธารเรียกผู้ที่เป็น เมีย และกำนัล

      หมายถึง นางรับใช้ สมัยก่อนเชื่อกันว่าผู้หญิงมักจะรักษาความรับไม่ได้ จะช่างพูดช่างเจรจา เรื่องราวที่พูดกันในบ้านทั้ง ความลับและไม่ลับก็จะโจษจันจนรู้กันทั่ว

      จึงไม่ควรพูดความลับต่อธารกำนัล ซึ่งก็หมายความว่า อย่าเอาเรื่องรวความลับหรือเรื่องในบ้านไปพูดให้เมียหรือพวกนางกำนัลฟังก็คือ อย่าพูดต่อหน้าธารกำนัลนั่นเอง แต่ต่อมาความหมาย ของคำว่า ธารกำนัล เปลี่ยนไปกลายเป็น ที่ที่ประชุมชน มีคนจำนวนมากครับ

      คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "เบญจกัลยาณี"

      คำว่า “เบญจกัลยาณี” ซึ่งแปลว่า ความงามของผู้หญิง ๕ ประการครับเป็นความงามด้านรูปสมบัติ ที่ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ควรรู้ไว้ ต้องบอก ก่อนว่า “เบญจกัลยาณี” เป็นความงามของผู้หญิงที่นิยมกันมาแต่ในครั้งพุทธกาล คุณผู้หญิงที่นั่งดูอยู่ ลองดูนะครับว่า ตัวเองมีครบหรือไม่ คือ

      ๑. ผมงาม ๒. เนื้องาม ๓. กระดูกงาม ๔. ผิวงาม ๕. วัยงาม
      ผมงาม คือ ผมยาวที่เกล้ารัดไว้ที่ท้ายทอย เวลาปล่อยสยายปลายผมจะกระทบชายผ้านุ่ง วกปลายขึ้นงอนเล็กน้อย
      เนื้องาม หมายถึง เนื้อเหงือกครับ สีจะแดงสดเหมือนลูกพลับสด เรียบสนิทแนบแน่นอยู่กับฟัน
      กระดูกงาม หมายถึง ฟันครับ ฟันจะต้องขาวเป็นเงาเรียบสนิท ไม่ห่างไม่ชิดเกินไป
      ผิวงาม คือ ถ้าเป็นผิวดำต้องดำสนิท เหมือนสีบัวเขียว ถ้าขาวต้องขาวแบบดอกกรรณิการ์
      วัยงาม ก็คือ อายุของผู้หญิง ที่แม้จะมีลูกถึง ๑๐ คนก็ต้องดูงามเสมือนมีเพียงคนเดียว ถึงอายุมากก็ ต้องดูกระชุ่มกระชวย

      คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "พระเจ้าเหา"

      คำว่าพระเจ้าเหา มีที่มาน่าสนใจทีเดียว และที่สำคัญ เมื่อไปสืบค้นข้อมูลมาแล้วเนี่ย รู้ไหมครับว่า พระเจ้าเหา เป็นบุคคลที่มีตัวตน จริงด้วย ไม่ใช่คนที่กล่าวอ้างขึ้นลอยๆ

      ***ในหนังสือของอาจารย์พลายน้อยซึ่งกล่าวไว้ว่า หลวงจีนเย็นเกียรติ (ลิขิต ชุนตตระกูล) เป็นผู้ค้นคว้า พระราชประวัติของพระเจ้าเหาขึ้น โดยเขียนไว้ในหนังสือ ประวัติความสัมพันธ์ระหว่างชาติไทย กับชาติจีนขึ้น เมื่อปี 2509 ว่า

      “พระเจ้าเสียวเหา”หรือพระเจ้าเหา เป็นโอรสของพระเจ้าหว่างตี้ ปฐมกษัตริย์ของจีน (ครองราชย์ก่อนพ.ศ. 2154-2055) พระมารดา ของพระเจ้าเหา

      ซึ่งเป็นมเหสีของหว่างตี้ฮ่องเต้ มีโอรส ๓ องค์ คือ ซังฮี ๒.เสียวเหา ๓. หลงเมียว ซึ่งพระเจ้าเหาครองราชย์ต่อพระราช บิดาในปีมะโรง เมื่อ 2055 ก่อนพุทธกาล และเชื่อกันว่าเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าเหากลายเป็นต้นตระกูลของไทยต่อมาด้วย

      คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "ชักแม่น้ำทั้ง ๕"

      คำว่าพระเจ้าเหา พูดถึงการเจรจา หว่านล้อมหรือขอร้องอะไรก็ตาม ที่จะไม่พูดตรงๆ แต่จะพูดอ้อมๆหว่าน ล้อมก่อนจะเข้าจุดประสงค์ นั้นเอง

      สำนวนนี้จาก เรื่อง ”มหาเวสสันดรชาดก ตอน กัณฑ์กุมาร“ ตอนที่ชูชกจะขอสยามกุมารกับพระเวสสันดร ซึ่งไม่ทูลขอตรงๆ แต่จะนำแม่น้ำทั้ง ๕ มาเปรียบว่าไหลแผ่สาขา เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างไรก็เหมือนกับน้ำ พระทัยของพระ เวสสันดร พูดชักจูงไปชักจูงมา เพื่อพระเวสสันดรจะได้ยก ๒ กุมารให้

      แม่น้ำทั้ง ๕ มีอะไรบ้าง ๑.คงคา , ๒. อนุมา , ๓.อจิรวดี , ๔. สรภู และมหิ เป็น ๕ แม่น้ำสายหลักในอินเดีย

      คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "สิบแปดมงกุฎ"

      คำว่า “๑๘ มงกุฎ” เป็นคำที่มีปรากฏอยู่ในรามเกียรติ์ เป็นคำเรียกของทหารที่เป็นลิงชั้นนายที่มีมงกุฎสวม ๑๘ ตัวเช่น นิลเสน นิ นนนท์ ฯลฯ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้มีการนำคำนี้มาใช้เปรียบเทียบกับ การหลอกลวง หรือแก็งค์ต้มตุ๋นแต่อย่างใด

      แต่ต่อมามีการนำคำนี้มาใช้ เมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้ว โดยใช้กับพวกนักเลงการพนัน นักเลงการพนันอย่างเดียวนะครับยังไม่ได้เหมารวมถึง พวกแก็งค์ต้มตุ๋น ซึ่งเมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้วมีนักเลงการพนันที่มีชื่อเสียงพวกหนึ่ง ฝีมือระดับเซียน พวกนี้จะสักตรามงกุฎ ตามร่างกาย ทาง การจึง เรียกพวกนี้ว่า ๑๘ มงกุฎตามเรื่องในรามเกียรติ์

      จากนั้นมา ใครเป็นพวกนักเลงพนันใหญ่ก็จะเรียกว่า ๑๘ มงกุฎ แต่ต่อมาพวกหนังสือพิมพ์ก็เอาไปใช้กับพวกแก๊งค์ต้มตุ๋น ด้วย


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×