คำนี้มีที่มา555
โดย น้อง ต้มยำส้มตำ
ผู้เข้าชมรวม
540
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ก็นี่ไงครับเดี๋ยวผมจะเล่าที่มาให้ฟัง คำว่าเจ้าชู้ประตูดิน ใช้กันมานานแล้ว ที่ต้องเป็นคำว่าต่อว่าประตู ดินก็ เพราะประตูดินในที่นี้ คือประตูศรีสุดาวงศ์ในพระบรมมหาราชวัง เป็นประตูทางเข้าออกเขตชั้นใน ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาหญิงชาว วัง ซึ่งผู้ชายเข้าไม่ได้ หนุ่มๆที่อยากดูสาวชาววังก็ ต้องรอตอนสาวชาววังออกมาจับจ่าย ซื้อหาข้าวของนอก ประตูถึงจะได้เห็น แต่จะไปเกี้ยวแบบเดินไปขอเบอร์แบบเดี๋ยวนี้ไม่ได้นะ เพราะเค้ามีคนมาเฝ้า และที่หน้าประตูก็มีโขลน หรือตำรวจวัง ด้วย สุ่มสี่สุ่มห้เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปจีบ เดี๋ยวเป็นไปโดนดี คราวนี้พอสาวชาววังออกมา หนุ่มๆก็จะไปคอยดักดูอยู่แถวหน้าประตูดินที่ว่านี่ แหละหวังจะทำความรู้จักด้วย จึงเป็นที่มาของคำว่าเจ้าชู้ประตูดินนั่นเอง แถมบางครั้ง มีสร้อยคำต่อท้ายด้วยว่า
คำนี้ไม่เกี่ยวกับสับปะรดเลย คำนี้ใช้กันมานานแล้วสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า
สรรพรสแปลว่า หลากหลายรส มีรสทั้งหลาย เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ครบหมด ดังนั้นอาหารที่ ไม่เป็นสรรพรส คืออาหารที่ไม่ค่อยมีรสชาติ ไม่เปรี้ยว หรือหวาน หรือมัน หรือเค็ม อย่างใดทั้งสิ้น
นานเข้าคนที่ฟังไม่เข้าใจจึงพูดลาก เข้ามาหาคำว่าสับปะรด จากไม่เป็นสรรพรสเพี้ยนมา
คำนี้มีที่มาวันนี้ เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "ธารกำนัล"
คำว่าธารกำนัล คำนี้ใช้กันมานานแล้วนะครับ เช่นจะใช้ในสถานการณ์ที่ว่า ซึ่งคำนี้มีความหมายว่า การพูดในที่ประชุมชน หรือที่มีคนอยู่จำนวนมาก แต่เดิมคำว่า ธารกำนัล มาจาก ธาร หมายถึงภรรยา โบราณจะใช้คำว่าธารเรียกผู้ที่เป็น เมีย และกำนัล
หมายถึง นางรับใช้ สมัยก่อนเชื่อกันว่าผู้หญิงมักจะรักษาความรับไม่ได้ จะช่างพูดช่างเจรจา เรื่องราวที่พูดกันในบ้านทั้ง ความลับและไม่ลับก็จะโจษจันจนรู้กันทั่ว
จึงไม่ควรพูดความลับต่อธารกำนัล ซึ่งก็หมายความว่า
คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "เบญจกัลยาณี"
คำว่า “เบญจกัลยาณี” ซึ่งแปลว่า ความงามของผู้หญิง ๕ ประการครับเป็นความงามด้านรูปสมบัติ ที่ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ควรรู้ไว้ ต้องบอก ก่อนว่า “เบญจกัลยาณี” เป็นความงามของผู้หญิงที่นิยมกันมาแต่ในครั้งพุทธกาล คุณผู้หญิงที่นั่งดูอยู่ ลองดูนะครับว่า ตัวเองมีครบหรือไม่ คือ
คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "พระเจ้าเหา"
คำว่าพระเจ้าเหา มีที่มาน่าสนใจทีเดียว และที่สำคัญ เมื่อไปสืบค้นข้อมูลมาแล้วเนี่ย รู้ไหมครับว่า พระเจ้าเหา เป็นบุคคลที่มีตัวตน จริงด้วย ไม่ใช่คนที่กล่าวอ้างขึ้นลอยๆ
***ในหนังสือของอาจารย์พลายน้อยซึ่งกล่าวไว้ว่า หลวงจีนเย็นเกียรติ (ลิขิต ชุนตตระกูล) เป็นผู้ค้นคว้า พระราชประวัติของพระเจ้าเหาขึ้น โดยเขียนไว้ในหนังสือ ประวัติความสัมพันธ์ระหว่างชาติไทย กับชาติจีนขึ้น เมื่อปี 2509 ว่า
ซึ่งเป็นมเหสีของหว่างตี้ฮ่องเต้ มีโอรส ๓ องค์ คือ ซังฮี ๒.เสียวเหา ๓. หลงเมียว ซึ่งพระเจ้าเหาครองราชย์ต่อพระราช บิดาในปีมะโรง เมื่อ 2055 ก่อนพุทธกาล และเชื่อกันว่าเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าเหากลายเป็นต้นตระกูลของไทยต่อมาด้วย
คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "ชักแม่น้ำทั้ง ๕"
คำว่าพระเจ้าเหา พูดถึงการเจรจา หว่านล้อมหรือขอร้องอะไรก็ตาม ที่จะไม่พูดตรงๆ แต่จะพูดอ้อมๆหว่าน ล้อมก่อนจะเข้าจุดประสงค์ นั้นเอง
แม่น้ำทั้ง ๕ มีอะไรบ้าง ๑.คงคา , ๒. อนุมา , ๓.อจิรวดี , ๔. สรภู และมหิ เป็น ๕ แม่น้ำสายหลักในอินเดีย
คำนี้มีที่มาวันนี้เสนอคำว่าอะไรครับครู คำว่า "สิบแปดมงกุฎ"
คำว่า “๑๘ มงกุฎ” เป็นคำที่มีปรากฏอยู่ในรามเกียรติ์ เป็นคำเรียกของทหารที่เป็นลิงชั้นนายที่มีมงกุฎสวม ๑๘ ตัวเช่น นิลเสน นิ นนนท์ ฯลฯ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้มีการนำคำนี้มาใช้เปรียบเทียบกับ การหลอกลวง หรือแก็งค์ต้มตุ๋นแต่อย่างใด
จากนั้นมา ใครเป็นพวกนักเลงพนันใหญ่ก็จะเรียกว่า ๑๘ มงกุฎ แต่ต่อมาพวกหนังสือพิมพ์ก็เอาไปใช้กับพวกแก๊งค์ต้มตุ๋น ด้วย
ผลงานอื่นๆ ของ papadot ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ papadot
ความคิดเห็น