+_+นาฬิกาชีวิต>>บางสิ่งที่ควรรู้... - +_+นาฬิกาชีวิต>>บางสิ่งที่ควรรู้... นิยาย +_+นาฬิกาชีวิต>>บางสิ่งที่ควรรู้... : Dek-D.com - Writer

    +_+นาฬิกาชีวิต>>บางสิ่งที่ควรรู้...

    ลองมาดูกันว่า ในแต่ละวันคุณดูแลตัวเองมากน้อยแค่ไหน ถ้าใครเคยอ่านแล้วต้องขออภัยด้วยค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    226

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    226

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 เม.ย. 50 / 22:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      การดำเนินชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืน ปราศจากโรค โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้

      01.00-03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ
          ควรนอนหลับพักผ่อน ถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราดทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรคทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราโทนินเป็นประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endrophin) ออกมาด้วย จึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนัก และเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับคือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รอง คือ
      1.ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
      2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อยๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

      03.00-05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด
          จึงควรตื่นนอนลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ และรับแสงแดดในยามเช้า ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำปอดจะดี ผิวดีขึ้น และจะเป็นคนที่มีอำนาจในตัว

      05.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่
          ควรขับถ่ายอุจจาระ ทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว
      โดยใช้น้ำ  1 แก้ว+น้ำผึ้ง  1 ช้อนโต๊ะ+น้ำมะนาว 4-5 ลูก ทำดื่มจนกว่าจะถ่ายหรือบริหารดดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร่อมทั้งหายใจออก เอามือเท้าเข่า แขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง

      07.00-09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร
          กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเาพะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอจะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า
      ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

      09.00-11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม
          ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดสีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุมาจากม้ามกับตับ
          - ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้าเงม็ดเลือดขาวได้น้อย
          - ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมันจึงทำให้อ้วนง่าย
      ผู้ที่นอนหลับในช่วงเวลานี้ ม้ามจะอ่อนแอ นอกจากนี้ม้ามยังโยงไปถึงริมฝีปาก ผู้ที่พูดบ่อยๆ หรือพูดเก่งๆ ม้ามจะชื้น จึงควรพูดน้อยกินน้อย ม้ามจึงแข็งแรง

      11.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ
          หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้

      13.00-15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก
          จึงควรงดการกินอาหารทุกประเภทเพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินซี บี โปรตีนเพ่อสร้างกรดอะมิโน
      สร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข้สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่าผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่า เนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย
      เมื่อมีลำไส้ใหญ่ยาวกว่าจึงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ 1 ซี่

      15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ                   แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจากหัวตา>>>ผ่านหน้าผาก>>>ศีรษะ>>>ท้ายทอย>>>แผ่นหลังทั้งแผ่น>>>สะโพก>>>ด้านหลังขา>>>หัวเข่า>>>น่อง>>>ส้นเท้า>>>นิ้วก้อย
      กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด
          ช่วงเวลานี้จึงควรทำให้เหงื่อออก อาจจะออกกำลังกายหรืออบตัวกระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปนออกมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโปตัสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวาย แก้ไขเรื่องหัวใจวายด้วยการดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อเติมโปตัสเซียม
          การอั้นปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็น เหมือนปัสสาวะ

      17.00-19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต
          จึงควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้ ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ เแสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อแสดงว่าอาการหนักมาก
          - ไตซ้ายจะควบคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป
      กลายเป็นคนปล่อยเนื่อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน
          - ไตขวาจะควบคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญหา ความจำจะเสื่อมและเป็นคนขี้หนาว
          ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไตสมองจะเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ
          การดูแล คือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นอาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า แต่น้ำควรใส่สมุนไพร เช่น ขิง ข่า เป็นต้นด้วย

      19.00-21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ
          ชาวงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือ หัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง
      ควรใสเสื้อผ้าชุดสีดำ เทา เอาเท้า แช่เท้าในน้ำอุ่น

      21.00-23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น
          จึงห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ

      23.00-01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี
          อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึกหรือตอนเช้าจะจาม (ถุงน้ำดีจะโยงไปถึงปอด) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ
          ทางแก้ คือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่สูงๆ เพราะจะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน
      หรือก่อนเวลา 23.00 น.

      ขอขอบคุณ : นาฬิกาชีวิต

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×