ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชายาอ๋องไร้ใจ (ZiYu)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 5 (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.04K
      540
      1 ส.ค. 64

     บทที่ 5

    บ้านที่อบอุ่น

    ยามเหม่า (5:00 - 6:59 น.) หมิ่งหลานที่กำลังนอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย นางพึ่งจะได้นอนหลับมาไม่ถึง 2 ชั่วยาม หมิ่งหลานก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

    เพราะหย่งจื่อสามีของนางขยับตัวออกจากอ้อมกอด

    "หย่งจื่อ ท่านตื่นแล้วรึ" หมิ่งหลานขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองเห็นหย่งจื่อที่กำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ที่ปลายเตียง

    "อืม เจ้านอนต่อเถอะ อีกหน่อยค่อยลุก" หย่งจื่อที่พยายามขยับตัวออกจากเตียงนอนให้เบาที่สุด เพื่อออกไปดูการฝึกซ้อมของทหารยามเช้า ในทุกๆ วัน เขาไม่ต้องการให้หมิ่งหลานตื่น เขาอยากให้นางได้พักผ่อนเต็มอิ่ม

    "ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันนอนพอแล้ว" หมิ่งหลานปฏิเสธที่จะนอนต่อ เพราะนางตื่นแล้วก็จะตื่นเลย จื่ออวี้ถูกฝึกให้ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือตั้งแต่ยังเด็ก พอโตมาก็ต้องตื่นเช้าไปวิ่งออกกำลังกาย ทำอาหารเช้า พอเข้ามาอยู่ในร่างหมิ่งหลานแล้วเลยติดเป็นนิสัย

    "งั้นข้าไปลานฝึกทหารก่อน เจ้าก็เตรียมตัวรอ"

    "เพคะ เอ่อ..."" หมิ่งหลายมองไปที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีแต่รอยเล็บของนางเต็มไปหมด มันทำให้นางแก้มผ่าวร้อน แต่ก็ไม่ลืมจุดประสงค์ที่นางตั้งใจจะถามหย่งจื่อนางนึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคำพูดแปลกๆ ของสามีนางที่พูดเมื่อคืน หรือนางอาจจะคิดมากไป

    "มีอะไรงั้นรึ" หย่งจื่อที่กำลังหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาเพื่อแต่งตัว ก็หันไปมอง หมิ่งหลานที่เตียง เพราะน้ำเสียงของนางดูมีเรื่องสงสัยที่จะถามเขา

    "หม่อมฉันมีเรื่องสงสัย" ในตอนแรกหมิ่งหลานเองกำลังคิดอยู่ว่าจะถามออกไปดีไหม สุดท้ายนางก็เอ่ยปากถามออกไปจนได้

    "ว่ามาสิ"

    "เมื่อคืน เอ่อ ทรงมาได้อย่างไรเพคะ"

    "หึ ข้ากลับมาเจ้าไม่ดีใจงั้นรึ" หย่งจื่อ ยิ้มมุมปากนิดๆ พร้อมทำเสียงในลำคอ ส่วนมือก็กำลังผูกเชือกคาดเอวไปพรางๆ เขาคาดไม่ผิดจริงๆ หมิ่งหลานนางคงสงสัยว่าทำไมถึงกลับมาเร็วกว่ากำหนดที่เขาบอกไว้

    "ปะ เปล่า เพคะ หม่อมฉันเพียงรู้สึกแปลกใจ"

    "เปิ่นหวางแค่ทำงานเสร็จเร็วเท่านั้น"

    "เพคะ" หมิ่งหลานนี้เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่กัน คิดว่าเขารีบกลับมาเพราะคิดถึงเธอหรือไง นางก็ได้แต่คิดในใจอย่างคาดหวัง แต่ก็ต้องผิดหวัง

    "ข้าตอบคำถามเจ้าแล้ว ตาเจ้าบ้าง"

    "หม่อมฉันทำไมหรือเพคะ"

    "ไท่จื่อ" หย่งจื่อไม่ได้ลืมเรื่องค้างคาใจที่จะถามหมิ่งหลาน แต่เป็นเพราะเมื่อคืนเขาให้รางวัลเด็กดีหนักไปเลยไม่อยากคาดคั้นนางมาก

    "อ่อ เรื่องนั้น" หมิ่งหลานก็ไม่รู้จะตอบหย่งจื่ออย่างไรดี เรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน แต่นางก็ยังอยากให้เขารู้ว่านางได้วางตัวกับไท่จื่อดีกว่าแต่ก่อนมาก

    "ข้าให้เวลาเจ้าคิด ตอบข้าดีๆ ละ ข้าจะไปลานฝึกก่อน ข้ากลับมาต้องได้คำตอบที่ข้าพอใจ" ในเมื่อไม่อยากจะคาดคั้นหมิ่งหลานมาก เขาก็จะให้เวลานางสักหน่อย

    "เพคะ" หย่งจื่อเมื่อใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินออกไปจากห้อง กลับไปเรือนของตน เพื่อเตรียมตัวไปลานฝึก หลังจากที่เขาไม่อยู่หลายวันคงต้องไปตรวจตราดู หากเกิดสิ่งใดผิดปกติจะได้แก้ปัญหาทันการณ์

    สนามฝึกที่หนึ่ง

    ทหารหน่วยป้องกัน กำลังวิ่งลงมาจากภูเขาหลังจวนเข้าสู่สนามฝึกโดยทหารทุกคนมีกระสอบทรายผูกติดกับขาข้างทั้งสองข้าง ข้างละหนึ่งถุง ส่วนทหารหน่วยโจมตีกำลังฝึกให้อาวุธที่ สนามฝึกที่สองข้างๆกัน โดยมีโม่ไป๋เดินคุมอยู่

    "ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพ" โม่ไป๋รีบเข้าไปถวายพระพรท่านจิ้นอ๋องที่เป็นผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุดเป็นรองเพียงแต่ฮ่องเต้เท่านั้น

    "โม่ไป๋ เปิ่นหวางไม่อยู่หลายวันเหล่าทหารของเราเป็นอย่างไรบ้าง" โม่ไป๋เป็นหนึ่งในรองแม่ทัพที่สี่คนของจื่ออ๋อง เขามีหน้าที่ฝึกหารหน่วยปกป้องกันและจู่โจมเพื่อให้เป็นแนวหน้าในสนามรบ

    "สถานการณ์เรียบร้อยดีพ่ะย่ะค่ะ"

    "แล้วทหารใหม่ละ"

    "กระหม่อมได้ให้ทหารใหม่ฝึกพื้นฐาน ระเบียบแถว แต่ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก พ่ะย่ะค่ะ" เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่จะหย่งจื่อจะเข้าพิธีแต่งงาน ได้มีการรับทหารใหม่มาเฉพาะในเขตเมืองหลวงห้าพันนาย เป็นชายหนุ่มอายุสิบหกถึงยี่สิบสองปี ส่วนมากก็จะเป็นลูกชาวบ้านที่มีฐานะยากจน

    "อืม พยายามต่อไป เพิ่มการฝึกเป็นสองเท่า อีกสามเดือนก็ต้องคัดเข้าไปในหน่วยอื่นๆแล้ว เดี๋ยวข้าจะเรียกหมิ่งเทียนกลับมาช่วยเจ้าอีกแรง" ในเมื่อหย่งจื่อ กลับมาประจำการที่เมืองหลวงแล้ว หากไม่มีกิจจำเป็นหรือสงครามระหว่างแคว้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ชายแดนอีก

    "ขอบพระทัย พ่ะย่ะค่ะ"

    จวนตระกูลจาง

    เมื่อรถม้าวิ่งออกจากจวนพยัคฆ์ทมิฬก็ได้ใช้เวลาในการเดินทางไปพอสมควร เนื่องจากจวนแต่ละหลังมีระยะทางห่างกันคนละฟากของเมืองหลวง รถม้าได้หยุดที่หน้าจวนตระกูลจางในยามอู่ (11:00-12:59 น.) บิดามารดาของจิ้นหวางเฟยและจางหมิ่งเทียนผู้เป็นพี่ชายของหมิ่งหลานก็ออกมารอต้อนรับหน้าจวน รวมถึงบ่าวรับใช้ในจวนด้วย

    หย่งจื่อลงจากรถม้าก่อนจากนั้นก็ยื่นมือไปประคองมือของหมิ่งหลานเพื่อให้นางลงจากรถม้าได้สะดวกขึ้น การกระทำของจิ้นอ๋องที่มีต่อพระชายานั้นได้อยู่ในสายตาของคนตระกูลจางแล้วทั้งสิ้น ร่วมถึงชาวบ้านในละแวกนั้นด้วย ทำให้ฮูหยิน จางซิงฉีปราบปลื้มใจเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันจางมี่ฮวากำมือแน่นด้วยความอิจฉา พี่สาวนางคนนี้ แต่ไหนแต่ไรก็ได้แต่สิ่งดีๆ ส่วนนางก็ได้แต่ของเหลือจากพี่สาว มี่ฮวาได้แต่เก็บความเจ็บแค้นไว้ในใจ เพราะไม่ว่าอะไรหมิ่งหลานก็จะได้ในสิ่งที่ดีกว่านางเสมอ แม้ว่านางจะทำตัวน่าสงสารอ้อนของนั้นนู้นนี้กับ หมิ่งหลานอยู่บ่อยๆ นางรู้แก่ใจดีว่ามีแต่ความเสแสร้ง นางไม่เคยรัก ไม่เคยเห็น หมิ่งหลานเป็นพี่เลย

    "ถวายพระพร จื่ออ๋อง จิ้นหวางเฟย พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"

    "ตามสบาย เราคนกันเองทั้งนั้น" หย่งจื่อที่ประคองหมิ่งหลานอยู่ก็ได้อนุญาตให้ทุกคนลุกขึ้นได้

    "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านอ๋องด้านใน" จางซุนหลี่ผู้เป็นประมุขของตระกูลก็รีบเชิญจื่ออ๋องเข้าไปด้านใน เพื่อที่จะพูดคุยได้สะดวกขึ้น หลังจากที่บุตรีคนโต ได้แต่งงานออกไปไม่กี่วันขุนนางคนอื่นๆ ต่างเห็นความสำคัญของเขามาขึ้นกว่าเดิม มันทำให้เขารู้สึกพอใจมาก หากมี่ฮวาแต่งเข้าตำหนักบูรพาอีกคน หน้าที่การงานเขาต้องรุ่งโรจน์กว่านี้เป็นแน่

    หย่งจื่อและหมิ่งหลานนั่งเก้าอี้สำหรับเจ้าของจวน ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งตามตำแหน่งที่ลดลั่นลงมา ตามประเพณีแล้วการมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาว คู่บ่าวสาวต้องยกน้ำชาให้บิดามารดาฝ่ายเจ้าสาว ในกรณีที่เป็นเชื้อพระวงศ์มียศสูงกว่ามักจะให้เพียงแค่เจ้าสาวเป็นคนยกหรือไม่ยกน้ำชาก็ได้ ส่วนการนอนค้างบ้านเจ้าสาวหนึ่งคืนก็ขึ้นอยู่กับคู่บ่าวสาว

    "นิ่งจู ท่านไปเตรียมน้ำชาให้ข้าที" หมิ่งหลานสั่งให้นิ่งจูคนสนิทของฮูหยินจางไปเตรียมน้ำชา เพื่อที่นางจะได้ยกน้ำชาให้ท่านพ่อท่านแม่

    "พระชายาอย่าได้ลำบาก พิธียกน้ำชาไม่ต้องทำก็ได้" จางซุนหลี่ได้เอยปฏิเสธอย่างเกรงใจ ตอนนี้บุตรีของเขาได้เป็นถึงจิ้นหวางเฟย แถมยังเป็นที่โปรดปรานของจิ้นอ๋องอีกต่างหาก

    "นั้นนะสิ จิ้นหวางเฟยอย่าได้ลำบากเลยเพคะ" ไม่เพียงแต่จางซุนหลี่ ฮูหยิน จางผู้เป็นมารดาก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน กัวซิงฉีรู้ดีบุตรีคนนี้นางกตัญญูยิ่งนัก

    "ท่านพ่อ ท่านแม่ อย่าได้คิดเช่นนั้นอีก ลูกเพียงแค่แต่งงานเท่านั้น เมื่อก่อนลูกดูแลปรนนิบัติท่านอย่างไร ทุกวันนี้หากมีโอกาสลูกก็อยากทำเช่นเดิม"

    "ท่านเสนาบดีจาง ตามใจนางเถอะ กว่านางจะหาโอกาสมาเยี่ยมท่านอีกคงยาก" หย่งจื่อมองเห็นความตั้งใจของชายาของตน เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เสแสร้งทำหรือไม่ หรือเป็นความจริงใจของนางกันแน่

    "ขอบพระทัยเพคะ ที่เข้าใจหม่อมฉัน"

    "อื้ม"

    "ท่านพ่อนี้ของขวัญของท่าน ลูกเลือกเอง" หมิ่งหลานคุกเข่ายกน้ำชาให้จางซุนหลี่ดื่มเป็นคนแรก จากนั้นก็ยกน้ำชาให้ฮูหยินจางดื่มต่อ โดยมีถิงถิงถือของขวัญอยู่ด้านหลัง เมื่อจางซุนหลี่และกัวซิงฉีดื่มน้ำชาเสร็จแล้ว หมิ่งหลานก็ส่งของขวัญที่เตรียมไว้ให้บิดาและมารดาของตน

    "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" จางซุนหลี่พอใจกับของขวัญมาก เป็นชุดเครื่องเขียนในแบบฉบับของชาวตะวันตก ซึ่งเขาก็เคยเห็นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้

    "ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ เครื่องประดับที่ท่านชอบ ลูกเลือกอยู่นานเลย"

    "ชอบใจมาก หลานเออร์คนดีของแม่" กัวซิงฉีเปิดกล่องเครื่องประดับ ก็ปรากฏรอยยิ้มของความภูมิใจ แม้ไม่ได้แพงหรือเป็นของหายาก แต่ก็เป็นเครื่องประดับที่สวยเรียบง่ายบวกกับความตั้งใจของบุตรีมันทำให้ของขวัญชิ้นนี้มีคุณค่าทางจิตใจไปอีก

    "ขอแค่ท่านชอบลูกก็พอใจแล้ว" หมิ่งหลานได้เห็นรอยยิ้มของท่านแม่ที่นางรัก ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเข้าไปสวมกอดเอวของกัวซิงฉีด้วยความรัก

    "อื้อ เด็กดีของแม่ เจ้าทำแม่จะร้องไห้อีกแล้วนะ" กัวซิงฉีใช้มือลูบหัวและแผ่นหลังของบุตรสาวด้วยความรักความเอ็นดู

    "ท่านแม่ก็ลูกจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ"

    ในมุมหนึ่งของห้องโถงรับแขก มี่ฮวาเห็นความรักความอบอุ่นของครอบครัวโดยที่นางและมารดาเป็นแค่ส่วนเกิน เป็นแค่ธาตุอากาศ มันทำให้นางจวนจะอาเจียนออกมา อย่าให้ถึงทีของนางบ้าง หากไท่จื่อขึ้นเป็นฮ่องเต้เมื่อไหร่ พวกมันจะได้รับบทเรียนอย่างไม่มีวันลืม

    "ฮวาเอ๋อร์ ข้ามีของมาให้เจ้าด้วยนะ น้องรัก" หมิ่งหลานกลับไปนั่งประจำที่เคียงข้างจิ้นอ๋อง ทำให้นางเหมือนหงส์ที่สง่างามเคียงข้างพยัคฆ์ ใครที่พบเห็นต่างก็ว่าเหมาะสมเหมือนกิ่งทองใบหยก หมิ่งหลานเรียกหาจางมี่ฮวา ให้นางมารับของขวัญที่เตรียมไว้

    "ฮวาเอ๋อร์ ขอบพระทัยเพคะ" จางมี่ฮวาไปรับของขวัญพร้อมกับคำนับ หมิ่งหลาน แล้วนางก็กลับมานั่งประจำที่ข้างๆ อนุฟางมารดาของนาง

    "เจ้ารีบเปิดดูสิ ถูกใจเจ้าหรือเปล่า"

    "ปิ่นนกเป็ดน้ำหรือเพคะ" จางมี่ฮวารีบเปิดกล่องไม้ห่อด้วยผ้าไหมสีแดง

    "ใช่ เจ้าชอบหรือเปล่า"

    "ชอบมากเพคะ"มี่ฮวายิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ อย่างดีใจ นางได้เสแสร้งแสดงความสดใสร่าเริงต่อหน้าจิ้นอ๋อง เพราะมันเป็นข้อดีของนาง ความสดใสร่าเริงบวกกับความน่าสงสาร มันทำให้นางหมัดใจไท่จื่อให้มาสนใจนางได้ นางก็จะใช้ข้อดีนี้ทำใช้จิ้นอ๋องมาสนใจนางบ้าง

    "เจ้าชอบก็ดีแล้ว ข้าเลือกตั้งนาน กว่าจะหาเครื่องประดับที่เหมาะสมกับเจ้านั้นยากนัก"

    "ฮวาเอ๋อร์ รีบขอบพระทัยพระชายา ท่านคงจะอยากอวยพรให้เจ้ากับไท่จื่อ จึงได้ให้นกเป็ดน้ำ คงจะหมายถึงการครองคู่" อนุฟางเอ่ยปากเกทับหมิ่งหลาน เพราะคุณหนูใหญ่คนนี้เคยชอบพอกับไท่จื่อ นางต้องได้รับรู้ถึงวาสนาของบุตรสาวนาง

    "จริงหรือเพคะ หม่อมฉันดีใจที่สุด ขอบพระทัยเพคะจิ้นอ๋อง พระชายา" เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนางกับไท่จื่อ มี่ฮวาก็ทำท่าเอียงอายไร้เดียงสา แต่ในใจก็สมน้ำหน้าพี่สาวคนนี้นัก ที่ไม่ได้มีบุญวาสนาดีเท่านาง เป็นเพียงหวางเฟยจะมาสู้บารมีว่าที่พระสนมฮ่องเต้อย่างนางได้อย่างไร

    "นั้นสิฮวาเอ๋อร์ พี่ให้นกเป็ดน้ำเจ้า เพราะพี่เห็นว่ามันเหมาะกับเจ้ามาก เจ้าคิดเหมือนพี่ใช่ไหมฮวาเออร์น้องรัก" เจ้าคงเข้าใจข้านะมี่ฮวาน้องรัก เจ้านะเป็นเพียงแค่นกเป็ดน้ำจะมาคู่ควรกับมังกรอย่างไท่จื่อได้ออย่างไร เจียมเนื้อเจียมตัวเถอะน้องรัก

    "เอ่อ เพคะ" มี่ฮวาเข้าใจความหมายของหมิ่งหลานดี นางเรียนกับอาจารย์คนเดียวกัน ความรู้ของนางกับหมิ่งหลานก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น จางมี่ฮวาก็ได้แต่กำปิ่นแน่น ในใจนางร้อนรุ่มไปหมด แต่สีหน้าก็ยังยิ้มอย่างดีใจ ตอนแรกนางก็ดีใจแต่พอลองคิดดูอีกที ก็รู้ว่านางโดนหลอกเสียแล้ว

     

     

    ฝากสนับสนุนนิยายทั้งสองเรื่องด้วยนะคะ

    กดที่นี้เพื่อโหลดเลยจร้า #ชายาอ๋องไร้ใจ

    กดที่นี้เพื่อไปหน้านิยายเลยคะ #กรงรักเลือดมังกร

    sds

    เลิกดองแล้ว

    #กลับมาแล้วจร้า #คิดถึงทุกคนนะ#ฝากเม้นให้กำลังใจด้วนนะคะ 

    #ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่และไม่ทิ้งเราไปไหน

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×