2 Be 1 : ความรัก ความตาย จดหมายในทรงจำ
นวนิยายแนว PHYCHO THRILLER ROMANCE ACTION เธอเขียนจดหมายถึงผู้ชายที่เป็นรักแรกตอนเด็ก น่าแปลกไม่เคยมีจดหมายตอบกลับ อีกด้านหนึ่ง เขาก็เขียนจดหมายถึงเธอ และไม่ได้รับจดหมายตอบเช่นกัน (จบแล้วลงใหม่อีกรอบ)
ผู้เข้าชมรวม
69,841
ผู้เข้าชมเดือนนี้
78
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=all&search=luckyseven&page_no=1
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชาครียามีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในชีวิตคือพลอยเพทายส์
แต่เธอกลับแย่งไวทิน คนรักคนแรกและ 1 เดียวในชีวิตของเธอไป
ชาครียาคิดที่จะฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึก
แต่เธอได้เจอกับนาคินเสียก่อนที่ดาดฟ้า
นาคิน...เขาหยุดยั้งไม่ให้เธอกระทำอัตวิบาตกรรม
แต่กลับชักชวนเธอไปสู่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งความตาย
นั่นคือ ลัทธิประหลาดที่มีชื่อว่า TABOO CLUB
ที่ๆทุกคืนสมาชิกในแกงค์จะต้องพาผู้หญิงคนหนึ่ง
มาร่วมการแข่ง เดธแมท เกมส์ท้าตายที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
ชาครียารู้สึกหวาดกลัว และหวงแหนชีวิตมากขึ้น
หลังผ่านการแข่งขันเดธแมธไปได้แต่ละคืนๆ
ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มถลำลึกสู่วังวนแห่งความคลั่งลัทธิ
โดยมีนาคินเป็นผู้ชักนำ รวมถึงความหลงใหลที่เธอมีต่อเขา
ก็ก่อตัวขึ้น...อย่างไม่อาจถอนตัวได้
LIFE 2
ชินดนัย เคยเป็นโรคหัวใจเมื่อยังเด็ก
ความทรงจำแรกของเขามีแต่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น
เด็กผู้หญิง 1 คน ที่มองเขาผ่านหน้าต่างฟากตรงข้ามของโรงพยาบาล
คือความสวมงามเดียวที่ทำให้หัวใจยังเต้นต่อไปได้
เมื่อเขาเข้ารับการผ่าตัดจนหายดี เธอกลับหายตัวไป
หลายปีผ่าน...
ในที่สุด ชินดนัยก็ได้รู้ว่ารักแรกของเขานั้นคือชาครียา
ชินดนัยพยายามติดต่อเธอ ส่งจดหมายกลับไปหาเธอ เล่าเรื่องราวในชีวิต
ตั้งแต่เด็กจนโต
โดยไม่เคยมีจดหมายตอบกลับมาเลยสักครั้งเดียว
ชินดนัยจะยังพยายามรักษารักแรกของเขาไว้
หรือว่าจะปล่อยให้มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิต
เธอคือโยทะกา หญิงสาวผู้ร่าเริง สนุก และสว่างมีสีสันดังผีเสื้อฤดูร้อน
ผู้ทำให้ชีวิตของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
2 Become 1
สองชีวิต...หนึ่งเดียว
ชินของฉัน...
ฉันยืน... อยู่ตรงกลางระหว่างนรกสวรรค์
สับสนจนไม่รู้จะก้าวทางไหน
ความรักซึ่งมีต่อเธอ...ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่าน เหมือนความงามเดียวในโลกที่ฉันมี เธอคือสิ่งบริสุทธิ์ที่ฉันได้เพียงมอง
แต่มิอาจคว้ามาเป็นเจ้าของได้ สุดท้าย...ฉันก็ต้องคว้าเอาหนทางนี้
เลือกผู้ชายที่อยู่เคียงข้างในเวลานี้ และความรักที่มีต่อเขา...กลายเป็นโซ่ตรวนหนักอึ้ง
ที่ลากฉันจมดิ่งสู่ห้วงเหวแห่งความใคร่ กิเลส และแรงปรารถนา
..คือความมืดมิดอันธกาลซึ่งเป็นนิรันดร์
ฉันได้ยิน...
เสียงกรีดโหยหวนของล้อรถบดเบียดพื้นถนน เสียงกระจกรถแตกกระจายเป็นเสี่ยง
แรงสะเทือนไม่ทำให้เจ็บแม้แต่น้อย เพียงแต่ชาเท่านั้น ชาไปหมดทั้งร่าง
ราวได้ยินเสียงกระดูกตัวเองค่อยๆปริแตก...ขณะหมุนคว้างอยู่ในกล่องเหล็กราคาสิบล้านนี้
ปากทางแห่งความตายกำลังเปิดอ้าช้าๆ ฉันไม่รู้...ว่าแสงขาวเรืองกลางจุดรวมสายตานั่นเป็นอุโมงค์นำไปนรก
หรือประตูเข้าสวรรค์กันแน่...
ชิน...
นี่ฉันกำลังจะตายแล้วจริงๆหรือ...
เสียงกรีดร้องของล้อรถกับพื้นถนน...สะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณถนนในยามนั้น
แสงไฟลุกพรึ่บขึ้นทั่วทั้งคันรถ
สองขาตรึงแน่นอยู่ใต้เศษเหล็กบู้บี้
เธอหนีไปไหนไม่ได้นอกจากต้องรอความตายอยู่ในนี้ ไอร้อนจากเพลิงทำเอาหนังแทบไหม้
ควันดำขโมงขับไล่อากาศที่จะใช้หายใจไปเกือบหมดสิ้น
ขั้นตอนไปสู่ความดับสูญช่างทรมานเหลือแสน เพลิงจะทำอะไรกับร่างกายนี้บ้าง จะต้องทรมานถึงเพียงใดกว่าจะตาย
ในช่วงรอยต่อระหว่างการอยู่...กับการตาย
อดีตผุดขึ้นเป็นฉาก แล่นผ่านหัวสมองรวดเร็ว เลือนรางเหมือนอยู่ภาพหนังฟิล์มขนาด 8 ม.ม. เริ่มตั้งแต่นาทีก่อนหน้าที่เธอจะมาอยู่ในเหตุการณ์นี้
เรื่อยไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ผ่านไปยังวันก่อน ปีก่อนๆ ไปกระทั่งสิบปีก่อนหน้า... ในยามเช้าวันแดดสว่างสีขาวโพลน...ของฤดูเหมันต์
การพบกันครั้งแรกระหว่างเธอและเขา...คึอจุดเริ่มต้น...ของทุกสิ่งทุกอย่าง
.....................................
เด็กน้อยวัย
9 ขวบวิ่งเล่นไล่จับหมอกอย่างซุกซนอยู่ริมระเบียงโรงพยาบาล
หญิงชราคอยส่งเสียงเตือนอยู่ไม่ขาดปากว่าให้ระวังด้วย เด็กน้อยฟังเสียงยายผ่านหู
ไม่สนใจ...เพราะมัวแต่สนุก วันใดหมอกหนา วันนั้นเธอจะมีความสุขเป็นพิเศษ
เพราะสามารถจำลองได้ว่าโลกนี้คือสวรรค์ มีแต่ก้อนเมฆขาวโพลนเต็มไปหมด
เธออยากให้มีหมอกทุกวันเพราะโลกในยามที่ทิวทัศน์ดูเลือนรางไปหมดนั้น...คือโลกที่สวยที่สุดในสายตาของชาครียา
“ครี
เอาถุงขนมขึ้นไปให้คุณพยาบาลที่ชั้นสามหน่อยนะ” เสียงยายดังขึ้น...ยื่นถุงขนมที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์ ที่ยายนั่งหลังขดหลังแข็งพับมันมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน
เธอวิ่งกลับไปรับถุงขนมจากยายอย่างรวดเร็ว
กึ่งวิ่งกึ่งกระโดดขึ้นบันไดไปถึงชั้นสามของอาคารอารุยกรรม
วิ่งไปตามระเบียงที่ทอดยาวเชื่อมระหว่างตึกสองตึกเข้าด้วยกัน
“อ้าว
ครี วันนี้มาช่วยยายขายของอีกแล้วเหรอ”
เสียงของคุณพยาบาลหน้าตาใจดี...ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานหน้าแผนกอารุยกรรมดังขึ้น
“ค่ะ”
ชาครียายิ้มแป้น...ยื่นถุงขนมให้คุณพยาบาลซึ่งเป็นลูกค้าประจำ รับเงินมาเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อย...
หมุนตัวกลับ กำลังจะวิ่งลงไปหายายตามเดิม
ทว่า...ในจังหวะที่หมุนตัวกลับนั้น
สายตาพลันไปจับที่อาคารฝั่งตรงข้าม
เธอหยุด...
ยืนมองเด็กชายคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างห้องพยาบาลจากอีกฟากตึก ดวงหน้าเด็กชายคนนั้นเศร้าหมอง
ดวงตาเขาเหม่อลอย...ทอดยาวไปยังที่แสนไกล ไกลห่างจากตรงนี้มากนัก
ชาครียามองเขาอยู่นานด้วยความสนใจ
ความหวังเล็กๆผุดขึ้นในใจอย่างไร้เหตุผล อยากให้เขาเหลือบตามามองเธอบ้าง
บางที...ถ้าเขาเห็นเธอแล้ว
เขาอาจยิ้มให้เธอ แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา จากนั้น...เราสองคนก็จะกลายเป็นเพื่อนกัน
ชาครียายืนเกาะระเบียงรออยู่นานหลายสิบนาที
แต่เด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอมหันหน้ามาเลย...
เด็กน้อยรอจนทนไม่ไหว
พ่นลมออกปากแรงๆด้วยความผิดหวัง วิ่งลงบันไดกลับไปหายายเหมือนเดิม แล้ววิ่งไล่จับหมอกจนกระทั่งเวลาหมดไปวันหนึ่ง
.....................................
วันรุ่งขึ้น...ชาครียาถูกยายใช้ให้เอาถุงขนมขึ้นไปให้คุณพยาบาลอีกครั้ง และได้เจอเด็กชายคนเดิมอีก เขาโผล่หน้ามาให้เห็นจากหน้าต่างห้องพยาบาลของอาคารฝั่งตรงข้าม
ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับหน้าต่างบานที่สามของแผนกอารุยกรรมพอดี
ชาครียายืนเมียงมองอยู่ตรงหน้าต่างบานนั้น...จ้องหน้าเขาเขม็ง
ราวกับจะเพ่งกระแสจิตไปให้เขารู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ และหันหน้ามามองเธอ เหมือนการส่งกระแสจิตจะสัมฤทธิ์ผล
เพราะเด็กชายเริ่มเบนหางตามาทีละน้อยๆ จนกระทั่งสบกับดวงตาเธอที่กำลังเบิกค้างจ้องเขาอยู่
เขาสะดุ้งเล็กน้อย มองเธอหน้าซีดๆเหมือนเห็นผี ก่อนจะรีบผลุบหัวหายกลับเข้าไปในห้องทันที
ต้องถอนหายใจแรงๆอีกเป็นวันที่สอง...การผูกมิตรไม่สำเร็จอีกตามเคย
แต่ชาครียายังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว เพราะหลังจากวันนั้น
เธอก็ได้เห็นเขาจากหน้าต่างชั้นสามของอาคารอีกฟากหนึ่งทุกวัน และมีหลายหนทีเดียว...ที่เขาเหลือบตามามองเธอ
พอเธอจะส่งยิ้มให้ เขาก็จะรีบเบือนสายตากลับไปก่อน พอเธอลงไปวิ่งเล่นหน้าร้านขายขนมของยายที่ใต้อาคาร
แล้วแหงนหน้าขึ้นไปยังห้องพยาบาลซึ่งเด็กชายคนนั้นเคยโผล่หน้ามา ชาครียาก็จะเห็นว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่
เมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกตัว...และหันขึ้นมองเขา
เด็กชายก็ผลุบกลับเข้าไปในห้องพยาบาลอีกครั้ง แต่พอชาครียาเริ่มวิ่งเล่นต่อ
ไม่สนใจเขา เด็กชายจะค่อยๆโผล่หน้า...ออกมาแอบมองเธออีก
.....................................
หลายสัปดาห์ผ่าน...เด็กชายเริ่มยิ้มให้เธอเป็นครั้งแรก
และชาครียาก็ยิ้มตอบ เธอเริ่มชักชวนให้เขาลงมาเล่นข้างล่างโดยการกวักมือเรียก
เขายิ้มพลางส่ายหน้า พอเธออ้าปากจะตะโกนคุยกับเขา เด็กชายก็เอานิ้วจ่อปากเป็นเชิงเตือนให้เงียบ
พลางขมุบขมิบปากส่งภาษาใบ้ลงมาว่า...
เดี๋ยว...แม่....ด่า
ชาครียาอยากรู้ชื่อเขาเหลือเกิน
เป็นเพื่อนกันแล้วแต่ยังไม่รู้เลยจะเรียกเขาว่าอะไร เธอจึงวิ่งขึ้นไปยังห้องอารุยกรรม
โผล่หน้าไปตรงหน้าต่างบานที่สาม พอเพื่อนสนิทคนแรกในชีวิต...ชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างของอาคารฝั่งตรงข้าม
เธอก็ตะโกนถามว่า
“เธอชื่ออะไร!”
เขาจุ๊ปาก...หันหน้ากลับไปมองในห้องเหมือนกลัวใครจะโผล่มาเห็น
อย่า...ส่ง...เสียง...ดัง...สิ...เขาทำปากขมุบขมิบอีกครั้ง
ชาครียาทำปากขมุบขมิบกลับไป...ถามชื่อเขาเป็นครั้งที่สอง
เธอ...ชื่อ...อะ...ไร
เขาจ้องเธอนิ่งสักพัก
ก่อนจะผลุบหัวหายเข้าห้อง แล้วกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมมือที่ถือกระดาษที่พับเป็นรูปจรวดมาด้วย เขาขว้างจรวดลำนั้น...ลอยจนเกือบจะถึงชาครียาที่ยื่นมือมารับจากตึกฝั่งตรงข้าม
แต่แล้วมวลอากาศที่พัดมา...ก็พาเอาจรวดลำนั้นลอยห่างจากเธอ
จรวดบินหายไป...พร้อมๆกับสายลมวูบนั้นเอง
แต่ถึงกระนั้น...ชาครียาก็พอจะเห็นตัวอักษรที่เขียนด้วยปากกาเมจิกอยู่บนปีกสองข้างของจรวด
ปีกข้างขวาเขียนว่า ‘ชิ’ ปีกข้างซ้ายเขียนว่า ‘น’
และจากวันนั้นเอง...เธอก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ...ชิน
.....................................
ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่พัฒนาขึ้นจากรอยยิ้มและภาษาใบ้
ระหว่างหลานของแม่ค้าขายขนมใต้อาคาร...กับเด็กชายที่พักอยู่บนห้องพยาบาลชั้นสาม
สิ่งหนึ่งค่อยๆผลิบานในหัวใจของชาครียา
เธอไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่รู้ว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร
รู้แต่เพียงว่าต้องเป็นสิ่งแสนสวย หอมบริสุทธิ์
น่าทะนุถนอมเหมือนตอนยายส่งกุหลาบสีขาวเพิ่งแตกหน่อให้เธอ กุหลาบนั้นบอบบาง...จนต้องพยายามถืออย่างเบามือที่สุด...เพื่อไม่ให้กลีบช้ำ
ยามเธอเงยหน้ามองเด็กผู้ชายบนชั้นสาม...ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนถือดอกกุหลาบเลย
ในวันหนึ่ง...ชินพับนกกระเรียน แล้วเอามาอวดให้เธอดูที่หน้าต่าง
ชาครียายกนิ้วโป้งและขมุบขมิบปากบอกว่าสวยมาก เพียงเท่านั้น...รอยยิ้มงดงามก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเขา
เด็กชายจ้องมองลงมาที่เธอ ดวงตาเปล่งแสงระยับ
แล้วชาครียาก็ไม่เคยรู้เลยว่า...เพราะคำพูดเธอในวันนั้นเอง ทำให้เด็กชายเริ่มพับนกระเรียนทุกวัน
แขวนเต็มระเบียง ผูกด้ายเรียงติดไว้บนเพดาน จนกระทั่งห้องพยาบาลของเขา...กลายเป็นห้องบรรจุนกกระเรียนสีขาวนับพันตัว
ตั้งแต่เธอและชินได้พบหน้ากันครั้งแรก...เวลาผันผ่านไปจนจำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่
รู้แต่ว่า...จุดสิ้นสุดได้ดำเนินมาถึงในวันที่ยายล้มป่วยและทำขนมขายไม่ไหวอีกต่อไป
ยายนอนหลับนานขึ้นในแต่ละวัน และคุณพยาบาลลูกค้าประจำ...ต้องพายายขึ้นไปนอนในห้องอารุยกรรม
หาสายยางต่างๆมาโยงใยทั่วตัวยายเต็มไปหมด
ชาครียาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับยาย...คิดแค่ว่าอีกไม่นานยายก็คงหายเป็นปกติ
เธอยังคงวิ่งอย่างสนุกสนานในห้องอารุยกรรม
ส่งภาษาใบ้คุยกับชิน แลบลิ้นล้อเลียนกัน ผ่านหน้าต่างห้องที่ตั้งอยู่คนละฟากอาคาร...
แล้ววันเลวร้ายที่สุด...ในชีวิตไร้เดียงสาของชาครียาก็มาถึง
เมื่อเธอมองไม่เห็นชินจากหน้าต่างฝั่งตรงข้ามอีกแล้ว
นกกระเรียนของเขาหายไปเกลี้ยง คนที่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างห้องพยาบาลห้องนั้น...คือคนอื่น...ไม่ใช่ชิน
ไม่มีชินอีกต่อไปแล้ว ชินหายไปไหน...
ชิน...
ชินของฉัน...
น้ำตาไหลริน
ลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ชาครียาวิ่งร้องไห้โฮไปหาคุณพยาบาล ร้องถามหาชินเสียงลั่น
จนพยาบาลสาวแก่คนหนึ่งส่งเสียงดุเธอ
“เอ๊ะ! อย่าส่งเสียงดังสิ
คุณตาคุณยายตื่นหมดแล้ว อยากโดนตีหรือไง”
“คุณน้าขา
ชินหายไปไหน” ชาครียาไม่สนใจว่าจะโดนตี...เธออยากให้ชินกลับมา
“เด็กผู้ชายที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามน่ะเหรอจ๊ะ”
ชาครียาพยักหน้าเร็วๆหลายครั้ง...น้ำตาไหลกลบดวงตาพร่าเบลอไปหมด
สะอื้นตัวโยนเหมือนใจจะขาด
“เด็กคนนั้นเค้าย้ายออกแล้วนะจ๊ะ
พอหายป่วยแล้วเขาก็ต้องกลับไปอยู่บ้านนะจ้ะ”
“หนูจะไปหาชินที่บ้านได้มั้ยคะ
หนูคิดถึงเค้า” ชาครียาร้องอีก
“น้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านเค้าอยู่ที่ไหน เอาเป็นว่าจะไปถามคนให้ละกันนะคะ”
พยาบาลพูดพลางย่อตัวลงมากอดปลอบเธอ
พยาบาลสาวแก่คนนั้นรีบควักกระเป๋า
เอานามบัตรมาส่งให้เธอ “เคยคุยกับแม่เค้า เห็นบอกว่าทำงานเป็นนักดนตรีอยู่ที่ห้องอาหารตะวันส่อง ถ้าอยากเจอชิน...ก็ลองเขียนจดหมายไปตามที่อยู่นี้ดูสิ”
“อ้า
ใช่แล้ว ครีลองเขียนจดหมายหาชินดูนะ ชินจะได้ตอบกลับมาไง”
พยาบาลสาวส่งนามบัตรให้เธอ
ชาครียารับนามบัตรมาถืออย่างทะนุถนอม
หมอกน้ำตาเริ่มจางหายไปเล็กน้อย ครูที่โรงเรียนเคยสอนวิธีเขียนจดหมายมาก่อน
ดังนั้น...เธอคงจะเขียนจดหมายหาชินได้ และเชื่อว่าเขาคงจะตอบกลับมา...ภายในเร็วๆนี้
ว่าแล้ว...เธอก็วิ่งไปคว้ากระดาษเอสี่บนโต๊ะทำงานของคุณพยาบาลมาแผ่นหนึ่ง
แล้วเริ่มจรดปากกาเขียนจดหมายหาชินทันที
ถึง ชินของฉัน...
ผลงานอื่นๆ ของ LuckySeventh ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ LuckySeventh
ความคิดเห็น