ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณชายหลายใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 54


    ท่ามกลางขุนเขาสูงชันรกร้างล้อมรอบด้วยทะเลสาบไร้นาม ผู้ที่จะย่างกรายเข้ามาได้นั้นมีน้อยนัก หาได้มีใครรู้ว่าหอคลื่นหมอกที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อกาลเวลาผ่านไปนานวันเข้า ทะเลสาบไร้นามก็ได้เปลี่ยนชื่อเรียกขานเป็น ทะเลสาบคลื่นหมอก

    ทะเลสาบคลื่นหมอกมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี กระทั่งยอดหอสูงชะลูดยังถูกปกคลุมด้วยไอขาวจนยากที่จะเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างแห่งนั้นมีลักษณะอย่างไร และเมื่อไอหมอกจางลง กระเบื้องชายคาที่ละเอียดอ่อนช้อยของหอคลื่นหมอกก็จะปรากฏขึ้นแต่เพียงเลือนราง ชาวบ้านที่ล่าสัตว์ตัดไม้อยู่ในป่ามักจะมองเห็นเงาร่างมนุษย์ล่องลอยไปมา เงาสะท้อนจากผิวน้ำดูงดงามราวหมู่ตำหนักเทพเซียนบนสรวงสวรรค์

    ทว่าความจริงแล้วหอคลื่นหมอกเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลสาบ มีเหล่าหมู่เทพ... ไม่ใช่ หากแต่เป็นเหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้าทั้งหลายอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งหอคลื่นหมอกแห่งนี้อาศัยรายรับจากสองหลักใหญ่มาคอยเลี้ยงดูคนภายในหอ นั่นคือ...

    หนึ่ง การซื้อขายข่าว

    สอง การรับจ้างเป็นมือสังหาร

    ไม่ว่าผู้ใดในยุทธภพมาร้องขอ ไม่ว่างานนั้นจะผิดทำนองคลองธรรมหรือไม่ ขอเพียงถูกชะตากับเจ้าสำนัก งานที่ว่าไว้ก็จะบรรลุผล

    ทะเลสาบคลื่นหมอกนั้นหาได้ไม่ยาก ทว่าการเข้าไปในหอคลื่นหมอกนั้นยากนัก เพราะการป้องกันอย่างแน่นหนาดุจกำแพงเหล็ก แม้แต่องค์จักรพรรดิเองหากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าสำนักก็ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้ ว่ากันว่ามีเจ้าสำนักใหญ่ถึงห้าคนมาเยี่ยมเยือนก็ยังถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี และด้วยความโกรธแค้นอับอายจากการถูกปฏิเสธ เจ้าสำนักเหล่านั้นถึงกับลงไม้ลงมือหวังจะบุกทะลวงเข้าไปโจมตีให้สิ้นซาก ทว่าผลสุดท้ายผู้มาเยือนก็ถูกหามกลับบ้านไปในสภาพที่บาดเจ็บเจียนตาย

    ส่วนเรื่องจะรับงานหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์จิตใจของเจ้าสำนักในขณะนั้นเป็นเครื่องกำหนด แน่นอนว่าราคาค่างวดที่ต้องจ่ายก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าสำนักเช่นกัน ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร เจ้าสำนักหอคลื่นหมอกก็หาได้รีบร้อนเรียกเอาค่าตอบแทน กลับปล่อยปละให้ลูกหนี้ติดค้างชีวิตกันไว้ และเมื่อถึงเวลาเจ้าสำนักก็จะทิ้งคำสั่งลงมา ให้ลูกหนี้ตอบแทนบุญคุณของหอคลื่นหมอกด้วยวิธีการที่เจ้าสำนักกำหนด

    หอคลื่นหมอกดำเนินงานโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ มองข้ามศีลธรรมจารีตประเพณีของยุทธภพ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามแต่ว่าคนของหอคลื่นหมอกเห็นควรเป็นเช่นไร เพราะเหตุนี้หอคลื่นหมอกจึงเป็นเสมือนคมมีดที่คอยจ่อจะปักลงกลางหลังของชาวยุทธ์ทุกนาม แม้แต่องค์จักรพรรดิที่ประทับอยู่ถึงในวังหลวง เพียงได้ยินคำสามคำว่า หอคลื่นหมอก ก็หวั่นเกรงในอิทธิพลจนได้แต่ปวดเศียรเวียนเกล้า

    ไม่มีใครทราบความเป็นมาของหอคลื่นหมอก รู้แต่เพียงว่าเจ้าสำนักผู้มีนามว่า เหอเฟิ่งชี มีรูปโฉมงดงามและมีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ นอกจากนี้เขายังมีสาวงามเลิศลักษณ์ ซ้ำยังฉลาดหลักแหลมคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายถึงสามนาง

    เจ้าสำนักหอคลื่นหมอกแห่งนี้มีทั้งอำนาจ อิทธิพล และยังมีวาสนาในเรื่องของความรักจนทุกคนในพื้นพิภพต้องอิจฉา ทว่าเขามีอารมณ์ขันที่แปลกประหลาดจนยากที่ผู้คนจะเข้าใจ เมื่อแรกที่เขารับเลี้ยงเด็กหญิงทั้งสาม ก็ได้ตั้งชื่อที่ทำให้พวกนางไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ชื่อที่เขาตั้งให้ก็คือเปี๋ยเวิ่น เปี๋ยจือ และเปี๋ยถี* ดังนั้นอาจเป็นเพราะชื่อของพวกนางนั่นเอง จึงไม่มีใครกล้ามาสู่ขอทั้งสามคนไปเป็นคู่ครอง

    พวกนางคงหมดหวังเสียแล้ว เพราะหากมีชายหนุ่มรูปงามมาถามชื่อ คำตอบที่เขาจะได้รับก็คืออย่าถาม อย่ารู้ และอย่าเอ่ยถึง ขอถามสักนิดเถิดว่าหากหญิงสาวนางใดมีนามเช่นนี้ ไหนเลยจะมีโอกาสออกเรือนได้

    อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าสำนักมาหาพวกนางโดยไม่บอกกล่าว เขายกมือขึ้นลูบคาง แววตาจับจ้องหญิงสาวสามนางที่ตนเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัยอย่างพินิจพิเคราะห์ และเอ่ยปากเรียกอย่างอ่อนโยนว่า เวิ่นเอ๋อร์ จือเอ๋อร์ ถีเอ๋อร์ พวกเจ้าอายุเท่าไรแล้ว

    หญิงสาวทั้งสามที่กำลังยุ่งกับงานของตนอยู่ต้องหยุดชะงัก ดวงตาใสเป็นประกายราวหยดน้ำมองชายหนุ่มที่เลี้ยงดูพวกนางจนเติบใหญ่

    เปี๋ยเวิ่นหันมามองเปี๋ยจือทีแล้วหันกลับมามองเปี๋ยถีที ดูเหมือนว่าไม่มีผู้ใดตอบ นางจึงตอบแทน

    พอขึ้นปีใหม่ พวกเราสามคนพี่น้องก็จะมีอายุครบยี่สิบพอดีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าสำนัก

    ความจริงแล้วพวกนางทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าที่เจ้าสำนักเก็บมาเลี้ยงในช่วงหลังฉลองปีใหม่ เขาไม่ได้สนใจว่าพวกนางจะเกิดเมื่อไร ที่ไหน เวลาใด เห็นแต่เพียงว่ารูปร่างของเด็กหญิงใกล้เคียงกัน อีกทั้งพวกนางยังเล็กนักจึงไม่รู้ไม่เข้าใจชาติกำเนิดของตน เขาจึงตัดความยุ่งยาก กำหนดให้พวกนางมีอายุสิบปีเท่ากัน และให้เกิดในเวลาเช้าของวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง

    และที่เหอเฟิ่งชีกำหนดให้พวกนางเกิดในวันนั้นก็เพราะขณะนั้นเป็นช่วงเวลาฉลองปีใหม่พอดี ในวันปีใหม่จะมีการจุดดอกไม้ไฟเป็นการเฉลิมฉลอง เทศกาลอันน่ายินดีเช่นนี้เป็นช่วงเวลามงคลยิ่งนัก เหมาะสมที่จะเป็นวันเกิดของพวกนางเป็นอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ

    อีกไม่นานพวกนางก็จะอายุยี่สิบ ถึงเวลาต้องออกเรือนแล้วสินะเขาพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นมาถามพวกนางอีกคำถาม พวกเจ้ามีชายในดวงใจกันหรือยัง

    คำถามของเหอเฟิ่งชีทำให้ทั้งสามนางถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด

    ถ้าพวกเจ้ามีความในใจอยากจะบอกข้าก็จงบอกมาตรงๆ ข้าจะจัดการให้เจ้าทั้งสามได้ออกเรือนก่อนวันปีใหม่ในปีหน้า พวกเจ้าว่าอย่างไร เขายิ้มและกล่าวอย่างอารมณ์ดี

    หญิงสาวทั้งสามมองตากันและกะพริบตาปริบๆ

    มีหรือไม่ หากมีก็รีบเอ่ยออกมาเสีย ถ้าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปจะมาโทษข้าว่าปล่อยให้พวกเจ้าเป็นสาวแก่ไม่ได้นะเหอเฟิ่งชีหัวเราะพลางโบกไม้โบกมือด้วยท่าทางอารมณ์ดี

    ใครก็ได้หรือเจ้าคะเปี๋ยเวิ่นผู้มีใบหน้ากลมเล็กเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา

    นอกจากข้าแล้วใครก็ได้ทั้งนั้น เจ้าสำนักตอบกลับ

    ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอมเล่า เปี๋ยจือผู้อ่อนช้อยงดงามถาม

    ข้าก็จะช่วยเจ้าหาวิธีการเอง

    ถ้าคิดไม่ออกว่าจะหาใครมาเป็นคู่ล่ะเจ้าคะ เปี๋ยถีผู้งามสง่าเบิกตากว้าง

    อืม... เช่นนั้นข้าก็จะเลือกคู่ให้พวกเจ้า

    คำตอบของเจ้าสำนักเฉียบขาด บรรยากาศเงียบสงัดเข้าปกคลุมคนทั้งสี่ พวกนางได้แต่ขมวดคิ้วกะพริบตา ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา

    เหอเฟิ่งชีมองดูหญิงสาวทั้งสามแสดงอาการกระวนกระวาย เขายิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ และแน่ใจว่าอีกไม่นานหอคลื่นหมอกแห่งนี้จะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

    เวิ่นเอ๋อร์ จือเอ๋อร์ ถีเอ๋อร์ ก่อนฉลองปีใหม่ปีหน้า พวกเจ้าทั้งสามต้องคิดใคร่ครวญให้ดี เลือกสรรบุรุษที่เจ้าต้องการให้เป็นสามี หลังจากเลือกได้แล้วให้มาบอกข้า ข้าจะพยายามเป็นพ่อสื่อให้ ข้าวางแผนไว้ว่าก่อนที่พวกเจ้าจะอายุครบยี่สิบปี จะจัดการให้พวกเจ้าทั้งสามได้ออกเรือนทั้งหมดเหอเฟิ่งชีประกาศอย่างมีความสุข

    ท่านเจ้าสำนัก!” นางทั้งสามเอ่ยปากร้องเรียกเจ้าสำนักพร้อมกับย่ำเท้าอยู่กับที่ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน

     

    ไม่นาน ข่าวหญิงสาวทั้งสามกำลังหาคู่ครองเพื่อแต่งออกจากหอคลื่นหมอกกระจายมาถึงยุทธภพ ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงเรื่องมงคลภายในหอคลื่นหมอกเท่านั้น เพราะเหอเฟิ่งชีคิดคำนวณให้ทั้งสามนางแต่งกับคนของเขา เพื่อไม่ให้น้ำไหลไปยังที่นาของผู้อื่นได้

    แต่เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป เรื่องราวก็ใหญ่โตเกินความคาดหมาย ผู้คนต่างฝันหวานอยากจะได้แต่งงานกับสามสาวงามเพื่อเป็นเขยของหอคลื่นหมอก ผู้ที่อยากเป็นเขยของหอคลื่นหมอกต่างคิดว่าหากมีอิทธิพลของหอคลื่นหมอกคอยหนุนหลัง ชีวิตในยุทธภพคงจะราบรื่นกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นชายหนุ่มที่มีทั้งความสามารถ หน้าตาหล่อเหลา กระทั่งนักแสวงโชคที่ไม่มีทั้งสองอย่างข้างต้นต่างก็เริ่มวางแผนที่จะเข้ามายังหอคลื่นหมอกเพื่อให้พวกนางทั้งสามเลือกเป็นคู่ครอง

    ดูเหมือนว่าเส้นทางในการหาคู่ครองของสาวงามทั้งสามจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว




    * เปี๋ยเวิ่น พ้องเสียงกับคำว่า อย่าถาม ในภาษาจีน เปี๋ยจือ พ้องเสียงกับคำว่า อย่ารู้ ในภาษาจีน เปี๋ยถี พ้องเสียงกับคำว่า อย่าเอ่ยถึง ในภาษาจีน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×