คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ท่ามกลางขุนเขาสูงชันรกร้างล้อมรอบด้วยทะเลสาบไร้นาม ผู้ที่จะย่างกรายเข้ามาได้นั้นมีน้อยนัก หาได้มีใครรู้ว่าหอคลื่นหมอกที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อกาลเวลาผ่านไปนานวันเข้า ทะเลสาบไร้นามก็ได้เปลี่ยนชื่อเรียกขานเป็น ‘ทะเลสาบคลื่นหมอก’
ทะเลสาบคลื่นหมอกมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี กระทั่งยอดหอสูงชะลูดยังถูกปกคลุมด้วยไอขาวจนยากที่จะเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างแห่งนั้นมีลักษณะอย่างไร และเมื่อไอหมอกจางลง กระเบื้องชายคาที่ละเอียดอ่อนช้อยของหอคลื่นหมอกก็จะปรากฏขึ้นแต่เพียงเลือนราง ชาวบ้านที่ล่าสัตว์ตัดไม้อยู่ในป่ามักจะมองเห็นเงาร่างมนุษย์ล่องลอยไปมา เงาสะท้อนจากผิวน้ำดูงดงามราวหมู่ตำหนักเทพเซียนบนสรวงสวรรค์
ทว่าความจริงแล้วหอคลื่นหมอกเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลสาบ มีเหล่าหมู่เทพ... ไม่ใช่ หากแต่เป็นเหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้าทั้งหลายอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งหอคลื่นหมอกแห่งนี้อาศัยรายรับจากสองหลักใหญ่มาคอยเลี้ยงดูคนภายในหอ นั่นคือ...
หนึ่ง การซื้อขายข่าว
สอง การรับจ้างเป็นมือสังหาร
ไม่ว่าผู้ใดในยุทธภพมาร้องขอ ไม่ว่างานนั้นจะผิดทำนองคลองธรรมหรือไม่ ขอเพียงถูกชะตากับเจ้าสำนัก งานที่ว่าไว้ก็จะบรรลุผล
ทะเลสาบคลื่นหมอกนั้นหาได้ไม่ยาก ทว่าการเข้าไปในหอคลื่นหมอกนั้นยากนัก เพราะการป้องกันอย่างแน่นหนาดุจกำแพงเหล็ก แม้แต่องค์จักรพรรดิเองหากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าสำนักก็ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้ ว่ากันว่ามีเจ้าสำนักใหญ่ถึงห้าคนมาเยี่ยมเยือนก็ยังถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี และด้วยความโกรธแค้นอับอายจากการถูกปฏิเสธ เจ้าสำนักเหล่านั้นถึงกับลงไม้ลงมือหวังจะบุกทะลวงเข้าไปโจมตีให้สิ้นซาก ทว่าผลสุดท้ายผู้มาเยือนก็ถูกหามกลับบ้านไปในสภาพที่บาดเจ็บเจียนตาย
ส่วนเรื่องจะรับงานหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์จิตใจของเจ้าสำนักในขณะนั้นเป็นเครื่องกำหนด แน่นอนว่าราคาค่างวดที่ต้องจ่ายก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าสำนักเช่นกัน ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร เจ้าสำนักหอคลื่นหมอกก็หาได้รีบร้อนเรียกเอาค่าตอบแทน กลับปล่อยปละให้ลูกหนี้ติดค้างชีวิตกันไว้ และเมื่อถึงเวลาเจ้าสำนักก็จะทิ้งคำสั่งลงมา ให้ลูกหนี้ตอบแทนบุญคุณของหอคลื่นหมอกด้วยวิธีการที่เจ้าสำนักกำหนด
หอคลื่นหมอกดำเนินงานโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ มองข้ามศีลธรรมจารีตประเพณีของยุทธภพ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามแต่ว่าคนของหอคลื่นหมอกเห็นควรเป็นเช่นไร เพราะเหตุนี้หอคลื่นหมอกจึงเป็นเสมือนคมมีดที่คอยจ่อจะปักลงกลางหลังของชาวยุทธ์ทุกนาม แม้แต่องค์จักรพรรดิที่ประทับอยู่ถึงในวังหลวง เพียงได้ยินคำสามคำว่า ’หอคลื่นหมอก’ ก็หวั่นเกรงในอิทธิพลจนได้แต่ปวดเศียรเวียนเกล้า
ไม่มีใครทราบความเป็นมาของหอคลื่นหมอก รู้แต่เพียงว่าเจ้าสำนักผู้มีนามว่า ‘เหอเฟิ่งชี’ มีรูปโฉมงดงามและมีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ นอกจากนี้เขายังมีสาวงามเลิศลักษณ์ ซ้ำยังฉลาดหลักแหลมคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายถึงสามนาง
เจ้าสำนักหอคลื่นหมอกแห่งนี้มีทั้งอำนาจ อิทธิพล และยังมีวาสนาในเรื่องของความรักจนทุกคนในพื้นพิภพต้องอิจฉา ทว่าเขามีอารมณ์ขันที่แปลกประหลาดจนยากที่ผู้คนจะเข้าใจ เมื่อแรกที่เขารับเลี้ยงเด็กหญิงทั้งสาม ก็ได้ตั้งชื่อที่ทำให้พวกนางไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ชื่อที่เขาตั้งให้ก็คือเปี๋ยเวิ่น เปี๋ยจือ และเปี๋ยถี* ดังนั้นอาจเป็นเพราะชื่อของพวกนางนั่นเอง จึงไม่มีใครกล้ามาสู่ขอทั้งสามคนไปเป็นคู่ครอง
พวกนางคงหมดหวังเสียแล้ว เพราะหากมีชายหนุ่มรูปงามมาถามชื่อ คำตอบที่เขาจะได้รับก็คืออย่าถาม อย่ารู้ และอย่าเอ่ยถึง ขอถามสักนิดเถิดว่าหากหญิงสาวนางใดมีนามเช่นนี้ ไหนเลยจะมีโอกาสออกเรือนได้
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าสำนักมาหาพวกนางโดยไม่บอกกล่าว เขายกมือขึ้นลูบคาง แววตาจับจ้องหญิงสาวสามนางที่ตนเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัยอย่างพินิจพิเคราะห์ และเอ่ยปากเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “เวิ่นเอ๋อร์ จือเอ๋อร์ ถีเอ๋อร์ พวกเจ้าอายุเท่าไรแล้ว”
หญิงสาวทั้งสามที่กำลังยุ่งกับงานของตนอยู่ต้องหยุดชะงัก ดวงตาใสเป็นประกายราวหยดน้ำมองชายหนุ่มที่เลี้ยงดูพวกนางจนเติบใหญ่
เปี๋ยเวิ่นหันมามองเปี๋ยจือทีแล้วหันกลับมามองเปี๋ยถีที ดูเหมือนว่าไม่มีผู้ใดตอบ นางจึงตอบแทน
“พอขึ้นปีใหม่ พวกเราสามคนพี่น้องก็จะมีอายุครบยี่สิบพอดีเจ้าค่ะ ท่านเจ้าสำนัก”
ความจริงแล้วพวกนางทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าที่เจ้าสำนักเก็บมาเลี้ยงในช่วงหลังฉลองปีใหม่ เขาไม่ได้สนใจว่าพวกนางจะเกิดเมื่อไร ที่ไหน เวลาใด เห็นแต่เพียงว่ารูปร่างของเด็กหญิงใกล้เคียงกัน อีกทั้งพวกนางยังเล็กนักจึงไม่รู้ไม่เข้าใจชาติกำเนิดของตน เขาจึงตัดความยุ่งยาก กำหนดให้พวกนางมีอายุสิบปีเท่ากัน และให้เกิดในเวลาเช้าของวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง
และที่เหอเฟิ่งชีกำหนดให้พวกนางเกิดในวันนั้นก็เพราะขณะนั้นเป็นช่วงเวลาฉลองปีใหม่พอดี ในวันปีใหม่จะมีการจุดดอกไม้ไฟเป็นการเฉลิมฉลอง เทศกาลอันน่ายินดีเช่นนี้เป็นช่วงเวลามงคลยิ่งนัก เหมาะสมที่จะเป็นวันเกิดของพวกนางเป็นอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ
“อีกไม่นานพวกนางก็จะอายุยี่สิบ ถึงเวลาต้องออกเรือนแล้วสินะ” เขาพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นมาถามพวกนางอีกคำถาม “พวกเจ้ามีชายในดวงใจกันหรือยัง”
คำถามของเหอเฟิ่งชีทำให้ทั้งสามนางถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด
“ถ้าพวกเจ้ามีความในใจอยากจะบอกข้าก็จงบอกมาตรงๆ ข้าจะจัดการให้เจ้าทั้งสามได้ออกเรือนก่อนวันปีใหม่ในปีหน้า พวกเจ้าว่าอย่างไร” เขายิ้มและกล่าวอย่างอารมณ์ดี
หญิงสาวทั้งสามมองตากันและกะพริบตาปริบๆ
“มีหรือไม่ หากมีก็รีบเอ่ยออกมาเสีย ถ้าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปจะมาโทษข้าว่าปล่อยให้พวกเจ้าเป็นสาวแก่ไม่ได้นะ” เหอเฟิ่งชีหัวเราะพลางโบกไม้โบกมือด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ใครก็ได้หรือเจ้าคะ” เปี๋ยเวิ่นผู้มีใบหน้ากลมเล็กเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
“นอกจากข้าแล้วใครก็ได้ทั้งนั้น” เจ้าสำนักตอบกลับ
“ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอมเล่า” เปี๋ยจือผู้อ่อนช้อยงดงามถาม
“ข้าก็จะช่วยเจ้าหาวิธีการเอง”
“ถ้าคิดไม่ออกว่าจะหาใครมาเป็นคู่ล่ะเจ้าคะ” เปี๋ยถีผู้งามสง่าเบิกตากว้าง
“อืม... เช่นนั้นข้าก็จะเลือกคู่ให้พวกเจ้า”
คำตอบของเจ้าสำนักเฉียบขาด บรรยากาศเงียบสงัดเข้าปกคลุมคนทั้งสี่ พวกนางได้แต่ขมวดคิ้วกะพริบตา ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา
เหอเฟิ่งชีมองดูหญิงสาวทั้งสามแสดงอาการกระวนกระวาย เขายิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ และแน่ใจว่าอีกไม่นานหอคลื่นหมอกแห่งนี้จะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เวิ่นเอ๋อร์ จือเอ๋อร์ ถีเอ๋อร์ ก่อนฉลองปีใหม่ปีหน้า พวกเจ้าทั้งสามต้องคิดใคร่ครวญให้ดี เลือกสรรบุรุษที่เจ้าต้องการให้เป็นสามี หลังจากเลือกได้แล้วให้มาบอกข้า ข้าจะพยายามเป็นพ่อสื่อให้ ข้าวางแผนไว้ว่าก่อนที่พวกเจ้าจะอายุครบยี่สิบปี จะจัดการให้พวกเจ้าทั้งสามได้ออกเรือนทั้งหมด” เหอเฟิ่งชีประกาศอย่างมีความสุข
“ท่านเจ้าสำนัก!” นางทั้งสามเอ่ยปากร้องเรียกเจ้าสำนักพร้อมกับย่ำเท้าอยู่กับที่ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน
ไม่นาน ข่าวหญิงสาวทั้งสามกำลังหาคู่ครองเพื่อแต่งออกจากหอคลื่นหมอกกระจายมาถึงยุทธภพ ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงเรื่องมงคลภายในหอคลื่นหมอกเท่านั้น เพราะเหอเฟิ่งชีคิดคำนวณให้ทั้งสามนางแต่งกับคนของเขา เพื่อไม่ให้น้ำไหลไปยังที่นาของผู้อื่นได้
แต่เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป เรื่องราวก็ใหญ่โตเกินความคาดหมาย ผู้คนต่างฝันหวานอยากจะได้แต่งงานกับสามสาวงามเพื่อเป็นเขยของหอคลื่นหมอก ผู้ที่อยากเป็นเขยของหอคลื่นหมอกต่างคิดว่าหากมีอิทธิพลของหอคลื่นหมอกคอยหนุนหลัง ชีวิตในยุทธภพคงจะราบรื่นกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน ดังนั้นชายหนุ่มที่มีทั้งความสามารถ หน้าตาหล่อเหลา กระทั่งนักแสวงโชคที่ไม่มีทั้งสองอย่างข้างต้นต่างก็เริ่มวางแผนที่จะเข้ามายังหอคลื่นหมอกเพื่อให้พวกนางทั้งสามเลือกเป็นคู่ครอง
ดูเหมือนว่าเส้นทางในการหาคู่ครองของสาวงามทั้งสามจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว
* เปี๋ยเวิ่น พ้องเสียงกับคำว่า ‘อย่าถาม’ ในภาษาจีน เปี๋ยจือ พ้องเสียงกับคำว่า ‘อย่ารู้’ ในภาษาจีน เปี๋ยถี พ้องเสียงกับคำว่า ‘อย่าเอ่ยถึง’ ในภาษาจีน
ความคิดเห็น