ก่อนเราจะผูกพัน - นิยาย ก่อนเราจะผูกพัน : Dek-D.com - Writer
×

    ก่อนเราจะผูกพัน

    **

    ผู้เข้าชมรวม

    213

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    213

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:57 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ก่อนเราจะผูกพัน

    บทที่ 1

                ปกรณ์  ปุณณกิต  ลุกขึ้นจากโบกี้หลังสุดในตู้รถไฟตู้ท้ายสุดของขบวน ที่กำลังมุ่งเข้าสู่สถานีปลายทาง  ปกรณ์พร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนเป็นตัวแทนนักศึกษา รุ่นพี่ ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยเพื่อมารับรุ่นน้อง นิสิตใหม่ปีหนึ่งที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นสถานีต้นทาง ตามกำหนดนัดหมายที่องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตราคุณากร หรือ อนก. จัดส่งไปให้กับบัณฑิตใหม่ทุกคนทำหนังสือตอบรับแจ้งความประสงค์จะเดินทางมายังมหาวิทยาลัยด้วยขบวนรถไฟ

    ทางมหาวิทยาลัย โดยงบประมาณในส่วนของการดำเนินกิจกรรมองค์การนักศึกษา ทำการจองที่นั่งบนรถไฟไว้ 1 ตู้ สำหรับรองรับนักศึกษาน้องใหม่  ซึ่งเริ่มต้นเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงในกรุงเทพ รวมถึงสถานีตามจังหวัดต่าง ๆ ตลอดเส้นทางของขบวนรถไฟสายเหนือ  ปกรณ์และเพื่อนอีกหกคนเดินทางถึงกรุงเทพตั้งแต่เมื่อคืนตอนดึก พากันไปพักค้างคืนบ้านของกิตติ นอนหลับไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องแหกตาตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมตัวรับ น้องใหม่ ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ออกเดินทางมากับขบวนรถไฟสายเหนือตั้งแต่แปดโมงเช้า และตลอดเส้นทางก็มีนักศึกษาตามจังหวัดต่าง ๆ มาร่วมขบวนเพิ่มจำนวนขึ้น 

                ปกรณ์ลุกขึ้นจากโบกี้ของตัวเองเพื่อจะเข้าห้องน้ำ  ตามโบกี้ระหว่างช่องทางเดิน รุ่นน้องหลายคนกำลังหลับใหล บางคนน้ำลายยืด บางคนเหม่อมองวิวทิวทัศน์ข้างทาง  แต่บางคนหันมองเขา แค่เพียงหันมาสบตาด้วย น้อง พากันหรุบตาลงต่ำก้มหน้ามองพื้น โดยเฉพาะน้องผู้หญิง มักทำหน้าตื่น ๆ เมื่อเขาเดินเฉียดใกล้

    ปกรณ์ลูบหน้าตัวเอง ..คงเป็นเพราะหนวดเครารกเต็มหน้าบวกกับผมยาวรุ่ยร่ายไม่เป็นรูปทรงนี่ล่ะมั้ง

    หน้ายังกะมหาโจร น้อง ส่วนใหญ่แอบคิดโดย พี่ปกรณ์ ไม่มีโอกาสรู้

    และคงเป็นเพราะหนวดเครานี่อีกกระมัง ที่ทำให้น้องผู้ชายหลายคน มองมาด้วยสายตาท้าทาย จากสีหน้าแววตาทำให้ปกรณ์ลอบยิ้มกับตัวเอง

              หน้าตาท่าทาง กวนตีนดีแท้นะมึง  เหอะ!..ทำเจ๋งไป เจ๋ง ๆ แบบนี้กูเห็นหมอบทุกราย

                หลังจากจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เขาเดินกลับมายังโบกี้ของตัวเองและผองเพื่อน ๆ ผู้อยู่ในอาการหลับใหลเป็นส่วนใหญ่ กระทุ้งปลายเท้าเตะไปยังท่อนขาของชายหนุ่มหน้าตี๋แว่นกลมหนาก่อนเป็นคนแรก

                เฮ้ย ! ไอ้วอกตื่นได้แล้ว    หนุ่มตี๋แว่นสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เป็นผลให้น้ำลายซึ่งขังคลออยู่ตรงมุมปากกระเด็นมาโดนปลายมือผู้เป็นเจ้าของปลายเท้าจนต้องกระโดดหลบทันควัน

                อื้อหืมไอ้ทุเรศ! ซกมกชิบหายเลยมึง  ตื่นลุกมาเก็บของได้แล้ว จะถึงอยู่รอมร่อ ปกรณ์หันไปปลุกเพื่อนคนอื่น ๆ

                มารี    ตื่นซักที   สาวหมวยมารีตาตี่หรี่ปรือตาขึ้นมามองดูด้วยท่าทางงง ๆ

                อะไรกันกรณ์ คนจะหลับจะนอน

                จะนอนหาสากกระเบืออะไรอีก ตื่นได้แล้ว จะถึงอยู่แล้ว ช่วยกันปลุกน้องด้วย

                ฮะ..จะถึงแล้วหรือ

                เออสิวะ    มารียกมือขยี้ตาหันไปสะกิดเพื่อนข้างตัว

                จากนั้นจึงช่วยกันปลุกเพื่อนที่เหลือให้ตื่นขึ้นมา

     รุ่นพี่ หลายคนเริ่มเก็บกระเป๋าเก็บข้าวของอุปกรณ์ที่นำมาใช้สำหรับละเล่นสันทนาการกับน้อง ๆ บนรถไฟ เมื่อเห็นรุ่นพี่ทั้งหลายลุกขึ้นมาขับไล่ความง่วงงุนและเริ่มกระฉับกระเฉงขึ้น ปกรณ์เดินออกไปยืนอยู่ตรงช่องทางเดินกลางตู้รถไฟ แผดเสียงอันดังลั่นประกาศขึ้น

                น้องใหม่ทุกคน  ฟัง!.เราใกล้จะถึงสถานีปลายทางแล้ว  ขอให้ทุกคนเตรียมเก็บสัมภาระให้เรียบร้อยด้วย  ใครชักช้ายืดยาดล้าหลังอยู่รั้งท้าย ๆ  รับรองว่ามีรางวัลให้..เช่นว่าอาจจะได้ออกไปโชว์ตัวโชว์ความสามารถพิเศษอยู่กลางสถานีรถไฟ ให้ประชาชนพลเมืองได้รู้จัก

                น้องใหม่ ตื่นขึ้นเพราะต่อให้เป็นคนหลับลึกก็ต้องสะดุ้งกับเสียงแผดลั่น หันไปปลุกคนใกล้เคียงทยอยตื่นขึ้นมาหยิบกระเป๋าจากชั้นวางด้านบนหรือตามใต้โบกี้ออกมาตรวจเช็คความเรียบร้อย

    คนเสียงดัง หันกลับมารวมกลุ่มกับรุ่นพี่ด้านหลัง รถไฟเริ่มชลอขบวนช้าลง ก่อนจะจอดเทียบชานชลา รุ่นพี่ พากันต้อน รุ่นน้อง ลงจากรถไฟท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับด้วยความยินดีจาก พี่ ที่มาต้อนรับและดูจะแห่แหนกันมามากมายเพื่อรอรับ น้อง อยู่ตรงชานชลา บ้างตีกลองร้องเป่า บ้างโบกธงมหาวิทยาลัย และรับขวัญน้องด้วยพวงมาลัยดอกดาวเรืองคนละพวงตรงชานชลา ก่อนจะพากันเดินตามรุ่นพี่ไปเป็นขบวน ปกรณ์กับกิตติรั้งอยู่ท้ายสุด ก่อนจะลงจากรถเป็นคนสุดท้ายก็หันไปเห็นสองสาวรุ่นน้องยังนอนหลับผลอยหัวชนกันอยู่ตรงโบกี้มุมหน้าสุดของตู้รถไฟ  สองหนุ่มมองหน้ากัน

                เด็กคณะไหนวะเนี่ยแม่ง  ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

                หน้าตาคุณหนูแบบนี้ กูว่าพวกบริหารฯแหงแซะ

                กิตติใช้โทรโข่งในมือสะกิดแม่เด็กสาววงหน้ารูปหัวใจปากรูปกระจับสีชมพูเรื่อเปียผมแกละสองข้างไว้แน่นเปรี๊ยะ สวมแว่นตาสี่เหลี่ยมหนาเตอะก่อนเป็นคนแรก

                น้อง ๆ ตื่นได้แล้ว สาวน้อยยังอยู่ในอาการหลับใหล สองตาไม่ลืมขึ้นมาแม้แต่น้อย และไม่แม้แต่จะสะลึมสะลือ เธอเพียงแต่ปัดปากโทรโข่งออกไปด้วยความรำคาญ สองหนุ่มรุ่นพี่มองหน้ากันสบตากัน

                มึงเอาโทรโข่งมานี่ กูจัดการเอง  ปกรณ์ฉวยโทรโข่งมาจากมือกิตติหันปากโทรโข่งไปข้างหูเด็กสาวแว่นเหลี่ยมและแผดเสียงใส่โทรโข่งดังลั่น

                ตื่นได้แล้วไอ้น้อง!  ได้ผล  ใช่แต่แม่สาวแว่นเหลี่ยมจะสะดุ้งสุดตัวขึ้นมาเท่านั้น แม่สาวผูกผมยาวเป็นหางม้าด้านข้างก็ผวาตื่นเช่นกัน  ปกรณ์ชะโงกหน้าไปใกล้เด็กสาวผมเปียด้วยท่าทางดุดัน ก่อนจะทันพูดอะไรออกมาเพื่อหวังขู่ให้กลัวเขาก็ต้องหงายหลังด้วยกำปั้นน้อย ๆ ซัดโครมเข้าเต็มเบ้าตา

                ว๊าย ! ไอ้โรคจิต ไปให้พ้นนะ อย่ามายุ่งกับฉัน! ความเจ็บทำให้ปกรณ์เลือดวิ่งขึ้นหน้าทันควัน สองมือหมายขยุ้มคอแม่ตัวดีผู้อาจหาญมาประทุษร้ายต่อดวงตาเขาด้วยความโกรธจัด แต่ก่อนจะคว้าถึงคอ เช่นเดียวกับแม่สาวแว่นหนาชูกำปั้นหราขึ้น  กิตติได้สติคว้าแขนปกรณ์ไว้ก่อน  เช่นเดียวกับปรายแสงคว้าข้อมือของพุดตานหมับ

                พุดตาน  นั่นรุ่นพี่นะ สาวน้อยแว่นเหลี่ยมได้ยินคำ รุ่นพี่ จากปากของปรายแสงเพื่อนใหม่ที่เพิ่งทำความรู้จักกันเม่อเช้าวันนี้และบังเอิญได้นั่งโบกี้ติดกัน

    เธอยกมืออีกข้างปิดปากเหวอ เมื่อมองหน้าชัด ๆ ก็ทำไมเธอจะไม่รู้เล่า เขาเป็น รุ่นพี่ ที่เดินทางมารับน้องใหม่นั่นเอง  หน้าตาเจื่อนซีดลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเธอซัดกำปั้นไปยังใบหน้าของใคร เขาเป็นรุ่นพี่  ไม่ใช่ไอ้คน โรคจิต ตามคำกล่าวหาเมื่อตอนตกใจตื่นขึ้นมาและร้องโวยวาย

                ขะ ขะ ขอ ขอโทษค่ะ เธอรีบพนมมือยกมือไหว้ตามสัญชาติญาณ

                ขอโทษเหรอ!  ขอโทษแล้วมันหายเจ็บมั๊ยน้อง!

                ก็  ก็  พุดตานไม่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่  นึกว่าพวกโรคจิต ตกใจก็เลย

                โรคจิตเหรอ!  ฉันเนี่ยนะโรคจิต ทำไมไม่แหกตาดูให้ดีก่อนเล่า ! ผู้เป็น พี่ ดูจะโกรธกรอด ๆ  หนักกว่าเดิม ตะคอกมาเสียงดัง  พุดตานน้ำตาปริ่มขอบหันไปหาเพื่อนใหม่ราวกับขอตัวช่วย

                ปราย  ทำไงดี พุดตานต่อยรุ่นพี่เข้าแล้ว..ทำไงดี สาวหางม้ายาว ๆ ส่งสายตามาปลอบใจเป็นเชิงบอกให้ใจเย็น ๆ ก่อนตวัดสายตาขวับไปยังรุ่นพี่ทั้งสองและหยุดจ้องเขม็งด้วยสายตาเอาเรื่องไปยังรุ่นพี่หนุ่มผู้เบ้าตากำลังแดงเพราะพิษกำปั้น

                ขอโทษมันไม่ทำให้พี่หายเจ็บหรอก แต่ความหมายมันก็อยู่ในตัวแล้วว่า ขอโทษ จะเอาไงอีก หรือต้องต่อยคืนให้เจ็บพอกัน  งั้นต่อยเลยสิจะได้หายแค้น  พุดตานฟังคำท้าแล้วนึกเสียวไส้เธอเอียงหน้าหลบซุกไหล่เพื่อนใหม่ด้วยความหวาดหวั่น กลัวเขาจะบ้าดีเดือดต่อยเธอเข้าจริง ๆ 

    พี่กล้ารังแกผู้หญิงไหมล่ะ  โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เป็นรุ่นน้องด้วย ปรายแสงยังไม่เลิกท้า

    ปกรณ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คันไม้คันมือคันปาก คัน..ไปหมด นี่ถ้าไม่ใช่ผู้หญิง และนี่ถ้าไม่ใช่ น้อง กิตติรู้อาการใจร้อนของเพื่อนดีรีบขัดตาทัพ

    เอาเหอะกรณ์  น้องเค้าไม่ตั้งใจ คงตกใจน่ะ  ว่าแต่น้องสองคนทำไมมัวนอนหลับอยู่นี่คนอื่นเขาลงจากรถไปหมดแล้ว รีบหยิบกระเป๋าเร็วเข้าไม่มีเวลาแล้วนะ ปรายแสงกับพุดตานเพิ่งมีโอกาสหันมองรอบตัวทั้งตู้รถไฟว่างเปล่า      

    ไม่เห็นมีใครปลุกเราเลยนี่คะ พุดตานอุทธรณ์

    เฮอะ! ทั้งเสียงคน เสียงรถไฟ ดังอื้ออึง ยังไม่ได้ยินอีกหูหนวกหรือไงเรา พุดตานเอียงหน้าหลบเสียงตะคอกของปกรณ์ ปรายแสงขยับปากจะพูดอะไรอีกแต่ยั้งไว้เสีย รีบสะกิดเพื่อนใหม่เก็บกระเป๋าลุกขึ้นตามพี่ทั้งสองลงจากรถไฟ ไปยังชานชลาซึ่งไม่เหลือเพื่อนหลงอยู่อีก ได้ยินเสียงกลองกระหึ่มมาแต่ไกล  เมื่อเข้าไปในใจกลางสถานีรถไฟเห็นผู้คนต่างล้อมมุงดูเหล่านักศึกษาร้องรำทำเพลงต้อนรับน้องใหม่ด้วยความสนใจ น้อง นั่งเรียงหน้าสลอนกันเป็นแถว ทุกคนมีมาลัยดอกดาวเรืองเหลืองอร่ามคล้องคลอ ใบหน้าถูกประปรายขาวลายพร้อยไปทั้งหน้า  ส่วน พี่ ผู้มารอต้อนรับยืนล้อมเป็นวงกลมแน่นหนา เสียงร้องเพลงดังสนั่นพร้อมเพรียงทำให้พุดตานเริ่มหน้าเสีย

    รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด

     เธอจะมาเธอจะมาเมื่อไร     นัดฉันไว้ทำไมไม่มา

     ฉันเป็นห่วง ฉันเป็นห่วงตัวเธอ อย่าให้เก้อชะเง้อคอยหา 

    นัดไว้ทำไมไม่มา   นัดไว้ทำไมไม่มา

     โอ้เธอจ๋าอย่าช้าเร่งหน่อย รีบหน่อย เร่งหน่อย รีบหน่อย

    ปกรณ์กับกิตติเดินนำน้องทั้งสองไปสะกิดหลัง มารี

     อะไร

     มาแล้ว หลังสุด กิตติชี้มือมายังน้องทั้งสอง มารีพยักหน้าเรียก

    เชิญข้างหน้าเลยค่ะน้อง  ปรายแสง กับพุดตานจำต้องออกไปยืนก้มหน้าท่ามกลางรุ่นน้องคนอื่น ๆ  มารีถือโทรโข่งหันหน้าไปทางกลุ่มน้องใหม่

    เอาล่ะ..เราก็ได้เห็นโฉมหน้าผู้ที่เรารอคอยอยู่แล้ว ในฐานะผู้มาล่าช้าสุด ควรให้รางวัลด้วยอะไรดีคะน้อง ๆ

    เต้นไก่ย่างคร๊าบ.  น้องผู้ชายป้องปากตะโกนมาด้วยความคึกคะนอง

    เต้นกล้วยส้มดีกว่าครับ น้องผู้ชายอีกคนขอมา พุดตานเริ่มหน้าเสียเพราะเธอไม่ใช่คนกล้าแสดงออก จะนิดหน่อย มากน้อย หรือสักนิดเดียวก็ไม่กล้า แค่ออกไปยืนรายงานหน้าห้องเธอก็ขาสั่นพั่บ ๆ จะเป็นลมอยู่แล้ว เหมือนตอนนี้ ตอนที่กำลังยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย เธอยังก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกอาย  หันมองเพื่อนใหม่ผู้ร่วมชะตากรรมอีกคนรายนั้นดูไม่ค่อยสะทกสะท้านกลับยืนก้มหน้าเฉยเมยอยู่สีหน้าไม่บอกแววยินดียินร้าย

    มารีรีบเห็นด้วยกับความคิดน้องใหม่ผู้เสนอแนะ

    งั้นดีเลย เชิญน้องทั้งสองหนุ่มออกมาทำตัวอย่างให้สองสาวเค้าดูหน่อยสิ มีเสียงโห่ฮิ้วชอบใจจากน้องใหม่ด้วยกัน  สองหนุ่มซึ่งคนหนึ่งอ้วนตุ๊บสวมแว่นกลม คนหนึ่งผอมแห้งราวกับไม้เสียบผีหน้ายาวแหลม ชวนให้นึกถึงคำ อ้วน-ผอมจอมซ่าส์ ท่าทีอิดออด จนปกรณ์ต้องเรียกซ้ำด้วยเสียงดังราวกับจะวัดระดับให้ได้สักร้อยยี่สิบเดซิเบล

    อ้าว ! น้อง! พี่เค้าเรียกไม่ได้ยินหรือไง  ขืนมัวชักช้าพี่จะให้รางวัลสมนาคุณพิเศษนะ ได้ผล หน้าเหี้ยม ๆ รกด้วยหนวดเคราของพี่ พร้อมคำ รางวัลสมนาคุณพิเศษ ทำให้รุ่นน้องทั้งสองรีบขยับตัวลุกขึ้นและเดินออกมาข้างหน้าทันที  กิตติจับแขนรุ่นน้องอ้วนผอมแยกยืนห่างกัน  มารียกโทรโข่งขึ้นถามมาทางกลุ่มน้องใหม่

    เมื่อสักครู่  เพื่อนเค้าแนะนำเพลงอะไรมานะ

    ไก่ย่างครับ/ ค่ะ  น้อง รีบช่วยกันตอบด้วยความสะใจ นี่แหละหนาเขาเรียก ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

    เอาล่ะ งั้นมาช่วยกันร้องเพลง  หนึ่ง-สอง-สาม  เมื่อน้องเริ่มร้องเพลง สองหนุ่มเต้นไม่เป็นเรื่องนัก ร้อนถึงพี่  ซึ่งมารีเรียกให้ออกมา สาธิต และพี่กิตติ หรือ พี่วอก ก็ดีดท่าเต้น ตูดเด้ง-ตูดบิด อันแสนแก่นแก้วก๋ากั่นและ กวน Teen (ในความคิดของปกรณ์)  เรียกเสียงฮาครืนจากน้องและพี่อย่างพร้อมอกพร้อมใจ

    ดูตัวอย่างไว้นะน้อง ถ้าเต้นไม่ได้อย่างพี่วอกไม่ให้กลับเข้าไปนะ  คนร้องเพลงก็เหมือนกัน ต้องร้องให้ได้จังหวะเร้าใจ เสียงดังกระหึ่มหน่อย ม่าย..งั้น พี่จะให้ลุกเต้นไก่ย่างทีละแถว

    ไก่ย่างถูกเผา ๆ    มันจึงถูกไม้เสียบ ๆ

    เสียบตูดซ้าย       เสียบตูดขวา

    ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ

     รอบแรก-หลังจาก พี่วอก เลิกสาธิต เสียงเพลงไก่ย่างดังกระหึ่มขึ้น พร้อมกับสองหนุ่มอ้วนผอมออกลีลา ไก่ย่างถูกเผา กันสุดฤทธิ์

              รอบหลัง-ปรายแสงกับพุดตานต้องร่วมเต้นไก่ย่างกับเขาด้วย  พุดตานแม้จะอายม้วนแต่เธอก็สามารถผ่านเพลงนั้นมาได้อย่างทุลักทุเลเช่นเดียวกับเพลงต่อมา ซึ่งพี่วอกเป็นผู้สาธิตเช่นเดิม

    แอปเปิ้ล   แอปเปิ้ล  แอปเปิ้ล

    มะละกอ  มะละกอ  มะละกอ

    กล้วย      กล้วย      กล้วย

    ส้ม         ส้ม          ส้ม

    แอปเปิ้ล  มะละกอ  กล้วย ส้ม

    จากจังหวะช้าเร่งเร็วขึ้น และเร็วขึ้น จนจบเพลง มารีถือโทรโข่งออกมายืนข้างแถวของน้องทั้งสี่

    แต่ละคนชื่ออะไรกันบ้างแนะนำตัวสิคะ..เริ่มจากผู้ชายก่อนแล้วกัน

    ทุกคนเคยทำกิจกรรมสันทนาการ กลุ่มสัมพันธ์ แนะนำตัวทำความรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันมาก่อนแล้วตั้งแต่อยู่บนขบวนรถไฟ แต่การแนะนำตัวยังต้องเกิดขึ้นทุกครั้งเพื่อให้เกิดการจดจำ  นายอ้วนแว่นกลมผู้อยู่หัวแถวยิ้มเป๋อเหรอให้รุ่นพี่มารี เขาทำท่าตะเบ๊ะกระทบเท้าพยายามให้เหมือนนายร้อยเอกแห่งกองทัพบกไทย แต่ความจริงละม้ายแม้นเพียง รปภ.หน้างานวัดนาโห้งเท่านั้น (ในความคิดของปกรณ์)

    กระผม..นายอุลิต อุนานนท์  ชื่อเล่น ก็อุลิต ครับผม

    เพื่อน ๆ และพี่ ๆ ต่างปรบมือให้ ถึงคราวนายผอมออกมาแนะนำตัวบ้าง

    กระผม นายวิชชา ทะนงกร ซื่อเล่น วิชครับผม

    ทั้งพี่-น้อง และชาวบ้านที่มามุงล้อมดูต่างกลั้นยิ้มด้วยสองหนุ่มช่างดูสมกับเป็น คู่หูคู่ฮา อ้วนผอมจอมซ่าส์  ถัดมาเป็นสาวน้อยใบหน้ารูปหัวใจผมเปียแกละสองข้างสวมแว่นตาสี่เหลี่ยมกรอบหนา เธอแนะนำตัวทั้งยังก้มหน้างุดมองพื้น

    ชื่อพุดตาน แก้วตระกูลค่ะ  

    มาถึงสาวน้อยหน้ารูปไข่ดวงตากลมโตสุกใส ผิวขาวผ่องเป็นนวลใยอีกคน

    ชื่อปราย ปรายแสง สัจจะกวีวงษ์ ค่ะ

    กิตติเข้ามาสะกิดปกรณ์อีกครั้งเช่นเดียวกับรุ่นพี่หลายคนเริ่มซุบซิบ

    เฮ้ย ไอ้กรณ์ นามสกุลสัจจะกวีวงษ์ นี่มันนามสกุลเดียวกับไอ้เสือเลยนี่หว่า

    เออใช่ว่ะ

    ญาติโยมมันหรือเปล่าวะ  ไม่เห็นมันเคยบอกว่าจะมีญาติมาเรียนด้วย

    กูไม่เคยได้ยินมันพูดถึงเหมือนกัน สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยความกังขา ส่วนมารียังทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ ให้น้อง ๆ ปรบมือโหวต จากระดับความดังของเสียงปรบมือคนอื่นเต้นผ่านสายตาผู้ชมหมด ยกเว้นพุดตานเธอยืนบิดนิ้วมือไปมาด้วยความขัดเขิน อายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง เมื่อสองหนุ่มอ้วนผอมและปรายแสงเพื่อนใหม่เดินกลับเข้าไปในแถว เหลือตัวเองอยู่เดียวดายท่ามกลางสายตาผู้คนนับร้อยกลางสถานีรถไฟ วิธีการทำให้สถานการณ์อันน่าอึดอัดใจนี้ผ่านไปให้เร็วที่สุดคือการ กัดฟัน ข่มความอายเต้นแร้งเต้นกาออกไปให้สมใจพี่ๆ และเพื่อนๆ ไปเสีย  แต่.มันยากเหลือเกินสำหรับเธอผู้ไม่เจนจัดเวทีการแสดงออกใดๆ ทั้งสิ้นมาก่อน  สีหน้าจึงเหมือนคนอมทุกข์ที่แบกโลกเอาไว้ทั้งโลก  และหากปล่อยช้าไปใคร ๆ อาจได้เห็นน้ำตาสาวน้อยแว่นเหลี่ยมผู้นี้

     ชิ..แค่นี้ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซะละ 

    ปกรณ์ยืนกอดอกพึมพำเข่นเขี้ยวถึงสาวน้อยเจ้าของหมัดฝากประทับไว้กับดวงตาจนเริ่มปรากฏริ้วรอยเขียวคล้ำเป็นจ้ำด้วยความเขม่น   ส่วนกิตติอดสงสารสาวน้อยหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมตรงหน้าไม่ได้ จึงเข้าไปเต้นท่าไก่ย่างตำรับพิเศษเฉพาะตัวของเขาเองเป็นเพื่อน เพื่อไม่ให้ น้องแว่นเหลี่ยม  เขินอายจนเกิดการร้องไห้ขี้มูกโป่งขึ้นมาขายหน้าประชาชีโดยไม่จำเป็น

    พุดตานผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ไม่ใช่เพราะเต้นเข้าตาท่านผู้ชมทั้งหลาย แต่เป็นเพราะพี่สงสารและ น้องเริ่มเอาใจช่วยเอออพยักหน้าให้ผ่านไปอย่างทุลักทุเล ปรายแสงเองยังอดกลั้นหัวเราะกับท่าทางเก้กังของพุดตานไม่ได้ หากมองไปรอบด้านจะเห็นรอยยิ้มเอ็นดูจากสายตาประชาชนผู้ผ่านไปมาในสถานีรถไฟคอยแวะเวียนมามุงล้อมดูจนค่อย ๆ หนาตาขึ้น บางคนพอจะร้องเพลงเป็นก็คอยช่วยส่งเสียงร้องเพลง บางคนช่วยปรบมือส่งเสียง โป๊ะ ชึ่ง โป๊ะ  เป็นจังหวะให้ แลดูแล้วชวนรู้สึกอบอุ่นใจ

    สองสาวทั้งพุดตานและปรายแสงต่างได้รับพวงมาลัยดาวเรืองเหลืองสดคล้องคอพร้อมทั้งรับการประปรายจากเหล่ารุ่นพี่

    วาที ตัวแทนรุ่นพี่ออกมายืนเด่นกล่าวต้อนรับน้อง ๆ สู่แผ่นดินถิ่นจังหวัด..อย่างเป็นการเป็นงาน ทั้งยังเอ่ยเชื้อเชิญคุณปู่ผู้ชราภาพคนหนึ่งมากล่าวต้อนรับ คุณปู่ซึ่งมายืนดูว่าเด็ก ๆ วัยรุ่นหนุ่มรุ่นสาวจำนวนมากกำลังทำอะไรกันอยู่ในสถานีรถไฟก็ใช่ว่าจะกระมิดกระเมี้ยนเขินอาย ท่านซักถามวาทีถึงที่มาที่ไปของขบวนนักศึกษาเพียงอึดใจ ก็คว้าโทรโข่งจากมารีมาจ่อปาก อู้คำเมือง กล่าวแสดงความยินดีกับน้องใหม่  พร้อมทั้งอวยพรให้ใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัดนี้ด้วยความอยู่เย็นเป็นสุข สำเร็จการศึกษาเป็น ครูบา กันทุกคน ทั้ง น้อง และ พี่ ต่างยกมือพนมไหว้ขอบคุณ ปู่ผา กันถ้วนหน้า ก่อนคุณปู่จะโบกมืออำลาเพื่อขึ้นรถไฟขบวนที่กำลังประกาศเรียกผู้โดยสารก่อนเดินทางออกจากสถานี

    รุ่นพี่สั่งรุ่นน้องลุกขึ้นและเดินตาม พี่ ๆ ไปยังลานจอดรถด้านหลังสถานีรถไฟและพาขบวนน้องใหม่หยุดอยู่หน้ารถบรรทุกหกล้อเก่า ๆ คันหนึ่ง  นายอุลิตเอาตาตี่ ๆ ใต้กรอบแว่นกลม ๆ ทำถลนเหมือนจะให้ทะลุเลนส์หนา ๆ ออกมา เมื่อเห็นสภาพรถ

    อย่าบอกนะ  ว่าพวกเราต้องเดินทางด้วยรถพวกนี้ 

    ปกรณ์เดินขนาบแถวอยู่ใกล้ ๆ หันขวับมาหาน้องตัวอ้วน

    ทำไม..มีปัญหาหรือไง  ถ้าคิดว่านั่งไม่ได้ก็ไม่ต้องไป 

    กิตติสะกิดแขนเสื้อเพื่อน เมื่อรุ่นน้องนามอุลิตก้มหน้างุดเร่งฝีเท้าตามเพื่อน ๆ ผ่านหน้าไปทันที

    พูดกับน้องดี ๆ หน่อยสิกรณ์ มึงเป็นอะไรหนักหนาวะ หงุดหงิดรมณ์เสียเหลือเกิน เมื่อเช้าก็ยังดี ๆ อยู่

    มองหน้าเพื่อนเห็นรอยเขียว ๆ คล้ำ ๆ ดำด่าง  จึงยิ้มอย่างขบขัน

    อ้อ.กูพอจะรู้ละ  เพราะายแว่นเหลี่ยมนั่นฝากรอยรัก-รอยอาลัยไว้ให้นี่เอง

    รอยรักห่า!อะไรล่ะ รอยแค้นล่ะไม่ว่ากูเจ็บจะตายปวดตึ๊บ ๆ อยู่นี่ มึงยังมีอารมณ์มาแหย่อีก เดี๋ยวพ่อก็พัดด้วยฝ่าตีนให้หรอก  คนถูกแซวฉุนเฉียวหนัก ส่วนคนแซวหัวเราะชอบใจ

    แหม่กูก็แหย่แค่นี้ทำเป็นมีอารมณ์ ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นหนุ่มวัยทองไปได้นะมึง  แล้วเอาไงเนี่ย มึงไปคันไหน

    กูไปรถกระบะละกัน  ไม่อยากเห็นหน้าเด็กนั่น อารมณ์เสีย

    ชิชะ  เรื่องแค่นี้อารมณ์เสีย  ทำตัวเป็น ป้าฮาย อาภาภรณ์ไปได้ กิตติแกล้งบ่น และฮึมฮัมร้องเพลงของป้าฮาย เต้นตูดบิดเดินนำหน้าไป อ่ารมณ์เสีย  อารมณ์เสีย ๆ อ่ารมณ์เสีย อารมณ์เสีย ๆ

    พลั่ก!    โอ๊ย..! คนตูดเด้ง ตูดยุบทันทีเมื่อถูกถีบ

    กูเจ็บนะ ไอ้กรณ์

    เออสิวะ  ถ้ามึงไม่เจ็บกูจะถีบทำไม

    เล่นแรงนะมึง  อย่าเผลอ ๆ กิตติยกนิ้วส่ายพั่บ ๆ ชี้หน้า เมื่อมารีร้องเรียก

    แย้  จะไปหรือไม่ไป  

    ไปสิ  กิตติหันมาหาปกรณ์ท่าทีเป็นการเป็นงานขึ้น

    เดี๋ยวกูขึ้น รถขนหมู นี่ไปกับน้อง   (ก็มันรถใช้ขนหมูจากฟาร์มจริง ๆนี่หว่า) แยกกันตรงนี้แหละ 

    เออ..ช่วยมารีดูแลน้องเข้าหอไปก่อน  กูจะลงหน้าอำเภอไ อ้เสือมันรออยู่

    มารอทำไมล่ะ มันขึ้นไปบ้านม้งไม่ใช่เหรอ 

    ใช่ ตอนบ่ายสามมันโทรมาบอกว่าลงมาส่งคนในหมู่บ้านเข้าโรงบาล มาจัดการเรื่องเสบียงด้วย คงต้องขึ้นไปอยู่อีกหลายวัน

    พายุลงหมู่บ้านม้งภูเขาถล่มน้ำป่าทะลักครั้งนี้  คงหนักหนาสาหัสเอาการ ตอนแรกที่ไอ้เสือเกณฑ์เอาน้องปีสองขึ้นไปบ้านม้งเยอะแยะกูยังว่ามันตื่นตูมไป ที่ไหนได้ เสียหายหนัก พวกเราปีสามถึงต้องเดือดร้อนมาช่วยปีสองดูแลน้องด้วย

    นั่นสิ  ไม่ใช่หน้าที่สักหน่อย กูคิดว่าขึ้นปีสามจะสบายแล้วเชียว ที่ไหนได้ต้องมานั่งรบรากับเด็กรุ่นใหม่ ๆ อีก ความจริงไอ้เสือน่าจะเรียกเราขึ้นไปบ้านม้งและส่งเด็กปีสองกลับลงมาทำหน้าที่ พี่ ของพวกมันไป

    ก็ตอนนั้นปีสามยังไม่กลับมอกันเลย  ปีสองมาเตรียมงานรับน้องก่อนไอ้เสือถึงต้องให้ทิ้งงานเกณฑ์คนขึ้นไป เรามาทีหลังจะให้เปลี่ยนกลับไปกลับมาเสียเวลาทำงานทำการทำไม เถอะน่า...  มึงอย่าบ่นนักเลย  บ่นแล้วใช่ว่าจะไม่ทำได้ ยังไง้ยังงาย..ย ก็ต้องทำ

    นั่นสินะ.. .กูไปก่อนล่ะ  แล้วเจอกัน

    ปกรณ์แยกไปขึ้นรถกระบะรวมกันเพื่อนหลายคน น้องใหม่ขึ้นไปนั่งเรียงรายจุมปุ๊กอยู่บนรถบรรทุกทั้งหมดและกระจายบางส่วนไปกับรถกระบะสภาพโกโรโส อีกสองคันที่พี่ขับเคลื่อนมาสมทบ  กิตติพร้อม พี่ อีกหลยคนปีนท้ายกระบะขึ้นตามไปบนรถบรรทุก ส่วนพี่ซึ่งเดินทางมาต้อนรับน้องพากันขึ้นโดยสารรถกระบะคันอื่น ๆ รวมทั้ง รถเขียว ซึ่งเป็นรถสองแถวประจำทางและจ้างเหมามาเพื่อการนี้ 

    รถกระบะคัน หน้าตาพอดูดี ที่บรรทุก รุ่นพี่ ออกนำหน้าขบวน ตามมาด้วยรถบรรทุก ขนหมู แต่เอามาบรรทุก น้อง ๆ (เฉพาะกิจ) ปิดท้ายขบวนด้วยรถกระบะบรรทุกน้อง กระบะบรรทุกพี่ และรถอีกสองคันเคลื่อนขบวนตามกันเป็นสายออกจากสถานีรถไฟ  ผืนธงเขียวขาว สีประจำมหาวิทยาลัยถูกชูขึ้นมาโบกสะบัด เด่นสง่านำขบวนออกเดินทางจากสถานนีรถไฟมุ่งหน้าสู่ มหาวิทยาลัยเกษตราคุณากร

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น