Noona Saranghea...ช็อตหัวใจเจ้าชายช็อกชิฟ - นิยาย Noona Saranghea...ช็อตหัวใจเจ้าชายช็อกชิฟ : Dek-D.com - Writer
×

    Noona Saranghea...ช็อตหัวใจเจ้าชายช็อกชิฟ

    รักที่ไม่ต้องการครอบครองยังมีอยู่ไหมบนโลกใบนี้? ด้วยวัยที่แตกต่างอาจจะทำให้เรากั๊กไม่กล้าเปิดใจ ชายในฝันที่วันหนึ่งก็เกิดมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ เธอจะไขว่คว้าหรือเธอจะปล่อยให้ผ่านเลยไป เอาใจเธอด้วยนะจ๊ะ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    46

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    46

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ย. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    Noona Saranghea...ช็อตหัวใจเจ้านายเย็นชาNoona Saranghea...ช็อตหัวใจเจ้าชายช็อกชิฟ..(1)

    ตอนที่ ๑ ...เปิดตัว “คัพเค้ก” ชิ้นแรกก็ฟินสุดๆ

                   

                    … ที่สยามดิสคัพเวอรี่ชั้น 4 ของวันนี้ดูคึกคักกว่าปกติเพราะว่าร้านแฟชั่นน้องใหม่ที่เปิดตัวภายใต้ชื่อ “คัพเค้ก” ที่อบอวลไปด้วยความหอมหวานละมุนปนกับความเก๋ไก๋ตามสไตล์เจ้าของร้านคนสวยอย่าง ... ชากียา คอร์น วรเมศธารมณ์

                    “ดีใจด้วยนะยะเพื่อนเลิฟในที่สุดนางก็ทำคัพเค้กชิ้นนี้ได้สำเร็จจนได้” พิณพรรณ เพื่อสาวไฮโซของชากียาโผเข้ากอดด้วยความตื่นเต้นและดีใจไปกับความสำเร็จในครั้งนี้ของเพื่อนรัก

                    ชากียายิ้มจนแก้มปริพร้อมกับรับดอกไม้ช่อใหญ่ที่คนให้หอบมาพร้อมกับความรัก “ขอบใจมากนะจ๊ะหนูแพน”

                    “นี่ว่าแต่ว่าที่เพื่อนเขยของฉันอยู่ไหนซะล่ะ ตั้งแต่มานี่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย” เซเลบคนสวยหันไปมองรอบๆ ร้านจนคอแทบเคล็ด

                    “แกชะเง้อหาจนคอหักจ้างก็ไม่เห็นหัวเขาหรอกเพราะเมื่อวานมันสองคนพึ่งจะโยนระเบิดใส่กันคนละลูกสองลูก”

                    พิณพรรณหันมามองกวินตาด้วยสายตาคมกริม “รู้ดี! ว่าแต่งานนี้นางมีเอี่ยวด้วยรึเปล่าจ๊ะ” พูดพลางยิ้มเยาะให้

                    “นี่ยัยแพน! เธอนี่มันจะอะไรกับฉันนักหนา กัดไม่ปล่อยเลยนะแก” กวินตาแว๊ดใส่ทันที

                    “อย่าร้อนสิจ๊ะเพื่อนสาว แอร์เย็นจะตายไป ใจเย็นๆ” ท่าทีเริด เชิด หยิ่ง ของพิณพรรณยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายของอีกฝ่ายร้อนระทุแทบเผาไหม้อยู่ในที

                    “พอๆ วันนี้จะมาแสดงความยินดีกับฉันหรือจะมาฆ่ากันในร้านกันแน่ทะเลาะกันได้ทั้งปีทั้งชาติไม่เบื่อบ้างรึยังไง”

                    “ฉันพูดลอยๆ ก็ยัยตามันร้อนของมันขึ้นมาเอง” พูดแล้วก็เบือนหน้าไปอีกทาง “ไม่ได้ว่าอะไรใครสักหน่อย” 

                    “เออ วันนี้ยอมให้วันนึงนะ นี่เห็นแกหน้าไอ้เค้กมันหรอกไม่งั้นได้เฉาะปากคนไปแล้ว” กวินตายอมให้แทบจะทุกครั้งไปเลยก็ว่าได้เพราะจริงๆ แล้วแทบจะไม่มีอะไรมาสู้กับพิณพรรณได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว

                    “แล้วแกล่ะแพน ฉันขอล่ะไม่อยากเห็นแกสองคนทะเลาะกัน” แววตาวิงวอนของเธอก็เป็นเหมือนกาวใจให้เพื่อนรักคู่นี้ได้ด้วยดีเสมอมา

                    “ก็ได้ ดีกัน” เซเลบสาวยื่นนิ้วก้อยออกมาให้ก่อน ก่อนที่กวินตาจะยอมเกี่ยวก้อยด้วยแล้วก็หันมายิ้มให้กันอีกครั้ง

                    “มันต้องยังงี้สิ เอาไว้คืนนี้ฉันเป็นเจ้ามือเองพวกแกจัดให้เต็มก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็โน้มคอของสองสาวเข้ามากอดด้วยความรักและผูกพัน...

                    หลังจากที่เปิดร้านวันแรกมาได้แค่ครึ่งวันยอดขายของสินค้าในร้านก็ถล่มทลายทำเอาเจ้าตัวหล่อนถึงกับยิ้มไม่หุบ เสียงใสๆ ของพริตตี้สาวสวยที่อยู่หน้าร้านก็พูดกันจนเสียงแหบเสียงแห้งไปตามๆ กัน

                    “คัพเค้ก แบรนด์ใหม่ที่มาเอาใจคนที่มีความรักและความฝันในหัวใจได้เปิดตัวอย่างสวยงามในวันนี้ พี่สาวคนสวยเจ้าของร้านก็ใจดีมีของขวัญของฝากมาให้ลุ้นกันมากมายหลายชิ้น” สาวสวยหยิบตุ๊กตาหมอนอิงคักเค้กสีหวานที่ทำเอาลูกค้าในร้านต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน

                    “น่ารักใช่ไหมล๊า! อยากเป็นเจ้าของน้องคัพเค้กตัวนี้กติกาง่ายๆ เพียงแค่หยิบใบสลิปขึ้นมาดูว่าราสินค้าที่พึ่งช็อปกันไปอย่างเพลิดเพลินเมื่อสักครู่ลงท้ายด้วยเลขยี่สิบแปดรึเปล่า ถ้ายังไม่ขยำทิ้งไปซะก่อนรีบหยิบเลยจ้าพี่เค้กของเรากระซิบมาว่ายินดีมอบน้องคัพเค้กให้กับมือ ซึ่ง... ซึ่งมีเพียงเจ็ดตัวเท่านั้น” พูดจบก็ชูน้องคัพเค้กมากระตุ้นต่อมลูกค้ากันอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ได้ผู้โชคดีเจ็ดท่านพอดิบพอดีที่ได้รับของขวัญกลับบ้านไปพร้อมกับสินค้าที่พึ่งช็อปกระจายอย่างสนุกสนาน

                    “คุณเค้กคะขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ” ลูกค้าวัยทำงานที่อายุอานามก็น่าจะไล่เลี่ยกับเธอเดินเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย

                    ชากียาที่ตอนนี้เธอฮอตจนเหงือกแห้งไปแล้วเพราะต้องแชะภาพนับครั้งไม่ถ้วนด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ด้วยความยินดีค่ะพร้อมนะคะ... ฮาน่า ทูล เซท ชีสสสสส” มันคือความเล็กๆ ของเธอนั่นเอง

                    “พี่เค้กคะ หนูอยากได้น้องคัพเค้กอ่ะ ที่ร้านมีขายอีกไหมคะ” สาวน้อยลูกครึ่งผิวอมชมพูเดินเข้ามาร้องขอตุ๊กตาหมอนอิงด้วยแววตาแห่งการเว้าวอนแบบสุดๆ

                    “ในอนาคตน่าจะมีค่ะ ว่าแต่อยากได้มากขนาดไหนกันน๊า!” เธอชักถูกชะตากับสาวน้อยคนนี้เข้าแล้ว

                    “มากถึงมากที่สุดค่ะ น้องแนนชอบตุ๊กตามากๆ เป็นของสะสมที่มีจนเต็มห้องแล้ว” แววตาสุกใสของสาวน้อยเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับว่าโลกทั้งใบของเธอเต็มไปด้วยกองทัพตุ๊กตานับร้อยตัวยังงั้นแหล่ะ

                    เจ้าของร้านคนสวยแอบหรี่ตาก่อนจะแกล้งถามไปว่า “แล้วจะเอาน้องคัพเค้กของพี่เค้กไปไว้ที่ไหนกัน”

                    “สัญญาว่าจะติดตัวไปด้วยทุกที่เลยค่ะ หนูชอบพี่จังเลยมาเป็นพี่สาวของหนูไหมคะเพราะหนูอยากมีพี่สาวสวยๆ แล้วก็ใจดีมากๆ” สาวน้อยฉีกยิ้มออกมา

                    “พี่เค้กใจร้ายนะจะบอกให้ ดูอย่างตอนนี้สิจ๊ะยังหาน้องคัพเค้กให้น้องสาวไม่ได้เลย ว๊า! แย่จังเนอะ” เธอทำท่าคิกขุอาโนเนะก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน

                    เธอสัญญาว่าจะหาน้องคัพเค้กให้โดยเร็วที่สุดก่อนที่ทั้งสองจะผละออกจากกันเพราะพี่ชายของน้องสาวคนใหม่ของเธอโทรเข้ามาบอกว่ารออยู่ที่ลานจอดรถให้รีบมาหาเขาที่รถภายในห้านาทีห้ามชักช้า

                    หลังจากที่สินค้าในร้านขายหมดเกลี้ยงภายในครึ่งวัน ชากียาเลยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงน้องๆ และเพื่อนๆ ทุกคนที่วันนี้มาช่วยเปิดร้านวันแรกและโปรโมตกันอย่างจนคึกคักเหน็ดเหนื่อยไปตามๆ กัน “อยากกินอะไรขอให้บอก มื้อนี้ฟรีค่ะ!” สิ้นเสียงใสๆ ของเจ้าของร้านคนสวย เสียงเฮก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงถกเถียงกันยกใหญ่ว่าจะไปกินอะไรกันดี ซึ่งกว่าจะเลือกได้ก็ปาเข้าไปเกือบสิบนาทีเห็นจะได้

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

                    ในระหว่างที่กำลังนั่งรถไปทานข้าวกันชากียาก็ถึงกับกรี๊ดออกมาสุดเสียง ทำเอาพิณพรรณที่กำลังทำหน้าที่สารถีกิตติมศักดิ์ถึงกับเหยียบเบรกกะทันหันจนหัวทิ่มไปตามๆ กัน

                    “อะไรของแกไอ้เค้ก!” เสียงสูงปรี๊ดของเพื่อนรักทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับยิ้มแหยๆ โชว์อีการ์ดบนหน้าจอให้เพื่อนๆ ดู

                    พิณพรรณถึงกับหน้าเหวอ “อีการ์ด! แค่นี้ทำเป็นร้องซะตกอกตกใจ นึกว่ามินโฮชายนี่ของแกโผล่มาซะอีก”

                    กวินตาทำหน้าปูเลี่ยนก่อนจะคว้ามือถือของเธอมาดูว่ามันอะไรนักหนา “อีการ์ด จาก ลี แทยอน... ใครวะ?” ดูเสร็จก็ยัดใส่มือของเธอทันที

                    “เพื่อนฉันตอนที่ไปเรียนแฟชั่นด้วยที่นิวยอร์กน่ะ” เธอตอบยิ้มๆ

                    กวินตาเบ้ปากให้ “ยังบ้าเกาหลีไม่เปลี่ยนนะนาง” พูดจบก็หันไปแชทไลน์ต่อกับหนุ่มคนใหม่ที่ใครๆ ก็รู้ดีว่าเขาคือแฟนของเพื่อน แต่ดูเหมือนหล่อนก็ปากแข็งมากพอที่จะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ เพราะว่าเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานและอีกอย่างก็เป็นแฟนเพื่อนอีกด้วยใครจะถ้า... ถ้าไม่ใช่ กวินตาคนนี้

                    “ดีใจนักหนายัยคัพเค้ก” พิณพรรณยังไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างในอีการ์ดนั่นแน่นอน “ตอบ!

                    ชากียาอมยิ้มอยู่อย่างนั้นก่อนจะตอบไปว่า “ไม่มีไร แค่ดีใจมากเท่านั้นเอง ไม่มี๊! จริงๆ” นอกจากจะตื่นตูมจนเคยตัวแล้วเธอยังโกหกไม่เนียนอีกต่างหาก

                    “ถึง... คัพเค้ก ยอดงเซง

    ... ขอแสดงความยินดีกับน้องสาวสุดที่รักของพี่ด้วยนะในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้ พี่อยากไปแสดงความยินดีด้วยตัวเองนะแต่ว่าตอนนี้กำลังยุ่งมาก พี่ยังรอคอยที่จะได้กินอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกของเธอทุกวันเวลา เจอกันเดือนหน้านะจ๊ะ คัพเค้ก...”

    เนื้อความในอีการ์ดทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะลืมมันไปในชั่วอึดใจหนึ่งเพราะว่าความรู้สึกตอนนี้มีแต่ความสุขและตื่นเต้นดีใจกับก้าวแรกของการทำงานอย่างจริงๆ จังๆ “คัพเค้ก” ชิ้นนี้จะต้องทำให้ทุกคนมีความสุขได้อย่างแน่นอน...

    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

                    ผ่านไปสามวันกับยอดขายที่พุ่งกระฉูดฉุดเอาไว้ไม่อยู่ “น้องคัพเค้ก” ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของลูกค้าไปซะแล้ว ไอเดียใหม่ๆ กับการกระตุ้นยอดขายก็ผุดขึ้นมาในสมองน้อยๆ ของชากียาไม่ขาดสาย

                    “พี่เค้กคะ วันนี้ปรางนั่งอ่านข้อความของลูกค้าจนตาลายไปหมดแล้วล่ะค่ะ” ปรางวลัย หนึ่งในพริตตี้ที่มาช่วยเป็นพีอาร์ให้กับร้านของเธอในวันแรกก็ถึงกับบ่นอุบเมื่อต้องอยู่หน้าจอมาเกือบครึ่งค่อนวันกับการนั่งอ่านคอมเม้นของลูกค้าที่แวะเวียนมาอุดหนุนกันอย่างล้นหลามในสองวันแรก

                    “แล้วได้ความว่าอย่างไรบ้างจ๊ะน้องหญิง” ชากียาเอ่ยถามที่กำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ

                    “ร้อยละแปดสิบอยากให้ร้านของพี่เค้กเอาน้องคัพเค้กออกมาให้ช็อปกันได้เร็วเท่าไรยิ่งดี”

                    “ร้านพี่ตกลงว่าเสื้อผ้าจะขายไม่ออกเลยเหรอเนี่ย” เธอพูดอย่างขบขันก่อนจะเงยหน้ามองสาวน้อยอย่างสนใจเพราะรู้ทันว่ามันไม่ใช่แค่นี้แน่ๆ “แล้วไงต่อ”

                    “ก็ยังไม่พูดไม่จบเลย เสื้อผ้าแบรนด์คัพเค้กของพี่ตอบโจทย์ให้พวกเขาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเสื้อคู่รักที่สร้างกระแสให้สาวโสดหันกลับมามีความหวังอีกครั้งในเรื่องของความรัก”

                    “ยังไงพี่ไม่ค่อยเข้าใจ” ชากียาตั้งใจจะแกล้งตีรวนอีกฝ่ายอย่างนึกสนุกเพราะไม่อยากเห็นน้องเครียด

                    “อ้าว! คนทำยังไม่รู้คอนเช็ปของงานอีกเหรอ อะไรกันเนี่ย” ปรางวลัยถึงกับทำหน้าเบื่อโลกขึ้นมา

                    “ฮ่ะๆ โอ๋ๆ พี่ล้อเล่น เครียดไรนักหนาจ๊ะสาวน้อยของพี่” เธอวางดินสอในมือลงกับกระดาษแผ่นนั้นก่อนที่จะเดินเข้ามาหาผู้ช่วยคนเก่งของเธอด้วยใบหน้ายิ้มขัน “เชื่อไหมว่าตอนที่ทำน่ะต่อมคนโสดของพี่มันไม่ทำงานไปชั่วขณะ” เธอพูดเป็นนัยๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วก็หยิบพวงกุญแจของรักของหวงขึ้นมาดูด้วยแววตาสุกใส

                    “พี่เค้กมีต่อมนี้กับเขาด้วยเหรอคะ แล้วพี่ฝรั่งคนนั้นเขาไม่ใช่คนรักของพี่หรอกรึ” สาวน้อยถามออกมาด้วยความสงสัย แต่พอรู้ตัวว่ากำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของสาวเจ้าเข้าให้แล้วถึงกับหน้าเจือนไปเล็กน้อย “ขอโทษค่ะ”

                    “เคยรักมาก... แค่เคยรักมาก ถ้าเป็นสองปีที่แล้วพี่คงจะพูดได้เต็มปากว่าพี่กับเขาคือคนรัก” ชากียาถอนหายใจออกมาเบาๆ “แต่ตอนนี้น่าจะใช้คำว่าเพื่อนจะเหมาะกว่านะ”

                    “เลิกกันแล้วเหรอคะ”

                    “ไม่รู้สิพี่แค่รู้สึกว่าความหมายของคำว่ารักมันไม่เหมือนเดิม” เธอพูดอย่างปลงๆ แต่ไม่เศร้า “มันไม่เหมือนเดิม พี่ไม่ได้รักเขาเหมือนอย่างที่เคยรักก็เท่านั้นเอง” เธอนิยามมันออกมาไม่ได้จริงๆ สำหรับเรื่องนี้ระหว่างเธอกับโจนาธาน

                    “พี่ไม่เสียใจใช่ไหม” อีกคนก็ถามด้วยความสนใจเพราะอยู่ในวัยที่กำลังเริ่มมีความรัก

                    “ไม่นะเฉยๆ บางครั้งก็รู้สึกดีมากด้วยซ้ำไป” เธอตอบยิ้มๆ ยิ้มอย่างมีความสุขจริงๆ

                    “ถ้าปรางสวยเลือกได้อย่างพี่เค้กก็คงจะดีนะคะจะได้ไม่ต้องเป็นแค่ตัวเลือกของใครบางคนให้ปวดใจอยู่แบบนี้”

                    ชากียามองเสี้ยวหน้าของพริตตี้สาวสวยที่เป็นน้องสาวของเพื่อนที่เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของเธอไปแล้ว “ปรางจ๊ะ ก่อนที่เราจะให้ใครมารักเราต้องรักตัวเองให้เป็นก่อน ที่สำคัญอย่าดูถูกตัวเอง” เธอส่งยิ้มอย่างให้กำลังใจ

                    “ตอนนี้เรียนหนักไหม ถ้าไหนมีเรียนก็ไม่ต้องเข้ามาเฝ้าร้านให้พี่หรอกนะ”

                    “ใกล้สอบแล้วล่ะค่ะ แต่ปรางอ่านหนังสือเตรียมทุกวันอยู่แล้วเรื่องสอบไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับปรางหรอกค่ะ จิ๊บๆ”

                    ชากียายิ้มขำก่อนจะทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ปรางวลัยพูด “โม้รึเปล่าก็ไม่รู้”

                    “โห! ให้กำลังใจมากเลยอ่ะ” ว่าแล้วก็นั่งน่าตูมแกล้งงอนไปตามประสา

                    “แน่ะ มีงอนด้วย” เธอขอเกี่ยวก้อยด้วยแต่อีกคนก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนในเลยสักนิด จนเมื่อมีลูกค้าสองสามคนเดินเข้ามาในร้านชากียาก็ลุกจากที่นั่งไปต้อนรัยลูกค้าด้วยตัวเองก่อนที่ปรางวลัยจะเดินตามมาติดๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส

                    “พวกเรารู้จักร้านพี่ในแฟนเพจค่ะ มีของน่ารักๆ มากมายจนพวกเราต้องตามมาถึงร้านเลย ตัวจริงของพี่เค้กนี่สวยน่ารักกว่ารูปในโปรไฟล์อีกนะคะ” ลูกค้าเล่นชมกันซึ่งหน้าทำเอาเจ้าของร้านคนสวยยิ้มแก้มปริก่อนที่จะเชิญลูกค้าเดินดูของในร้านได้ตามสบาย

                    ร้านสองล็อคที่พื้นที่กำลังพอเหมาะพอดีกับร้านที่เธอเป็นคนออกแบบและตกแต่งเองกับมือในโทนสีม่วงอ่อน มีมุมเล็กๆ ให้ลูกค้าได้นั่งเล่นอีกด้วย มุมหนังสือที่รวมรวบเทรนแฟชั่นมาแรงไม่ต้องกลัวตกเทรน นอกจากนั้นเธอยังรับปรึกษาเรื่องการแต่งตัวให้เข้ากับบุคลิกฟรีอีกด้วย ลูกค้าคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาช็อปที่ร้านก็จะได้ทั้งของที่ถูกใจพร้อมเกร็ดความรู้อีกมากมายหลังจากที่ได้สนทนาพาทีกับกูรูเรื่องแฟชั่นอย่างเธอ

                    หลังปิดร้านสองสาวก็แวะไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันก่อนกลับบ้าน ชากียาก็ขับรถไปส่งปรางวลัยที่บ้านเกือบสามทุ่มก่อนที่เธอจะมุ่งหน้ากลับคอนโดด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจบวกกับความรู้สึกบางอย่างที่ผุดขึ้นมาทันทีนึกถึงคำพูดของปรางวลัยเมื่อตอนบ่ายเกี่ยวกับเรื่องของโจนาธาน เธอค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้สี่ห้องหัวใจของเธอไม่มีชื่อของผู้ชายคนนี้ คนที่ครั้งหนึ่งเขาได้ทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทำให้เธอร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกจากความรัก...    ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

                    ...กรุงโซลในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้เป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดเลยก็ว่าได้เมื่อเทียบจากต้นปีที่ผ่านมา ครอบครัวของ ลี จียอง ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน พอมาถึงเจเนอเรชั่นของเธอก็ตั้งใจที่จะพัฒนาธุรกิจนี้ให้โดดเด่นขึ้นมาตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจากเดิม เธอเริ่มต้นจากการกลับไปเรียนต่อในสาขาอาชีพนี้อย่างจริงๆ จังๆ เมื่อสามปีที่แล้วและได้ไปเจอรูมเมทที่เป็นคนไทยจนกลายเป็นเพื่อนรักต่างวัยของเธอไปโดยปริยาย

                    “พี่มีแต่น้องชาย เลยอยากจะมีน้องสาวกับเขาบ้างพอได้เจอเค้กก็ตกหลุมรักจนหมดใจ” เป็นคำพูดที่เธอได้บอกกับชากียาก่อนที่เรียนจบ ความรู้สึกที่ถูกชะตากับสาวน้อยคนนั้นมันมาเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างที่ขาดหายไปตลอดระยะเวลาที่เธอศึกษาอยู่ที่นิวยอร์ก

                    “เค้กคิดว่าพี่จียองจะเบื่อจนไม่อยากจะเจอกันอีกด้วยซ้ำ ดูอย่างเรื่องที่เคยก่อเอาไว้แต่ละเรื่องสิคะคงทำให้พี่อึดอัดใจไม่น้อยเลย” ชากียารู้สึกผิดไม่น้อยกับสิ่งที่เธอทำลงไปอย่างเลวร้ายที่สุด

                    “พี่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอกนะ ดีใจมากรู้ไหมที่ได้รู้จักกับน้องสาวคนนี้ เราสองคนมีวาสนาต่อกันจริงๆ”

                    “ดีใจมากเหมือนกันค่ะ ขอบคุณในความรักและห่วงใยที่มีให้กันเสมอมา เราคงจะได้พบกันอีกนะคะ” ชากียาเป็นลูกสาวคนกลางในจำนวนพี่น้องสี่คน เธอกับพี่ชายคนโตเป็นลูกพ่อแม่เดียวกันคือแม่เป็นคนไทยส่วนพ่อของเธอเป็นชาวออสซี่ ส่วนน้องสาวกับน้องชายคนเล็กมีพ่อใหม่เป็นคนไทยหลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอแยกทางกันไป

                    ครั้งสุดท้ายที่จียองและชากียาได้เจอกันก็เห็นจะเป็นตอนที่รับปริญญา ผ่านมาสามปีเศษก็ยังไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย แต่ก็ติดต่อกันทางโซเชียลอยู่เป็นประจำ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต่างคนต่างยุ่งก็จะห่างหายไปบ้าง

                    ประมาณสองอาทิตย์ร้านเสื้อผ้าของจียองก็จะเปิดตัวแล้ว โดยก่อนหน้านี้เธอเองก็ได้ส่งเสื้อผ้าเข้าร่วมเดินในแฟชั่นโชว์การกุศลมาแล้วสองถึงสามงานและได้กลายเป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่นไปบ้างแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่าชากียาพึ่งจะเปิดร้านที่ไทยเธอก็ตั้งใจจะชวนมาเป็นหุ้นส่วนแล้วก็ช่วยกันออกแบบเสื้อผ้าใหม่ๆ ออกมาให้ทุกๆ ได้ใส่กัน เพราะจะว่าไปแล้วในสไตล์ที่เธอออกแบบก็ค่อนข้างติดตลาดในระดับหนึ่ง แต่ได้เป็นแนวของชากียาที่เน้นรูปลักษณ์ที่เป็นเอเชียตะวันออกผสมผสานเข้ากับโมเดิร์นด้วยแล้วน่าจะตีตลาดได้ง่ายและเข้าถึงได้เกือบทุกระดับได้ไม่ยาก

                    “พี่จียองต้องจ่ายค่าตัวของผมแพงขึ้นอีกหน่อยนะ เพราะว่าตอนนี้น้องชายของพี่ดังมากเลย” ลี โฮยอน น้องชายสุดที่รักของเธอพูดขึ้นมาหลังจากที่ได้ไปเดินแฟชั่นโชว์การกุศลครั้งล่าสุดที่ยอดขายเสื้อผ้าของเธอทะลุเป้าพุ่งพรวดเหนือความคาดหมายและกลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในเวลาต่อมา

                    “เดี๋ยวพี่เพิ่มค่าตัวให้อีกหนึ่งแสนวอนดีไหม ถ้าเธอทำให้ร้านของพี่ขายดีต่อเนื่องแบบนี้ไปตลอด” ชายหนุ่มมองหน้าพี่สาวอย่างชั่งใจก่อนที่จะส่วยหน้าไม่รับข้อเสนอ

                    “อ้าว! ทำไมล่ะ นี่ใจคอไม่คิดจะช่วยพี่ทำมาหากินเลยใช่ไหมเนี่ย” จียองถึงกับตัดพ้อน้องชายซะยกใหญ่

                    “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย พี่นี่คิดมากจริง” แววตาเจ้าเล่ห์ของเขาฉายแววเจิดจ้าขึ้นมาทันที “ผมมีข้อเสนอที่ดีกว่า ถ้าพี่รับไว้พิจารณาผมสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างพี่ตลอดไป” เป็นคำพูดที่น่าซาบซึ้งใจมากๆ สำหรับเขา

                    จียองถึงกับเหงื่อตกหลังจากที่ฟังน้องชายพูดออกมา “สรุปว่าพี่แพ้เธออีกแล้วใช่ไหม”

                    “เรียกว่าทำธุรกิจร่วมกันจะดีกว่าไหมครับพี่สาวสุดที่รักของผม” พระเอกซีรีย์เรื่องเยี่ยมที่กำลังเป็นที่รู้จักและได้รับรางวัลมาแล้วมากมายทั้งที่พึ่งเข้าวงการไม่เท่าไร ศิลปินเดียวที่ถือเป็นความฝันของเขาก็ไปถึงฝั่งฝันอย่างสวยงามพร้อมกับการหันมาศึกษาเส้นทางใหม่อย่างการทำบริษัทออแกไนซ์ที่ครอบครัวเชื่อมั่นว่าเขาต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอน

                    “ย่ะ! ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้น้องรักของพี่ หน้าเลือดซะเหลือเกินพ่อคุณ” พูดทีเล่นทีจริงเป็นสไตล์ของเธออยู่แล้ว ยิ่งกับน้องชายคนนี้ด้วยแล้วเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องคู่หูที่ดูรักและผู้พันกันมากถ้าเทียบกับพี่น้องคู่อื่นที่ห่างเหินจนดูไม่ออกว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน

                    “ผมใจร้ายเฉพาะกับพี่สาวคนนี้เท่านั้นแหล่ะ” เขายักคิ้วหลิ่วตาให้เป็นเชิงล้อเลียน

                    “แหงล่ะ กับสาวๆ นี่เชื่องเป็นแมว ทีกับพี่กับเชื้อนิดๆ หน่อยไม่เคยอ่อนให้เลย” ได้ทีจียองก็จัดให้ชุดใหญ่ก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอตามเดิม

                    โฮยอนนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจบอกอะไรบางอย่างกับพี่สาว “พี่จียองผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา” สีหน้าของเขาดูเครียดขึ้นมาทันที “เรื่องของวาวาน่ะครับ... อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะคลอดแล้ว” เขาเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไรออกมาอีก

                    “แล้วไง?” จียองย้อนถามเสียงเข้ม “คงไม่คิดจะรับเป็นพ่อเด็กในท้องของวาวาหรอกนะ พี่คิดว่าเธอไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้” คำเตือนของจีมองแฝงไปด้วยความรักและห่วงใย เมื่อก่อนเธอก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของน้องชายเลย ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หรอกเหรอที่ทำให้ลูกผู้ชายอย่างโฮยอนต้องเสียน้ำตามาแล้ว

                    “วาวาเขาขอร้องให้เธอช่วยรับเป็นพ่อของเด็กรึเปล่า ถ้าไม่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปผูกให้เรื่องมันวุ่นวาย แต่ถ้าใช่ก็แสดงว่าเธอคิดจะหลอกใช้เธอ คิดดูให้ดี” สิ่งที่จียองพูดออกมาไม่มีผิดเพี้ยนเลย วาวาไม่ได้พูดกับเขาตรงๆ แต่คำพูดที่ทำให้เขาต้องคิดหนักก็คือเธอจะเอาลูกที่กำลังจะคลอดไปฝากไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กจนกว่าเธอจะพร้อมทำหน้าที่ของแม่ที่ดี

                    “ถ้าลูกของฉันต้องเกิดมาแล้วไม่มีพ่อเขาคงจะน่าสงสารมากๆ” คำพูดของคนที่กำลังจะเป็นแม่อย่างวาวา

                    “มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะ ยินดีเสมอ” เขาพูดออกไปตามความรู้สึกจริงๆ ไม่คิดว่าเธอจะร้องขอให้เขาช่วยรับเป็นพ่อบุญธรรมเพราะอย่างน้อยทั้งเขาและเธอก็เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อกันในอดีต

                    โฮยอนหวนคิดถึงคำพูดของวาวากลับไปกลับมาจนไม่เป็นอันทำอะไร จนผู้จัดการส่วนตัวของเขาโทรเข้ามาเตือนว่าเย็นนี้ต้องไปงานที่โรงแรมให้เขาเตรียมตัวรอเลยแล้วเธอจะรีบมารับ ชายหนุ่มกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องของวาวามาหลายวันแล้ว โชบีผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้มีเพียงพี่สาวของเขาเท่านั้นที่ พอรู้เรื่องเข้าก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับกุมขมับกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นที่เขาไม่ค่อยวางใจวาวาเอาซะเลย

                    ในงานเลี้ยงของบริษัทที่เขาสังกัดอยู่ดูเหมือนจะคึกคักเป็นพิเศษไม่เหมือนทุกที่ผ่านมา โฮยอนเดินเข้ามาในงานพร้อมกับโชบีแล้วก็เพื่อนๆ ในสังกัดเดียวกันอีกสองสามคนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทักทายคนอื่นๆ ที่ต่างก็ดีอกดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น